โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 322

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.322 – ราคาประมูลพุ่งกระฉูด

หนึ่งนาที .. สองนาทีผ่านพ้นไป แต่ก็ยังไม่มีใครเสนอราคาประมูล ใบหน้าของจ้าวเทียนซือยิ่งนานยิ่งแข็งกระด้าง ความผิดหวังฉายชัดในแววตาของเขา

“ผมเสนอ 80,000 ล้าน!”

เสียงหนึ่งดังขึ้น

ทุกคนผงะตกใจ

ผู้ใช้พลังทั้งโถงรับรอง ต่างหันไปตามเสียงทันที

ผู้คนรอบกายฉินเฟิง ทั้งหมดกลายเป็นแข็งค้าง บุคคลที่ฉินเฟิงเพิ่งเอ่ยถามก็เช่นกัน

“เฉินเซี่ยง ไม่ใช่ว่านายบอกจะไม่ประมูลหรอกหรือ? แล้วนั่นไปเอาเงินมากมายมาจากที่ไหนกัน?” ชายวัยกลางที่เหมือนจะรู้จักคนข้างๆฉินเฟิง เอ่ยปากพลางกระพริบตาถี่รัว

เฉินเซี่ยงโบกไม้โบกมือพัลวัน เร่งกล่าว “ผมไม่ได้พูดนะ คุณจำเสียงของผมไม่ได้หรอ?”

ดวงตาของขายวัยกลางคนสับสน แม้เขาจะรู้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของเฉินเซี่ยง แต่ว่า .. ตำแหน่งที่เฉินเซี่ยงยืนอยู่ นอกจากเขาแล้วก็มีแค่เด็กหนุ่มเลเวล E เท่านั้น

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแปลกออกไป เฉินเซี่ยงก็มองฉินเฟิง กระซิบปราม “น้องชาย นายปรึกษากับเจ้านายดีแล้วรึยัง? นี่ไม่ใช่แค่การประมูลธรรมดาๆนะ ถ้าไม่มีคนหนุนหลัง ถึงเวลาซื้อขายไป ทั้งนายทั้งสินค้าคงตกเป็นเหยื่อของคนอื่นแหงๆ”

ฉินเฟิงเผยยิ้มเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเลเวล D คนนี้จะแสดงออกถึงความห่วงใย “พี่ชายโปรดวางใจ”

ให้วางใจ? เฉินเซี่ยงรู้สึกกังวล แม้อีกฝ่ายจะเอ่ยมันออกมาอย่างง่ายดาย แต่แก่นอบิลิตี้นี้เป็นที่แย่งชิง มีคนต้องการจะครอบครอง แล้วฉินเฟิงที่อยู่แค่เลเวล E จะสามารถฝืนเก็บรักษาไว้ได้อย่างไร? เขาดูแล้วไม่น่าใช่คนจากตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโหว หรือตัวแทนของกองกำลังใหญ่อย่างกลุ่มเล่ยถัง ที่ล้วนมีเลเวล C คอยหนุนหลังซักหน่อย

ดวงตาขุ่นมัวของเล่ยชางจับจ้องไปยังฉินเฟิง “ฉินเฟิง! เป็นแกอีกแล้ว!”

หากเป็นคนอื่น เขาคิดว่าน่าจะไม่สามารถจ่ายเงินมากขนาดนี้ได้ แต่ฉินเฟิงคือใคร?

ฉินเฟิงมีวัตถุดิบเลเวล D จำนวนมากอยู่ในมือ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าตอนนี้เขาเปิดตลาดมืดในสถานชุมชนเฟิงหลี สามารถทำกำไรได้มหาศาล ฉะนั้นการจะได้รับเงินมากมายขนาดนี้ ย่อมเป็นไปได้

แต่เล่ยชางคงคาดไม่ถึง ว่าฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องใช้เงินของสถานชุมชน เพียงใช้เงินที่ได้มาจากสถานะบลัดฮันเตอร์ก็มากพอแล้ว

“มีอะไรงั้นหรือมิสเตอร์เล่ย?” ฉินเฟิงหันไปมองเล่ยชางอย่างสงบ ไร้ซึ่งวี่แววตื่นตระหนกอย่างที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้

“ฉินเฟิง อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องจะดีกว่า!”

“เหอะ มิสเตอร์เล่ยพูดอะไรกัน ผมไม่ได้แสร้งไม่รู้เรื่องซักหน่อย จริงอยู่ที่ผมอาจสับสนไปบ้างเพราะมาเป็นครั้งแรก ยังมีหลายสิ่งที่ไม่รู้ แต่อย่างนึงที่รู้แน่ๆเลยก็คือ ใครอยากได้อะไร ก็ต้องคว้ามันมาด้วยความสามารถของตัวเอง!”

รับรู้ได้ถึงความประชดประชันที่แฝงมากับน้ำเสียง เล่ยชางจ้องมองฉินเฟิงด้วยความโกรธเกรี้ยว

แต่ฉินเฟิงไม่สนใจ เขาเงยหน้ามองจ้าวเทียนซือบนเวที

“มิสเตอร์จ้าว เวลาของคุณมีไม่มากนัก ผมเสนอเงินประมูลไปแล้ว ถ้าไม่มีใครเสนอราคาแข่งอีก สิ่งนี้ มันสมควรจะเป็นของผมถูกต้องไหม” ฉินเฟิงกล่าว

จ้าวเทียนซือดีใจจนแทบเก็บงำไว้ไม่อยู่ เขาไม่คิดเลยว่าจู่ๆจะมีใครกล้าก้าวออกมา เสนอราคาซื้อมันไป

เขาเตรียมจะเอ่ยปากตอบรับ แต่ในเวลานั้นเอง อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“81,000 ล้าน!”

สายตาของผู้คนเบนไปตามเสียง และพบว่าเป็นตี๋เล่ย

แก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้าย สามารถช่วยเปลี่ยนคุณสมบัติของบุคคล จากคนธรรมดาปานกลาง ให้กลายเป็นมีพรสวรรค์และแข็งแกร่งขึ้นได้

คราวก่อนในสุสานเทพสงคราม ตี๋เล่ยในฐานะตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณชั้นสูง ดันพ่ายแพ้ให้กับบลัดฮันเตอร์ที่ไม่มีใครรู้จัก อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็นวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปี ตอนนี้เขาเลยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเสริมแกร่งให้แก่ตนเองได้โดยเร็ว

“83,000 ล้าน!” ฉินเฟิงเสนอราคาอีกครั้ง

“84,000 ล้าน!” โหวหยางเจียวไม่ยินยอมอ่อนข้อ

อีกด้านหนึ่ง เล่ยชางกัดฟันกรอด นี่มันผิดไปจากแผนของเขา แต่กระนั้นเล่ยชางก็ยังไม่กล้าร่วมประมูล

เพราะเขาไม่มีเงิน จริงอยู่ที่กลุ่มเล่ยถังมี แต่ไม่อาจนำออกมาให้เขาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายถึงขนาดนั้น

สายตาของฉินเฟิงตกลงบนร่างของเล่ยชาง เมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่มีการเสนอราคาใดๆ เขาก็เอ่ยถามออกไป “มิสเตอร์เล่ย คุณจะไม่คิดร่วมประมูลหน่อยหรอ ไม่ใช่ว่าปรารถนาจะได้รับมันหรือไร?”

ใบหน้าของเล่ยชางกลายเป็นน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม

เห็นว่าเล่ยชางไม่พูดอะไร ฉินเฟิงก็เผยรอยยิ้มจาง อ้าปากกล่าว “90,000 ล้าน!”

ราคาถูกยกขึ้นไปอีกเลขหนึ่งในคราวเดียว

โหวหยางเกียวตะโกนไม่ยอมแพ้ “91,000ล้าน!”

สีหน้าของฉินเฟิงสงบไม่เปลี่ยนแปลง “100,000ล้าน!”

ช่วงเวลานี้ฉินเฟิงสามารถได้ยินถึงเสียงสูดหายใจลึกของผู้คนรอบข้าง

อันที่จริง เงิน 100,000 ล้านเหรียญ สำหรับซื้อแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิชิ้นเดียว ไม่ได้ถือว่าสูงมากจนเกินไป

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับผู้คนในที่แห่งนี้ พอได้เห็นฉากตรงหน้า พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกว่า ฉินเฟิงจะอาจหาญเกินไปหน่อยแล้ว

โหวหยางเจียวสบถโกรธเคือง “นายมาจากที่ไหนกัน? แล้วมีเงินมากขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้าไม่ก็อย่ามาก่อกวนงานประมูล ไสหัวไป!”

ระหว่างกล่าว กลิ่นอายในกายของโหวหยางเจียวก็เปลี่ยนไป กำลังภายในของผู้ใช้พลังเลเวล D ระเบิดออกทันใด

มันโหดร้ายรุนแรงเป็นอย่างมาก หากฉินเฟิงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E จริงๆ น่ากลัวว่าแรงกดดันอันแข็งกร้าวของโหวหยางเจียว คงสามารถบดขยี้เขาได้โดยสิ้นเชิง

“ฮึ่ม!”

ฉินเฟิงไม่น้อยหน้า กลิ่นอายของเขาแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน วินาทีถัดมา กำลังภายในอันยิ่งใหญ่พลันระเบิดออก –กลิ่นอายของโหวหยางเจียวถูกบดขยี้ในพริบตาเดียว กำลังภายในของฉินเฟิงวกย้อนกลับไปกดดันโหวหยางเจียวแทน

โหวหยางเจียวเปล่งเสียงร้องอุดอู้ในลำคอ ชักฝีเท้าถอยไปกว่าสามสี่ก้าว ถึงจะสามารถหลุดออกจากอาณาเขตแรงกดดันของฉินเฟิงได้

แต่ฉินเฟิงไม่ได้ไล่ตามไป กลับแสยะยิ้มเยาะ และเรียกแรงกดดันกลับคืน

“คุณผู้หญิงท่านนี้ ไม่ใช่ว่ากำลังทรมานจากอาการบาดเจ็บภายในอยู่หรอกหรือ? อย่าอวดโอ้ความสามารถให้มันมากนักจะดีกว่า เดี๋ยวจะยืนไม่อยู่เอา!”

แม้ปากฉินเฟิงดูเหมือนจะเอ่ยแสดงถึงความห่วงใจ แต่อันที่จริง นี่คือคำขู่!

ร่างกายของโหวหยางเจียวสั่นสะท้าน รู้สึกอับอายสุดแสน เลือดกระอักออกจากมุมปากของเธอ

แรงกดดันของฉินเฟิงเมื่อครู่ ทำให้เส้นลมปราณที่ยังไม่หายดีของเธอ เกิดอาการเลือดลมไหลย้อนกลับ

ฝูงชนรอบตัวเธอ ทั้งหมดต่างตกตะลึง!

แม้จะกล่าวว่าโหวหยางเจียวกำลังบาดเจ็บ แต่คนที่สามารถสยบเธอได้โดยง่ายเช่นนี้ จะเป็นคนธรรมดาไปได้อย่างไร?

อย่างน้อยในเวลานี้ ทุกคนก็ตระหนักได้แล้วว่า ฉินเฟิงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล D!

กระทั่งเฉินเซี่ยงที่เป็นกังวลในตอนแรก ก็งงเป็นไก่ตาแตก!

“ยังมีใครคิดเสนอราคาแข่งอีกไหม?”

ฉินเฟิงกวาดสายตาไปรอบๆ ตกลงบนร่างของตี๋เล่ยและเล่ยเฉินพักหนึ่ง ทั้งคู่ตัวแข็งค้าง ไม่ปริปากใดๆ

เห็นได้ชัดว่าว่าพวกเขาไม่กล้าพูดมันออกมา

ฉินเฟิงจึงค่อยหันไปมองจ้าวเทียนซือบนเวที

“ตกลง! ฉันขายที่ 100,000 ล้าน!” จ้าวเทียนซือเองก็ไม่ใช่นักประมูลมืออาชีพ ดังนั้นไม่คิดลากราคาให้มากไปกว่านี้ เพราะจำนวนนี้ มันเกินกว่าความคาดหมายของเขาแล้ว

จ้าวเทียนซือหยิบแก่นอบิลิตี้ของจักรพรรดิสัตว์ร้ายขึ้นมา

“เชิญตรวจสอบดู!”

จ้าวเทียนซือเดินมาหยุดเบื้องหน้าฉินเฟิง ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์

“คุณเรียกว่ามิสเตอร์ฉินใช่ไหม? ถึงฉันจะไม่รู้จักคุณ แต่เรื่องในครั้งนี้ ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆ!” จ้าวเทียนซือกล่าว

“ไม่จำเป็นหรอก ก็แค่การซื้อขายกันอย่างยุติธรรม มิสเตอร์จ้าวไม่ต้องเก็บไปคิดเป็นบุญคุณอะไร”

“แต่จะอย่างไรก็ตามขอบคุณอยู่ดี นี่คือแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้าย เชิญคุณตรวจสอบสินค้า”

ฉินเฟิงพยักหน้า เปิดกล่องคริสตัลออก กลิ่นอายของจักรพรรดิสัตว์ร้ายฟุ้งกระจายออกมาในคราวเดียว

มองไปยังแก่นอบิลิตี้ พลังงานของมันไม่อ่อนแอเลย ทั้งยังกลายพันธุ์ เทียบได้เลยกับแก่นอบิลิตี้ของจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้า

หากมันอยู่ถูกที่ถูกทาง น่ากลัวว่าต่อให้ทุ่มเงินกว่า 200,000 ล้านก็ไม่สามารถซื้อได้

“โอเค เช็คเรียบร้อย โอนผ่านอุปกรณ์สื่อสารของคุณเลยใช่ไหม?”

“รบกวนโอนให้กับประธานกลุ่มต้าเฉิง , ท่านเฉิงต้าเฉิงดีกว่าครับ หมายเลขติดต่อก็คือ … ”

ฉินเฟิงกรอกหมายเลขลงไป ทั้งยังแสดงจำนวนเงินโอนต่อหน้าจ้าวเทียนซือ หลังจากยืนยันข้อมูล ธุรกรรมก็ประสบผลสำเร็จ

เมื่อเงินถึงมือ สินค้าก็ยื่นถึงมือ

แก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายตกอยู่ในมือของฉินเฟิง

ทว่าช่วงเวลานั้นเอง สถานการณ์กลับพลิกผัน เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน!

ปัง!

เสียงกระสุนปืนใหญ่ดังมาแต่ไกล ไม่ว่าจะเป็นเลเวล E หรือ D ในที่แห่งนี้ ทั้งหมดล้วนหันขวับออกไปนอกหน้าต่าง

กระสุนระเบิดสีเหลือง ปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์ของพวกเขา

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท