โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 356

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.356 – ตระกูลวรยุทธโบราณรุมขย้ำ

ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่ฉินเฟิงกล่าวนั้นจริงหรือเท็จ แต่พวกเขาสามารถมองการกระทำของฉินเฟิงแทนคำตอบได้

หลังจากสังหารซงหยูหมัง ฉินเฟิงมิได้ออกจากปราการชาตง

เขายังคงอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่หูเหลียงมอบให้ ในขณะที่ทางตระกูลซง แม้จะวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้ามาหาเรื่องฉินเฟิง

เพราะพวกเขาไม่แน่ใจ ว่าคำพูดของฉินเฟิงโป้ปดหรือไม่

ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ หากไม่มีซงจินควงอยู่แล้ว ลูกหลานของตระกูลซง คงมิแคล้วทยอยกันล้มตายลง

ในกรณีนี้มิได้หมายถึงสิ้นสุดอายุขัย หากแต่เกิดจากตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณอื่นๆ ที่ไม่คิดอยู่เฉยอีกต่อไป

เวลานี้หากสามารถสะกดข่มตระกูลซงได้ ตระกูลอื่นมีหรือจะไม่ลงมือ?

ภายในตระกูลโหว ผู้ใช้พลังเลเวล D หลายคนประชุมกันอยู่ในห้องลับ

“ยังไงมันก็คุ้มค่าที่จะลอง”

“นั่นสิ ต่อให้ซงจินควงยังไม่ตายจริงๆ แต่พวกเราก็ยังมีท่านผู้นำตระกูลคอยหนุนหลังอยู่ แต่ถ้าเขาตาย ย่อมไม่มีใครสามารถสร้างปัญหาให้แก่พวกเรา!”

“ตกลงตามนี้ พวกเราจะเข้ายึดธนาคารใต้ดินของตระกูลวงในเมืองนุ่ยเหมิง!”

ณ ตระกูลตี๋ ภายในห้องทำงาน ผู้ใช้พลังกว่า 5 คนกำลังนั่งกันอย่างเป็นระเบียบ และทั้งหมดล้วนเป็นเลเวล D

“ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ลงมือเถอะ”

“ว่าแต่ … ถ้าสำเร็จแล้ว พวกเราจะจัดการปัญหาด้านฉินเฟิงอย่างไร?”

“จะมอบเงินก้อนใหญ่ให้เขา หรือแบ่งปันผลดี? ”

“เหอะ จะมอบส่วนแบ่งให้เขาง่ายๆเลยหรือ? มอบปันผลให้ทั้งๆที่เขาไม่ต้องพยายามทำอะไรเลยเนี่ยนะ?”

“แต่เขาเป็นคนทำให้ซงจินควงหายตัวไป และถ้าเขาฆ่าซงจินควงได้จริงๆ คุณยังจะบอกว่าเขาไม่ได้พยายามอยู่หรือ?”

ณ ตระกูลหยาง ภายในห้องโถงอันวิจิตรงดงาม ผู้ใช้พลังเลเวล D ได้มารวมตัวกัน

“ไม่ว่าซงจินควงจะตายหรือไม่ แต่ตระกูลซงของพวกเขาไม่ได้ทรนงอย่างเคยอีกต่อไป รุ่นเยาว์ของตระกูลซงที่เก่งกาจเอง ก็ถูกสังหารลงไปแล้วโดยบลัดฮันเตอร์”

“บลัดฮันเตอร์ไม่เพียงสังหารผู้สืบทายาท แต่ยังสังหารอาวุโสไปถึง 4 คน และตอนนี้ก็ตายไปอีกหนึ่ง”

“ฮี่ฮี่ จาก 7 อาวุโสเหลือแค่ 2 ตระกูลซงจะยืนต่อไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?”

“ เริ่มลงมือเถอะ ถึงเวลาแล้วที่จะกำจัดมะเร็งร้ายอย่างตระกูลซง!!”

ทั้งสามตระกูลเริ่มเคลื่อนไหว อย่ามองแค่นี้เชียวนะ ถึงฐานประจำตระกูลซงจะเป็นหมู่บ้านในถิ่นทุรกันดาร แต่พวกเขาอยู่ในสี่เมืองทะเลเหนือมายาวนาน ฉะนั้นย่อมมีอุตสาหกรรมเป็นของตนเอง ความเร็วในการสั่งสมเงินตราโดยอุตสาหกรรมเหล่านั้น ตัวเลขอาจมีแนวโน้มมากกว่าอุตสาหกรรมทำเงินของสี่เมืองใหญ่ซะอีก

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อซงจินควงตายลง ตระกูลซงก็เท่ากับกลายเป็นแกะอ้วนรอคอยการถูกเชือด

สถานการณ์ดังกล่าว ไม่ต่างกับตอนที่ฉินเฟิงอยู่ในเมืองเฉิงหยางเลย เขากำจัดการดำรงอยู่ของอาวุโสตระกูลซิน ทุกอย่างคล้ายคลึงจนแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน

ในวันแรก ตระกูลซงสูญเสียอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดถึงสามแห่งในสี่เมืองทะเลเหนือ ความโกรธแค้นของพวกเขาแน่นอนพุ่งทะยานถึงสรวงสวรรค์ เกิดการต่อสู้กับผู้รุกรานอย่างดุเดือด

แต่ .. เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการสู้กันในรูปแบบหนึ่งต่อสาม ตระกูลซงต้องเผชิญหน้ากับสามตระกูลพร้อมกัน กำลังพลของพวกเขาไม่เพียงพอ หลังจากสู้เสี่ยงชีวิตไปได้พักหนึ่ง คนที่เหลืออยู่ก็ตัดสินใจยอมแพ้

ดังนั้นอาวุโสที่ยังเหลืออยู่ในตระกูลซง เลยตัดสินใจประกาศถอนตัวจากอุตสาหกรรมเหล่านั้นไป

ฝั่งตระกูลซงในเวลานี้ ราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกควันที่มองไม่เห็น

“ได้ข่าวท่านผู้นำรึยัง?”

“ไม่ จนถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้”

“แล้วเครื่องตรวจจับสัญญาณชีวิตเล่า?”

“ไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ นี่อาจเป็นข่าวดี”

“ข่าวดี? เหอๆ นี่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าแค่ผู้ใช้พลังเลเวล D คนเดียวจักสามารถสังหารท่านผู้นำได้?”

อาวุโสหนึ่ง และอาวุโสสอง ของตระกูลซง ปัจจุบันทำได้แค่ปลอบใจตนเอง!

ทำได้แค่เพียงเฝ้ารอ

วันที่สองผ่านไป

วันที่สาม

และสี่ผ่านไป

แต่ก็ยังไม่ได้รับข่าวจากซงจินควง ในขณะที่อาการบาดเจ็บของฉินเฟิง ได้รับการพักฟื้นจนหายดีแล้ว

ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งระหว่างสามตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณกับตระกูลซงก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

สถานการณ์ลุกลามใหญ่โต!

ณ ปราการชาตง ฉินเฟิงยังคงอยู่ในอพาร์ตเมนต์ชั้นสูง

เขานั่งเอนตัวอยู่บนโซฟา หลับตาสงบจิตสงบใจ โดยตรงกันข้ามเป็นหานน่วน

หานน่วนกำลังรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้

“มิสเตอร์ฉิน พวกเราจะปล่อยให้ทั้งสามตระกูลทำแบบนี้ต่อไปงั้นหรือ? ตระกูลซงมีอุตสาหกรรมอยู่หลายแห่ง แถมยังสามารถทำกำไรได้มากมาย!” หานน่วนกล่าว

หากอุตสาหกรรมเหล่านี้ตกอยู่ในมือฉินเฟิง กำไรแต่ละปี มันเทียบได้เลยกับการสังหารราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D !

แต่สำหรับฉินเฟิง เนื้อชิ้นนี้มิได้น่าสนใจอะไร

ราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D แล้วอย่างไร? เจ้าพวกนี้มีอยู่มากมาย และฉินเฟิงสามารถสังหารได้ในทุกๆอาทิตย์ ดังนั้นยิ่งเป็นหนึ่งปีอย่างที่ได้รับรายงาน คงไม่ต้องกล่าวถึง

“งั้นหรอ ลำบากคุณแล้วที่ต้องมารายงานเรื่องนี้” ฉินเฟิงกล่าว น้ำเสียงท่าที แสดงออกชัดเจนว่าไม่สนใจ

หานน่วนไม่ยินดียอมแพ้ “มิสเตอร์ฉิน ด้วยสถานะและความแข็งแกร่งของคุณในปัจจุบัน ขอแค่ยกมือหรืออ้าปาก ผู้ใช้พลังเลเวล E มากมายก็ยินดีรับใช้ หากคุณตัดสินใจเข้ายึดครองอุตสาหกรรมเหล่านั้น ฉันสามารถช่วยบริหารลูกน้องให้ช่วยดูแลได้ โดยที่คุณไม่ต้องลำบากอะไรเลย”

“ผมรู้ว่ามันยากจะยอมรับ แต่ขอให้คุณลืมมันเถอะ เอาไว้รอจนกว่าพวกตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณลงมือเสร็จสิ้น พวกเราค่อยไปเอาเงินมาก็พอแล้ว”

หานน่วนขบริมฝีปาก กล่าว “ฉันกลัวว่าพวกเขาจะไม่มอบเงินให้น่ะสิ อย่างน้อยตระกูลโหวก็ไม่มีทีท่าว่าจะทำแบบนั้นเลย”

“แล้วตระกูลอื่นๆเล่า?” ฉินเฟิงถาม

“ตระกูลโหวค่อนข้างลังเล พวกเขายินดีแบ่งเงินจากปันผลให้แค่ 5%เท่านั้น ส่วนตระกูลหยางจริงใจมาก พวกเขาให้เงินปันผลพวกเรามากถึง 20 % เป็นระยะเวลา 10 ปี แต่หลังจากจ่ายครบกำหนด สิทธิการครอบครองทั้งหมดจะตกเป็นของพวกเขา”

อิงตามเงื่อนไขดังกล่าว สมมติว่าอุตสาหกรรมทำกำไรปีละ 5,000 ล้านเหรียญ ครบ 10 ปี ฉินเฟิงจะได้รับเงินมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญ

นี่ถือว่าจริงใจพอสมควรเลย

ฉินเฟิงหัวเราะ “รับข้อเสนอของตระกูลหยาง ส่วนตระกูลตี๋ไปบอกให้พวกเขาจ่ายปันผลปีละ 30% เป็นเวลา 10 ปีถึงจะได้สิทธิครอบครองอย่างเด็ดขาดไป และบอกพวกตระกูลโหว ว่าให้จ่ายปันผลมาเป็นระยะเวลา 20 ปี ไม่งั้นไม่ต้องคุยกัน”

ต้องบอกว่าแม้หานน่วนจะไม่พอใจที่ฉินเฟิงไม่คว้าอุตสาหกรรมเหล่านั้นมาครอบครอง แต่คำพูดในตอนนี้ของฉินเฟิง เล่นเอาเธอตื่นตระหนกเล็กน้อย

“ตระกูลตี๋กับตระกูลโหวต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ”

“วางใจเถอะ เดี๋ยวพวกเขาจะยอมเห็นด้วยเอง!”

อาการบาดเจ็บของฉินเฟิงดีขึ้นมากแล้ว วันนี้เขาเลยคิดจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย

ฉินเฟิงพาไป๋หลีออกจากอพาร์ตเมนต์ อันดับแรกที่ทำหลังจากออกประตูคือเรียกสายฟ้าสีเงินออกมา และขับมันไปจอดหน้าตึกประมูล

ตึกประมูลชั้นหกได้รับการซ่อมแซมแล้ว และวันนี้ดันเป็นกลางเดือนที่จัดงานประมูลขึ้นพอดี

เมื่อฉินเฟิงปรากฏกายที่ทางเข้าห้องประมูล ผู้ใช้พลังเลเวล D มากมายมองมาที่เขา

แต่พวกเขาไม่แน่ใจ ว่าควรจะกล่าวอะไรกับฉินเฟิงดี

เวลานี้มีทั้งข้อกังวลและข้อสงสัยอยู่มากมาย

ฉินเฟิงเดินอย่างสงบ ตรงไปยังแผนกต้อนรับ และเริ่มกรอกรายการสินค้า

คราวที่แล้ว ฉินเฟิงก็กรอกข้อมูลลงไปเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันได้แลกเปลี่ยนพวกมัน ก็ดันเกิดเรื่องซะก่อน

【รองเท้าต่อสู้ระดับราชันย์เลเวล C , สภาพเสียหาย , ราคาเปิดประมูล : 20,000 ล้าน】

【เสื้อกั๊กระดับราชันย์เลเวล C , สภาพเสียหาย , ราคาเปิดประมูล : 18,000 ล้าน】

【กางเกงต่อสู้ระดับราชันย์เลเวล C , สภาพเสียหาย , ราคาเปิดประมูล : 17,000 ล้าน】

【เตียงหยกผลึกพลังงานธรรมชาติ , ราคาเปิดประมูล : 10,000 ล้าน】

【เครื่องหอมเลเวล C ราคาเปิดประมูล : 8,000 ล้าน】

【วัตถุดิบระดับราชันย์เลเวล D …. 7,000ล้าน 】

【เม็ดยาเลเวล D …. 5,000 ล้าน】

【 …. 】

【 … 】

ฉินเฟิงกรอกรายการสินค้าจนเกือบเต็มหนึ่งหน้า

สิ่งเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นของซงจินควง

ในเวลานั้นไป๋หลีได้ใช้พลังมิติบดขยี้ซงจินควง สิ่งที่เขาสวมใส่อยู่ทั้งหมดเลยได้รับความเสียหาย เรียกได้ว่าพังถึงขั้นร้ายแรง

มิฉะนั้นด้วยอุปกรณ์รูนเลเวล C ระดับราชันย์ ราคามันคงโดดไปมากถึง 5 – 6 หมื่นล้านเหรียญ

สิ่งที่ซงจินควงครอบครอง มีราคาสูงมากจริงๆ รวมๆแล้วอย่างต่ำก็น่าจะสัก 200,000 ล้าน

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้สำหรับซงจินควงคือทรัพย์สิน มิใช่สภาพคล่อง

เงินทุนหมุนเวียนของซงจินควงมีไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมองฉินเฟิงราวกับเป็นแกะอ้วน

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท