โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 275

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.275 – ฆาตกรรมทำลายศพ

ในมุมมองของจางเหวิน ดูจากที่ฉินเฟิงสังหารซงหยวน ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่น่าจะร้ายแรงจนเกินไป

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความคิดของผู้แข็งแกร่งมักดูถูกผู้ที่อ่อนแอกว่า ต่อให้ไอ้หน้ากากเบื้องหน้าเขาจะเก่ง แต่คงไม่อาจทำลายการป้องกันของหัตถ์อาชูร่าอย่างตนได้

ในบรรดาเลเวล E ตลอดทั้งสี่ทะเลเหนือ เขารู้จักแทบทั้งสิ้น และไม่มีคนไหนสามารถใช้ก้าวแห่งหมอกได้อย่างยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ ดังนั้น จากการวิเคราะห์ จางเหวินเลยคาดเดาว่าฉินเฟิงไม่น่าจะเป็นตัวตนในเลเวล E

คาดว่ากำลังภายในที่อยู่บนมีดสั้น ไม่น่าจะสามารถเจาะพลังป้องกันของตนเข้ามาได้

จางเหวินตะปบฝ่ามืออย่างโหดร้ายอีกครั้ง ฟาดเข้าใส่ฉินเฟิง

เห็นแค่เพียงหนึ่งแขนของฉินเฟิงที่ยกขึ้น ตั้งการ์ดเข้าต้านทานฝ่ามือของศัตรู

เผี๊ยะ /// ฉัวะ!

ทั้งสองโจมตีโดนในเวลาเดียวกัน มีดสั้นในมือข้างขวาฉินเฟิงสามารถแทงทะลุข้างเอวของจางเหวินได้เป็นผลสำเร็จ กรีดผ่านตรงเข้าหาลำคอ ขณะเดียวกัน ประทับฝ่ามือเปื้อนเลือดก็เริ่มปรากฏขึ้นบนแขนซ้ายของฉินเฟิง

จางเหวินเบิกตากว้าง ดีดตัวถอยหลังอย่างแรง

คมมีดเมื่อครู่ หากหลบไม่พ้น คงสามารถเฉือนผ่านคอตนได้อย่างแน่นอน!

ไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำลายการป้องกันของตนเองได้!

ไม่ต้องกล่าวถึงเกราะในสีม่วงเลเวล E ที่พลอยถูกตัดขาดไปด้วย —กำลังภายในที่ห่อหุ้มคมมีดเบื้องหน้าเขา ทรงพลังมากจริงๆ

เสียท่าซะแล้ว!

“ฮึ่ม!” จางเหวินคำรามอุดอู้ในลำคอ ดีดตัวถอยจากไปอย่างรวดเร็ว

ถึงสามารถถอยแทบจะในทันที ก็ยังปรากฏรอยเฉือนขนาดใหญ่ หากไม่ใช่เพราะมีอุปกรณ์รูนมิติคอยห่อหุ้ม เกรงว่าลำไส้ของจางเหวินคงทะลักออกมา

กำลังภายในถูกส่งเข้าไปปกคลุมบาดแผลอย่างรวดเร็ว จางเหวินหยิบซองยาจากพื้นที่มิติ บดขยี้มัน และโปะลบทับบาดแผลทันที

สีหน้าของจางเหวินกลายเป็นไม่สู้ดี ในแววตาของเขาที่กำลังจ้องมองฉินเฟิง มีทั้งความสงสัยและความโกรธ

“แกเป็นใครกันแน่?”

ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง เหนือความคาดหมายของจางเหวินนัก

อีกอย่าง ทั้งๆที่จางเหวินฟาดฝ่ามือละลายโลหิตโดนแขนของฉินเฟิงแล้วแท้ๆ แต่มันดันถูกสะท้อนกลับมา เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะกำลังภายในที่คอยปกป้องร่างกายของฉินเฟิง

กระบวนท่าของเขา ไม่อาจทำร้ายฉินเฟิงได้!

“ฉันเป็นใคร? นั่นไม่สำคัญ”

ฉินเฟิงกล่าวอย่างแผ่วเบา เขาทราบดี ว่าจางเหวินน่าจะตระหนักถึงความเข้มข้นกำลังภายในของตนแล้ว!

แต่รู้แล้วมันจะทำไมเล่า?

“เพราะยังไงซะ แกก็จะต้องตายวันนี้!”

ฉินเฟิงไม่มีงานอดิเรกโง่ๆอย่างการปล่อยให้ศัตรูจากไปโดยไม่สังหาร เขาขอเป็นคนที่โหดร้ายแต่ตัดปัญหาให้มันจบๆไปเลยจะดีกว่า!

ฉินเฟิงไม่ลังเลเลยที่จะปลดปล่อยท่าร่างภูติพรายอีกครั้ง

คราวนี้ รูนมืดถูกเร่งเร้าจนถึงขีดสุด ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงพร่ามัวเป็นเงานับไม่ถ้วน ดูไม่ออกเลยว่าร่างเงาไหนคือตัวจริง

อีกทั้งการโจมตียังรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม!

จางเหวินระเบิดฝ่ามือออกไปไม่หยุดยั้ง ปัดป้องการโจมตีของฉินเฟิง แต่กลับไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย

ฉัวะ!

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ตามร่างกายของจางเหวิน ปรากฏรอยบาดแผลน้อยใหญ่ เกราะในเองก็เสียหาย เหมือนว่าพลังป้องกันของมันจะไม่สามารถหยุดการคุกคามจากมีดของฉินเฟิงได้

แม้เครื่องแต่งกายทั้งตัวของฉินเฟิงจะมีไว้เพื่อปกปิดตัวตน ทั้งหมดล้วนเป็นอุปกรณ์รูนเลเวล F

อย่างไรก็ตาม สองมีดคู่ของเขาถูกดัดแปลงเป็นระดับราชันย์เลเวล E

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ไม่ว่าจางเหวินจากตระกูลซงจะสามารถปัดป้องได้มากแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีทางดีไปกว่าอาวุธอุปกรณ์รูน ที่ถูกเสริมด้วยวัตถุดิบราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E

เมื่อต้องตกอยู่ภายใต้พยุหะโจมตีของฉินเฟิง ยิ่งนานเลือดก็ยิ่งสาดกระจาย บาดแผลปรากฏขึ้นบนร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ

“หมาตัวไหนนะที่บอกว่าจะทรมานให้ฉันต้องร้องขอความตาย ทำไมไม่เห็นทำได้อย่างที่พูดเลย?” ฉินเฟิงเสียดสี ระหว่างโถมโจมตี ในแววตาของเขาย้อนนึกไปยังฉากกองคาราวานที่ถูกซงหยวนล้างบางอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าขอแค่อีกฝ่ายตะปบฝ่ามือ ก็สามารถสังหารผู้คนได้อย่างง่ายดาย แต่ซงหยวนกลับเลือกที่จะปล่อยให้เลือดของพี่น้องเขาหลั่งรินออกมา เพื่อดูดซับเลือดเข้าสู่ร่างกาย ฝึกฝนเทคนิคชั่วร้ายของตน!

ในดวงตาของฉินเฟิง ปรากฏหยาดโลหิตหยดย้อยลงมา

“อ๊ากกกกกก!” จางเหวินกรีดร้องน่าสยดสยอง กำลังภายในพลุ่งพล่านเดือดดาล คล้ายต้องการขับไล่ฉินเฟิง แต่ก็เป็นความพยายามที่เปล่าประโยชน์

ในเวลานั้นเอง จู่ๆฉินเฟิงก็รู้สึกว่าตรงหน้าอกเขา มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหว

ฉินเฟิงเพิ่งตระหนักได้ว่าเป็นไป๋หลี

ไป๋หลีหนุนนอน ซุกอยู่ในอกเขา แต่เสียงกรีดร้องโหยหวนของจางเหวิน อาจปลุกให้เธอตื่นได้

ฉินเฟิงได้สติกลับคืน เขาเปลี่ยนใจจากคิดทรมานศัตรู เป็นสังหารในคราวเดียว

แขนอีกข้างวูบไหว วางฝ่ามือนาบลงบนหน้าท้องของจางเหวิน

เปิดใช้งานทักษะลับกลืนดารา!

กำลังภายในถูกอำนาจอันแข็งกร้าวสูบออกมาทันที จางเหวินไม่ทันได้ตอบโต้กระบวนท่านี้ ทั้งร่างของเขาชักกระตุก คล้ายดั่งมีกระแสธารยักษ์ไหลบ่าออกไป

จนกระทั่งตันเถียนกลายเป็นว่างเปล่า รูม่านตาของจางเหวินถึงค่อยขยายกว้าง บาดแผลตามตัวมีมากมายเกินไป เลือดไหลรินอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่นี้ ต่อให้ฉินเฟิงไม่ทำอะไรเพิ่มเติม เขาก็จะตายอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่รั้งรอ สะบัดคมมีดอย่างไม่ลังเล กรีดผ่านลำคอของจางเหวิน

พรวดดด!

ศีรษะกระเด็นขึ้นฟ้า ลอยคว้างอยู่สักครู่ค่อยร่วงตกลงกับพื้น

—จางเหวินตายแล้ว!

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเลเวล E จะจบชีวิตลงได้ง่ายดายเยี่ยงนี้ เหล่าผู้ใช้พลังข้างๆที่ยังหนีไปได้ไม่ไกล ทั้งหมดกลายเป็นโง่งม

พวกเขานิ่งงันอยู่กับที่ ราวกับจั๊กจั่นเกาะติดต้นไม้ แต่มิกล้าเปล่งเสียงร้องใดๆ

ฉินเฟิงยังไม่หยุดเคลื่อนไหว เขาย่อตัวลง พลิกฝ่ามือทั้งสองข้าง นำอุปกรณ์รูนมิติที่ติดตัวจางเหวินออกมา

พลังสมาธิถูกกวาดเข้าไป เขาพบว่าภายในมีบันทึกทักษะวรยุทธ , วัตถุดิบบางส่วน , เม็ดยา และผงอะไรซักอย่าง

ฉินเฟิงยัดอุปกรณ์รูนมิตินี้ลงในกระเป๋ากางเกงของตนอย่างไม่ใส่ใจ เอื้อมมือไปหยิบหัวของจางเหวินขึ้นมา

ศีรษะนี้ มีมูลค่ามากถึง 300 ล้าน!

จากนั้นฉินเฟิงก็เริ่มไปค้นตามศพของซงหยวน และพบอุปกรณ์รูนมิติ กวาดพลังสมาธิลงไป ในที่สุดก็ค้นพบสิ่งที่ตัวเองต้องการ

ตั๋วเข้าสู่สุสานเทพสงคราม!

แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่นี้ ภายในพื้นที่มิติ ยังมีสมุนไพรวิญญาณ , ทักษะลับวรยุทธโบราณ , วัตถุดิบสัตว์ร้าย ฯลฯ

หากเทียบกับจางเหวินแล้ว ซงหยวนมั่งคั่งยิ่งกว่ามาก

ฉินเฟิงไม่ลังเลเลย ที่จะหยิบมันขึ้นมาและเดินจากไป

ขณะนั้นเอง หัวหน้าสาขาหน่วยลาดตระเวน ผู้ใช้วรยุทธโบราณตะโกนเรียกอย่างร้อนรน “นี่ท่าน คือ … คือว่า … ”

เขาไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้เลย

นี่คือท่าทีของคนที่เกิดความหวาดกลัวมากเกินไป!

ฉินเฟิงจงใจกล่าวด้วยเสียงต่ำ “มีอะไร? หรือคุณยังต้องการวัตถุดิบของราชันย์สัตว์ร้ายอยู่อีก?”

ใบหน้าของชายคนนั้นกระตุก เร่งแก้ตัว “ท่านผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่คนที่คุณเพิ่งสังหารไป ทราบหรือไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร?”

ฉินเฟิงพยักหน้า “ถ้าฉันไม่รู้ ฉันจะฆ่ามันทำไม!”

ชายคนนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ในปากรับรู้ได้ถึงความฝาดขม

กลับกลายเป็นว่าฉินเฟิงล่วงรู้ถึงสถานะของอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้ว

รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังลงมือสังหาร

นี่สมควรจะเรียกว่าเป็นความกล้า หรือบ้าบิ่นดี?

แน่นอน บางทีที่ฉินเฟิงกล้าทำ เป็นเพราะเขาแข็งแกร่ง แต่สำหรับพวกตน มันไม่ใช่!

“ท่านผู้ใหญ่ ตระกูลซงในสี่เมืองเป็นตระกูลผู้ใช้วรยุทธวิถีมาร พวกเราไม่สามารถล่วงเกินได้”

ฉินเฟิงหัวเราะหยัน และกล่าว “ถ้าเมื่อครู่ฉันไม่เข้ามาแทรก คุณคงตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาพูดแบบนี้ใส่ฉัน กำลังจะบอกว่า ฉันเสือก ไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับธุระของคนอื่นใช่ไหม?”

ชายคนนั้นสะท้านไปทั้งร่าง เขาไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก อีกหนึ่งผู้ใช้อบิลิตี้สายฟ้าก้าวออกมาข้างหน้า กล่าวกับฉินเฟิง “ท่านผู้ใหญ่ ในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้แล้ว ฉะนั้นได้โปรดปกป้องเรา ช่วยพวกเราด้วย พวกเรายังไม่อยากตาย!”

ฉินเฟิงตอบปฏิเสธโดยตรง

“นั่นไม่ใช่หน้าที่ฉัน ถ้าไม่อยากตาย ก็แค่ทำเป็นลืมไปซะ คิดเสียว่าไม่เคยเห็นฉากนี้!”

ว่าจบ ฉินเฟิงก็คว้าศพของซงหยวนและจางเหวิน ขว้างมันไกลออกไป โยนเข้าหาหมาป่าเทาสองสามตัวที่ยังหนีไปได้ไม่ไกล

จู่ๆเมื่อพบอาหารร่วงตกลงมากลางอากาศ ทั้งอาบนองไปด้วยเลือดชวนให้ลิ้มลอง มันก็อ้าปากแยกเขี้ยวทันที และเริ่มฉีกทึ้งอาหารตรงหน้า

เพียงไม่กี่นาที ศพทั้งสองก็ถูกกลืนลงไปในท้องหมาป่า ไม่อาจค้นพบร่องรอยได้อีกเลย

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท