โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 401

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

1/5

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.401 – เปลี่ยนเป้าหมาย

“เสร็จภารกิจแล้ว พวกเราถอย!”

ฉินเฟิงไม่คิดจัดระเบียบวัตถุดิบจักรพรรดิช้างหวันเซี่ยง เขาให้ไป๋หลีใส่ลงพื้นที่มิติของเธอ เก็บทั้งตัวลงไปในคราวเดียว

คนอื่นๆไม่ได้แปลกใจอะไร พวกเขาพอจะรู้อยู่แล้วว่าฉินเฟิงครอบครองอุปกรณ์รูนมิติขนาดใหญ่

สำหรับเลเวล D อุปกรณ์รูนมิติคือสิ่งที่ทุกคนพกติดตัว แม้จะมีพื้นที่ใหญ่ไม่พอ แต่สามารถกำจัดปัญหานี้ได้โดยพกติดตัวไว้หลายๆอัน

รูนมืดโอบเข้าปกคลุมฝูงชน ทั้งหมดเร่งล่าถอยอย่างรวดเร็ว

หากใช้สิ่งนี้ สัตว์ร้ายย่อมไม่พบพวกเขา แต่ถ้าเป็นคนอาจมีโอกาส ดังนั้นฉินเฟิงไม่คิดประมาท เร่งเดินทางทั้งวันไม่หยุดพัก ในที่สุดสามารถกลับมายังสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3 ได้

เมื่อก้าวเข้าสู่สถานชุมชน พวกเขาก็นับว่าปลอดภัยแล้ว

เล่ยหยิงแม้แข็งแกร่งเพียงใด แต่หากคิดสร้างปัญหาให้แก่ฉินเฟิงในสถานชุมชน เขาย่อมไม่กล้า

หลังจากได้รับข่าวของฉินเฟิง เล่ยหยิงอ้าปากคำรามด้วยความโกรธจนปอดแทบระเบิด

ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าการเดินทางในครั้งนี้จะสูญเปล่า!

ฝั่งฉินเฟิงเมื่อว่างเว้น ถึงค่อยมีเวลาติดต่อกลับหาเกาหยูคัง

เกาหยูคังเร่งกดรับสาย เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมเบื้องหลังฉินเฟิง เขาก็ตะลึงไปเล็กน้อย

“นั่นคุณกลับถึงสถานชุมชนแล้ว?”

รูปแบบสิ่งปลูกสร้างและการประดับประดาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเฉพาะในสถานชุมชนเท่านั้น

“อืม ผมกลับมาแล้ว”

“แต่ไม่ใช่ว่าคุณกำลังต่อสู้อยู่กลางหุบเขาหรอกหรือ? มันเกิดอะไรขึ้น คุณกลับไปเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร”

ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรคำนวณ ฉินเฟิงก็ไม่น่าเดินทางกลับสถานชุมชนในหนึ่งวันได้

“ความลับ” ฉินเฟิงยิ้มบาง

เกาหยูคังอดสำลักไม่ได้ เขาฉุกคิดถึงบางอย่างขึ้นได้พอดี หัวเราะออกมาดังๆ “จริงสิระหว่างที่คุณกำลังสังหารจักรพรรดิช้างหวันเซี่ยงในหุบเขา ฉันได้ยินมาว่าเล่ยหยิงรวบรวมคนไปปิดล้อมคุณ แต่คุณกลับมายังสถานชุมชนได้แล้ว พวกเขาคงกินแห้วไปตามระเบียบ”

ฉินเฟิงพอทราบข่าว หน้าผากเขาเริ่มเกิดรอยยับย่น

“ปิดล้อมผมหรือ? เขาพาใครไปบ้าง?”

“ไม่กี่คนหรอก แต่ทุกคนล้วนแข็งแกร่งมี ฮั่นเฉิงหมิง , เล่ายี่ , หวังเจี้ยน และอีกคนเป็นองค์กรมืดแบบเต็มตัว ชื่อว่าหลิวเป่ย”

–หลิวเป่ย!

ได้ยินชื่อนี้ ฉินเฟิงอดตกใจไม่ได้

เพราะในอนาคต เขาจะกลายเป็นถึงผู้ใช้วรยุทธโบราณวิถีมารเลเวล A

ไอ้เจ้าเล่ยหยิง ดูเหมือนจะแค้นฝังลึกจริงๆ

สีหน้าของฉินเฟิงเริ่มกลายเป็นเคร่งขรึมมากขึ้น

“ผู้การรัฐเกา ทางคุณก็ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ด้วย”

“ทำไมหรือ?”

“คุณคิดว่าเล่ยหยิงจะยอมกลับไปมือเปล่าอย่างงั้นหรือ? ไม่หรอก โจรอย่างมันไม่คิดเดินเตะฝุ่นอยู่เฉยๆ ความจริงข้อนี้ คุณน่าจะเข้าใจดี”

ขณะเดียวกัน ใจกลางเทือกเขาหลงฉวน เล่ยหยิงกับพรรคพวกอีก 4 คน อยู่ห่างจากหุบเขาของฉินเฟิงเป็นระยะทางราวๆครึ่งวัน แต่ข่าวกลับถูกส่งมา ว่าฉินเฟิงกลับไปยังสถานชุมชนซะแล้ว

“ไอ้บ้าเอ๊ย!”

“แบบนี้ไม่เท่ากับเดินทางสูญเปล่าหรอกหรือ?”

“ไอ้หนูนั่น มันใช้วิธีอะไรกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะสามารถกลับไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ”

“แล้วตอนนี้จะเอายังไงกันต่อ?”

สีหน้าของทั้งสี่ ไม่ค่อยดีนัก

โดยเฉพาะเล่ยหยิง ดำคล้ำยิ่งกว่าปกติ

“ฉันจำได้ว่าเกาหยูคังเองเหมือนเพิ่งจะออกเดินทาง ไหนๆพวกเราก็มาที่นี่แล้ว ฉะนั้นหากไม่ให้เสียเวลา มันก็แค่เรื่องง่ายๆ”

แค่เปลี่ยนเป้าหมายก็จบแล้ว

ฮั่นเฉิงหมิงกับเล่ายี่ลังเลเล็กน้อย พวกเขามีลิมิตในการลงมืออยู่ หากให้ปล้นผู้ใช้พลังเลเวล D มันคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าถึงขั้นต้องสู้กับเกาหยูคัง พวกเขาไม่อยากเสี่ยงลงทุนถึงขนาดนั้น

หลิวเป่ยเผยรอยยิ้มจาง เอ่ยปากกล่าว “ตกลง ในเมื่อออกมาแล้ว จะปล่อยให้คมมีดไม่ดื่มเลือดเลยได้อย่างไร”

คนอื่นๆมองไปทางหลิวเป่ย ทั้งตัวสั่นสะท้าน สุดท้ายจำใจยอมรับ

สำหรับบรรดาเลเวล C แม้หลิวเป่ยจะเป็นคนขององค์กรมืดเต็มตัว แต่หลายคนก็ไม่คิดปฏิเสธจะร่วมมือกับบุคคลเช่นเขา

เนื่องจากชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักกันดี ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง คือบุคคลประเภทอัจฉริยะ

แน่นอนถึงหลิวเป่ยจะอัจฉริยะเพียงใด แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สถานชุมชนของพันธมิตรมนุษยชาติ นั่นเพราะเจ้าตัวมีบางอย่างที่ผิดแผกออกไปจากคนอื่น!

–เป็นอัจฉริยะแต่กลับมีนิสัยป่าเถื่อน ชอบไล่สังหารผู้บริสุทธิ์ และฝึกยุทธด้วยวิชามาร!

ตอนนี้รูปลักษณ์หลิวเป่ยดูเหมือนกับวัยรุ่น แต่อันที่จริง เขาอายุ 27 ปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม สามารถก้าวมาอยู่ในเลเวล C ได้ในอายุ 27 ปี นั่นหมายความว่า หากเทียบกันในแง่พรสวรรค์เขาเหนือกว่าเกาหยูคัง

“งั้นไปเหอะ”

เล่ยหยิงกล่าวเสียงจม คนอื่นๆพยักหน้า ทั้งห้าเปลี่ยนเส้นทาง เริ่มตรวจสอบตำแหน่งของเกาหยูคัง

เกาหยูคังขมวดคิ้วมุ่น

ตอนแรกเขาขบขันที่เล่ยหยิงทำพลาด แต่ดันลืมไปว่าคนเหล่านั้น มีแนวโน้มที่จะบุกมาหาเขาเช่นกัน

โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้เล่ยหยิงพลาดท่าแก่เขาอย่างยับเยิน นั่นเท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับเล่ยหยิงไปโดยปริยาย!

“ไอ้สารเลวนี่ มันตัวมะเร็งร้ายโดยแท้”

เกาหยูคังสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ

เป็นไปตามการคาดเดาของกลุ่มเล่ยถัง ในกองกำลังของเกาหยูคัง มีอีกคนหนึ่งได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นเลเวล C แล้ว ดังนั้นกองทหารรับจ้างเหิงหยูจึงมีเลเวล C อยู่ถึง 2 คน แต่เมื่อเทียบกับคนที่เล่ยหยิงนำมา จำนวนถือว่าน้อยเกินไปอยู่ดี

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เกาหยูคังรีบติดต่อฉินเฟิงอีกครั้ง

“ฉินเฟิง ในเมื่อคุณสามารถกลับไปยังสถานชุมชนโดยใช้เวลาแค่วันเดียว ถ้าอย่างนั้น คุณพอจะมาสมทบกับฉันได้ไหม ถ้าเล่ยหยิงมาลอบโจมตีพวกเราจริงๆ ฉันจะจ่ายให้คุณ 100,000 ล้าน แต่ถ้าไม่ พวกเราจะไปออกล่าจักรพรรดิสัตว์ร้ายกัน และส่วนแบ่งเอาเป็นแบบ 4 ต่อ 6 เป็นอย่างไร?”

รางวัลนี้ เมื่อเทียบกับครั้งก่อนแล้ว ถือว่าสูงกว่ามาก

“ตกลง!”

ฉินเฟิงไม่ต้องเสียเวลาคิด รับปากทันที

อย่างไรก็ตาม ช่วง 3 – 4 วันที่ผ่านมาสมาชิกทหารรับจ้างเฟิงหลีก็เหน็ดเหนื่อยเช่นกัน ทั้งหมดจึงถูกสั่งให้คอยเบื้องหลัง แยกส่วนจักรพรรดิสัตว์ร้ายแล้วนำไปขาย ส่วนฉินเฟิงนำไป๋หลีออกจากหลงฉวนอีกครั้ง

เทือกเขาหลงฉวนกว้างใหญ่มาก แต่ด้วยอบิลิตี้มิติ ส่งผลให้การเดินทางของฉินเฟิงและไป๋หลีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงวัน เขาก็ตามคณะของเล่ยหยิงทัน

ฉินเฟิงกวาดพลังสมาธิจากระยะไกล เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งโดยประมาณของคนอื่นๆที่เล่ยหยิงพามา

ทางฝั่งเกาหยูคังมี 2 เลเวล C รวมไป๋หลีและความแข็งแกร่งที่มากกว่าคนปกติของฉินเฟิงด้วยก็เป็น 4 ดังนั้นการต่อสู้จะเป็นในรูปแบบ 4 : 5 ถือว่าพวกเขาไม่เสียเปรียบมากนัก

นั่นเพราะไป๋หลี มิใช่เลเวล C ธรรมดา!

ฉินเฟิงย้อนนึกในความทรงจำ และเดินทางต่อไปยังตำแหน่งที่เกาหยูคังอยู่

ขณะเดียวกัน เล่ยหยิงที่กำลังนั่งพักผ่อน จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นทันใด มองไปยังตำแหน่งที่ฉินเฟิงเพิ่งหายตัวไป

“เกิดอะไรขึ้น หรือว่าคุณพบอะไร?”

“การรับรู้ของฉันเหมือนจะสัมผัสได้ถึงคนคุ้นเคย แต่มันเร็วเกินไป จับไม่ทัน”

พลังสมาธิของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในกรณีที่อีกฝ่ายถอนตัวกลับเร็วเกินไป ผู้ถูกสัมผัสจะไม่สามารถแยกแยะโดยละเอียดได้

อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของเล่ยหยิง เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น

ครึ่งวันถัดมา ในที่สุดเล่ยหยิงก็มาถึงตำแหน่งที่กองกำลังของเกาหยูคังอยู่

แต่เมื่อมาถึง เขากลับได้ยินถึงเสียงสนั่นของการต่อสู้

ทั้งหมดเบิกตากว้าง ความตื่นเต้นทอประกายในแววตา

“เกาหยูคังเดาได้ว่าพวกเรากำลังจะมา นั่นเป็นเหตุผลให้เขารีบสังหารสัตว์ร้ายเป้าหมาย”

“ฮี่ฮี่ มันหว่านแห ส่วนพวกเรารองับเหยื่อ”

“เกาหยูคัง หากคิดจะโทษ ก็โทษฉินเฟิงเถอะ!”

เล่ยหยิงฉีกยิ้มน่าหวาดกลัว คนอื่นๆมอง บังเกิดความรู้สึกมีกระแสไฟฟ้าวูบผ่านร่างกาย

“ก้าวอัสนี!”

ความเร็วพุ่งสูงขึ้น อีกสี่ผู้ใช้วรยุทธโบราณ ใช้ออกด้วยวิชาตัวเบา ไล่ตามไปติดๆไม่ยอมถูกทิ้งล้าหลัง

ทั้งห้าบุกไปข้างหน้าพร้อมกัน

“ฮือ … ”

เปรี้ยง!

จักรพรรดิสัตว์ร้ายส่งเสียงคร่ำครวญน่าเวทนา ลากเสียงยาวเหยียดคล้ายใกล้ถึงวาระสุดท้าย

ขณะเดียวกัน เล่ยหยิงและคนอื่นๆก็มาถึงสนามรบพอดี

สนามรบคราวนี้ คั่นกลางระหว่างภูเขาสองลูก ปัจจุบันทั่วบริเวณอบอวลไปด้วยเลือด

โดยใจกลางระหว่างภูเขา ปรากฏร่างมโหฬารของสัตว์ร้ายนอนหมอบอยู่

“นั่นจักรพรรดิสัตว์ร้าย!”

ดวงตาของเล่ยหยิงสาดประกายความโลภ เริ่มกวาดมองสถานการณ์โดยรอบ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท