โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 266

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.266 – วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ

หยาบคายมา ฉินเฟิงก็หยาบคายตอบ

ปรากฏรอยเส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามข้างดวงตาและหน้าผากของหวังจื่อเฉา บ่งบอกชัดถึงความโกรธ!

คำพูดของฉินเฟิง ไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าเขา

อย่างไรก็ตาม หวังจื่อเฉาจำต้องทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะเขาไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างคำพูดของฉินเฟิงได้

หากหวังจื่อเฉาแข็งแกร่ง และสามารถต่อกรกับนายพลสัตว์ร้าย เขาออกไปจัดการด้วยตัวเองแล้ว ไม่ปล่อยให้ฉินเฟิงมันมาเสนอหน้าที่นี่หรอก

ฉินเฟิงเอ่ยปากอีกครั้ง “ดูเหมือนท่านรองเทศมนตรีไม่เต็มใจที่จะยอมรับ ถ้าอย่างงั้นพวกเรามาแข่งกันดีกว่า ว่าใครจะสามารถสังหารนายพลสัตว์ร้ายได้มากกว่ากัน เป็นอย่างไร?”

หวังจื่อเฉาแน่นอนไม่กล้ารับคำท้า

“เรื่องนั้นไม่ได้หรอก ฉันจำเป็นต้องรับหน้าที่บัญชาการ ไม่มีเวลาไปเล่นไร้สาระกับคุณ เอาล่ะ อย่ามัวเสียเวลาเถียงกันที่นี่อีกเลย ทุกวินาทีอาจหมายถึงชีวิตของผู้ใช้พลัง ผู้ว่าการฉิน หวังว่าคุณจะเข้าใจถึงสถานการณ์โดยรวม!”

ฉินเฟิงเผยยิ้มจางๆ แสดงออกถึงความดูถูกเล็กน้อย

ชายคนนี้ ไม่กล้าที่จะสู้ด้วยซ้ำ แต่ยังคิดจะลอบทำร้ายเขา ช่างฝันเฟื่องนัก!

ฉินเฟิงถอนสายตา มองไปรอบๆ สำรวจสถานการณ์ใบปัจจุบัน

ตอนนี้ มีนายพลสัตว์ร้ายอยู่กว่า 5 ตัว หนึ่งเป็นจระเข้มังกร ต่อมาเป็นหมีเกล็ดน้ำแข็ง , ปูฟ้ายักษ์ , อสรพิษสามสี และสุดท้ายปลาหมึกยักษ์ 24 หนวด

สำหรับตัวสุดท้ายค่อนข้างมีพละกำลังมหาศาล เนื่องจากมันเป็นสัตว์ทะเลขนาดใหญ่มาก ดังนั้นโจมตีแต่ละครั้ง มีระยะลากยาวไปไกลถึง 10 เมตร ผู้ใช้พลังได้แต่หนีหัวซุกหัวซุน

ฝั่งกองทัพเมืองไห่เองก็งัดปืนไฟฟ้าออกมาตอบโต้ ยิงกระสุนเข้าใส่เพื่อช่วยลดทอนความเร็วในการเคลื่อนไหวของสัตว์ร้ายลง

ผู้ใช้พลังคนหนึ่งเหนี่ยวไก สายฟ้าตกลงสู่พื้น ก่อรูปเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ ตรึงศัตรูเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ระยะห่างระหว่างเขากับสัตว์ร้าย มันประชิดกันเกินไป

ฟ่อ!

อสรพิษสามสีเล็งมาที่เขาทันที อ้าปากปลดปล่อยควันสีแดงอมม่วงออกมา กลุ่มหมอกเล็กๆก่อตัวขึ้นรอบกายผู้ใช้พลัง ปกคลุมเขาเอาไว้ เจ้าตัวพยายามหลบหนี แต่วิ่งได้แค่ 2 – 3 ก้าวก็คล้ายมีบางอย่างอุดตันในลำคอ ไม่อาจสูดหายใจได้อีกต่อไป ปากอ้ากว้าง ใบหน้าซีดเซียว ตาเหลือกจนเห็นแค่สีขาว ล้มลงไปกองกับพื้น จบชีวิตลงโดยสิ้นเชิง

ผู้ใช้พลังโดยรอบรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะเข้าไปโจมตีมัน จึงเป็นหน้าที่ของผู้ใช้พลังเลเวล E หลายคนของเมืองไห่ที่ต้องทำแทน มิฉะนั้น สัตว์ทะเลเหล่านี้คงอาละวาดได้อย่างสาสมใจ ชนิดพลิกฟ้าถล่มผืนดิน

เลเวล E คนอื่นๆรวมไปถึงหยางปิง ที่บัดนี้ใบหน้ามอมแมมดำคล้ำ เหนี่ยวไกออกไปไม่หยุด ต่อกรกับนายพลสัตว์ร้าย

ปังปังปังปัง!

อย่างไรก็ตาม แม้เหล่าเลเวล E จะรวมพลังกัน แต่ทุกคนก็ยังไม่อาจโค่นศัตรูลงได้ เริ่มเหนื่อยล้าและสูญเสียความมั่นใจ

หากเป็นในช่วงแรกๆ การกำจัดนายพลสัตว์ร้ายยังพอมีหวัง แต่สภาพการณ์ในปัจจุบันคงทำได้เพียงถ่วงเวลา!

ถ้ามีหวังจื่อเฉามาเข้าร่วมด้วย อะไรๆมันคงดีขึ้น!

แต่ช่างน่าเสียดายความสามารถ หวังจื่อเฉาไม่ยินดีเข้าร่วม เลือกบัญชาการจากเบื้องหลัง

“ก้าวอัคคี!”

ร่างของฉินเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ ทะยานเข้าสู่สนามรบ

พริบตาเดียว ตัวเขาก็ร่อนลงมาในจุดอันตราย นายพลสัตว์ร้ายตระหนักถึงตัวตนของเขาทันที มันสาดสายตามองมา

–เป็นปูฟ้ายักษ์

ปูฟ้า มีขนาดตัวใหญ่มาก แค่เส้นผ่านศูนย์กลางก็มากถึง 5 – 6 เมตร สองก้ามใหญ่โตของมันยาวกว่า 4 เมตร ทุกที่ๆมันไป กระทั่งหินหรือเนินเขาก็ยังถูกตัดทำลาย

เมื่อเห็นการปรากฏตัวของฉินเฟิง ปูฟ้าก็ไม่รั้งรอลังเลใดๆ เหยียดก้ามใหญ่ดั่งคีมยักษ์ออกไป หมายบดขยี้ฉินเฟิง

ฉินเฟิงวาดมือออก มีดกษัตริย์ครามปรากฏขึ้น ปะทะเข้ากับก้ามปู

เคร้ง!

เห็นแค่เพียงสะเก็ดไฟที่สาดออกมา แต่สิ่งนี้ผู้คนรอบข้างต่างก็เคยพบเจอมันมาสักพักหนึ่งแล้ว เปลือกก้ามปูฟ้านั้นแข็งเพียงใด ทั้งหมดต่างตระหนักถึงเรื่องนี้ดี

เพราะหากไม่แข็ง พวกเขาคงฆ่ามันได้ตั้งนานแล้ว กระทั่งปืนสลายอนุภาค ยังไม่สามารถสลายเปลือกของนายพลปูฟ้าได้เลย

แต่ในสายตาของฉินเฟิง เปลือกนี้ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด

สะเก็ดไฟสาดเพียงครู่เดียวเท่านั้น วินาทีต่อมา ด้วยแรงปะทะของฉินเฟิง ก้ามนายพลปูฟ้าถูกสะท้อนกลับ สะบัดชูขึ้นบนอากาศทันที

ที่สำคัญก็คือ วิถีของใบมีดที่วาดออกในคราวแรกยังไม่เบี่ยงหรือลดทอนอานุภาพลง ยังคงพุ่งเข้าหาลำตัวศัตรูด้วยพละกำลังที่ยอดเยี่ยมเกินกว่าจินตนาการ

แต่ละการฟาดฟัน ฉินเฟิงสามารถใช้แรงปะทะ ส่งนายพลปูให้ตัวลอยแทบจะตลอดเวลา

หวังจื่อเฉาเฝ้ามองฉินเฟิงต่อสู้อย่างกล้าหาญ บังเกิดความริษยาคลุ้มคลั่งในแววตาของเขา

ยังหนุ่มแน่น แต่กลับแข็งแกร่งมาก หากไม่กำจัดซะตั้งแต่ต้น อาจเป็นภัยคุกคามในภายภาคหน้า

แต่ทว่า … มันกลับไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เลยในตอนนี้!

ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็เกิดประกายวาบผ่านในแววตาของหวังจื่อเฉา

“ต่อให้ต้องตาย พวกแกจะต้องลากปลาหมึกยักษ์กับจระเข้มังกรไปหาฉินเฟิงให้จงได้!”

สองตัวที่ว่ามาคือสัตว์ร้ายที่ครอบครองพละกำลังระดับสูง หากนายพลสัตว์ร้ายร่วมมือกัน มันคือหายนะ และเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น เลยเป็นธรรมดาที่พวกมันจะถูกล่อลวง และจับแยกกันไปคนละทาง โดยฝีมือของผู้ใช้พลังเลเวล E

เลเวล E เหล่านี้มิใช่เป็นแค่ระดับสูงของเมืองไห่ แต่บางคนยังมาจากกลุ่มเล่ยถัง

เมื่อได้ยินคำของหวังจื่อเฉา หลายคนถึงกับผงะตกใจ

“รองเทศมนตรี เวลานี้พวกเราต้องพึ่งเขานะ ถ้าเขาตายแล้วพวกเราจะเป็นยังไง?”

“ถ้าสัตว์ร้ายฆ่าฉินเฟิงได้ สถานการณ์หลังจากนี้อาจควบคุมได้ยากก็จริง แต่โอกาสดีๆแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว!”

“ท่านรองเทศมนตรี โปรดไตร่ตรองให้ดีก่อนเถอะ”

ทุกคนไม่กล้าพูดเสียงดัง ได้แต่ห่อหุ้มกำลังภายใน และส่งผ่านอุปกรณ์สื่อสารไป

เหล่าเลเวล E ของเมืองเฉิง ขนาดแยกสัตว์ร้ายไปรับมือทีละตัวแล้วยังแทบเอาตัวไม่รอด พวกเขาไม่อยากจะคิดเลยว่าชะตากรรมของฉินเฟิงจะเป็นอย่างไรหากต้องเผชิญหน้ากับนายพลสัตว์ร้ายถึง 3 ตัวในเวลาเดียวกัน

“ฮึ่ม! ไม่ใช่ว่าฉินเฟิงมันพูดเองหรอกหรือ? ว่ามันติดเกาะตั้ง 10 วัน ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน รีบลงมือซักที!”

หวังจื่อเฉากล่าวเสียงเย็นชา

ผู้ใช้พลังเลเวล E คนอื่นๆทำได้เพียงรับฟัง เริ่มเบี่ยงตัวออกจากตำแหน่งเดิม มุ่งมายังทิศทางของฉินเฟิง แน่นอน สำหรับพวกเขา ถึงแม้จะดูเป็นการแสดงแต่มันก็แนบเนียนสมจริง เพราะยังไงซะ แต่ละคนก็ตึงมือจนแทบจะยื้อไม่ไหวอยู่แล้ว!

“ผู้ว่าการฉิน ช่วยฉันด้วย!”

ผู้ใช้วรุยทธโบราณเลเวล E คนหนึ่งล่าถอยมาข้างกายฉินเฟิง หมึกยักษ์ 24 หนวดไล่ตามเขามาติดๆ มันโบกสะบัดหนวดใหญ่ กวัดแกว่งไปมา มีอยู่หลายครั้งที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E เกือบจะถูกจับตัวได้

แต่ปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ หากเทียบกับราชันย์ปลาหมึกที่ฉินเฟิงเคยเจอ ความแข็งแกร่งมันห่างชั้นกันมากเกินไป

ฉินเฟิงที่คอยกดดันนายพลปู สุดท้ายงัดมีดเสยมันลอยขึ้นฟ้า ร่วงตกลงไปยังทิศทางเดียวกันกับนายพลปลาหมึก หันมาเผชิญกับพวกมันทั้งสองตัวพร้อมๆกัน

สองร่างใหญ่กระแทกเข้าหากัน ปรากฏร่องรอยบาดแผลมากมาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ถึงจุดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าผู้ใช้พลังวรยุทธเลเวล E คนนี้ได้ถูกช่วยเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ฉินเฟิงยังไม่หยุด โจมตีต่อไปอีกระลอก

“แมกมาโลกันต์!”

รูนไฟปะทุโหมออกมาจากร่างกายของฉินเฟิง มันทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ผลุบลงใต้เท้าเบื้องล่างของนายพลสัตว์ร้ายทั้งสองและ–

–ตูม!

ราวกับลาวาถูกพ่นออกมาจากใต้ดิน สูบกลืนนายพลปูฟ้าและนายพลปลาหมึกลงไปอย่างรวดเร็ว ไอร้อนของลาวา กวาดกระจายออกมา ทำเอาผิวหนังของผู้ใช้วรยุทธเลเวล E ข้างๆรู้สึกราวกับถูกเผา

ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงนายพลสัตว์ร้ายที่ตกอยู่ใจกลางมัน!

การโจมตีนี้เทียบได้กับภัยพิบัติขั้นรุนแรง ยังไม่พอ นายพลจระเข้มังกรถูกลากมาถึงด้านข้างของฉินเฟิงพอดิบพอดี

“มาได้จังหวะมาก!”

ฉินเฟิงคำรามเสียงทุ้มลึก วาดมือขึ้น เปลวไฟลุกท่วม และทะยานออกไปอีกคราว

“พลุไฟสงคราม!”

ลำแสงเปลวเพลิงเจาะผ่านอากาศที่ว่างเปล่า เจิดจรัสจนผู้คนที่เฝ้ามองรู้สึกแสบตา

มีดกษัตริย์ครามเฉือนเข้าใส่ต้นคอของนายพลจระเข้มังกรโดยตรง

ร่างนายพลจระเข้ที่กำลังไล่ล่าผู้ใช้พลังเลเวล E ชะงักไปอย่างกระทันหัน

บนต้นคอของมัน ปรากฏร่องรอยแผลสีดำเข้ม ช่วงเวลาต่อมา ศีรษะขนาดใหญ่ก็ร่วงกลิ้งลงกับพื้น

นายพลจระเข้มังกร ตกลงสู่ความตาย!

สามนายพลสัตว์ร้ายตายลงในเวลาอันสั้น หลงเหลือเพียงสอง สถานการณ์ในปัจจุบันพลิกผันกลับกลาย ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบนี้!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท