โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 433

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.433 – เทียบเชิญจากเมืองหวัง

ก่อนเกิดใหม่ ฉินเฟิงเคยเป็นถึงเลเวล A เป็นตัวตนทรงอํานาจ หากไม่ใช่เพราะพลังพิเศษดูดกลืนของเขาไม่สมบูรณ์ สมญาของเขาคงไม่หยุดอยู่แค่ราชาทหารรับจ้าง

เลเวล A คือตัวตนระดับสูงก็จริง แต่กระนั้น ในบรรดาเลเวล A ด้วยกัน มันมีสิ่งที่เรียกกันว่า “ ช่องว่างความห่างชั้น” อยู่เช่นกัน

และเป้าหมายที่ฉินเฟิงปรารนาในชีวิตนี้ คือการขึ้นเป็นพระเจ้าจากในบรรดาท่ามกลางมวลหมู่เลเวล A!

“ฟู่ว …”

ฉินเฟิงขับกลิ่นอายขุ่นมัวออกจากกาย รู้สึกว่าตนผ่อนคลายขึ้นมาก

ความแข็งแกร่งของเขายกระดับไปอีกขั้น!

จากนั้น เขาก็หยิบหนทางสู่เจตจํานงศักดิ์สิทธิ์ออกมาและเริ่มฝึกฝน

หากว่างเว้นจากการต่อสู้บนสนามรบแล้ว เวลาที่เหลือส่วนใหญ่ของฉินเฟิงมักใช้ไปกับการฝึกฝน

เขาไม่เคยหยุดพัก

เมื่อได้รับโอกาสอีกครั้ง ฉินเฟิงต้องการกลับขึ้นไปยังเลเวล A จากนั้นก็เริ่มเดินไปบนถนนที่ไม่เคยก้าวถึง!

ทว่าเพียงเริ่มเปิดใช้งานหนทางสู่เจตจํานงศักดิ์สิทธิ์ คิ้วของฉันเฟิงก็เริ่มฝนเข้าหากัน

เขาสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนบุกรุกเข้ามาในวิลล่า!

ฉินเฟิงไม่มีลูกน้องในตอนนี้ เลยเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครหยุดอีกฝ่าย ไม่ต้องกล่าวถึงแถวนี้ยังมีวิลล่าอีกหลายหลังตั้งเรียงกันเป็นแถว และประตูก็ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม ดังนั้นการจะมีคนเดินลุ่มๆเข้ามา ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร

อย่างไรก็ตาม เจ้าผู้บุกรุกคนนี้ มันกลับกล้าไม่ระงับกลิ่นอายของตนเอง ปลดปล่อยออกมาใส่บ้านของผู้อื่นตามอําเภอใจ

พฤติกรรมเช่นนี้ ไม่แตกต่างไปจากการยั่วยุ!

ภายในวิลล่า บรรดาอดีตคนใช้ของหลิวตง พากันหวาดกลัวจนแทบหมอบคลาน สั่นสะท้านไปทั้งตัว กระทั่งหายใจยังไม่กล้า

ไป๋หลีขมวดคิ้ว เดินลงจากห้องพักชั้นบนของวิลล่า

ฉินเฟิงเองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ผลักประตูออกไปมองผู้มาเยือน

กลับพบว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E เท่านั้น!

กลิ่นอายของฉินเฟิงปะทุขึ้นทันใด ข่มกลิ่นอายของเลเวล E

แรงกดดันอันน่าสะพรึง ทําให้ชายคนนั้นรู้สึกราวกับอากาศรอบตัวกําลังถูกบีบอัดเข้ามา

พรวดด!

เลือดสีแดงสดหยดย้อยลงมาจากมุมปาก บ่งบอกถึงอาการได้รับบาดเจ็บภายใน

ตุบ ตุบ!

ผู้ใช้วรยุทธคุกเข่าลงกับพื้น แรงกดดันที่ก่อนหน้านี้เขาใช้คุกคามผู้อื่น กระจัดกระจายหายไป

“ทุกคนออกไป” ไป๋หลีสั่งการ เหลือบมองไปทางสาวใช้

“เจ้าคะนายหญิง!” คนใช้ทั้งหมดแตกกระเจิง พากันวิ่งเข้าไปในบ้านเล็กๆหลังวิลล่า ไม่กล้าย่างเท้าออกมาอีกเลย

แม้เจ้าของคนใหม่จะไม่สนใจพวกเธอ แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร อย่างน้อยก็ไม่มีการทรมาน แต่เจ้านายคนใหม่อ่อนแอเกินไป ดังนั้นไม่นานก็มีคนมาหาเรื่อง

ในตอนนี้ ฉินเฟิงนั่งเอนกายอยู่บนโซฟา ส่วนผู้ใช้วรยุทธเลเวล E ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น

“แก.รู้รึเปล่าว่าฉันคือลูกน้องของบอสเฉิง!” ผู้ใช้วรยุทธเลเวล E เค้นเสียงกล่าว

ฉินเฟิงแสยะยิ้มหยัน “ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกทํางานให้ใคร หรือเป็นลูกน้องของใคร แต่เมื่อไร้กําลัง ก็ไม่ควรสะเออะมากางปีกในสถานที่ของฉัน หรือว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว?”

ชายคนนั้นกัดฟันกล่าว “จะตีสุนัขต้องรู้จักดูเจ้านาย แกกล้าดียังไงถึงไม่ไว้หน้าบอสเฉิง!”

“อ้อ ยอมรับว่าตัวเองเป็นหมาซะด้วย มิน่าขนาดตอนคุยกัน แกถึงคุกเข่าเหมือนกับหมา” ฉินเฟิงหัวเราะประชดประชัน

ใบหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นดําคล้ํา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธฉินเฟิงมาก

“ฉินเฟิง อย่าอวดดีให้มันเกินไป อย่าคิดนะว่ายึดที่นี่ได้แล้วมันจะกลายเป็นของแกจริงๆ ผู้มาใหม่ต้องรู้จักกฏเกณฑ์! เมืองหวังไม่เหมือนสถานชุมชนของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ที่แกเคยอยู่หรอกนะ

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา “อ่าฮะ แล้วมันแตกต่างกันยังไงไหนบอกซิ ไม่ใช่ว่าพลเมืองทุกคนสามารถเข้าร่วมเทียนไต้ได้หรอกหรือ?”

“นี่แก … แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง!”

ฉินเฟิงส่งเสียงเหอเหอคําหนึ่ง

ก็แล้วทําไมเขาจะไม่รู้เล่า เพราะรู้นี่แหละถึงได้เลือกมายังเมืองหวัง

เทียนไต้ คือการขึ้นไปยังพื้นที่ช่วงบนของเมืองหวัง มันคือเขตแดนลับแห่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในเมือง

แน่นอน นอกจากเหตุผลนี้แล้ว ฉินเฟิงยังมีเหตุผลอื่นอีก

ผู้ใช้วรยุทธเลเวล E เมื่อเห็นว่าแรงกดดันของฉินเฟิงที่กําลังข่มเขาไม่ได้ลดทอนลงเลย ก็ได้แต่กัดฟันขู่ต่อไป “บอสเฉิงฝากฉันส่งคําเชิญมา : ในคืนพรุ่งนี้ จงเข้าร่วมงานเทียนไต้ซะ ไม่อย่างนั้นอย่าคิดว่าจะได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป!”

ฉินเฟิงหัวเราะ “เขาเชิญฉัน? งั้นฉันจะกลายเป็นตัวแทนของใคร? ในนามของเขางั้นหรอ แบบนั้นผลประโยชน์สุดท้ายก็ตกเป็นของเขาด้วยสิ”

“แน่นอน!”

“นี่เขาโง่รึเปล่า? ฉันสามารถสังหารได้กระทั่งเลเวล C แล้วจะต้องไปทํางานเสี่ยงชีวิตให้พวกเลเวล C เนียนะ? เขาคิดว่าตัวเองเป็นตัวตนทรงพลังเลเวล B รีไง”

ทั่วทั้งเมืองหวัง ผู้ใช้พลังเลเวล B มีน้อยยิ่งกว่าน้อย และพวกเขาจะไม่เข้าร่วมงานประลองดังกล่าว

บอสเฉิงคนนี้ ฉินเฟิงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่คนอย่างฉินเฟิง ไม่มีทางทํางานเสี่ยงตายเพื่อคนอื่นเด็ดขาด

ดวงตาของเลเวล E ฉายแววดุร้าย ฝืนกลืนเลือดลงลําคอ “นั่นไม่ใช่ธุระของฉัน คําพูดจากบอส ฉันได้นํามันมาบอกแล้ว สําหรับคําพูดของแก ฉันจะนํากลับไปบอกให้เอง”

และเมื่อคําพูดของฉินเฟิงถูกบอกเล่าออกไปเมื่อไหร่ เขาเชื่อสุดใจว่าฉินเฟิงคงไม่รอดถึงวันพรุ่งนี้

“ไม่จําเป็น วิลล่าหลังนี้คือที่ของฉัน มันไม่ใช่ที่ๆใครอยากจะมาก็มา หรืออยากจะไปก็ไป ตายซะ!”

“หยุดมือ!! ทําแบบนั้นบอสเฉิงจะไม่มีวันปล่อยแกไว้!”

ทว่าเมื่อมองเข้าไปในแววตาชืดชาของฉินเฟิง ผู้ใช้วรยุทธเลเวล E สุดท้ายก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัว

นั่นเพราะท่าทีของฉินเฟิง ดูไม่เหมือนคนกําลังล้อเล่นอยู่เลย!

เวลานี้ เจ้าตัวได้แต่นึกเสียใจ โทษตัวเองที่ยะโสมากเกินไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาอาศัยบารมีของบอสเฉิงอาละวาดไปทั่ว จนลืมไปแล้วว่าในโลกใบนี้ ผู้แข็งแกร่งต่างหากคือผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุด

การที่คนอื่นยอมก้มหัวให้ เป็นเพราะไว้หน้าบอสเฉิงต่างหาก

เพราะหากวัดกันจริงๆ เลเวล E อย่างเขายังมีใครไว้หน้าอีกหรือ?

“ไม่ปล่อยฉันไว้?” ฉินเฟิงยิ้มเย็น “ต่อให้แกกลับไป เขาก็จะไม่ปล่อยฉันไว้อยู่ดี อย่างไรย่อมเป็นศัตรูกัน ฉะนั้นก็จงตายเสีย เพราะแกจะกลับหรือไม่กลับ ผลลัพธ์มันก็เหมือนกัน!”

ขณะกล่าว ฉินเฟิงวาดแขนออก กําลังภายในพรั่งพรู แปรสภาพเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่ง สิบนิ้วสยายออก ฉกเข้าคว้าจับเข้าที่คอผู้ใช้วรยุทธเลเวล E ทันใด

กร๊อบ!

ฉินเฟิงบดขยี้คอของศัตรู โดยไร้ซึ่งความลังเล ก่อนจะง้างมือขึ้น และโยนชายคนนั้นกลับไปยังประตูทางเข้า

เนื่องจากวิลล่าอยู่ติดถนนใหญ่ ดังนั้นทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาย่อมสามารถมองเห็น

ในเมืองหวังคนตายสักคนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่คนที่ตายดันตายตรงหน้าวิลล่า ทั้งยังถูกโยนออกมาแบบนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

ไม่นาน ก็มีใครบางคนมาอุ้มศพของเลเวล E ออกไป

และข่าวนี้ ก็แพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง!

“เจ้าหน้าใหม่ กระทั่งเฉิงเหลียนก็ยังกล้าหาเรื่อง

“ฉินเฟิงคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? ไม่ใช่ว่าเขาเป็นแค่เลเวล D5 หรอกหรือ?”

“ค่าหัว 1 แสนล้าน คุ้มค่าที่จะลงมือ!”

แต่ในเวลานี้ ฝูงชนยังคงเลือกที่จะเฝ้าสังเกตการณ์กันต่อไป

นั่นเพราะการที่ฉินเฟิงสังหารหลุยตงลงได้ มันยังทําให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัว

ฉินเฟิงไม่ได้ไปไหน เขาคลิกลงบนอุปกรณ์สื่อสารเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายในเมืองหวัง

เนื่องจากเมืองหวังอยู่ลึกลงไปใต้ดิน อุปกรณ์สื่อสารจากโลกภายนอกจึงใช้ได้เฉพาะนอกเมืองเท่านั้น ไม่เชื่อมต่อกัน แต่ขณะเดียวกัน มันก็สามารถเปิดใช้ภายในเมืองได้ เพราะภายในเมืองก็มีเครือข่ายเป็นของตัวเอง

ซึ่งเครือข่ายนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยตัวตนทรงพลังที่แท้จริงของเมืองหวัง และหนึ่งในรายการฮอตฮิตที่สุดก็คือ มักจะมีคําเชิญให้เข้าร่วมการเปิดเขตแดนลับเทียนใต้ของเมืองหวังในทุกๆสัปดาห์

เทียบเชิญละ 1,000 เหรียญพลังงาน หากต้องการเข้าชมต้องจ่าย 10 เหรียญพลังงาน เพราะมีเพียงการเข้าชมเท่านั้นถึงจะวางเดิมพัน และมีส่วนร่วมในการพนันได้

อันที่จริงงานประลองเทียนไต้ มันคล้ายคลึงกับเวทีประลองใต้ดินในสถานชุมชนเฉิงเป่ย ที่ฉินเฟิงเคยไปเมื่อช่วงต้นๆ หรือเวทีประลองผู้ใช้พลังของเมืองเฉิงหยางก็เหมือนกัน

ที่ใดมีการพนัน ที่นั่นย่อมมีผลประโยชน์มหาศาล!

ฉินเฟิงซื้อบัตรเชิญและตั๋วเข้าชม

เพราะไป๋หลี คงไม่มีทางลงสนามแน่นอน

เนื่องจากเหนือขึ้นไปบนเมืองหวังคือเขตแดนลับ ภายใต้แรงกดดันของมิตินี้ มันมีกฏพิเศษอยู่ นั่นคือคนที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ จะถูกผลักดันให้เข้าเป็นอันดับท้ายๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเลเวล C คาดว่าคงเป็นท้ายสุด เนื่องจากไปหลีตอนนี้คือ จักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C ดังนั้นหากให้เข้าร่วมคงไม่ฉลาดนัก

อย่างไรก็ตาม ไป๋หลีก็ยังมีอีกหน้าที่หนึ่ง นั่นคือเฝ้ารออยู่ภายนอก และเข้าร่วมการพนัน ลงเดิมพันให้แก่เขา!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท