โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 290

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.290 – ผ่านสุสานเทพสงครามด่านแรก

ฉินเฟิงเห็นโจวฮ่าวหลับตา เริ่มฝึกฝนอีกครั้ง เขาก็ไม่คิดเอ่ยคำใดอีก

ท่ามกลางสุสานเทพสงคราม ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีอันตรายใดๆ

ดังนั้นฉินเฟิงจึงตัดสินใจใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เริ่มต้นเปิดใช้งานทักษะลับกลืนดารา

พลังงานทางจิตวิญญาณของโลกเริ่มถูกดูดซับโดยกลืนดารา หมอกเลือดโดยรอบพุ่งเข้าหาฉินเฟิง

ตามร่างกายของฉินเฟิง ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเลือด และพวกมันก็ซึมเข้าสู่ผิวในพริบตา

ยังเป็นฝีมือพลังพิเศษกลืนกินของฉินเฟิงที่สำแดงประสิทธิภาพได้อย่างดีเยี่ยม มันทำงานโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องปริปากสั่งด้วยซ้ำ มิฉะนั้นความเร็วในการดูดซับคงไม่มากถึงขนาดนี้

บาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บมาระหว่างทาง ภายใต้พลังงานมหาศาลของเลือดมังกร มันได้รับการฟื้นฟู ร่างกายกลับคืนสู่สภาพแข็งแกร่งดังเดิม

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

ฉินเฟิงเร่งเร้าพลังพิเศษของเขายิ่งกว่าเดิม มันกลืนกินหมอกเลือดมังกรโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง

ไม่นาน บรรยากาศรอบกายฉินเฟิงก็คล้ายกับกระแสวังวน หมอกเลือดเกือบทั้งหมดถูกดูดซับมาทางเขา

ยิ่งพลังพิเศษทำงานมากเท่าไหร่ ร่างกายของฉินเฟิงก็ยิ่งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น

หมอกหนาโดยรอบถูกกวาดเข้ามาโดยฉินเฟิงอย่างกระทันหัน

ฉินเฟิงตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้น

เจ้าตัวพบว่าขณะนี้ ไม่เพียงเขา แต่คนอื่นๆที่ฝึกฝนอยู่ ต่างก็ลืมตาขึ้น กวาดมองไปรอบๆ บางคนค้นพบว่าบรรยากาศแตกต่างออกไปเพราะฉินเฟิง

พวกเขาตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็เริ่มหวาดระแวงและตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉินเฟิง

เพราะพวกเขามาที่นี่ เพื่อแข่งขัน แย่งชิงความเป็นหนึ่ง

หากใครโดดเด่นเกินไป เป็นธรรมดาที่จะถูกยกเป็นศัตรูตัวฉกาจ

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่มีเวลาว่างพอมาแข่งกับพวกเขา

เจ้าตัวผุดลุกขึ้นจากพื้น มุ่งหน้าเข้าหาสระเลือด

ตำแหน่งนี้ ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้อีกต่อไป!

เดิมที ณ จุดนี้คือขีดจำกัดสูงสุดของเหล่ารุ่นเยาว์มากพรสวรรค์ แต่สำหรับฉินเฟิง มันยังไม่เพียงพอ

ฉินเฟิงก้าวต่อไปข้างหน้า พลังพิเศษดูดกลืนดูดหมอกเลือดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนเวลานี้ฉินเฟิงมีสภาพไม่แตกต่างไปจากมนุษย์เลือด ความแข็งแกร่งทางกายเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นสมบูรณ์แบบมากขึ้น

พฤติกรรมบ้าคลั่งของฉินเฟิง ส่งผลให้ความเข้มข้นของหมอกเลือดโดยรอบลดลง จนไม่อาจตอบสนองต่อการฝึกฝนของคนอื่นๆได้

“ตามมันไป”

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

“ไอ้คนไร้ศีลธรรมนั่นมันเป็นใคร?”

มองไปยังรูปแบบหน้ากากของฉินเฟิง ผู้คนมากมายเริ่มคาดเดาอะไรบางอย่างได้ แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะยืนยัน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไป

ซงหยวนถูกฆ่าตายเมื่อหลายวันก่อน บลัดฮันเตอร์ล่วงเกินตระกูลซง แล้วเขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? อีกฝ่ายมิใช่เลเวล E หรอกหรือ?

แต่ไม่ว่าในสมองพวกเขาจะคิดยังไง ทั้งหมดก็ไม่คิดหยุดเดิน ตามฉินเฟิงเข้าไปข้างในเรื่อยๆ

ฉินเฟิงเดินไปอย่างรวดเร็ว จนถึงตำแหน่งที่ห่างจากมังกรหิน 50 เมตร เขาพบว่าหัวมังกรขนาดใหญ่กำลังพ่นเลือด ดูราวกับน้ำตก น้ำตกเลือดกระแทกกับพื้น แตกกระเจิงกลายเป็นละอองเลือด ขณะเดียวกันเลือดที่เจิ่งนองบนพื้นก็ไหลกลับไปในสระเบื้องล่างหัวมังกรอีกครั้ง

หยาดเลือดเหล่านี้ไม่เหมือนกับเลือดมังกรของจระเข้มังกรที่ฉินเฟิงเคยพบ และเขาก็ตระหนักถึงมันได้แล้วเช่นกัน ว่าระดับของเลือดมังกรนี้อยู่ในเลเวล E เท่านั้น มันเลยสามารถถูกดูดซึมโดยเลเวล F ได้ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายอย่างรวดเร็ว

แต่พวกเขาเป็นเลเวล F นี่? งั้นทำไมไม่ให้ดูดซึมเลเวล F เล่า? ก่อนอื่นเลย ต้องบอกว่าไม่มีสัตว์ร้ายตัวใดที่มีสายเลือดมังกรอ่อนแอเช่นนั้นอยู่ ในขณะที่หากเป็นเลเวล D พวกวัยรุ่นเหล่านี้คงดูดซับไม่ได้ และตัวระเบิดแตกตายกันไปหมดแล้ว

สุสานเทพสงครามแห่งนี้ เป็นสถานที่ซึ่งเทพสงครามใช้คัดเลือกผู้สืบทอดของเขา ไม่ใช่สถานที่ชั่วร้าย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสังหารผู้ใด

ฉินเฟิงเร่งเดินไปจนถึงขอบสระอย่างรวดเร็ว เขาพบว่าที่นีมีบันไดหยกขาวตั้งอยู่ ฉินเฟิงก้าวลงไป และเห็นอักขระบางอย่างเขียนอยู่บนขอบสระ

‘จงอาบเลือดมังกรเป็นเวลาสิบลมหายใจ แล้วเจ้าจะสามารถผ่านเข้าไปได้!’

ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังสมาธิออกไป กวาดผ่านน้ำตกเลือด และค้นพบว่าส่วนหลังของหัวมังกรหิน เป็นส่วนร่างกายที่ใหญ่โตของมัน ทั้งกลางลำตัวของมังกรหิน ปรากฏว่ามีถ้ำอยู่!

“นี่น่าจะเป็นด่านทดสอบแรกของสุสานเทพสงคราม”

ในชีวิตก่อนหน้า สุสานเทพสงครามเป็นสถานที่ยอดนิยมในหมู่รุ่นเยาว์ ทุกคนต่างคาดหวังว่าจะได้เป็นผู้สืบทอด ฉินเฟิงรู้มาว่าหลังจากการเปิดในครั้งนี้ มันก็จะเปิดขึ้นอีกทุกๆปี ตลอดทั้งช่วงเวลาที่มันเปิด แม้จะผ่านได้แค่การทดสอบแรกก็ตาม แต่กำไรจากการเก็บเกี่ยวในที่นี้ อย่างไรถือว่ามหาศาล

ก็ลองคิดดูซิ ว่าเลือดมังกรมีค่าแค่ไหนกัน?

นับจากนี้ไป บัตรหยกเทพสงครามจะมีราคาพุ่งสูงเสียดฟ้า!

ฉินเฟิงไม่หวั่นเกรงต่อละอองเลือด ก้าวไปตามบันไดหยกขาว พอสุดบันไดหยกขาว ก็จะเป็นทางเดินลงไป จากนั้นจะมีหินอีกไม่กี่ก้อนผุดขึ้นมาเหนือสระเลือด น่าจะไว้ใช้สำหรับหยั่งเท้า แต่มันแทบจะจมอยู่ในสระเลือด ทั้งยังผิวสระยังกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นไม่น่าจะมีใครสามารถใช้ยืนหยัดได้

อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวว่าไม่อาจใช้กับฉินเฟิง

ร่างกายของฉินเฟิงเคยถูกเสริมแกร่งด้วยเลือดมังกรมาก่อนแล้ว ทั้งความแข็งแกร่งทางกายของเขายังเทียบเท่ากับสัตว์ร้ายระดับราชันย์เลเวล E ดังนั้นการลงไปอาบมัน ย่อมไม่รู้สึกเจ็บปวดเกินไปสำหรับฉินเฟิง

“มาลองกันซักตั้ง!”

ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังพิเศษดูดกลืนของเขาอย่างบ้าคลั่ง

สูบเลือดเข้ามาชำระล้างทั้งร่างกาย เสริมแกร่งให้ตนอย่างต่อเนื่อง

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงเพิ่มพูนขึ้นไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

เดิมที ตลอดทั้งการเดินทางครั้งนี้ ตัวเขาได้สังหารผู้ใช้วรยุทธโบราณไปมากมาย ดังนั้นได้รับพลังงานจนร่างกายแข็งแกร่งขึ้นระดับหนึ่งแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เพียงพอ

ปัจจุบัน เลือดเหล่านี้นับว่าเติมเต็มความต้องการ

ฉินเฟิงดูดซับมันอย่างเมามัน

รุ่นเยาว์อัจฉริยะคนอื่นๆ ทำได้เพียงหยุดอยู่เบื้องหลัง ไม่กล้าเข้าใกล้สระเลือด แต่สักพักแล้วก็ยังไม่เห็นฉินเฟิงกลับออกมา

หลายคนเริ่มรู้สึกวิตกกังวล

“ถ้าเขาสามารถฝ่าไปได้ แล้วทำไมฉันถึงจะฝ่าไปไม่ได้!”

“มาเถอะ!”

“เลือดมังกรคือสมบัติ จะให้เขาเอาไปเป็นของตัวเองทั้งหมดได้ยังไง!”

เมื่อคิดได้แบบนี้ ทั้งหมดก็ตัดสินใจก้าวเข้าไป เผชิญกับความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามา เลือดมังกรช่วยเสริมแกร่งให้กับทุกคนก็จริง แต่กระบวนการของมันเจ็บปวดมาก ดังนั้นทุกคนเลยยังหวาดกลัวอยู่บ้างว่าร่างกายจะทนไม่ไหวจนเกิดระเบิด

ก่อนหน้านี้ ทุกคนจึงตัดสินใจค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นระเบียบ และไม่มีใครทำลายสมดุลนี้

แต่ใครมันจะไปคิดกันว่าฉินเฟิงดันปรากฏตัวขึ้น กระตุ้นพวกเขาจนร้อนใจ

“เอาก็เอา ฉันไปด้วยคน!”

โจวฮ่าวเริ่มเดินมาข้างหน้า เมื่อละอองเลือดมังกรตกลงบนกายเขา ความรู้สึกเจ็บแปล๊บก็แล่นเข้ามาทันที

กล้ามเนื้อและผิวหนังที่เคยผ่านการออกกำลังกายมานับครั้งไม่ถ้วน เกิดความปวดร้าวอย่างรุนแรง หลังจากที่สามารถปลุกพลังขึ้นมาได้ ประสบการณ์เช่นนี้นับว่าแทบไม่เคยได้พบเจออีก

“อ๊ากกกกก!”

โจวฮ่าวคำรามก้อง

ปัง!

ราวกับสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของโจวฮ่าว นางพญามดทองกระโดดลงจากไหล่เขา ขยายร่างของมันทันที

มันยืนหยัดอยู่เหนือโจวฮ่าว คอยคุ้มกันละอองเลือดที่ตกลงมา ช่วยให้โจมฮ่าวได้มีเวลาพักหายใจ

“เสี่ยวหวง ไม่จำเป็น หลีกไปซะ!”

โจวฮ่าวกระตุกไปทั้งตัว แต่ก็กัดฟันนั่งสมาธิ ดำเนินการฝึกฝนกำลังภายในต่อไป

เสี่ยวหวงยอมหลีกทาง ระหว่างเฝ้ารอก็คอยดูดซับละอองเลือดมังกรอย่างตะกละตะกลาม

ความสามารถในด้านการแบกรับความเจ็บปวดของสัตว์ร้ายน่ะ ดีกว่ามนุษย์มากนัก!

แต่คนอื่นๆไม่โชคดีเหมือนโจวฮ่าว ที่มีสัตว์พันธะสัญญาคอยคุ้มกัน บางคนแม้จะสามารถผ่านความเจ็บปวดไปได้ แต่หากรีดเร้นกำลังภายในออกมาจนหมดสิ้น พวกเขาก็จะไม่สามารถรับพลังงานจากเลือดมังกรได้อีกต่อไป เพราะนั่นอาจทำให้เส้นลมปราณผิดปกติได้

“เทคนิคเสริมกำลัง : สลับฟื้นฟู!” โจวฮ่าวรู้สึกถึงพลังงานในร่างกายที่เอ่อล้นของเสี่ยวหวง ใช้ออกด้วยเทคนิคผู้ฝึกสัตว์ที่ช่วยเร่งฟื้นฟูพละกำลังกายทันใด ส่งผลให้สามารถดูดซับเลือดมังกรได้เร็วยิ่งขึ้น

หนึ่งมนุษย์หนึ่งสัตว์เริ่มก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน จนแซงคนอื่นๆ ทั้งยังสามารถดูดซับความแข็งแกร่งได้มากกว่าทุกๆคน

ความเจ็บปวดค่อยๆกลายเป็นด้านชาขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย สุดท้ายไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาไม่เจ็บปวดอีกต่อไป

โดยไม่รู้ตัว ความแข็งแกร่งก็ยกระดับขึ้นสู่เลเวล F6 อย่างกระทันหัน!

ภายในวันเดียว โจวฮ่าวสามารถยกระดับขั้นย่อยได้ถึง 2 ขั้น ผู้คนต่างพากันอิจฉา

“ไปเถอะ!” โจวฮ่าวเดินต่อไป และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ น้ำตกมังกรเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง เลือดที่หลั่งรินลงมา คล้ายกับว่าจะน้อยลง ….

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท