5/5
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.410 – นายพลซื่อฉิง
ปัจจุบัน ภายในห้องโถงของตึกรับรองผู้ใช้พลังไม่คึกคักเหมือนอย่างเคย อย่างไรก็ตาม ระบบเฝ้าระวังนับไม่ถ้วนถูกเปิดใช้งาน กระทั่งชั้นบนของตึก ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลัง
เลเวล B !
ซื่อฉิงสมควรอยู่ที่นี่!
ฉินเฟิงตรงไปยังเคาท์เตอร์ เอ่ยสั้นๆ “ส่งภารกิจ”
“รับทราบแล้วมิสเตอร์ โปรดยื่นหลักฐานยืนยันว่าบรรลุภารกิจแล้วแก่ทางเราด้วย”
ฉินเฟิงคลิกลงบนอุปกรณ์สื่อสาร วิดีโอถูกส่งไปอย่างรวดเร็ว
“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ภารกิจเสร็จสมบูรณ์”
“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ภารกิจเสร็จสมบูรณ์”
“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! …. ”
ภารกิจแล้ว ภารกิจเล่าเด้งขึ้นมา และทั้งหมดแจ้งเตือนว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์
เจ้าหน้าที่เบิกตากว้างจ้องมองมาที่เขา
เพราะแม้จะมีผู้ใช้พลังอยู่มากมายในสถานชุมชนที่ 3 รวมไปถึงเลเวล C แต่ฉินเฟิงซึ่งเป็นแค่เลเวล D กลับสามารถบรรลุภารกิจใหญ่ได้หลายอย่างในเวลาสั้นๆ ทั้งๆที่ตนเองยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง
ยิ่งไปกว่านั้นบางภารกิจ เลเวล C ยังไม่สามารถทำแบบเดียวกับฉินเฟิงได้
เดิมทีเจ้าหน้าที่คิดว่าเมื่อฉินเฟิงรับภารกิจแล้ว ทำภารกิจเล็กๆเสร็จสักสองสามภารกิจ เขาก็จะกลับมารับรางวัลและออกจากสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3 ไป
เพราะอย่างไรเสียสงครามกำลังอุบัติขึ้น!
แต่ใครจะไปคิดกัน ว่าฉินเฟิงดันบรรลุภารกิจทั้งหมด แต่ประเด็นก็คือ ข้อมูลจากในภารกิจของเขามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
“มิสเตอร์ ภารกิจที่คุณบรรลุมีมากเกินไป ถ้าเป็นภารกิจง่ายๆฉันสามารถตรวจสอบให้คุณได้ แต่บางภารกิจข้อมูลค่อนข้างมาก ดังนั้นจำเป็นต้องให้ผู้ใช้พลังระดับสูงเป็นคนตรวจสอบ กรุณารอสักครู่”
“ไม่มีปัญหา”
ฉินเฟิงตอบตกลง
หลังจากนั้น บนอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิง เสียงติ๊ดๆ ก็ดังขึ้นเป็นระยะๆ แจ้งเตือนว่าทางพันธมิตรมนุษยชาติส่งรางวัลให้แก่เขา
และในส่วนรางวัลสำหรับการกำจัดเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาเลเวล C เนื่องจากฉินเฟิงอาศัยความวุ่นวายสังหารพวกมันไปมากมาย ดังนั้นได้รับรางวัลเป็นเงินกว่า 200,000 ล้าน โดยตรง
ส่งผลให้ตอนนี้ ในบัญชีส่วนบุคคลของฉินเฟิง สามารถทำยอดสะสมทะลุ1ล้านล้านได้เป็นที่เรียบร้อย!
เนื่องจากต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ฉินเฟิงไม่ได้ใช้เงินเลย อีกอย่างเขาไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรให้กับตัวเองในตอนนี้ —ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ ตราบใดที่ยังไม่หลุดวงโคจร เงินที่จะได้รับก็ยิ่งมากขึ้น มากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ฉินเฟิงนั่งอยู่ในห้องรับรองถัดจากห้องโถงผู้ใช้พลัง ที่นี่ค่อนข้างดูหรูหรา เพราะอย่างไรเสียมันคือสถานที่สำหรับผู้ใช้พลังระดับสูง
ในเวลานั้นเอง สาวสวยเอวบางขาเรียวได้เดินเข้ามา เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสั้น สองขาเรียวสวมทับไว้ด้วยถุงน่องสีดำ ทุกย่างก้าวสะท้อนเสียงรองเท้าส้นสูง
“มิสเตอร์ ไม่ทราบว่าต้องการรับเครื่องดื่มอะไรหรือไม่?”
“ขอเป็นน้ำเปล่ากับน้ำผลไม้ ขอบคุณ”
“ยินดีรับใช้ท่านสุภาพบุรุษ”
หญิงสาวยิ้มหวาน เธอจากไปไม่ถึงนาที ก็ถือถาดที่มีน้ำเปล่าและน้ำผลไม้ตรงเข้ามา
“น้ำผลไม้มอบให้เธอ” ฉินเฟิงผงกหัวไปทางไป๋หลี
หญิงสาวสวยยิ้ม วางน้ำผลไม้ตรงหน้าไป๋หลีอย่างระมัดระวัง
จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น จ้องมองอีกฝ่ายตรงๆ
ฉินเฟิงยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าไม่มีธุระแล้ว ก็ไปเถอะ”
“อา .. เจ้าค่ะ เชิญพักผ่อนกันตามสบาย และสามารถเรียกใช้ฉันได้ตลอดเวลา” หญิงสาวสวยเดินจากไปด้วยท่าทีสับสน ระหว่างทางยังเผลอก้าวพลาดโดยไม่ทันระวังตัว
ไป๋หลียกหลอดขึ้นดูด มองตามแผ่นหลังอีกฝ่าย
“เธอเป็นอะไรหรอ ทำไมถึงดูมีบางอย่างในใจกับฉัน”
ฉินเฟิงยิ้มบางและกล่าว “ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าเธอสวยเกินไป ก็เลยตะลึง”
ผู้ใช้พลังที่ทรงอำนาจ ไม่ว่าจะสถานะ , สิทธิ , เงินตรา หรือหญิงงาม ก็ล้วนได้มาโดยง่าย
บางสิ่งบางอย่าง แม้ฉินเฟิงจะไม่ต้องการ แต่ก็มีคนยินยอม พร้อมใจยัดเยียดให้กับเขาฟรีๆ
อย่างไรก็ตามตั้งแต่เกิดใหม่ เกรงว่าความงามของผู้หญิงคนเมื่อครู่จะไม่เข้าตาฉินเฟิง เพราะเมื่อมีไป๋หลีอยู่ข้างๆ หญิงงามอื่นๆล้วนถูกบดบังรัศมี
การที่ผู้หญิงต้อนรับคนเมื่อกี้ยอมแพ้ และเดินจากไป ถือเป็นตัวอย่างที่ดี
ระหว่างที่ฉินเฟิงกับไป๋หลีสนทนาหยอกล้อกัน จู่ๆทั้งสองก็พลันหยุดกึก สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังลอยผ่านเข้ามา
ฉินเฟิงกับไป๋หลีหันมองไปยังทิศทางลิฟต์ของโถงรับรองผู้ใช้พลัง
ประตูลิฟต์ค่อยๆอ้าออกอย่างช้าๆ สิ่งที่ปรากฏในสายตาของฉินเฟิง คือซื่อฉิง
ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B และเลเวล A ในอนาคต –นายพลซื่อฉิง!
ฉินเฟิงลุกขึ้นจากที่นั่ง ไป๋หลีมองเขา และค่อยๆยืนขึ้นอย่างช้าๆ
ทั้งสองมองซื่อฉิงเป็นสายตาเดียว และก้าวตรงเข้าหาอีกฝ่าย
ซื่อฉิงยื่นมือออกมา แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการจับมือทักทายฉินเฟิง
“พวกเราน่าจะเคยคุยกันมาก่อนแล้ว ผู้ใช้พลังฉินเฟิง นายนี่เป็นคลื่นลูกใหม่ที่น่าหวาดกลัวซะจริง!”
“นายพลซื่อยกย่องกันเกินไปแล้ว”
ฉินเฟิงเชคแฮนด์อีกฝ่าย
“นี่คือแฟนสาวของผม ไป๋หลี”
ซื่อฉิงพยักหน้า ยื่นมือออกไป ไป๋หลีรู้ว่านี่คือมารยาททักทายของมนุษย์ เธอยื่นมือเชคแฮนด์ซื่อฉิง
“นั่งลงก่อนสิ”
ซื่อฉิงผายมือ เชิญทุกคนนั่งลง
“ข้อมูลที่นายให้มามีประโยชน์มาก ฉันในฐานะตัวแทนของพันธมิตรมนุษยชาติ ขอแสดงความขอบคุณสำหรับผลงานของนาย ในครั้งนี้ นายจะได้รับรางวัลพิเศษเป็นเงิน 10,000 ล้าน”
“อา ขอบคุณ!”
10,000 ล้านไม่ได้มากอะไรสำหรับฉินเฟิง แต่หากเทียบกับเงิน 10 ล้านจากการถ่ายวิดีโอแล้วล่ะก็ ไม่ถือว่าไม่น้อยเลย รางวัลมากกว่าเดิมถึงพันเท่า
ซื่อฉิงรู้ว่าฉินเฟิงไม่สนใจเงินเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ เพราะอาศัยเพียงความสามารถของฉินเฟิง ก็สามารถสังหารเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา ได้รับเงินนับแสนล้านเหรียญมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย
“สัตว์ร้ายที่เข้าไปโจมตีค่ายของศัตรู ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราเช่นกัน”
“อืม จำนวนศัตรูที่ลดลงถือว่าเป็นข่าวดี แต่กองทัพของอีกฝ่ายก็ยังมากเกินไปอยู่ดี”
เผ่ากริมน่าจะเหลือประชากรอีกมากถึง 7,000 ตัว นี่เป็นความจริงที่น่าปวดหัว
โชคยังดีที่ซื่อฉิงอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็ช่วยการันตีว่าสถานชุมชนที่ 3 จะปลอดภัย
“ฉันได้ส่งข้อมูลไปยังพันมิตรมนุษยชาติแล้ว และจะร้องขอกำลังสนับสนุนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B อีกสองคน” ซื่อฉิงกล่าว
“วันนี้นายได้บุกเข้าไปในค่ายข้าศึก ไหนลองบอกซิว่านายคิดยังไง”
การได้ดูวิดีโอ และรับรู้ถึงสถานการณ์จริง แน่นอนย่อมแตกต่างกัน
ฉินเฟิงสรุปในใจ เอ่ยความคิดตัวเองออกมา “ดั่งวลีผ้าไหมและทองคำสามารถล่อลวงจิตใจผู้คน เผ่าพันธุ์พิเศษนี้วิวัฒนาการได้เพราะมีแก่นพลังงานในตัว เรื่องนี้สามารถใช้ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก ให้มาร่วมรบกับพวกเราได้”
ซื่อฉิงพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าข้อนี้เขาก็คิดเหมือนกัน
“ก่อนผมจะไปที่นั่น ดูเหมือนว่าพวกมันจะวางแผนสำรวจเส้นทางเอาไว้แล้ว แต่ดันบังเอิญถูกโจมตีโดยสัตว์ร้ายเข้าซะก่อน แม้นั่นจะเป็นการขัดขวางแผนการของพวกมัน แต่ผมเชื่อว่า เส้นทางที่มันจะตรงมาสำรวจ คือตำแหน่งสถานชุมชนที่ 3 และคงจะไม่หยุดเพียงเท่านี้”
ซื่อฉิงขมวดคิ้วทันที
“พวกมันมีประชากรมหาศาล ทั้งยังไม่มีอาหาร ยิ่งถูกโจมตีด้วยจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C ก็ยิ่งหวาดระแวงเหมือนวิหคต้องคันศร หลังจากนี้ไปคงเร่งหาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ฉะนั้นพวกมันต้องมุ่งหน้ามายังสถานชุมชนที่ 3 อย่างแน่นอน ถ้าเป็นไปได้ ผมหวังว่า พันธมิตรมนุษย์จะดักซุ่มโจมตีมันล่วงหน้า หากเลือกตั้งรับในสถานชุมชนที่ 3 เพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอ”
และเมื่อถึงเวลานั้น สถานชุมชนคงถูกทำลายเช่นกัน
แม่ในปัจจุบัน การสร้างสถานชุมชนแห่งใหม่จะไม่ใช่เรื่องยากเย็น และไม่มีค่าใช้จ่ายมากมายอะไร แต่หากป้อมแตก มันย่อมส่งผลกระทบต่อภารกิจปกป้องเทือกเขาของเมืองหลงฉวน
“อืม ฉันจะลองพิจารณาดู” ซื่อฉิงพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “แต่นายก็น่าจะรู้ ถ้าให้พูดกันตรงๆ คือมันยากที่จะทำแบบนั้น เพราะจำนวนผู้ใช้พลังเลเวล C ของทางเรา มีจำนวนแค่ 1/50 ของศัตรูเท่านั้น โอ้ไม่สิ ตอนนี้น่าจะเหลือ1/30 แล้ว”
ถูกต้อง ภายในสถานชุมชนที่ 3 ปัจจุบันหากนับยอดแล้วมีเลเวล C อยูเพียง 200 คนเท่านั้น
ส่วนเลเวล D ที่อยู่เบื้องหลัง น่าจะสักเกือบ 1,000 คน มีหน้าที่คอยสนับสนุนเลเวล C แต่เอาจริงๆ เกรงว่าสุดท้ายพวกเขาจะตกเป็นอาหารซะมากกว่า
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ประชากรเผ่ากริมมีเยอะเกินไป!