โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 459

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.459 – คําเชิญจากแอปไซ

“ขอบคุณ! ขอบพระคุณนายท่าน”

อีกฝ่ายปีนขึ้นมาบนฮอลศึก แต่หลังจากได้เห็นฉินเฟิงและไป๋หลีแล้ว เจ้าตัวก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าพระผู้เจ้าจะมีเลเวลสูงถึงขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม การที่มีเมฆครามในครอบครองได้แบบนี้ ย่อมเป็นคนรวยมากแน่นอน

“คุณขับฮอลศึกเป็นรึเปล่า” ฉินเฟิงเปิดปากถาม

“อ๋า? ก็เคยลองขับมาบ้าง” ชายคนนั้นผงกหัวหงึกๆ แม้เขาจะอยู่แค่เลเวล F แต่ก็เป็นมือปืน เคยทดลองขับฮอลศึกมาแล้วหลายครั้ง

ฉินเฟิงสละที่นั่งของเขา และบอกให้อีกฝ่ายไปนั่งแทน จากนั้นกระโดดออกจากประตู

“อ้าาาา นั่นนายท่านคิดจะทำอะไรน่ะ!! ” ชายคนนั้นร้องอุทาน หันไปถามไป๋หลีด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เบื้องล่างมันเต็มไปด้วยกองทัพสัตว์ร้าย!

และทั้งหมดคือสัตว์ร้ายเลเวล E อันน่าสะพรึงกลัว นี่ฉินเฟิงกล้ากระโดดลงไปได้ยังไง

อย่างไรก็ตาม สิ่งต่อไปที่ฉินเฟิงทำ ส่งผลให้มือปืนเลเวล F คนนั้นต้องตกตะลึง

สองเท้าของฉินเฟิงย่ำลงกับพื้น มังกรตลบดินตระหนักถึงน้ำหนักบนผิวดิน อ้าปากและพุ่งเข้ากัดทันที

ทว่าอาศัยเพียงความว่องไวของฉินเฟิง มังกรตลบดินเหล่านี้ มันไม่แม้แต่จะได้เชยชมชายเสื้อของเขา!

เพียงชั่วพริบตา ทะเลเพลิงพลันลุกโหม

“พรมโลกันต์!”

ทั่วทั้งรัศมี 100 เมตรพลันลุกไหม้ ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง

“กี๊ซ กี๊ซซซซ!”

ทะเลเพลิงอันน่าสยดสยอง แผดเผามังกรตลบดิน พวกมันส่งเสียงร้องน่าสังเวช

ร่างของพวกมันมีขนาดใหญ่มาก แต่น่าแปลกที่พลังป้องกันกลับต่ำต้อย หลังจากฉินเฟิงระเบิดพรมโลกันต์เข้าใส่ ทั้งหมดที่โดนก็ถูกเผาลอยเป็นขี้เถ้าทันที

ฉินเฟิงเริ่มก้าวเท้า ทะเลเพลิงรัศมี 100 เมตรเคลื่อนตามไปกับเขา ทุกตำแหน่งที่ย่างผ่าน ไร้ซึ่งพืชพรรณ ถูกผลาญเป็นจุณ

พลังสมาธิที่กำลังกวาดสำรวจของฉินเฟิง ตรึงลงบนบางสิ่งที่อยู่ใต้ดินทันที

“เจอแล้ว!”

พลังสมาธิเริ่มขับเคลื่อน ไม่นาน พลังสมาธิได้อุ้มเอาผลึกบางอย่างที่มีขนาดเล็กขึ้นจากโพรงใต้ดินของมังกรตลบดิน ลอยมาตกอยู่ในมือของฉินเฟิงอย่างสงบ

นี่คือผลึกขนาดเล็กเท่าเล็บมือ ตัวผลึกระยับด้วยสีเหลือง เปี่ยมไปด้วยพลังมากมายอัดแน่นอยู่ข้างใน

–ผลึกชีพจรธรณี!

อันที่จริงแล้ว การเคลื่อนไหวแปลกๆของมังกรตลบดินเหล่านี้ สาเหตุมาจากผลึกชีพจรธรณีนั่นเอง พวกมันกำลังขุดดินค้นหาผลึกและกลืนกิน เพื่อวิวัฒนาการร่างกายของตน

ท่ามกลางบรรดามังกรตลบดินที่ฉินเฟิงสังหาร มีอยู่หลายตัวที่ได้กินผลึกลงไปแล้ว แต่ยังมิได้ย่อยสลาย หลังจากถูกแผดเผาโดยเพลิงโลกันต์ของฉินเฟิง ผลึกชีพจรธรณีก็หลุดออกมา และถูกฉินเฟิงเก็บไปอีกที

ช่วงเวลานี้ วิกฤตกองทัพสัตว์ร้าย ได้ถูกกำราบลงโดยอบิลิตี้อันทรงพลังของฉินเฟิง

มือปืนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง

“ที่แท้นายท่านก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้”

จริงอยู่ที่มือปืนเคยเห็นผู้ใช้อบิลิตี้มาก่อน แต่คนที่ครอบครองอบิลิตี้แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

ด้วยการวาดมือเพียงครั้งเดียว เปลวเพลิงพลันลุกท่วมไปตลอดรัศมี 100 เมตร ทุกสรรพสิ่งมิอาจต้านทานเปลวเพลิง ทั้งหมดถูกเผาเป็นขี้เถ้า

ขณะที่มือปืนคนนี้กำลังตกใจ หอธนูที่อยู่ไกลออกไป ในที่สุดเหมือนจะตระหนักได้ถึงปัญหา ส่งพลสัญญาณเตือนสีแดงขึ้นสู่ฟากฟ้า

และพลุสีแดงนี้ เมืองผูไซสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล

ฉินเฟิงกวักมือ บอกให้ฮอลศึกลงจอด ขณะเดียวกัน รถศึกล่องเวหาก็ขับเข้ามา

“ลูกพี่!”

–เป็นจิ่นเฟย

จิ่นเฟยเดิมอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เลยเป็นธรรมดาที่จะเห็นฉากทั้งหมด

“อืม ส่งทหารยามคนนี้ไปยังตำแหน่งปลอดภัยข้างหน้าให้หน่อยสิ แล้วค่อยกลับมาอีกรอบ” ฉินเฟิงสั่งการ

“รับทราบ!” จิ่นเฟยพยักหน้า

ทหารยามน้ำตาคลอด้วยความสำนึกคุณ “ขอบคุณ ขอบพระคุณนายท่าน!”

ทั้งๆที่เป็นถึงนายท่านเลเวลสูง แต่อีกฝ่ายไม่เพียงช่วยเหลือตนเองเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงตนอีกด้วย เรื่องนี้ทำเอาทหารยามรู้สึกตื้นตัน และไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาดี

ฉินเฟิงไม่สนใจอีกฝ่าย เขานำไป๋หลีกลับไปยังเส้นทางที่ผ่านมา

หลังจากถึงเรือเหาะ เขาก็นำผลึกชีพจรธรณีออกมา พบว่าได้มาทั้งหมด 11 ชิ้น

แน่นอน ทั้ง 11 ชิ้นมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป ขนาดใหญ่ที่สุด เทียบเท่าได้กับกำปั้น

ซึ่งผลึกชีพจรธรณีขนาดเท่ากำปั้นเพียงชิ้นเดียว มีมูลค่ามากถึงหมื่นล้านเหรียญ!

อาจกล่าวได้ว่า เพียงช่วงเวลาเริ่มต้นของรอยแยกมิติ ที่นี่ก็ปรากฏเม็ดเงินนับแสนล้าน

อันที่จริง การที่มูลค่าของมันถูกประเมินไว้สูงเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณสมบัติของผลึกชีพจรธรณีเช่นกัน

ผลึกชีพจรธรณี คือสิ่งที่ผู้ใช้พลังมิอาจปฏิเสธได้

ด้วยสิ่งนี้ ผู้ใช้อบิลิตี้สามารถใช้มันพัฒนาการแก่นอบิลิตี้ของตนเอง ส่งเสริมให้ดาวเคราะห์ในจิตสำนึกของตนใหญ่โตขึ้นได้ ซึ่งยิ่งใหญ่ หมายถึงพลังยิ่งมหาศาล

ในกรณีของผู้ใช้วรยุทธโบราณ หากต้องการเข้าถึงเลเวล S โดยนับจากเลเวล A ร่างกายของพวกเขาจำเป็นต้องพัฒนา เกิดการวิวัฒในเชิงคุณภาพ และนั่นคือคุณสมบัติที่ผลึกชีพจรธรณีมี

เมื่อมันสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้คนอื่นกระโจนเข้ามาช่วงชิงได้อย่างไร?

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงดังขึ้น และพบว่าเป็นจิ่นเฟย

“ลูกพี่ เจ้าเมืองผูไซส่งคนมาเชิญคุณ เพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครั้งนี้” จิ่นเฟยกล่าว

“อ่าฮะ” ฉิยเฟิงขบคิดพักหนึ่งและกล่าว “เข้าใจแล้ว ฝากบอกว่าเดี๋ยวฉันจะตามไป”

“ไป๋หลี ฉันขอตัวก่อน ส่วนเธอก็พักผ่อนในเรือเหาะนะ”

“อ่าว ทำไมถึงไม่ให้ฉันไปด้วยอะ!” ไป๋หลีค่อนข้างแปลกใจ

“เพราะประมุขเมืองผูไซเป็นตาแก่หื่นกาม ฉันกลัวว่าเขาอาจจะชอบเธอ ถึงเวลานั้น ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าเขา”

ไป๋หลียิ้มและกล่าว “งั้นก็ไปฆ่ามันเถอะ แล้วพวกเราก็ยึดตำแหน่งประมุขมาซะเลย”

“เห~ เป็นความคิดที่ฟังดูไม่เลวนี่นา”

“แบร่! อย่าไปทำแบบนั้นเชียว ฉันล้อเล่นหรอกน่า” ไป๋หลีโตแล้ว เธอไม่สนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ หากเขาบอกให้เธอรอ เธอก็จะรอ

ฉินเฟิงลงจากเรือเหาะ นำจิ่นเฟยกับโกวซ่งติดตามไปด้วย มุ่งหน้าสู่เมืองผูไซ

ก่อนหน้านี้มองจากระยะไกล จะพบว่าเมืองผูไซถูกสร้างขึ้นโดยกำแพงไม้ขนาดยักษ์

และเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่นี่ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี ทหารรักษาการในเมืองเลยเปลือยท่อนบน รอบเอวผูกไว้เพียงกระโปรงหญ้าฟางตัวยาวเท่านั้น

นอกจากนี้ เมื่อเข้าไป จะพบว่าผู้หญิงในเมืองก็เหมือนกัน บนตัวพวกเธอนุ่งน้อยห่มน้อย ปกปิดร่างกายด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นเท่านั้น

หลังจากที่พบผู้ใช้พลัง พวกเธอก็จะคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อแสดงความเคารพทันที

บรรยากาศเช่นนี้ เป็นอะไรที่เลวร้ายมาก และฉินเฟิงไม่ต้องการให้ไป๋หลีมาเห็น

เนื่องจากเมืองผูไซมีระบบการปกครองในรูปแบบประมุข บวกกับสถานะของผู้หญิงที่ต่ำเกินจะเป็น ดังนั้นต่อให้ไป๋หลีตามมาในฐานะผู้ใช้พลังก็ตาม แต่เธออาจต้องยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าน้อยชิ้นเหมือนกับคนอื่นๆ เพื่อให้ผู้คนเชยชมด้วยความเพลิดเพลิน

และถ้าหากเป็นแบบนั้น เกรงว่าฉินเฟิงคงต้องจิ้มตาคนทั้งเมือง!

ที่สำคัญก็คือ ฉินเฟิงไม่ต้องการให้ไป๋หลีเห็นอะไรแบบนี้ ไม่นาน ภายใต้การนำทางของผู้เทียบเชิญ ฉินเฟิงก้าวเข้าไปในพระราชวังเมืองผูไซ ซึ่งจริงๆแล้วมันคือที่พักของประมุขเผ่า

ประมุขเผ่าเมืองผูไซถูกเรียกว่า ‘แอปไซ’ แน่นอน ว่านี่มันเป็นแค่ฉายาเท่านั้น

แอปไซเป็นคนผิวดำสนิททั้งตัว อ้วนเตี้ย เอวและช่วงท้องหนา เต็มไปด้วยไขมัน แต่อย่าดูถูกชายคนนี้เชียว เพราะเขาคือผู้ใช้อบิลิตี้ไม้ ทั้งยังระดับถึงเลเวล C

หากคุณเพิกเฉยต่อคำเตือนนี้ และประมาทอีกฝ่าย อาจตายโดยไม่รู้ตัว

เนื่องจากแอปไซ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พิษ!

ฉินเฟิงรู้เรื่องนี้หลังจากผลึกชีพจรธรณีปรากฏขึ้น แอปไซคือผู้อยู่ใกล้ต้นน้ำ ดังนั้นสามารถคว้าทรัพยากรชิ้นใหญ่ที่สุดได้ก่อนใครเพื่อน และเขายังเกรงว่าคนอื่นจะค้นพบ ดังนั้นจึงตัดสินใจลอบวางยาคนจำนวนมากอย่างลับๆ แต่สุดท้ายความก็แตก

เพราะท้ายที่สุดแล้ว วัตถุที่เกิดจากการผสานรวมระหว่างต่างมิติ มันดึงดูดใจเกินไป

อย่างไรก็ตาม แอปไซกลับมิได้หยุดมือ เขาสังหารผู้คนไปอีกมากมาย สุดท้ายถูกประกาศจับโดยพันธมิตรมนุษยชาติ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท