The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1208 – ความจริงประจักษ์แจ้ง

ตอนที่ 1208 - ความจริงประจักษ์แจ้ง

  โครงกระดูกมังกรวารีพยักหน้าหลังจากให้ผนึกกับซือหยู เจตจำนงเทพของนางก็ยิ่งอ่อนแอลงไปอีก นางกำลังจะสลายไปแล้ว

   สุดท้าย…จงระวัง…คุกเทวะห้าธาตุ…อย่าเชื่ออะไรที่เจ้าได้เรียนรู้จากมัน… 

  ก่อนที่จะสลายไปโครงกระดูกมังกรวารีได้มองคุกเทวะห้าธาตุที่ซือหยูพกติดตัว

  เพราะในคุกวิญญาณห้าธาตุนั้นมีวิญญาณมังกรวารีอยู่ข้างในซึ่งก็คือมังกรวารีที่นางสังหาร!

  เมื่อนางพูดจบเจตจำนงของนางสลายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงแต่โครงกระดูกที่กระจายทั่วพื้น

  ซือหยูโค้งคำนับก่อนจะเก็บโครงกระดูกนางฝังในโลกหอคอยนางจะได้ตายตาหลับหากมีกังต้าเหล่ยอยู่ใกล้ ๆ

  ส่วนมังกรวารีอีกตัวนั้น…ซือหยูไม่เคยเชื่อใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

  ในขณะเดียวกันที่โลกภายนอก…

  โลหิตสาดกระจายทั่วโลกเทพเซียชนคันฉ่องเหล่าสิ่งมีชีวิตในโลกของนางร่ำไห้ด้วยความทุกข์ทรมาน

  แสงเทพสาดส่องไปทั้งโลกพันธมิตรบูรพา

  ทุกคนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น!

  เทพสามคนแตกดับในวันเดียว!

  จะไม่มีผู้ใดลืมเหตุการณ์วันนี้ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่!

  สวรรค์หลั่งน้ำตาเป็นโลหิตทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกร่ำไห้

  เหล่าเทพรีบมายังที่เกิดเหตุด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

  นอกจากอสูรรุกรานแล้วจะมีเหตุผลใดที่ทำให้เทพสามคนตายพร้อมกันได้เล่า?

  เทพรากษสต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อนนางจู่โจมเทพไม้และเทพปีศาจจนทั้งสองเสียเปรียบและกำลังจะพ่ายแพ้

  แต่เทพเซียนคันฉ่องกลับตายไปเสียแล้ว!

  เทพรากษสชักสีหน้าเมื่อจ้องมองเขาห้าธาตุด้วยความตกตะลึงทันทีที่เทพเซียนคันฉ่องตายจากไป เทพรากษสรู้สึกว่ามีคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวแล่นผ่านออกมา

  พลังที่สัมผัสได้เหนือกว่าฑากิณีเสียอีก!

  และเมื่อสัมผัสได้ว่าเทพหลายคนกำลังใกล้เข้ามาเทพรากษสรู้ว่าตนไม่มีทางจะสังหารซือหยูได้ทัน เขาจะต้องรีบถอยหลังจากเอาชนะเทพไม้กับเทพปีศาจ

  เทพไม้และเทพปีศาจถอนหายใจด้วยความโล่งอก

  ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!

  ลำแสงเทพมากมายพุ่งลงมาอย่างรวดเร็วเข้าล้อมเทพไม้และเทพปีศาจเอาไว้

  ฑากิณีเทพการค้า เทพเจิ้ง เทพกระบี่และเทพระดับต่ำกว่าอื่น ๆ จับตาดูทั้งสองอย่าใกล้ชิด

  เทพที่ไม่คุ้นหน้าพลังที่ไม่คุ้นเคย และเทพไม้ยังมีดวงวิญญาณของเทพสองคนอยู่ในมือ!

   พวกเจ้ามาจากที่ใด?เหตุใดถึงได้เริ่มสังหารในพันธมิตรบูรพา? 

  เทพเจิ้งแววตามีจิตสังหารโดยเฉพาะเมื่อสัมผัสได้ว่าเทพทั้งสองไม่ใช่เทพธรรมดา

  เทพหนึ่งคนสวมชุดสีมรกตที่ดูอ่อนแอและบอบบางแต่พลังของนางสามารถยืนอยู่ท่ามกลางเทพสูงสุดทั้งเก้าได้ นอกจากเทพสามอันดับแรกแล้ว ไม่มีเทพอื่นที่มั่นใจว่าจะเอาชนะนาง

  ส่วนสุนัขตัวยักษ์…นั่นทำให้พวกนางกลัวยิ่งกว่าเดิม

  แม้จะยังมีพลังไม่ถึงว่าที่เทพแต่ความรู้สึกประหลาดจากมันนั้นเหนือยิ่งกว่าเทพสตรี

  เทพไม้ไม่พอใจนัก   พวกเจ้าบ้าไปแล้วเรอะ?เป็นเทพของพวกเจ้าต่างหากที่ไล่ล่าเรา ปิดล้อมเรา และขวางทางเรา! เจ้าตัวดำนั่นก็หายไปแล้ว! 

  เทพปีศาจยิ้มโดยไม่พูดอะไรพลังปีศาจที่ปล่อยออกมานั้นมากพอที่จะทำให้เทพอื่น ๆ กลัว

  ในขณะที่เทพทั้งสองกลุ่มจะเริ่มต่อสู้อยู่นั้นเองซือหยูได้เดินออกมาจากเขาห้าธาตุ เมื่อใช้ความคิด เขาห้าธาตุได้ลดขนาดลงเหลือเท่าหนึ่งฝ่ามือ เขาเก็บมันไว้ในมุกวิญญาณเก้าหยก

   ซือหยู! 

  เทพทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

  แม้แต่เทพเจิ้งเองก็ผงะนางรู้ว่าซือหยูไม่ได้หนีไปไหนแต่อยู่ที่โลกสุสานเทพกับบุตรสาวนางและเทพจิง

  และนั่นทำให้นางตกใจยิ่งกว่าเดิมทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่กัน? แล้วเขามีความสัมพันธ์แบบใดกับเทพสองคนนี้?   หลายคนเหลือบมองตากันและหันมองซือหยูพวกเขาหารือแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา

  พูดตามเหตุผลซือหยูคืออาชญากรต้องโทษ พวกเขาควรจะจับตัวซือหยูเมื่อได้พบ แต่ก็ไม่มีใครเต็มใจทำ

  เทพทุกคนจดจำน้ำใจซือหยูที่ทำลายขุมทรัพย์เทพตำราได้ดี

  แต่ไม่นานนักชายคนหนึ่งได้สงเสียงขึ้นมา

   ท่านเทพทั้งหลายซือหยูสังหารผู้คุมกฎ ละเมิดต่อกฎของพันธมิตร มันควรถูกโทษประหารเดี๋ยวนี้! 

  ฉินเฟยเฉินคำรามถึงสวรรค์

  ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีเมื่อเทพทุกคนมารวมตัวกันมันเกินกว่าการควบคุมแล้ว เขาหวังเพียงว่าจะมีเทพที่ตัดสินใจเฉียบขาดพอจะลงมือ

  ถ้าเขาไม่พูดบางทีเทพบางคนอาจเตรียมพร้อมสังหารซือหยูอยู่แล้วก็ได้

  แต่เมื่อเห็นทายาทตระกูลเทพตำรารบเร้าพวกเขาก็หยุดมือ

  เหตุการณ์อันน่าอึดอัดดำเนินต่อไปเพียงครู่สั้นๆ ก่อนที่ฑากิณีจะพูดออกมา

   ซือหยูตระกูลเทพตำราอ้างว่าเจ้าละเมิดกฎพันธมิตรโดยสังหารผู้คุมกฎ เป็นจริงหรือไม่? 

  ฑากิณีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันบริสุทธิ์อย่างที่นางทำอยู่เสมอ

  แทนที่จะตอบทันทีซือหยูถามกลับ

   ถ้าข้าทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้คุมกฎเองได้ฝ่าฝืนกฎ ทำผิดอย่างให้อภัยมิได้เล่า? การเข้าไปหยุดผู้คุมกฎนั้นนับเป็นความผิดหรือไม่? 

  จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ซือหยูจะได้มีชีวิตรอด

  ฑากิณีตอบ

   หากความผิดที่เขาผู้นั้นกระทำยิ่งใหญ่กว่าความผิดในการสังหารผู้คุมกฎเช่นนั้นความผิดย่อมเป็นโมฆะ 

   ดีข้าค่อยโล่งใจหน่อย! 

  ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์

   ท่านพูดถูกแล้วข้าเป็นคนสังหารฉินคั่ว! 

  เหล่าเทพไม่แปลกใจเมื่อได้ยินคำสารภาพเพราะพวกเขาได้เห็นหลักฐานจากฉินเฟยเฉินมาแล้ว

  ฑากิณีเรียกคันฉ่องของฉินเฟยเฉินให้ซือหยูดู

  ภาพเหตุการณ์สังหารฉินคั่วแสดงออกมาอย่างละเอียด

   ข้ายินดีที่เจ้ากล้าหาญพอจะยอมรับความผิดแทนที่จะเลี่ยงตัวจากความรับผิดชอบ… 

  ฑากิณีกล่าว

   หากยืนยันความผิดได้แล้วเจ้าจะถูกลงโทษตามกฎของพันธมิตร    เมื่อพูดจบฑากิณีรวบรวมพลังและเตรียมสังหารซือหยู

   ท่านไม่เคยคิดเลยหรือว่าเหตุใดถึงมีภาพเหตุการณ์สั้นๆ เพียงตอนที่ข้าทำการสังหารฉินคั่ว? มันไม่มีสาเหตุให้เห็นด้วยซ้ำไป! 

  ซือหยูสีหน้าไร้อารมณ์

  ฑากิณีถาม

   เจ้าอยากจะแก้ตัวหรือ? 

   ข้าจะแก้ตัวทำไมกัน?ข้าไม่เคยเป็นฝ่ายผิดอยู่แล้ว… 

  ซือหยูตอบ

  ก่อนที่สถานการณ์จะแย่ไปกว่านี้ฉินเฟยเฉินรีบแทรกเข้ามา

   ท่านฑากิณีอย่าโดนคนชั่วช้าเช่นนี้หลอกนะ มันกำลังจะพูดให้ตัวเองพ้นผิด! 

   ข้าขอเป็นตัวแทนตระกูลเทพตำราข้าขอร้องท่านฑากิณีด้วยใจจริงให้ลงโทษมันด้วยกฎของพันธมิตร!    ฑากิณีมองซือหยู

   ถ้าเจ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดแล้วข้าจะประหารเจ้าตามกฎ 

   สิ่งที่ข้าจะพูดเป็นเรื่องง่ายๆ ฉินคั่วที่เป็นผู้คุมกฎนั้นสมคบคิดกับเผ่าอสูร ขณะที่ข้ากำลังสังหารอสูร ฉินคั่วมาหยุดข้าด้วยตำแหน่งผู้คุมกฎ ยามที่ข้ายืนยันจะสังหารอสูร คินฉั่วกลับพยายามสังหารข้าแทน! 

  ซือหยูพูด

  เมื่อได้ฟังเทพทุกคนเลิกคิ้ว

  ผู้คุมกฎสมคบคิดกับอสูรรึ?นี่เป็นข่าวใหญ่ของพันธมิตรบูรพาเลยทีเดียว

  ผู้คุมกฎคือบุคคลที่พึ่งพาได้และน่าเชื่อถือที่ถูกเหล่าเทพคัดสรรมาเอง

  ถ้าหากผู้คุมกฎร่วมมือกับเผ่าอสูรแล้วเทพที่เหนือกว่าผู้คุมกฎคนนั้นเล่า?

   น่าขันคำพูดไร้ค่าหากไร้หลักฐาน เจ้าคิดว่าเจ้าจะใส่ความผู้คุมกฎตระกูลข้าได้เพราะคำพูดเหลวไหลเรอะ?    ฉินเฟยเฉินถอนหายใจแรง

  หากซือหยูต้องการหลักฐานเขาจะต้องเดินทางกลับไปยังงจิวโจว

  และเขาจะต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งปีในการกลับมา

   เจ้ามีหลักฐานหรือไม่? 

  ฑากิณีถาม

  ซือหยูส่ายหัว

   มันไม่ได้อยู่กับข้า 

  ฉินเฟยเฉินยิ้มเยาะ

   เจ้าคิดจะให้พวกข้ารอครึ่งปีเรอะ?อย่าคิดใช้วิธียื้อเวลากระจอก ๆ แบบนี้ต่อหน้าเทพเลย เจ้าจะกลายเป็นตัวตลกเอาได้! 

  ซือหยูเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจ

   ข้าเพียงพูดว่าหลักฐานไม่ได้อยู่กับข้าแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหลักฐานอยู่กับคนอื่นเช่นกัน 

  เมือ่เขาพูดจบเขาหันไปมองบุรุษและสตรีที่ขอบนภาที่กำลังบินมาหา

   เทพขนนกภารกิจเสร็จแล้ว 

  จักรพรรดิผีนั้นสุขุมเยือกเย็นต่อหน้าเทพทุกคนแม้ว่าจะมีเทพผีที่เป็นบิดาเขาอยู่ด้วยก็ตาม

  เจี๋ยนอู๋เชิงไม่ได้ทำอะไรเลยนางเพียงไปยืนด้านหลังซือหยูเงียบ ๆ

   ขอบคุณเจ้าสองคนที่เหนื่อยยาก 

  ซือหยูรับคันฉ่องมมาจากจักรพรรดิผีและอัดพลังอสูรเนรมิตรลงไปภาพเหตุการณ์ในอดีตเผยออกมา

  ยามที่ซือหยูกำลังจะสังหารราชาเขตกลางฉินคั่วได้ปรากฏตัวออกมาและสั่งที่จะเอาตัวราชาเขตกลางไป สีหน้าท่าทางของเขานั้นอวดดีเป็นอย่างยิ่ง

  เหล่าเทพขนลุกเมื่อเห็นเหตุการณ์จริงผู้คุมกฎสมควรที่จะสังหารอสูรนอกจากจะเป็นอสูรเฉพาะเจาะจงที่ไม่ให้สังหาร

  มิเช่นนั้นพวกเขาทุกคนจะถูกอสูรสังหารเสียเองไม่เคยมีเรื่องการจับตัวอสูรทั้งเป็นกลับมาสืบสวนเกิดขึ้นมาก่อน

   ฉินคั่วบ้าไปแล้ว 

  เทพหลายคนคิดกับตัวเอง

  ยิ่งไปกว่านั้นภาพที่ราชาเขตกลางแสยะยิ้มเมื่อเดินผ่านซือหยูยังถูกคันฉ่องบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน

   วารีจิวโจวลึกล้ำ…. 

  นั่นเป็นคำพูดที่ราชาเขตกลางพูดซึ่งก็มากพอแล้ว ยิ่งดูสีหน้าราชาเขตกลางยิ่งเห็นได้ชัดว่าราชาเขตกลางรู้ดีว่าถูกช่วยชีวิต!

  ทุกคนเชื่อสนิทใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

  จากนั้นเมื่อซือหยูสังหารราชาเขตกลาง ฉินคั่วก็โกรธแค้นอย่างไร้ยางอาย ไม่เพียงแต่จะก่นด่าซือหยู แต่จิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมายังเห็นได้ชัด

  ถึงตอนนี้แม้แต่คนโงาก็เข้าใจได้ว่าฉินคั่วนั้นน่าสงสัยเพียงใด  ฉินคั่วกำลังปกปิดบางอย่างของเผ่าอสูร!

  เทพบางคนที่เกลียดชังอสูรร้องคำรามด้วยความแค้น

   มันกล้าดียังไง! 

  ตัวตนของผู้คุมกฎมีไว้เพื่อทำลายล้างอสูรแต่ผู้คุมกฎคนหนึ่งกลับคิดจะช่วยชีวิตอสูร

  ฟึ่บ!ฟึ่บ!

  สายตานับไม่ถ้วนหันไปมองฉินเฟยเฉิน

  เทพกระบี่หรี่ตายิ้มเย้ยจิตสังหารของเขาปรากฏชัดเจน

   หนึ่งในคนของเจ้าสมคบคิดกับเผ่าอสูรแต่เจ้าจงใจซ่อนเร้นความจริง แสดงเพียงฉากที่ซือหยูสังหารฉินคั่ว เจ้าพยายามสังหารคนบริสุทธิ์โดยการยืมมือเทพทุกคน! เจ้าสมควรตายหมื่นหนเพื่อล้างมลทิน! 

  เมื่อพูดจบเทพกระบี่คิดจะลงมือ แต่ซือหยูพูดขึ้นมา

   ช้าก่อนเทพกระบี่ข้ายังพูดไม่จบ!    เจิ้งหยวนชิงได้สัญญาณจากซือหยูและก้าวออกมาจากบรรดาทายาทเทพพร้อมกับเทพเจิ้งนางแสดงหลักฐานที่รวบรวมได้

   รายงานเทพทุกท่านข้าได้แอบสืบคดีนี้มานานและมั่นใจแล้วว่าฉินคั่วมุ่งหน้าไปจิวโจวเพื่อช่วยชีวิตอสูร นี่มิใช่เรื่องบังเอิญ และยังเกี่ยวข้องกับเทพพันธมิตรบูรพาของเรา เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยมีเทพอยู่เบื้องหลัง… 

  เจิ้งหยวนชิงอธิบาย

  เหล่าเทพตัวแข็งทื่อ

   มีเทพเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้สินะ!บอกพวกเราให้มากกว่านี้! 

   ประการแรกตระกูลเทพตำราได้บงการเรื่องนี้ ยืนยันได้โดยการสอบสวนฉินเฟยเฉิน! ประการที่สอง ตระกูลเทพเซียนคันฉ่องก็เกี่ยวข้องด้วย หากสืบสวนผู้คุมกฎของเทพเซียนคันฉ่องที่ไปทำภารกิจในจิวโจวจะได้รู้! ทั้งสองตระกูลต้องสงสัยในการร่วมมือกับเผ่าอสูร!    สงครามของเขาพ่ายแล้วฉินเฟยเฉินแววตาชั่วร้าย เขาขยับปากราวกับเคี้ยวพิษฆ่าตัวตายเพื่อที่จะปิดบังคนที่ร่วมด้วย

  แต่ช่างน่าเศร้ากลเล็กน้อยของเขาจะไม่ถูกเทพที่ไม่ชอบเขามาตั้งแต่แรกเห็นเลยหรือ?

  ปั้ง!

  เทพกระบี่ซัดกระบี่ไปด้วยความเร็งแสงทะลวงผ่านคอปักฉินเฟยเฉินลงกับพื้น

  พิษในปากฉินเฟยเฉินไหลลงคอแต่ก็ถูกกระบี่รั้งเอาไว้ฤทธิ์พิษเข้าไม่ถึงร่างกาย

  ในขณะเดียวกันเทพกิเลนก็ได้นำดวงวิญญาณของผู้คุมกฎเทพเซียนคันฉ่องออกมา

  เหล่าเทพใช้พลังของตัวเองสืบสวนในทันทีพวกมันปิดบังอะไรเอาไว้กันแน่?

  …

  เทพทุกคนตกตะลึงเมื่อสืบสวนจนเสร็จสิ้น

  เทพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังมีเทพอันดับสี่…เทพรากษสอีกคน!

  นางคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด!

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท