โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 442

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.442 – กลับมาอีกครั้ง

แต่แล้วคิ้วของจิ่นเฟยก็เริ่มขมวดมุ่นเข้าหากัน

เขาเอ่ยถามเสียงกระซิบ “ลูกพี่ ทําไมคุณถึงมาที่นี่? คุณเพิ่งทําให้เลเวล C หลายคนขุ่นเคืองแม้เจ้าของบ้านหลังนี้จะอาศัยอยู่ในโซนท้ายๆ แต่ความแข็งแกร่งสมควรไม่เลวร้าย”

เมืองหวังมีการแบ่งลําดับชั้นอย่างเคร่งครัด มีเฉพาะเลเวล C เท่านั้น ที่สามารถอาศัยอยู่ในวิลล่าได้

แม้จิ๋นเฟยจะเคยเห็นเลเวล C เพียงครั้งเดียวและสามารถจดจําได้เลยก็ตาม แต่เขาไม่สามารถทราบได้ว่าวิลล่าที่แต่ละคนอาศัยอยู่ คือหลังไหน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงไม่เคยเหยียบมาที่นี่มาก่อน

และหากถูกพบ คงมีแคล้วถูกเชือด!

ฉินเฟิงกล่าว “ไม่ใช่อีกต่อไป ปัจจุบัน นี่คือวิลล่าของฉัน”

จิ่นเฟยประหลาดใจมาก

“ลูกพี่ล้อกันเล่นแล้ว มีแค่พวกบอสเลเวล C เท่านั้นที่จะอาศัยอยู่ในวิลล่าได้”

“อืม เจ้าของวิลล่าคนก่อนก็เป็นเลเวล C ล่ะนะ” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มบาง

“เขาเป็นเพื่อนของคุณใช่ไหม?” จั่นเฟยเหมือนจะยังคิดไม่ได้ และถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงน่ารําคาญ

ฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เปล่า ฉันฆ่ามันไปแล้ว”

จิ่นเฟย

ระหว่างสนทนา ทั้งสองก็เดินเข้ามาในวิลล่า ที่นี่กว้างขวางและหรูหรามาก ทุกสิ่งฉินเฟยล้วนไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน

ในชีวิตก่อนหน้า แม้จิ่นเฟยจะก้าวขึ้นสู่เลเวล C แล้วก็ตาม แต่เจ้าตัวไม่คิดอาศัยอยู่ในวิลล่าเขาเลือกใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังเสมอ เพราะหากต้องการมีสถานะในเมืองหวัง คุณจะต้องมีคอนเนคชั่นที่ดีจริงๆ มิฉะนั้นอาจตายได้ทุกเมื่อ

“ลูกพี่ คนที่เพิ่งถูกฆ่าไป คงไม่ใช่หลุยตงหรอกกระมัง! จิ่นเฟยเริ่มเค้นสมอง และเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็สะท้อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว

วันก่อน ลูกน้องหลายคนของหลุยตงตายในตรอกมีด และสุดท้ายในวันเดียวกัน หลุยตงก็จบชีวิตตาม และทั้งหมดล้วนเกิดจากผู้มาใหม่ในเลเวล D!

เลเวล D สังหารเลเวล C ความแข็งแกร่งระดับนี้ มันทําให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว แต่ขณะเดียวกันก็ตื่นเต้น!

เพราะคนประเภทนั้น คือตัวตนที่สามารถต่อต้านเจตจํานงสวรรค์

“ใช่” ฉินเฟิงตอบสั้นๆ

เมื่อได้รับการยืนยัน ทั้งคนทั้งร่างของจิ่นเฟยสั่น อะดีนาลีนเดือดพล่าน

แต่ไม่นาน ราวกับถูกราดรดด้วยน้ําเย็น จั่นเฟยเริ่มเผยถึงความกังวลขึ้นมา

“ลูกพี่ ถึงคุณจะสามารถฆ่าหลุยตงได้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด สมควรออกจากเมืองหวัง ได้รับเงินเดิมพันมาก็น่าจะเพียงพอแล้ว รีบหนีไปเถอะ”

ฉินเฟิงได้รับเงินมามากพอแล้ว สามารถใช้จ่ายได้อย่างอิสระ ไม่จําเป็นต้องอยู่ในเมืองหวังอีกต่อไป!

“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอก เพราะปัญหาทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขในคืนนี้” ฉินเฟิงตอบกลับ

จินเฟยงงงวย แต่ฉินเฟิงไม่คิดอธิบายต่อ เขาเรียกสาวใช้ไปจัดห้องให้จิ่นเฟย ส่วนตัวเองเดินไปในห้องฝึกฝน ทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิ

ในวันนี้ เขาสังหารผู้คนเป็นจํานวนมาก

ส่งผลให้ในปัจจุบัน ตันเถียนของฉินเฟิงเอ่อล้นไปด้วยมวลนกําลังภายใน

ข่าวดีก็คือ ฉินเฟิงครอบครองมวลน้ํากําลังภายในชั้นดีมากพอ เลยทําให้มวลน้ําชั้นเลวเหล่านี้ไม่อาจก่อความผันผวนได้

ฉินเฟิงสังหารคนไปมากกว่า 200 คนในวันเดียว ผู้ใช้อบิลิตี้มากกว่า 10 คน และผู้ใช้วรยุทธโบราณอีกกลุ่มใหญ่ แต่ในตอนช่วงท้ายๆ ฉินเฟิงไม่สามารถดูดซับมวลน้ํากําลังภายในของคนเหล่านั้นได้

เนื่องจากตันเถียนของเขาถูกเติมเต็มไปเสียก่อน

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

มวลน้ํากําลังภายในชั้นเลวถูกส่งออกจากตันเถียน ไหลไปตามเส้นลมปราณ ขยายมันให้กว้างกว่าเดิม ก่อนเข้าสู่จักรวาลแห่งจิตสํานึก ถูกกลั่นกรอง และส่งกลับมาอีกครั้ง

กําลังภายในของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก

กลายเป็น 70 มวลน้ํากําลังภายใน!

ปริมาณดังกล่าว เทียบเท่าได้กับผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C7!

ฉินเฟิงเริ่มทําสมาธิ รักษาเสถียรภาพกําลังภายในที่ปั่นปวน จากนั้นจึงเริ่มตรวจสอบสินสงครามในครั้งนี้

ได้รับวัตถุดิบมาเป็นจํานวนมาก!

และแต่ละชิ้นมูลค่ามิใช่น้อย!

เมื่อรวมกับสมบัติที่ชิงมาจากคนอื่นๆที่เขาสังหาร รวมๆแล้วน่าจะมีมูลค่าสัก 1 ล้านล้าน ! อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังจําได้ดี ว่าบนมิติเทียนไต้ ในชั้นที่ลึกลงไป ยังมีวัตถุดิบบางอย่างที่ยังไม่ถูกเก็บกู้

และนั่นคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด!

ทว่า แม้งานเทียนใต้จะจบลงแล้ว แต่ฉินเฟิงยังไม่แน่ใจว่าพวกคนชุดดําที่คอยเฝ้ามันจะจากไปด้วยหรือไม่ ดังนั้นเลยไม่สะดวกที่จะเข้าไปชิงในทันที

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ฝูงชนได้มากรวมตัวกัน

และคนเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C

“ไอ้คนที่ชื่อฉินเฟิง ประวัติมันไม่ธรรมดา”

“ทั้งยังไม่อ่อนแอเลย!”

“ทุกคน ลองคิดดีๆอีกครั้งได้ไหม? การส่งผู้ใช้พลังเลเวล D ไปเก็บมัน จะเป็นฝ่ายเราต่างหากที่สูญเสีย ฉะนั้นพวกเราลงมือเองเลยจะดีกว่า!”

“มันสามารถฆ่าหลุยตงได้ แล้วไง? พวกเราบุกไปกันหลายคนก็น่าจะพอ”

“ตกลง”

ฝูงชนระดมความคิด และตัดสินใจว่าจะเริ่มลงมือในคืนนี้

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมืองหวังแตกต่างจากเมืองหลวงฉวน ในเวลานี้ แม้จะย่างเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มรูปแบบแล้ว แต่สภาพอากาศกลับยังคงมืดครื้ม เพิ่งจะ 4 โมงเย็น ก็ไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดมาให้เห็นอีกต่อไป

อาจกล่าวได้ว่า กลางคืนได้มาเยือน

ฉินเฟิงออกจากห้องฝึกฝน

“ไป๋หลี ไปกันเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว

ดวงตาของไปหลีเปล่งประกายสดใส “พวกเราจะไปหาสมบัติกันใช่ไหม?”

สิ่งใดก็ตามที่หลุดจากปากฉินเพิงว่ามีค่า มันย่อมเป็นของดีอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าในระหว่างวัน ไป๋หลีจะสัมผัสได้ว่ายังมีของดีอยู่ลึกลงไปในมิติเทียนไต้ แต่ที่ฉินเฟิงเก็บมาได้ เป็นแค่วัตถุดิบเลเวล D ไม่ก็เลเวล C ที่เสียหายเท่านั้น

ฉินเฟิงเดิมต้องการจะไปที่อื่น แต่หลังจากได้ยินคําพูดของไปหลี เขาก็เอ่ยปากออกมา “เธอสามารถรับรู้ได้ไหม ว่าในมิตินั่น ตอนนี้ยังมีใครเฝ้าอยู่อีกรึเปล่า?”

ไปหลีส่ายหัวและกล่าว “ไม่มีใครอยู่เลย ที่เราไปกันเมื่อช่วงเช้า มันคือสิ่งที่เรียกว่ามิติเชื่อมต่อเอ… จะอธิบายยังไงดี”

ไปหลีครุ่นคิดและเริ่มสาธยาย “อันที่จริงแล้วมิติเทียนไต้ไม่ได้อยู่ในตําแหน่งนั้น มันคือมิติลอยฟ้า แต่ประตูมิติที่พวกเขาใช้ เป็นแค่ทางเดินที่เชื่อมจากเมืองหวังขึ้นไปบนเทียนไต้เท่านั้น เหมือนเป็นรูหนอนเล็กๆไว้ให้เดินทางในพริบตานะ และตอนนี้ รูหนอนนั่นได้หายไปแล้วฉะนั้นย่อมไม่ มีคนอื่นอีก”

ฉินเพิงไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ของมิติเวลา แต่ที่เขาเข้าใจ คือในตอนนี้ไม่มีใครอยู่!

เสร็จโจรล่ะทีนี้!

“โอเคงนพวกเราไปกันเลย” ฉินเฟิงกล่าว

ไปหลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แสงสีเงินสว่างวาบ ช่องว่างมิติปรากฏขึ้น

ฉินเฟิงกับไปหลีก้าวเข้าไป

เพียงพริบตา ฉินเฟิงก็สามารถมาหยุดยืนอยู่หน้าเวทีบันไดวนอีกครั้ง

โซนปลอดภัยสําหรับผู้ชมก่อนหน้านี้ ได้หายไปแล้ว กระแสลมในเทียนไต้ รุนแรงยิ่งกว่าเดิม

เขาก้มมองลงไปเบื้องล่าง และพบว่าวัตถุดิบหลายอย่าง ถูกทําลายไปแล้ว

แม้จะมีบางสิ่งที่ยังหลงเหลือ แต่ก็อยู่ท่ามกลางพายุทําลายล้าง ภายใต้การหมุนวนอย่างต่อเนื่อง มันคงจะถูกทําลายในอีกไม่ช้า

สิ่งเหล่านั้นล้วนเปล่งประกาย ส่งผ่านพลังงานอันทรงอานุภาพออกมา บางชิ้น ฉินเฟิงก็ไม่รู้จักชื่อของมัน

“คุณไปเถอะ ตอนนี้ฉันขยับไม่ได้ ไม่อย่างนั้น พายุพลังงานจะรุนแรงขึ้น”

“เข้าใจแล้ว”

ฉินเฟิงไม่ลังเล ระเบิดปราณกําลังภายในห่อหุ้มรอบกายทันใด

เวลานี้ปราณที่ออกไปคุ้มกายภายนอกแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า อีกทั้งการสูญเสียยังลดน้อยลง

เท้าของฉินเฟิงเริ่มวูบไหว

“เทคนิคก้าวมังกร!”

กรรรร!

ท่ามกลางพยุหะพลังงาน ราวกับบังเกิดเสียงคํารามของมังกร ก้องกังวานออกมา

แม้ปราณกําลังภายในจะถูกแรงกดดันจากภายนอกขัดขวางเอาไว้ก็ตาม แต่ร่างของฉินเฟิงกลับแข็งราวกับหิน พละกําลังเอ่อล้นไร้ที่สิ้นสุด ใช้ออกด้วยเทคนิคเดียว กระโดข้ามเป็นสิบชั้น!

ลงสู่ชั้นที่ 20 !

ลงสู่ชั้นที่ 30 !

ลงสู่ชั้นที่ 40 !

ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที ฉินเฟิงก็สามารถมาถึงชั้นที่ 45 !

“จงมาหาฉัน!”

ฉินเฟิงเอื้อมมือ เล็งไปทางวัตถุชิ้นหนึ่ง

และมันคือวัตถุที่เขาแสนจะคุ้นเคย

“หินดารา!”

ศิลาแห่งดวงดาวที่ไม่มีวันถูกทําลาย!

จากนั้น พลังสมาธิของฉินเฟิง กวาดกระจายไกลออกไปอย่างบ้าคลั่ง

“นั่นมันเหล็กนิรันดร์? นั่นหัวใจแห่งโลกา? และนั่น … อย่าบอกนะว่าเป็นผลไม้หงเหมิง!?”

วัตถุดิบแต่ละชนิด ล้วนประเมินค่ามิได้ในทางโลก อีกทั้งสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในที่นี้ยังอยู่ใน

เลเวล S

หัวใจของฉินเฟิงสั่นไหว ท่วมไปด้วยความตื่นเต้น คว้ารับชิ้นปลามันด้วยความยินดี

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท