โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 383

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.383 – ต้นไม้กอร์กอน

เช้าวันรุ่งขึ้น ไคลินติดต่อหาเจ้านายของเขา –ผู้นำเมืองรุ่งอรุณ บรูโน่!

“นายกำลังบอกว่า ชายที่มาจากตะวันออกคนนั้น สามารถโค่นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D ด้วยตัวคนเดียวได้จริงๆ?”

บรูโน่แน่นอนมิได้อยู่ในเมืองรุ่งอรุณ หากไคลินต้องการติดต่อ ต้องผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

“ใช่ และดูเหมือนว่าเขาสามารถเอาชนะได้อย่างไม่ยากเย็นด้วย”

“เห? น่าสนใจดีนี่”

บรูโน่ขบคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะกล่าว “นายช่วยส่งวิดีโอนี้ให้แก่เขา และลองยิงถามว่าเขาสนใจรึเปล่า ถ้าเขาสามารถนำเมล็ดของพืชกลายพันธุ์ชนิดนี้มาได้ ฉันจะยอมขายดอกไม้หยาดน้ำตา 100,000 กระถางให้”

วิดีโอของบรูโน่ถูกส่งมาแทบจะในทันที

ไคลินได้รับวิดีโอ เปิดมันดู ตะลึงไปเล็กน้อย สุดท้ายพยักหน้ารับทราบ

จากนั้น ไคลินก็เดินทางไปหาฉินเฟิง และส่งวิดีโอนี้ให้เขาดู

ตัววิดีโอถูกถ่ายจากระยะไกล ภาพเลยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม มีอยู่สิ่งมีชีวิตหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตา นั่นเพราะมันมีขนาดใหญ่เกินไป!

เป็นต้นไม้ยักษ์! ถึงแม้มันจะไม่มีขนาดเท่าต้นไม้ในเมืองรุ่งอรุณ แต่ก็ถือว่าใหญ่โตเช่นกัน

ลำต้นโดยรวมยาวทั้งสิ้น 40 เมตร ส่วนยอดเป็นพุ่มกว้างกว่า 30 เมตร กิ่งก้านแตกแขนงออกไปด้านนอก ไม่มีใบ แต่มีเถาวัลย์ระโยงระยาง เลื้อยพันอยู่แทน

เถาวัลย์ห้อยลงมาตามกิ่งก้านราวกับเส้นผม และทุกๆเส้น มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 10 เซนติเมตร ทั้งยังเต็มไปด้วยหนามแหลม

ในขณะที่ตรงส่วนรากของต้นไม้ มีกระดูกของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นอนแห้งอยู่

และเบื้องล่างพืชกลายพันธุ์ต้นนี้ ก็มีดอกไม้หยาดน้ำตางอกอยู่เช่นกัน!

อีกทั้งดอกไม้หยาดน้ำตาที่งอก ยังมีขนาดใหญ่มาก

ตรงส่วนเส้นผ่านศูนย์กลางของดอก ยาว 10 เซนติเมตร กินเนื้อที่ถึง 1/4 ของดอก ลำต้นใหญ่โตสู้แดด ส่วนจานดอกราวกับดอกทานตะวัน ตามลำต้นเต็มไปด้วยร่องรอยน้อยใหญ่ และมีหยดน้ำไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

ไหลออกมาจนพื้นดินบริเวณพืชกลายพันธุ์สองชนิดนี้ตั้งรกรากอยู่ เจิ่งนองเป็นหนองน้ำ

ดอกไม้หยาดน้ำตามักจะหาสถานที่เหมาะสม เติบโตขึ้นไปพร้อมกับพืชชนิดอื่นเสมอ สิ่งมีชีวิตทั้งสองนี้ไม่ทราบว่าอยู่มานานกี่ปีแล้ว ถึงเปลี่ยนจากต้นกล้ามาจนใหญ่โตขนาดนี้ และดูจากรูปลักษณ์ เหมือนว่าดอกไม้หยาดน้ำตา จะเกิดการวิวัฒนาการ เปลี่ยนเป็นรูปแบบที่สอง

รูปแบบนี้มีอีกความสามารถหนึ่งเพิ่มเข้ามา นั่นคือสามารถกระจายกลิ่นหอมออกไป เพื่อล่อลวงและดึงดูดสัตว์ร้ายให้เข้ามาหาได้

“เป็นยังไง รู้สึกสนใจบ้างไหม? เจ้านายของฉันบอกว่า ตราบใดที่นายสามารถนำเมล็ดพันธุ์ของมันมาได้ จะอนุญาตให้ฉันขายดอกไม้หยาดน้ำตาให้นาย 100,000 กระถาง”

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจาง ยกสองแขนขึ้นกอดอก

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะชิงเมล็ดจาก ‘ต้นไม้กอร์กอน’ นับประสาอะไรกับเจ้าต้นนี้ ดูจากขนาดแล้ว อย่างน้อยสมควรมีระดับราชันย์!”

“เอ๋? นายรู้จักมันด้วยหรือ? ขอสารภาพตามตรง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร แต่หลังจากที่ฉันได้เห็นมัน ถึงตอนนี้ยังรู้สึกขนลุกอยู่เลย แต่ชื่อต้นไม้กอร์กอนเหมาะกับภาพลักษณ์ของมันจริงๆ” ไคลินกล่าว เอ่ยถามอย่างสงสัย “นายตั้งใจจะฆ่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้จริงๆน่ะหรือ? ถ้าถามฉัน ฉันว่าอย่าดีกว่า หาทางอื่นเถอะ เจ้าสิ่งนี้อันตราย .. มันดูน่าหวาดกลัวเกินไป”

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าผู้นำเมืองรุ่งอรุณกุมจุดอ่อนของฉินเฟิงได้อยู่หมัดจริงๆ!

สิ่งสำคัญน่ะไม่ใช่ต้นไม้กอร์กอนหรอก แต่เป็นดอกไม้หยาดน้ำตาระดับราชันย์ต่างหาก ที่ทำให้หัวใจเขาเต้นครึกโครม!

“ติดต่อหาท่านผู้นำ ว่าให้ช่วยส่งพิกัดมาให้หน่อย ผมจะลองดู และดอกไม้หยาดน้ำตาในวิดีโอนั่นต้องเป็นของผม ”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ไคลินตบอกรับประกัน

อย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงก็ได้รับตำแหน่งแบบเฉพาะเจาะจง เขาออกจากเมืองรุ่งอรุณในวันเดียวกัน

ณ ใจกลางป่านีล ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด แมลงและนกยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้ว กระทั่งสิ่งมีชีวิตบางอย่างก็เริ่มออกล่า

ฉินเฟิงเดินทางตลอดทั้งวัน จนอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ในที่สุดเขาก็มาถึงตำแหน่งที่ผู้นำเมืองรุ่งอรุณมอบให้

ระยะทางของสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างไกล มันอยู่ลึกเข้าไปในป่านีล

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการดำรงอยู่ระดับราชันย์ของต้นไม้กอร์กอน บริเวณนี้เลยไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าพักอาศัย

ท่ามกลางความมืดมิด สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โฉบผ่านผืนฟ้า

เมื่อแหงนหน้ามองก็พบว่าเป็นนกปีกมังกร! ความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล D มองจากระยะไกล น่าจะอยู่ในระดับนายพลสัตว์ร้าย

การที่มันสามารถไปถึงระดับนายพลไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เพราะยังไงซะ แม้ตัวมันจะผสานไปด้วยเลือดจางๆของมังกร แต่นั่นก็เพียงพอที่จะช่วยให้การยกระดับของมันเป็นไปอย่างราบรื่น

นกปีกมังกรบินข้ามผ่านบริเวณนี้ แต่ทันใดนั้นเอง มันพลันได้กลิ่นหอมอันโอชะ ดังนั้นโฉบตัวบินต่ำลงมา คล้ายต้องการจะจับเหยื่อ แต่ก็ไม่พบเป้าหมายแต่อย่างใด

ในเวลานั้นเอง ต้นไม้กอร์กอนก็เริ่มลงมือ

เถาวัลย์ร่ายระบำดุเดือด รูปลักษ์ยามโบกสะบัดของมัน ชวนให้ผู้คนที่เฝ้ามองรู้สึกหวาดกลัว สั่นไหวในจิตใจ

เป็นฉากสยดสยอง น่าพรั่นพรึง!

นกปีกมังกรถูกรัดพันในชั่วพริบตา

“กูวววว!”

นกปีกมังกรคำราม พยายามดิ้นรนขัดขืน เสียงอึกทักดังสะท้อนไปไกล ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กบางตัวตกใจ วิ่งเตลิดไปไกล

ฉินเฟิงยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เฝ้ามองต้นไม้กลายพันธุ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเห็นนกปีกมังกรถูกรัดพันโดยเถาวัลย์ของต้นไม้กอร์กอน และถูกสังหารลงในเวลาไม่ถึงสิบนาที ร่างของมันร่วงหล่นลงบนรากไม้เบื้องล่าง กลายเป็นปุ๋ยบำรุง

หน้าผากของฉินเฟิงเริ่มยับย่น

ระยะโจมตีของต้นไม้กอร์กอนกว้างมาก ยิ่งมีเถาวัลย์ ระยะของมันก็ยิ่งขยายออกมาได้กว่า 100 เมตร การจะขโมยเมล็ดพันธุ์ต้นไม้กอร์กอน แทบเป็นไปไม่ได้เลย

เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ของอีกฝ่าย แท้จริงแล้วมันคือผลไม้! ผลไม้ที่มีขนาดเท่ากับไข่งู แต่มิได้ห้อยอยู่บนลำต้นไม้กอร์กอน ทว่าอยู่ตรงราก

ยังไม่พอ การเชื่อมต่อกับผลไม้เป็นเรื่องที่ยากมาก อาศัยเพียงพลังสมาธิอย่างเดียว ไม่สามารถดึงมันขึ้นมาได้ จำเป็นต้องให้ต้นไม้กอร์กอนตายเท่านั้น ทว่าเมื่อแม่ตาย ผลไม้ในฐานะลูกก็จะหลุดจากก้านโดยอัตโนมัติ และต่อจากนั้นมันก็จะงอกเป็นต้นไม้กอร์กอนต้นใหม่

ไหนจะปัญหาที่มีดอกไม้หยาดน้ำตาระดับราชันย์อยู่ใกล้ๆกับมันอีก

เมื่อขบคิดถึงจุดนี้ ฉินเฟิงก็เปิดอุปกรณ์สื่อสาร

เขาบันทึกพิกัดมิติตรงตำแหน่งนี้ และส่งมันไปให้ไป๋หลี

โชคยังดี ที่อุปกรณ์สื่อสารยังสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายสงครามได้ ฉินเฟิงที่อยู่ในซีกโลกตะวันตกเลยยังพอสามารถส่งข้อความหาเธอได้

ไม่นาน ข้างกายฉินเฟิงก็พลันสาดไปด้วยแสงสีเงิน

ช่องว่างมิติถูกเปิดออก!

ไป๋หลีก้าวออกมาจากข้างในโดยตรง

“เรียกฉันมาที่นี่ทำไม? หรือว่าคุณคิดถึงฉัน?” ไป๋หลีเชิดหน้าขึ้น คล้ายกำลังบอกให้อีกฝ่ายยอมรับ

ฉินเฟิงขบขัน ยื่นมือไปลูบไล้ผมยาวสลวย วางมือลงบนไหล่ ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาหอมแก้มน้อยๆ

“ที่รักเดาได้ถูกต้อง คิดถึงจังเลย”

ไป๋หลีหน้าแดงทันใด

“จิ๊ส์! ออกไปเลยนะ กลางวันแสกๆแท้ๆ ทำตัวไร้ยางอายแบบนี้ได้ยังไง!”

ฉินเฟิงหัวเราะ

“ทางฝั่งเธอเป็นตอนเช้า แต่ของฉันเป็นตอนกลางคืน”

ไป๋หลีเงยหน้าขึ้น และพบว่าฟ้ามืดจริงๆ

“ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม จะกลับแล้วนะ!”

“อย่าเพิ่งๆ ฉันไม่แกล้งเธอแล้ว” ฉินเฟิงหยอกล้อไป๋หลีพอหอมปากหอมคอ ถึงจะห่างกันแค่ 2 วัน แต่การได้ทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆก็ยังช่วยให้อิ่มเอมหัวใจ

“เอาล่ะ ช่วยเงียบเสียงลงก่อน ฉันมีเรื่องอยากให้เธอจัดการ” ฉินเฟิงกล่าว

“เรื่องอะไรหรอ หรือว่าให้ไปสู้กับเจ้าตัวโตนั่น?”

“ไม่ใช่หรอก” ฉินเฟิงส่ายหัว ถ้าให้จัดการต้นไม้กอร์กอน เขาลุยเองก็ได้ “ฉันอยากให้เธอใช้อบิลิตี้มิติ ย้ายดอกไม้หยาดน้ำตานั่นออกมา”

ฉินเฟิงชี้ไปยังตำแหน่งของดอกไม้หยาดน้ำตาเบื้องล่าง ไป๋หลีเห็นดอกไม้ต้นใหญ่ แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมีไว้เพื่ออะไร แต่ฉินเฟิงได้เก็บสะสมอะไรทำนองนี้ไว้มากมายในสุสานเทพสงคราม เธอจึงไม่เอ่ยถามอะไรเพิ่มเติม

“ก็แค่เรื่องง่ายๆ”

พลังสมาธิของไป๋หลีปขยายออก ชี้นิ้วไปยังดอกไม้

ในพริบตา ตำแหน่งที่ดอกไม้หยาดน้ำตาตั้งอยู่ พลันถูกห่อหุ้มไปด้วยกล่องสีเงินขนาดใหญ่

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท