โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 417

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.417 – การปะทุของสงคราม

ฉินเฟิงคือคนแรกที่ได้กินเนื้อ คนอื่นๆเมื่อได้สติ ก็เริ่มลงมือบ้างทันที

เดิมระยะห่างในจุดนี้กับสถานชุมชน มันกินเวลาราวๆ10 นาที ซึ่งนั่นเกรงว่าจะสายเกินไป ดังนั้นเมื่อออกจากสถานชุมชนมาได้ไม่ไกล ทั้งหมดก็สาดกระสุนทันที ไม่รั้งรอให้ฉินเฟิงหาจังหวะถอยหนี ปล่อยเขาตกอยู่ท่ามกลางห่ากระสุนปืนใหญ่!

“พาฉันออกไปที!”

ฉินเฟิงตะโกน ไป๋หลีวาดมือ พาทั้งเธอทั้งเขาหายวับไปปรากฏกายห่างออกไปหลายกิโลเมตร

บรึ้มมมม!

คลื่นระเบิดจากแรงกระสุนกวาดไกลออกมา ปะทะเข้ากับเบื้องหลังของฉินเฟิง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบัน มิต่างจากการใช้ปืนใหญ่ยิงยุง เป็นความสิ้นเปลืองอย่างสุดแสน

นั่นเพราะก่อนพวกเขาจะยิง พวกกริมมันหนีกระเจิงไปกันหมดแล้ว!

ที่ทำไป ไม่มีประโยชน์เลย!

นอกจากนี้ ยังถือเป็นการทำผิดซ้ำสอง!

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครเหมือนกับฉินเฟิง พวกเขามิได้ครอบครองอบิลิตี้มืด หรืออบิลิตี้มิติที่สามารถใช้หลบหนี ทั้งหมดแค่ต้องการช่วงชิงแต้มสงครามก็เท่านั้น แต่ผลลัพธ์–

–กลับกลายเป็นการบอกที่อยู่ของตนเองให้แก่พวกมัน!

ช่วงเวลานี้ กริมที่เหลืออยู่น้อยกว่า 3,000 ตน หนีเตลิดไปทุกทิศทาง ย่อมเป็นธรรมดาที่บางตนจะมุ่งตรงไปยังทิศทางของสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3

อาจมีกริมสักราวๆ 20 ตัวหรือมากกว่านั้น เนื่องจากเป็นช่วงเวลายามค่ำคืน พวกมันไม่อาจรับรู้ทิศทางได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อเห็นสะเก็ดไฟจากปากกระบอกในระยะไกล ก็ตระหนักได้ทันที

“นั่นพวกเขา! จะต้องเป็นพวกเขาแน่นอน!”

“ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จักต้องลากพวกมันลงไปด้วยกันให้จงได้!”

“พวกเราบุก!”

เหล่ากริมคำรามเกรี้ยวกราด สองปีกสยาย กระพือด้วยความเร็วสูงสุด

บนเนินเขาที่ผู้ใช้พลังเหล่านั้นปักหลัก ไม่มีต้นไม้หรือสิ่งใดพอใช้บดบังได้เลย ดังนั้นง่ายต่อการพบเห็น พวกกริมบนท้องฟ้าสามารถถลาลงไปได้โดยไม่ต้องเผชิญสิ่งกีดขวางใดๆ

และพวกมันทุกตนล้วนมีอาวุธครบมือ!

“ตายซะให้หมด!”

อาวุธปืนในมือสาดรังสีแสงพรั่งพราวทันใด

นี่คือจักรกลฉบับย่อส่วนของป้อมปืนความเร็วแสงบนเมืองลอยฟ้า แม้คุณภาพจะด้อยกว่า แต่ก็ยังรวดเร็วมากอยู่ดี

จริงอยู่ที่ผู้ใช้พลังเลเวล C ยังพอสามารถหลบหลีกมันได้ แต่สำหรับเลเวล D เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!

มือปืนคนหนึ่งไม่มีเวลาทันได้ตอบโต้ เขาถูกลำแสงกระทบลงตรงหัวไหล่ วินาทีถัดมา บริเวณหัวไหล่ ทั้งหมดกลับกลายเป็นว่างเปล่า

หลงเหลือเพียงเนื้อช่วงแขนนิดๆหน่อยที่เชื่อมต่อกับช่วงอกเท่านั้น!

“อ๊าาาาา” มือปืนกรีดร้องน่าสังเวช

เสียงโหยหวนนี้ราวกับกระตุ้นทหารกริม อาวุธในมือถูกยกขึ้น สาดยิงอย่างบ้าคลั่ง

หวือ หวือ หวือ หวือ!

สามมือปืนเลเวล D ถูกสังหารลงในพริบตา

“ฆ่า!”

ทหารกริมเริ่มอาละวาดสังหารอย่างสนุกสนาน

เพียง 5 นาที สมาชิกทีมผู้ใช้พลังเลเวล D กว่า 20 คน ทั้งหมดถูกกวาดล้าง ไม่เว้นกระทั่งเลเวล C ที่เป็นหัวหน้านำทีมพวกเขา สุดท้ายไม่อาจหลบหนีไปได้

ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเผ่ากริม มันแข็งแกร่งเกินไป!

และชัยชนะในครั้งนี้ ส่งผลให้สัญชาตญาณกระหายเลือดของเผ่ากริมถูกปลุกปั่นขึ้นอีกครั้ง

“ฆ่า! พวกทาสต่างมิติจริงๆแล้วอ่อนแอมาก พวกมันแค่ครอบครองอาวุธที่ทรงพลังเท่านั้น”

ทหารกริมเริ่มติดต่อกับสหายที่กระจัดกระจายของพวกมันอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเบนทิศทาง เปลี่ยนเป็นมุ่งหน้าตรงไปยังสถานชุมชนที่ 3 เป็นตำแหน่งเดียว

ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังของทีมกริมทั้ง 20 ตน ระเบิดอบิลิตี้ออกมาทันใด

บังเกิดเสียงอึกทึกอยู่ราวๆ 3 นาที กริมทั้ง 20 ตัวตกตายลง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะสายเกินไป ท่ามกลางความมืดมิด ดวงตาของฉินเฟิงสามารถมองเห็นได้ทุกสรรพสิ่ง ปัจจุบันเขาค้นพบว่า มีกริมหลายร้อยตนกำลังมุ่งตรงมายังทิศทางนี้

【รีบถอยทัพเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากให้ทุกคนต้องตาย!】

ฉินเฟิงประกาศผ่านอุปกรณ์สื่อสารไปยังทีมผู้ใช้พลังที่เสนอหน้าออกมาจากเมือง

แต่ก็นะ เกรงว่าจะไม่มีใครฟังคำของฉินเฟิง หรือต่อให้ได้ยิน พวกเขาก็ไม่อาจทำได้

เพราะทั้งหมดกำลังพัวพันอยู่กับทหารกริม!

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ปลิดชีพพวกเขา!”

“ล้างแค้นให้เหล่าพี่น้องของพวกเรา”

“ไล่ตามไป จงฉีกพวกทาสที่กล้าแข็งขืนให้เป็นชิ้นๆ!”

ในที่สุด ทีมผู้ใช้พลังที่ทะเล่อทะล่าออกมาแนวหน้าก็เห็นถึงจำนวนของเผ่ากริมที่เหลืออยู่ ทั้งหมดเริ่มตื่นตระหนก

“วิ่ง!”

“รีบหนีเร็ว!”

จะกระบวนท่าวรยุทธ หรือท่าอบิลิตี้ ทั้งหมดล้วนถูกใช้ออกมา ทว่ามิใช่ต่อสู้ เป็นการใช้เพื่อหลบหนีสุดกำลัง!

แต่ด้วยความเร็วของพวกเขา จะเทียบกับความเร็วของเผ่ากริมได้อย่างไร?

ปีกยาวพัดกระพืออย่างรวดเร็ว เห็นเป้าหมายก็ทิ้งตัวลงไป ราวกับเหยี่ยวโฉบลงจากฟ้า ล่ากระต่ายบนผืนหญ้า

เพียงพริบตาที่โฉบลง กรงเล็บแหลมของเหยี่ยวพลันเจาะกะโหลกของผู้ใช้พลังคนหนึ่งทันที

“อั๊ก!”

ชายคนนั้นยังไม่ทันได้ร้องสุดเสียง ศีรษะของเขาก็ถูกระเบิดไปเสียก่อน

ส่วนคนอื่นๆ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปมองด้วยซ้ำ

เผ่ากริมที่กระจัดกระจายตามมาสมทบ ปิดล้อมสมาชิกทีมนี้จากสองทิศทาง และเริ่มฉีกทึ้งสมาชิกทั้งหมดทันที

ผู้ใช้พลังเหล่านี้ เดิมรีบตรงมาอย่างเร่งร้อน เลยไม่ทันได้เตรียมการใดๆ แต่เวลานี้ ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดี

ว่าพวกเขามิอาจเป็นคู่มือกับเผ่ากริม เพราะสุดท้ายแล้ว พวกมันทั้งหมดมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล C สถานการณ์ย่ำแย่มากจริงๆ

ชาวกริมเริ่มกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แม้ตอนนี้จะเหลือแค่2-3พันตน แต่จำนวนนี้ เวลากระจุกรวมกัน ก็ยังดูเนืองแน่น ชวนให้ผู้คนหวาดผวาอยู่ดี

ทั้งหมดกระพือปีก เริ่มเข่นฆ่าสังหารหมู่ นองเลือดไปตลอดเส้นทาง ใช้ร่างมนุษย์ปูเป็นพรมแดง มุ่งตรงสู่สถานชุมชน

การไล่ล่าดำเนินต่อไปได้ไม่นาน พวกมันก็เห็นถึงสถานชุมชนที่ 3

อันที่จริง นี่อยู่ห่างจากค่ายชั่วคราวของพวกมัน แค่ 10 นาทีเท่านั้น

“หรือว่านั่นจะเป็นเมืองของพวกทาส?”

“ไม่คิดเลยว่าจะใกล้ถึงขนาดนี้!”

“พวกมันแท้จริงอ่อนแอ อ่อนแอจนน่าเวทนา ไปสังหารพวกมันกันเถิด!”

“แก้แค้นให้เหล่าพี่น้อง!”

ธรรมชาติของกริมมีนิสัยดุร้าย โดยเฉพาะเวลานี้ ดวงตาของพวกมันเป็นสีแดงฉาน

เหนือสิ่งอื่นใด พวกมันโกรธเกรี้ยวสุดแสน!

เพราะเผ่ากริมเข้าใจแล้ว ว่าจริงๆพวกตนถูกหลอก!

ในความเป็นจริง มนุษย์ช่างเล็กจ้อยและอ่อนแอ ในบรรดาทั้งหมด มีตัวตนทรงพลังอยู่แค่ 1 – 2 คนเท่านั้น ที่กำลังเล่นสงครามกองโจรกับพวกตน

แต่ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของกองทัพมนุษย์ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว นี่ทำให้พวกมันยิ่งรู้สึกเหมือนโดนปั่นหัว ไม่ต่างจากการถูกดูหมิ่นครั้งใหญ่!

ช่างอัดอั้น! และความอัดอันนี้ จักถูกระบายด้วยการทำลายทุกสิ่ง!

เผ่ากริมรวมตัวกัน เข่นฆ่าอาละวาดตลอดเส้นทาง

พวกมันสังหารผู้ใช้อบิลิตี้ไปเกือบ 300 คน ส่งผลให้ภายในเมือง มีบางจุดที่การป้องกันกลายเป็นว่างเปล่า

ฉินเฟิงและไป๋หลีกลับมายังถนนหลักทันที

จุดนี้คือที่ซ่อนของกองทหารรับจ้างเฟิงหลี ตลอดทั้งเส้นถนนลากยาวกว่า 50 เมตร เป็นตำแหน่งที่ได้รับประจำการให้ต่อสู้เป็นตายกับเผ่ากริม

ลมหายใจของทุกคน ยิ่งมายิ่งหนักอึ้ง

พวกเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าไกล บางคนก็ก้มลงมองภาพถ่ายจากโดรนบนอุปกรณ์สื่อสาร

ในระหว่างนั้นเอง บนหลังคาของตึกผู้ใช้พลัง ร่างของชายคนหนึ่งพลันปรากฏกาย

–เป็นซื่อฉิง!

ซื่อฉิงยืนหยัดอยู่ที่นั่น ไม่คิดหลบซ่อนตัวแต่อย่างใด ทั้งคนทั้งร่างของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายโหดเหี้ยมดุดัน

ทหารกริมบางตนเมื่อเห็นซื่อฉิง ก็โฉบลงไปอย่างบ้าคลั่ง หมายจะฉีกทึ้งมนุษย์ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ซื่อฉิงกระโจนสวนขึ้นไปเช่นกัน เขาเหยียบย่ำบนชั้นอากาศที่ว่างเปล่า

และในมือ ปรากฏกระบี่ยาวขึ้นทันใด กระบี่นี้ยาวกว่าสองเมตร รวมด้ามจับ ถือเป็นกระบี่หนักเล่มหนึ่ง

เพียงสะบัดเบาๆ คมกล้าก็ถึงตัวทหารกริมทันที

ฉัวะ!

ราวกับตัดเต้าหู้ ร่างทหารกริมแยกออกเป็นสองส่วน ร่วงตกลงจากท้องฟ้า

ซื่อฉิงย่ำโฉบกายไปทางซ้าย วาดกระบี่ฟันฉับ สักพักย่ำเท้าไปทางขวา ใช้ออกอีกหนึ่งกระบวนท่า โถมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

ต่อมา ซื่อฉิงหยุดคอมโบโจมตี กระบี่ในมือถูกกุมแน่น ก่อนวาดออกเป็นวงครึ่งเสี้ยวพระจันทร์ อัดฉีดไปด้วยกำลังภายในที่พลุ่งพล่าน

ในพริบตา ตรงช่วงเอวของ 6 กริมในอากาศ พลันถูกหั่นแยกจากกันเป็นสองท่อนทันที

ทหารกริมมิอาจทานรับกระบวนท่านี้ได้เลยโดยสิ้นเชิง!

เพราะยังไงซะ สุดท้ายแล้วซื่อฉิงน่ะคือเลเวล B !

เริ่มไม่น้อยหน้า หวังโจวกับกวงเว่ยก้าวเข้าสู่สนามรบ!

หวังโจวยืนหยัดอยู่เหนือยอดอาคารสูงสุดของสถานชุมชนที่ 3 เขาเป็นคนสูงใหญ่ สองแขนกำยำเป็นพิเศษ ปัจจุบันบนยอดตึก ปรากฏอาวุธปืนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่า 2 เมตรครึ่ง

ตรงส่วนปากกระบอกปืนมีลักษณะคล้ายกับรวงผึ้ง และเบื้องหลังของหวังโจว ติดตั้งไว้ด้วยถังพลังงาน

เขาคือมือปืนเลเวล B ! ถือเป็นอาชีพที่ในระดับสูงขาดแคลนสุดแสน!

หวังโจวยกสองแขนขึ้นกุมอาวุธตน พริบตานั้นยอดตึกพลันสาดไสว ราวกับฝนดาวตกถูกกระหน่ำยิงขึ้นไปบนฟากฟ้า

ภายใต้อำนาจการยิงถล่มอย่างดุเดือด ทหารกริมร่วงหล่นลง มองจากระยะไม่ใกล้ไม่ไกลราวกับแผ่นเกี๊ยวถูกหย่อนลงจากที่สูง

ทางฝั่งกวงเว่ย มือซ้ายของเขาสวมทับไว้ด้วยถุงมือน้ำแข็งสีฟ้า ดูโอ่อ่าหรูหราเป็นอย่างมาก หลังจากสวมถุงมือ ชั้นน้ำแข็งก็เริ่มก่อตัวขึ้นเบื้องหลังเขา ก่อนสยายออกเป็นปีกน้ำแข็ง

กวงเว่ยทะยานขึ้นสู่สนามรบเบื้องบน

เจ้าตัวง้างมือขวา และเหวี่ยงซัดในหมัดเดียว

ระเบิดน้ำแข็งปะทุออกจากหมัดเขา ขยับขยายไปในอากาศ ลากยาวไปกว่า 100 เมตรทันใด

ทหารกริมกว่า 30 ตัวถูกแช่เป็นเอเลี่ยนน้ำแข็งโดยกวงเว่ยอย่างฉับพลัน

ปลดปล่อยอำนาจอันคงกระพันอย่างหาผู้ใดเทียบ!!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท