โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 355

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.355 – ซงหยูงหมังจบชีวิต

ซงจินควงเป็นถึงเลเวล C แต่กลับถูกฉินเฟิงทำลายอุปกรณ์สื่อสาร เมื่อลองปะติดปะต่อเรื่องเข้าด้วยกัน ก็ชวนให้ผู้คนบังเกิดความคิดอันน่าพรั่นพรึง!

อุปกรณ์สื่อสารเกิดความผิดปกติขึ้น รวมกับฝีปากเย็นชาของฉินเฟิงก่อนหน้านี้

“เจ้า … เจ้าทำอะไร … ลงไป?” ซงหยูหมังเอ่ยถามเสียงแข็ง

ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมา

“ฉันทำอะไรน่ะหรอ แกก็ลงไปถามซงจินควงในนรกดูเองก็แล้วกัน!”

สิ้นเสียงก็โฉบกายเข้าสังหารซงหยูหมัง

ในสายตาของคนอื่นๆ การตัดสินใจลงมือนี้ เป็นหลักฐานชั้นดีที่ช่วยยืนยันว่าซงจินควงเสียชีวิตแล้ว

แน่นอน บางคนก็ยังไม่อาจยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้

“บางทีฉินเฟิงอาจได้ยินสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหานน่วน ก็เลยชิงกลับมาก่อนจบการต่อสู้กับซงจินควง ถึงฉันจะไม่พอใจตระกูลซง แต่คิดว่าซงจินควงไม่น่าใช่คนที่จะสามารถสังหารได้ง่ายๆ แต่สำหรับซงหยูหมัง … ฉันว่าฉินเฟิงทำได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือ” เฉินเซี่ยงที่ยืนอยู่ข้างๆกล่าว

ตั้งแต่ที่ฉินเฟิงสังหารเล่ยชาง ความเป็นจริงที่ว่าเขาเหนือกว่าผู้ใช้พลังธรรมดาทั่วไป ล้วนได้รับการยอมรับจากทุกผู้คน!

“แต่ข้อสงสัยก็คือ เกิดอะไรขึ้นกับซงจินควง? นี่ต่างหากปัญหาที่น่ากังวล”

อีกฝ่ายเป็นถึงผู้ใช้พลังเลเวล C จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร

นั่นเทียบเท่าได้กับการดำรงอยู่ระดับเจ้าเหนือหัวของภูมิภาคเลยนะ!!

“ฉันไม่ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือให้เจ้านายฉินสักหน่อย!” หานน่วนเอ่ยปากอย่างยากลำบาก ฝืนทนความเจ็บปวก ในแววตาเผยให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและปิติ “และเจ้านายฉินไม่ใช่คนโกหก ซงจินควงต้องตายแล้วอย่างแน่นอน!”

เฉินเซี่ยงกับหูเหลียงหันมองหน้ากัน

ถ้านี่เป็นเรื่องจริงแล้วล่ะก็ … !!

เกรงว่าอีกไม่นาน ชื่อของตระกูลซงคงถูกลบออกไปจากสี่เมืองทะเลเหนือ

เพราะสุดท้าย ในปัจจุบัน ทางตระกูลซงหลงเหลือผู้อาวุโสเลเวล D อยู่อีกแค่ 2 คนเท่านั้น

อีกทั้ง แต่ละคนยังมีอายุมากกว่า 100 ปี

เลเวล D ที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกันกับซงจินควงก็ยังไม่สามารถตัดผ่านเข้าสู่เลเวล C ได้ ดังนั้นตระกูลอาจล่มสลายได้ทุกเมื่อ

ขณะนี้ ฉินเฟิงกับซงหยูหมังยังคงต่อสู้กันอยู่

แต่ซงหยูหมังไม่ใช่คู่มือของฉินเฟิงเลย

มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิง อัดฉีดด้วยกำลังภายใน เฉือนเข้าหาซงหยูหมัง

ซงหยูหมังไม่กล้าปะทะ ฉีกตัวหลบทันใด

“ฉินเฟิง ฝากไว้ก่อนเถิด ตอนนี้ตัวเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ย่างเท้าลงสู่หุบเหวแห่งความตายไปครึ่งก้าวแล้ว ต่อให้ข้าตาย ตระกูลซงก็จะให้เจ้าชดใช้อย่างสาสม!”

ซงหยูหมังเจตนาชัดว่าคิดหลบหนี

แต่คนอย่างฉินเฟิง มีหรือจะมอบโอกาสนั้นให้แก่เขา

“ปลอบใจตัวเองไปเถอะ หลังจากจัดการแกแล้ว ตระกูลซงทั้งหมดจะต้องตายตาม!”

ฉินเฟิงหัวเราะหยัน สองเท้าเร่งความเร็วมากขึ้น ไล่ติดตามซงหยูหมัง

ซงหยูหมังหันหลัง และวิ่งหนีไปรอบๆ

บนท้องถนนในเวลานี้ เนื่องจากเกิดการต่อสู้ระหว่างซงหยูหมังกับหานน่วน ทำให้ผู้คนหวาดกลัวและหลบเข้าที่พักอาศัย

ส่งผลให้ซงหยูหมังไม่อาจหาผู้คนมาใช้เป็นกำบังได้

“เหอะ การเล่นไล่จับมันจบลงแค่นี้ล่ะ!”

ฉินเฟิงยิ้มเย็น พลังสมาธิถูกกระตุ้นทันใด

“เสาแมกมา!”

ใต้เท้าของซงหยูหมัง จู่ๆก็แปรสภาพเป็นลาวาทันใด ต่อมา เสาลาวาก็ปะทุขึ้น ส่งซงหยูหมังลอยไปบนฟากฟ้า

ซี่ ซี่

ปราณกำลังภายในบนตัวซงหยูหมัง แบกรับอำนาจโจมตีมหาศาลจากพลังงานแมกมา

เพล้ง!

สุดท้ายปราณกำลังภายในก็cs]dสลายไป

นับว่าโชคยังดี ที่ก่อนมันจะสลายลง ซงหยูหมังได้ใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาในอากาศ เขาเลยสามารถพลิกตัวเลี่ยงเสาลาวาได้ แต่นั่นก็ทำให้กำลังภายในกว่าหนึ่งส่วนสามเหือดแห้งไป

ฉินเฟิงไล่มาถึงระยะประชิด

“มีดเปลวเพลิง!”

ใบมีดที่ลุกไหม้ลากยาวกว่า 10 เมตร เสมือนดั่งมีดขนาดยักษ์ สับฟันลงมาจากฟากฟ้า

ซงหยูหมังขบฟันแน่น เร่งเร้าปราณกำลังภายในกว่าหนึ่งในสามส่วนออกมาป้องกันอีกครั้ง

ปัง!

ภายใต้การสับเพียงครั้งเดียว ปราณกำลังภายในของซงหยูหมังก็ป่นปี้ แตกเป็นเสี่ยงๆทันที

“อยากจะรู้จริงๆว่าแกจะทนได้อีกสักแค่ไหน!”

กำลังภายในของฉินเฟิงพรั่งพรูต่อเนื่อง ทุกท่วงท่าสอดประสานกัน ทรงพลังสุดแสน!

“สู้ก็สู้วะ!”

ซงหยูหมังทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด บาดแผลแห้งกรังเนื่องจากไฟไหม้พุพอง ตัดสินใจหมุนตัวกลับมาและซัดฝ่ามือที่หล่อหลอมไปด้วยกำลังภายในหนึ่งส่วนสามที่เหลือล็อตสุดท้าย ปะทะเข้ากับมีดกษัตริย์คราม

เพียงพริบตาเดียว ฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยกำลังภายในก็ถูกคมมีดตัดครึ่งทันที

และคมมีดยังคงเคลื่อนไปข้างหน้า สับเข้าใส่ร่างของซงหยูหมัง

เมื่อไร้ซึ่งการปกป้องจากปราณกำลังภายใน คมมีดก็เข้าถึงตัวซงหยูหมังได้อย่างง่ายดาย

ฉัวะ!!

ซงหยูหมังถูกมีดที่ลุกไหม้แยกร่างจากกัน ครึ่งบนปลิวละลิ่วออกไปไกลกว่า 20 เมตร

ฉินเฟิงไล่ตามชัยชนะของเขา

“อย่าคิดว่าจะรั้งหายใจอยู่ต่อไปได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว!”

มีดกษัตริย์ครามตวัดไหว ศีรษะจากร่างครึ่งท่อนถูกสะบั้นร่วงตกลงทันใด

ซงหยูหมัง — ตาย!

เพียงสามคมมีดก็สามารถสังหารตัวตนเลเวล D ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจ

เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ผู้คนที่รับชมการต่อสู้ในที่ลับ ต่างก็รู้สึกเสียใจสุดแสน

เสียใจที่ไม่ได้เสนอหน้าออกไปช่วยฉินเฟิง เสียใจที่จากนี้คงยากจะสานสัมพันธ์กับเขาได้อีก

ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่ปลอบใจตัวเอง ว่าซงจินควงยังไม่ตาย เพราะหากล่วงเกินเลเวล C แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นในภายหลังก็น่าจะพอทราบได้

เขาคงจะหลบหนี ไม่รั้งรอให้เลเวล C เข้ามาล้างแค้นใช่หรือไม่?

หรือว่า … ฉินเฟิงจะสังหารซงจินควงลงแล้วจริงๆกันแน่นะ?

ในหัวในจของผู้คน ต่างเกิดความสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม

ซงหยูหมังแม้ไม่ได้ถูกออกหมายจับ แต่ในสี่เมืองทะเลเหนือ ก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินอาวุโสเลเวล D อยู่ดี

ฉินเฟิงใช้โอกาสนี้เก็บอุปกรณ์รูนมิติ , เปิดใช้งานทักษะลับกลืนดารา ดูดซับมวลน้ำกำลังภายในของซงหยูหมัง

จากนั้นก็จุดไฟเผาศพซงหยูหมังจนกลายเป็นขี้เถ้า

ฉินเฟิงเดินกลับมา พบว่าหานน่วนถูกส่งตัวขึ้นรถพยาบาลแล้ว เธอกำลังถูกรักษาโดยแพทย์ผู้ใช้อบิลิตี้น้ำประจำตัวของหูเหลียง

“หานน่วน คุณดีขึ้นรึยัง?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

ดวงตาที่เคยมัวหมองของหานน่วน ตอนนี้เริ่มเกิดประกายชีวิตชีวา

“เจ้านาย ความไว้วางใจของคุณที่มีต่อฉัน มันเกือบทำเอาฉันเอาชีวิตไม่รอดซะแล้ว แต่ก็เอาเถอะ ยังไงซะนี่มันก็คุ้มค่า”

“และผมก็คิดไม่ผิดจริงๆที่ไว้ใจคุณ ค่อยคุยกันเถอะ ตอนนี้รักษาตัวก่อน พอหายแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” ฉินเฟิงกล่าว

หานน่วนพยักหน้า ขณะเดียวกันหูเหลียงก็เดินขึ้นมา และมอบกุญแจมิติให้ฉินเฟิง

“ก่อนหน้านี้หานน่วนอยากให้ฉันเก็บไว้ มอบมันให้เมื่อคุณกลับมา แต่ไม่คิดเลย ว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้”

หูเหลียงตั้งใจพูดเอาดีให้หานน่วน เพราะเขารู้สึกประทับใจหานน่วน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ฉินเฟิงไม่รู้เป็นหรือตาย แต่ยังกล้าต่อต้านตัวตนทรงพลังเลเวล D

–ช่างเป็นคนซื่อสัตย์และภักดี

ฉินเฟิงเข้าใจความหมายที่หูเหลียงต้องการจะสื่อ เขารับของกลับมา แต่มอบให้หานน่วนอีกที

ความสงสัยในใจหูเหลียงมากเกินกว่าจะข่มกลั้น เขาเอ่ยปากถาม “ฉินเฟิง คุณช่วยบอกความจริงมาได้ไหม ว่าตอนนี้ซงจินควงอยู่ที่ไหน?”

“มันตายแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว

หูเหลียงเบิกตากว้างมองเขา “คุณแน่ใจใช่ไหม?”

“เรื่องนี้ ผมจะโกหกคุณไปทำไม!”

ในหัวใจของหูเหลียงเต้นครึกโครมราวกับกรองชุด ในสมองสับสนอื้ออึง

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ฉินเฟิง คุณเป็นแค่เลเวล D1 เท่านั้น แต่คุณกลับสังหารซงจินควงได้ รู้ไหมว่าซงจินควงปกครองสี่เมืองทะเลเหนือมานานเท่าไหร่แล้ว? ตลอดมาไม่มีใครเลยที่กล้าสังหารเขา บางคนไม่กล้าที่จะคิดด้วยซ้ำ แต่คุณ .. คุณทำได้ยังไงกัน?”

ฉินเฟิงยิ้มและกล่าว “นายพลหู ผมไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนฆ่าซงจินควงซักหน่อย”

หูเหลียงชะงักไปอีกคราว

“งั้นเป็นฝีมือใครกัน?”

แนวสายตาของฉินเฟิงเบนไปตกลงในสถานที่ห่างไกล ณ ตำแหน่งร้านค้าข้างถนนที่ผนังถูกทำลาย และเต็มไปด้วยเสื้อผ้าแฟชั่น–

–ไป๋หลีกำลังทาบมันลงกับตัว ลองเสื้อด้วยความสนใจ

“เป็นฝีมือเธอ!”

ฉินเฟิงชี้ไปทางไป๋หลี หูเหลียงมองตามสายตาฉินเฟิง และเห็นว่าไป๋หลีกำลังช็อปปิ้งราวกับคนบ้า

บนใบหน้าของหูเหลียงเขม็งเกร็งไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน

“มิสเตอร์ฉิน หยุดล้อฉันเล่นเถอะ จะเป็นมิสไป๋ไปได้อย่างไร จริงอยู่ที่เธอแข็งแกร่ง แต่ว่า … ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมพูดเรื่องจริงนะ คุณไม่เชื่อหรอ?” ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่เอาเถอะ ตอนนี้คุณรู้แค่ว่าซงจินควงตายแล้วจริงๆก็พอ ส่วนเรื่องอื่น ถ้ายังไม่เชื่อ ก็รอดู!”

รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท