โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 456

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.456 – เลเวล B ไล่ล่า

“แต่พวกเราจะหนีไปได้อย่างไร? ตอนนี้ทั้งเมืองหวังคงถูกปิดตายไปแล้ว” จิ่นเฟยกล่าวด้วยความตื่นตระหนก

ฉินเฟิงมองไป๋หลี ไป๋หลีวาดมือเล็กน้อย แสงสีเงินกระพริบไหว ช่องว่างมิติปรากฏขึ้น

จิ่นเฟยจ้องประตูมิติตาค้าง

แม้เขาจะพอทราบอยู่แล้ว ว่าแส้มิติของไป๋หลีเป็นอาวุธเทวะ แต่ไม่คิดเลย ว่ากระทั่งช่องว่างมิติ ก็ยังสามารถสร้างเองได้

เขาก้าวเข้าไปด้วยอาการเหม่อลอย ทุกสิ่งในแนวสายตากลายเป็นพร่ามัว เมื่อวิสัยทัศน์กลับคืนมาอีกที ปัจจุบันพวกเขาก็มาโผล่ในโรงงานนอกเมืองแล้ว

ที่จริง ที่นี่ไม่ได้ไกลจากเมืองหวัง เจ้าเมืองหวังอาจไล่ตามมาได้ตลอดเวลา

พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกปลดปล่อย เขาพบโกวก๋วนกับโกวซ่งอย่างรวดเร็ว หนึ่งกำลังอยู่ในห้องฝึกยุทธ อีกหนึ่งกำลังตรวจสอบเครื่องจักร

พลังสมาธิของฉินเฟิง ส่งเป็นเสียงผ่านเข้าไปในหูของทั้งสอง

“ผมตัดสินใจที่จะออกจากเมืองหวังแล้ว ส่วนคุณทั้งสองคน อยากจะไปด้วยกันกับผมไหม?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม “ช่วยรีบตัดสินใจเร็วๆด้วย”

ระหว่างกล่าว ไป๋หลีก็นำฉินเฟิงและจิ่นเฟยไปยังห้องควบคุม

โกวก๋วนสะดุ้งตกใจ เขายังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอเจ้านาย? ทำไมจู่ๆถึงรีบร้อนจากไปแบบนี้”

จิ่นเฟยกล่าวทันที “เจ้าเมืองหวังส่งคนมายึดแก่นจักรพรรดิเต่าหมื่นปี แต่ลูกพี่ไม่ยอม”

เหตุการณ์แบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดามากในเมืองหวัง โกวก๋วนไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด ช่วงเวลานี้ จะเริ่มเดินทางเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของโกวก๋วนแล้ว

โกวก๋วนเดิมอาศัยอยู่ในเมืองหวัง เขาเป็นแค่ลูกน้อง ทว่าขณะนี้เขาสามารถสร้างเรือเหาะแก่ฉินเฟิงได้แล้ว ดังนั้นถ้าโกวก๋วนติดตามฉินเฟิงไป ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของโกวก๋วน เขาย่อมได้ขับมัน

หรืออาจกล่าวได้ว่า หากมีการดำรงอยู่ของเรือเหาะ โกวก๋วนจะสามารถครอบครองการโจมตีอันยอดเยี่ยมและอยู่ในสถานที่ปลอดภัยได้อย่างสมบูรณ์

ดังนั้นคำถามนี้ ถูกกำหนดให้เลือกเพียงคำตอบเดียวอยู่แล้วตั้งแต่แรก

“แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันเลือกติดตามเจ้านาย!”

ขณะเดียวกัน โกวซ่งก็วิ่งเข้ามา และเร่งเอ่ยถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น

โกวก๋วนอธิบายกับโกวซ่งไป อีกฝ่ายไม่ลังเลเลือกตามฉินเฟิง

แม้ฉินเฟิงในตอนนี้จะเป็นแค่เลเวล D แต่การตัดผ่านเข้าสู่เลเวล C สำหรับเจ้านายของเขา คงใช้เวลอีกไม่นาน

พวกเขายอมรับในความแข็งแกร่งของฉินเฟิง

“งั้นก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลย” ฉินเฟิงสั่งการ เขาคลิกลงตรงแผนที่ จิ้มลงบนตำแหน่งหนึ่ง “มุ่งหน้าไปเมืองผูไซ”

“รับทราบ”

โกวก๋วนเริ่มกำหนดทิศทางอย่างรวดเร็ว

เมืองผูไซ มิใช่อยู่ในเขตหัวเซี่ย หลังเข้าสู่ยุคโลกาวินาศ ป่าไม้เริ่มผุดงอกทุกหัวระแหง ตัดขาดการเดินทางระหว่างผู้คนออกจากกัน ส่งผลให้อารยธรรมของพวกเขาถดถอยลงเป็นเวลาหลายร้อยปี ดังนั้นจึงเกิดการจัดตั้งชนเผ่า และหมู่บ้านถูกสร้างขึ้น รวมไปถึงการให้ค่านิยมด้านสายเลือด ส่วนผู้ที่ได้รับตำแหน่งประมุขเผ่า ก็คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด ทรัพยากรทั้งหมดที่ได้มาก็จะถูกมอบให้เขาเช่นกัน

ในด้านภาษา ยากนักที่จะสื่อสาร ยังไงก็ตาม เมืองผูไซคือสถานที่ทั้งองค์กรมืดและพันธมิตรมนุษย์สามารถไปเยือนได้

และด้วยเหตุผลที่เมืองผูไซไม่มีสัญญาณอุปกรณ์สื่อสาร ดังนั้นเครือข่ายนักล่าเงินรางวัลย่อมไม่มาที่นี่ ขณะที่ทางพันธมิตรมนุษย์ มักจะมาเยือนเพราะมันสามารถหาซื้อสมุนไพรวิญญาณดีๆได้

อย่างไรก็ตาม การที่ฉินเฟิงเลือกไปยังเมืองดังกล่าว มิใช่เพราะเขาต้องการซ่อนตัวหรือซื้อขาย แต่เป็นเพราะในความทรงจำของเขา มีโอกาสทองกำลังจะเกิดขึ้นที่นั่น

ก็นั่นล่ะนะ ยิ่งความแข็งแกร่งของฉินเฟิงมากขึ้นเท่าไหร่ สถานที่ๆเขาสามารถไปได้ มันก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

เมืองผูไซเองก็เช่นกัน

เรือเหาะเริ่มลอยลำไปข้างหน้า แต่ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสียงไซเรนก็ดังขึ้นทันใด

“ลูกพี่ มีฮอลศึกกำลังไล่ตามเรามาจากเบื้องหลัง!”

เรือเหาะไม่รวดเร็วเท่าฮอลศึก เพราะอย่างไรเสีย มันคือเครื่องจักรลอยฟ้าขนาดใหญ่

ฉินเฟิงมองไปยังเครื่องตรวจจับ บนจอแสดงให้เห็น ว่าจริงๆแล้วมีฮอลศึก 5 ลำกำลังไล่ตามเขามา

ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังสมาธิ กวาดออกไปทันที

คนที่อยู่ในฮอลศึกทั้ง 5 ลำ ทั้งหมดรู้สึกด้านชา สัมผัสได้ว่าโดนสอดแนม แต่ก็ไม่อาจต่อต้านได้

ปรากฏว่าเพื่อที่จะไล่ล่าฉินเฟิง อีกฝ่ายยกพลมามากถึง 30 คน

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาฮอลศึกที่ไล่ตามมา มีเลเวล B รวมอยู่ด้วย

หลังจากที่คนๆนั้นตระหนักได้ถึงการสอดแนมโดยพลังสมาธิ สองตาที่ปิดสนิทพลันเบิกโพลงในคราวเดียว แรงกดดันอันแข็งแกร่งระเบิดออกมา พยายามสกัดกั้นการสอดแนมของฉินเฟิง

อย่างไรก็ตาม บุคคลคนนี้ไม่สามารถทำตามที่ตนต้องการได้ นอกจากตนเองแล้ว เขาไม่อาจช่วยปิดกั้นพลังสมาธิแก่ลูกน้องคนอื่นๆ

เพราะอีกฝ่ายคือผู้ใช้วรยุทธโบราณ!

เมื่อไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆ ฉินเฟิงก็ไม่คิดตรวจสอบอีกต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สกัดกั้นอีกฝ่าย

ฉินเฟิงดึงมือปืนเลเวล E ออกจากที่นั่งนักบินอีกครั้ง และสวมหมวกพลังสมาธิเข้าควบคุม

ในพริบตา เรือเหาะตลอดทั้งลำราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของฉินเฟิง

เสียงไซเรนดังขึ้นในเวลาเดียวกัน

–เป็นฝั่งฮอลศึกที่ชิงเปิดโจมตี! กระสุนปืนใหญ่ห้าลูกถูกยิงออก เล็งตรงมายังเรือเหาะของฉินเฟิง

ฉินเฟิงไม่คิดเปิดใช้งานโล่พลังงาน บรรดาปืนใหญ่ใต้เรือเหาะยื่นปากกระบอกออกไปทันใด ยิงห้ากระสุนปืนใหญ่สวนกลับในทำนองเดียวกัน

ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม!

ทั้งแสงทั้งเปลวเพลิง ระเบิดลุกโชนท่วมฟ้า

พลังสมาธิของฉินเฟิง ล็อคลงบนห้าฮอลศึกอย่างรวดเร็ว และเริ่มเปิดฉากยิงกระสุนปืนใหญ่อีกครั้ง

ทางด้านฮอลศึก ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเป็นฝ่ายด้อยกว่า ระดมยิงตอบโต้อย่างบ้าระห่ำ

สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง มุมปากของเขายกสูงขึ้น ผุดยิ้มเย็นชาออกมา

ระหว่างที่กระสุนปืนใหญ่นัวกันทั่วฟ้า พลังสมาธิของฉินเฟิงขับเคลื่อนอย่างรุนแรง ปืนใหญ่รองของเรือเหาะระเบิดลำแสงน่าหวาดกลัวออกไปทันใด

ลำแสงนี้รวดเร็วเกินไป กวาดเข้าใส่ฮอลศึกศัตรูลำหนึ่ง

อีกฝ่ายตระหนักได้ถึงพลังงานนี้เช่นกัน แต่กลับไม่มีเวลามากพอที่จะหลบเลี่ยง!

หึ่ง!

โล่พลังงาน ถูกรีดพลังออกมาป้องกันจนถึงขีดจำกัด

พริบตาต่อมา ลำแสงพลันทะลุผ่านโล่ ตกกระทบลงบนฮอลศึกโดยตรง กระบวนการที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะใช้เวลาไม่ถึง 0.1 วินาทีด้วยซ้ำ

เปรี้ยง!

ฮอลศึกทั้งลำระเบิดลุกไหม้

ผู้คนที่อยู่ภายในได้รับบาดเจ็บสาหัส

การโจมตีของฉินเฟิงรวดเร็วเกินไป หลังจากลำแรกถูกสอย ลำอื่นก็ตกเป็นรายต่อไป

คนที่ควบคุมฮอลศึกทั้งหมดล้วนเป็นมือปืนเลเวล C ช่วงเวลานี้เมื่อเห็นถึงการโจมตีของฉินเฟิง พวกเขาไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

“ไม่จริง นั่นมันเทคนิคหักเหลำแสง เป็นไปได้ยังไงกัน!”

หากเป็นการสะท้อนกระสุนปืนใหญ่โดยอาศัยพลังสมาธิ พวกเขายังพอรับมือได้

ทว่าหากเป็นลำแสงพลังงาน ซึ่งมีความรวดเร็วเกินไปย่อมไม่สามารถ

ขณะที่พวกเขามุ่งสมาธิไปกับการหลบเลี่ยงลำแสงพลังงาน พลังสมาธิของฉินเฟิงพลันถูกเร่งเร้าไปอีกขั้น สะท้อนลำแสงพลังงาน ลำที่หลบเลี่ยงระลอกแรกได้ มิอาจหลบเลี่ยงระลอกที่สอง

สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว ความหวาดกลัวฟุ้งเข้าไปในจิตใจ

ตูม ตูม ตูม!

ฮอลศึกอีก 3 ลำถูกทำลาย ปัจจุบันเหลือเพียงลำสุดท้าย คือลำที่เลเวล B นั่งอยู่

“ไอ้พวกขยะไม่ได้เรื่อง!”

สีหน้าของเจ้าเมืองหวังเปลี่ยนเป็นม่วงคล้ำ

“พาฉันเข้าไปใกล้ๆ ฉันจะจัดการพวกมันเอง!”

เจ้าเมืองหวังโกรธมาก ตราบใดที่ฮอลศึกสามารถบุกไปเหนือเรือเหาะได้ เจ้าเมืองหวังจะทิ้งตัวลงไปบนเรือเหาะ และรับประกันได้เลย ว่าขอเวลาแค่ไม่กี่นาที ทุกคนบนเรือเหาะจะต้องตาย!

นั่นเพราะเขาแข็งแกร่งอย่างไร้ซึ่งข้อกังขา และทุกคนไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

มือปืนเลเวล C บังคับฮอลศึก เสยขึ้นเบื้องบน โฉบหลบไปมาท่ามกลางห่ากระสุนปืนน่าสยองขวัญ เจ้าตัวคล่องแคล่วเป็นอย่างมาก ทักษะในการควบคุมก็ยอดเยี่ยมว่องไว

อย่างไรก็ตาม ฮอลศึกสี่ลำได้ตกไปแล้ว ดังนั้นไม่มีเป้าหมายอื่นเหลือให้เพ่งเล็ง ด้วยเหตุนี้ ปลายกระบอกปืนที่ถูกควบคุมโดยฉินเฟิง ทั้งหมดย่อมเล็งไปทางอื่นฝ่ายเป็นธรรมดา

ช่วงเวลานี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงเริ่มขับเคลื่อนปืนใหญ่หลัก

ขณะเดียวกัน ปืนใหญ่กระบอกอื่นๆ ยังคงระดมยิงอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ศัตรูพักหายใจ

เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ต่อให้นักบินเลเวล C ฝีมือร้ายกาจแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกยิง!

แน่นอน ว่าท่ามกลางแรงระเบิด ผู้ใช้พลังเลเวล B ย่อมไม่จบชีวิตลงโดยง่าย แต่นั่นก็ทำให้เจ้าเมืองหวังร่วงตกจากฮอลศึก

อาศัยจังหวะดั่งโอกาสทองนั้นเอง พลังสมาธิของฉินเฟิงบนปืนใหญ่หลัก ล็อคเป้าลงบนอีกฝ่ายทันที!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท