โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 237

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.237 – สามรุมหนึ่ง

Provider : Muntra

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.237 – สามรุมหนึ่ง

อำนาจจากแรงปะทะ สะท้อนทั้งสองแยกจากกัน แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายราชาคลั่งที่กระเด็นไปไกลกว่า

ซี่ ซี่! ปืนสลายอานุภาคของไซคลอปส์ลั่นไก โถมเข้าปกคลุมฉินเฟิงอีกครั้ง

แม้ทั้งสามคนจะประสานงานกันได้ไม่ดีนัก แต่การรุมโจมตีนี้ยังนำไปสู่สิ่งหนึ่ง นั่นคือไม่มีเวลาให้เป้าหมายได้พักหายใจ

ผู้คนในสถานชุมชนเฟิงหลีที่กำลังรับชมฉากดังกล่าว ทั้งหมดอดรู้สึกกังวลแทนฉินเฟิงไม่ได้

บนเนินเขา ด้วยการขับเคลื่อนกำลังภายในของฉินเฟิง เท้าของเขาราวกับมีสายลมคอยรองรับ โฉบกายได้ดั่งใจนึก

“ท่าร่างภูติพราย!”

ในพริบตาเดียว ร่างของฉินเฟิงก็ถอยวูบบบ! ห่างออกมากว่าสามเมตร หลบเลี่ยงรังสีสลายอนุภาค

“มีดกษัตริย์คราม!”

แขนฉินเฟิงสะบัดไหว มีดกษัตริย์ครามถูกเรียกออกมาจากอุปกรณ์รูนมิติ ตกลงในมือเขา

“มีดเปลวเพลิง!”

คมกล้าพลันลุกไหม้ เปลวเพลิงยืดยาวออกจากใบมีดตัดเข้าใส่ไซคลอปส์ทันที

อุปกรณ์รูนใต้เท้าของไซคลอปส์เปล่งรังสีแสงอย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเขา เพียงย่ำพื้นเบาๆก็สามารถดีดตัวออกไปไกล สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของฉินเฟิง

“อบิลิตี้อัญเชิญ – เงาปีศาจ!”

ปรมาจารย์หยินวาดมือออก เร่งเร้าพลังสมาธิ รูนมืดที่ฉินเฟิงแสนจะคุ้นเคยพรั่งพรูออกมา

แทบจะในทันที เงาขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นเบื้องหลังฉินเฟิง

เงาที่บิดเบี้ยวโถมเข้าปกคลุมฉินเฟิงอย่างกระทันหัน

ปรมาจารย์หยินเผยรอยยิ้มน่าหวาดกลัวบนใบหน้า “เสร็จฉันล่ะ! จับตัวได้แล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ไซคลอปส์หัวเราะสะใจ แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ตนได้ร่วมงานกับปรมาจารย์หยิน แต่ความร่วมมือนี้ เป็นไปอย่างราบรื่น ปรมาจารย์หยินเป็นพันธมิตรที่ดีจริงๆ

ปืนสลายอนุภาคในมือไซคลอปส์ถูกยิงออกไปอีกครั้ง แสงพลังงานทรงสามเหลี่ยมพุ่งเข้าหาเป้าหมายอีกครา

ฉินเฟิงที่ถูกโอบรัดโดยร่างเงา รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของท่าอบิลิตี้ รูนที่เอ่อล้นออกมาจากตัวมัน กำลังพยายามสลายพละกำลังเขาให้อ่อนแอลง

–ท่าอบิลิตี้นี้ทรงพลังอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่ศัตรูของมันดันเป็นฉินเฟิง

“ซ่อนเงา!”

สิ้นเสียง ร่างของฉินเฟิงพลันจมหาย เข้าไปผสานรวมกับร่างเงาปีศาจ

ซ่อนอยู่ในความมืดมิด เคลื่อนผ่านเงามืด พริบตาเดียว ก็ย่างกรายมาถึงเบื้องหลังของปรมาจารย์หยิน

“อันตราย!” ราชาคลั่งไล่กวดตามมา ในสายตาจับจ้องฉินเฟิงที่เตรียมกวัดแกว่งมีดสังหารปรมาจารย์หยิน กระโจนเข้าช่วยเหลือทันที

แน่นอนการกระทำของราชาคลั่งหาใช่มิตรภาพไม่ มันก็แค่เพราะปรมาจารย์หยินยังมีประโยชน์อยู่ หากไม่มีเขา การกำจัดฉินเฟิงคงไม่ใช่เรื่องง่าย

แม้เห็นว่าราชาคลั่งพุ่งเข้ามา แต่ฉินเฟิงกลับไม่คิดหยุดมือ

“น่ารำคาญ!”

“ระบำดอกไม้ไฟ!”

รังสีที่ลุกไหม้สะท้อนไปทั่วบริเวณ

“กระบวนท่าศิลาพิทักษ์!” ทั้งคนทั้งร่างของราชาคลั่งปะทุโหมไปด้วยกำลังภายใน ตามตัวเขาเริ่มกลายเป็นสีน้ำตาลเทา แลคล้ายหินผา

ตูม!

บังเกิดเสียงกระทั้นหนักทึบ เป็นฝ่ายราชาคลั่งที่ถูกอัดลอยกระเด็นออกไปอีกครั้ง

ยังไม่พอ ในเวลานี้บนแขนของราชาคลั่งยังเกิดการฉีกขาดเป็นบาดแผลลึก เลือดไหลทะลักเป็นสาย

ทว่าวิถีของมีดกษัตริย์ครามในมือของฉินเฟิงกลับยังคงไม่หยุดยั้ง มุ่งเป้าสังหารต่อไป และในครั้งนี้ จุดหมายปลายทางของมันคือปรมาจารย์หยิน

แต่เนื่องจากปรมาจารย์หยินได้รับการช่วยเหลือจากราชาคลั่ง เตือนสติให้เขาตระหนักถึงอันตรายที่อยู่เบื้องหลังล่วงหน้า ฉะนั้นมีเวลาคิดวิธีรับมือ ณ จุดนี้ด้วยความเร็วของเจ้าตัวคงไม่สามารถหลบเลี่ยงฉินเฟิง ฉะนั้นตัดสินใจระเบิดพลังสมาธิออกมา

“จงตื่นจากห้วงนิทรา!”

ครืน!

ปรากฏโลงศพขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างกระทันหัน คั่นกลางระหว่างฉินเฟิงกับปรมาจารย์หยิน

โลงศพนี้สูงอย่างน้อยสองเมตร ถูกสร้างขึ้นด้วยเหล็ก ปิดกั้นวิถีโจมตีของมีดฉินเฟิง

โครม!

ฝาโลงร่วงลงทับฉินเฟิง

เจ้าตัวถอยกรูด หลบเลี่ยงได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกันภายในโลงก็ปรากฏสู่สายตาเขา

—มันคือศพ! เป็นศพสัตว์ร้ายที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์ ครอบครองใบหน้าอันดุร้าย

นี่คือสัตว์ร้ายที่ปรมาจารย์หยินชุบเลี้ยงในฐานะผู้ฝึกสัตว์

เห็นได้ชัดว่านี่คือไพ่ตายของปรมาจารย์หยิน ไม่คาดคิดเลยว่าสู้กันได้แค่ไม่นาน ปรมาจารย์หยินจะงัดสมบัติก้นหีบออกมา

ร่างศพเบื้องหน้าฉินเฟิงทรงพลังอย่างหาที่ใดเปรียบ

อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ในระดับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล E

ส่งผลให้ปัจจุบัน จากการปะทะกันในรูปแบบ 3 รุม 1 กลายเป็น 4 รุม 1

ภายในสถานชุมชนเฟิงหลี ผู้คนนับไม่ถ้วนที่กำลังรับชมฉากการถ่ายทอดสด แทบอดไม่ไหวที่จะพุ่งไปช่วยเหลือเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกศัตรูรุมโจมตีฉินเฟิงอย่างขี้โกง นี่มันน่าโมโหเกินจะรับไหวจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงเป็นกังวลเกี่ยวกับฉินเฟิง ชาวเมืองยังเป็นกังวลเกี่ยวกับตนเองเช่นกัน เพราะหากฉินเฟิงพ่ายแพ้ .. แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?

แต่คราวนี้ ทุกคนกลับไม่พยายามหลบหนีอีกต่อไป บางคนถึงกับยืนนิ่ง ทำแค่เพียงจับจ้องสองตาไปบนหน้าจอขนาดใหญ่ เฝ้ารอผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้

ปรมาจารย์หยิน , ร่างศพ , ราชาคลั่ง และไซคลอปส์ ก่อแนวค่ายกลสังหาร ปิดล้อมฉินเฟิงจากสี่ทิศ ทั้งหมดสาดสายตาโหดร้ายมายังฉินเฟิง

“ไม่คิดเลยว่าผู้ว่าการฉินจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ทำเอาฉันต้องงัดไพ่ตายในมือออกมา แกเห็นร่างศพนี่ไหม? ศัตรูทุกคนที่เห็นหน้ามัน ไม่เคยมีใครรอดชีวิตไปได้!”

ปรมาจารย์หยินกล่าวเสียงเย็นชา

ฉินเฟิงกวาดตามองทั้งสี่ มีดกษัตริย์ครามในมือถูกเก็บกลับคืน

“หึ น่าเสียดายจริงๆ ที่จากนี้ไปมีดกษัตริย์ครามจะไม่ได้สูบเลือดของพวกแก” ฉินเฟิงกล่าว

ราชาคลั่งใช้กำลังภายในห้ามเลือดของตนเองได้แล้ว เมื่อเห็นฉินเฟิงเก็บอาวุธ ในแววตาก็เผยถึงความเหยียดหยาม

“ปลดอาวุธซะแล้ว? จะยอมจำนน? , วิ่งหนีหางจุกตูด? หรือว่ายอมคุกเข่าร้องขอความเมตตา?”

สายตาของไซคลอปส์ตรึงอยู่บนร่างฉินเฟิงอย่างระแวดระวัง เฝ้าหาโอกาสที่อีกฝ่ายลดความตื่นตัวลง จังหวะนั้นเขาจะเหนี่ยวไกอาวุธอย่างไม่ลังเล สังหารอีกฝ่ายทันที

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงกลับเผยรอยยิ้มเย็นชา

“จะจัดการกับพวกแก ต่อให้ไม่มีอาวุธ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร!”

ติ๊ด ติ๊ด!

เสียงอุปกรณ์สื่อสารดังขึ้น ฉินเฟิงเหลือบตามองลงบนมัน และพบว่าเป็นซูซิงฝู

“ลูกพี่ ช่วยสำแดงพลังอย่างสง่างาม โค่นพวกมันชนิดตื่นตาตื่นใจสุดๆให้ดูหน่อยสิ เพราะตอนนี้ทุกคนในสถานชุมชนกำลังจับตาดูคุณอยู่!”

ฉินเฟิงไม่นึกเลยว่าจะเป็นแบบนี้ แต่เขาคิดว่าซูซิงฝูทำถูกต้องแล้ว เพราะปัจจุบันสถานชุมชนเฟิงหลีถูกปิดล้อมโดยคนจากองค์กรมืด นั่นหมายความว่าหากมีครั้งแรก ก็ย่อมมีครั้งที่สอง

และถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยๆ จะเป็นการสร้างความวุ่นวายให้กับประชาชน พวกเขาจะรู้สึกกลัว และพากันย้ายออกไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจที่ร่ำรวย ดังนั้นสถานชุมชนที่ปลอดภัย คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ดั่งวลีที่ว่า ต่อให้มีเงินมากมายเพียงใด หากไม่มีดิน ก็ไม่อาจปลูกดอกงอกผลได้

เวลานี้ ฉินเฟิงไม่เพียงต้องโค่นผู้รุกรานลงเท่านั้น แต่ยังต้องแสดงพลังให้มันน่าดึงดูดใจอีกด้วย

และโชว์แสดงอันน่าดึงดูด ติดตาตรึงใจที่ว่า มันจะมีอะไรเหมาะสมไปกว่าอบิลิตี้อีกเล่า?

เมื่อนึกถึงจุดนี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงพลันปะทุโหม กรงเล็บเพลิงสีชาดปรากฏขึ้นในมือของเขา

“ชักไม่เข้าท่าแล้ว!” ปรมาจารย์หยินอุทานขึ้นทันใด สั่งร่างศพพรวดเข้าหาฉินเฟิงทันที

“ฆ่ามัน!”

ราชาคลั่งเองก็สังเกตถึงพฤติกรรมของฉินเฟิง เขาโฉบเข้าหาอย่างไม่ลังเล

อำนาจของผู้ใช้อบิลิตี้น่ะแสนแปลกประหลาด ทั้งยังทรงพลังอย่างยิ่งยวด พวกเขาได้รับข้อมูลมาว่าฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ก็จริง ทว่านับแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ทั้งหมดเห็นแค่เพียงฉินเฟิงที่พุ่งเข้ามา ทุ่มโจมตีด้วยวรยุทธโบราณ ดังนั้นเลยพาลคิดไปโดยไม่รู้ตัว ว่าสาเหตุคงเป็นเพราะอบิลิตี้ของฉินเฟิงไม่แข็งแกร่งกระมัง

แต่ว่านะ … มันจะไม่แข็งแกร่งจริงๆน่ะหรือ?

“เทคนิคมังกรไฟ!”

ในพริบตา รูนไฟพรั่งพรูจากกายฉินเฟิง และแทบจะในทันที เสาเพลิงขนาดมหึมาพลันทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

ณ ใจกลางเสาเพลิงปรากฏร่างของมังกรไฟน่าสยองขวัญ ร่างอันใหญ่โตของมันโฉบวูบบบ! วนรอบกายฉินเฟิง ขับไล่ร่างศพและราชาคลั่งไปให้พ้นทาง

“แกเป็นศพแรก!”

ฉินเฟิงชี้ไปทางไซคลอปส์

“ใครจะไปยอมแพ้แก! –ปลดปล่อยศรพลังสมาธิ!”

พลังสมาธิของไซคลอปส์กลายเป็นเดือดพล่าน ยิงเข้าหาฉินเฟิงทันที

มือปืนน่ะมั่นใจในพลังสมาธิของตนเองเป็นอย่างมาก ต่อให้กำลังเผชิญกับผู้ใช้อบิลิตี้ก็ตามที

ไซคลอปส์จึงตัดสินใจใช้วิธีนี้จัดการกับฉินเฟิง จากนั้นก็บังคับให้ฉินเฟิงยกเลิกเทคนิคมังกรไฟ

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ความพยายามของเขา ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อฉินเฟิงเลยแม้แต่น้อย!

มังกรไฟหอนคำราม โฉบปากที่ลุกไหม้งับเข้าสีข้างของไซคลอปส์อย่างรวดเร็ว!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท