The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1230 – องค์หญิงอสูร

ตอนที่ 1230 - องค์หญิงอสูร
  เทพตำราเงยหน้าสบตาซือหยูซือหยูกำลังยิ้ม
เทพตำราใจหายอย่างหนัก!
เทพพ่อค้าเทพเจิ้ง เทพกระบี่ และเทพที่เหลือมองเทพตำราที่แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง พวกเขาอดถอนหายใจไม่ได้ พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าเทพผู้เปี่ยมไปด้วยปัญญาในอดีตจะมาลงเอยเช่นนี้
แม้จะคิดเช่นนี้พวกเขาก็ไม่คิดจะเมตตา
“เทพตำราเห็นแก่เจ้าที่เป็นอดีตเทพพันธมิตร จงลงมือด้วยตัวเองเสียเถอะ”
เทพพ่อค้าพูดอย่างไร้เยื่อใย
เทพตำราเงยหน้ามองเทพทั้งเก้าเขารู้ว่าไม่เหลือที่ให้หนี เขาฉีกยิ้ม
“เจ้าชนะ!ข้าคือเทพตำรา แต่ข้าพ่ายแพ้ด้วยมือเจ้า ซือหยู ข้าไม่คิดจะยอมแพ้หรอก”
หากซือหยูมาพันธมิตรบูรพาช้ากว่านี้สักสิบปีเขาคงจะมอบความลับทั้งหมดของเทพที่เขารวบรวมมาได้ให้กับเผ่าอสูร พันธมิตรบูรพาคงจะถูกทำลายไปนานแล้ว และเขาจะกลายเป็นวีรบุรุษแห่งเผ่าอสูร!
อนิจจาหลังซือหยูมาถึงพันธมิตรบูรพา ทุกสิ่งทุกอย่างก็หันเหกลับทิศจนมาถึงวันนี้
เหล่าเทพไม่พูดอะไรพวกเขาจ้องเทพตำราอย่างเย็นชาและรอให้เขาตัดสินใจเอง
ซือหยูขมวดคิ้ว
“ทุกท่านจัดการเถอะ เทพตำราตลบแตลง! อย่าปล่อยให้มันใช้กลหนี!”
เหล่าเทพเหลือบมองกันสุดท้ายไปมองที่เทพพ่อค้า
“ก็ได้ข้าจะส่งเจ้าไปโลกหน้าเอง ตายด้วยกระบี่ข้าก็คุ้มค่าชีวิตเจ้าแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ…เทพพันธมิตรพวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่ายามตั๊กแตนจับจักจั่นจะมีนกกระจอกรออยู่ข้างหลังน่ะ?”
เสียงสตรีที่คุ้นเคยดังขึ้น  ซือหยูชักสีหน้าเล็กน้อยเขาหันไปมอง เขาเห็นสตรีในผมขาว
“เซียนมณี!”
เทพพ่อค้ากับเทพเจิ้งขมวดคิ้ว
“เผ่าอสูร!”
แหวนผนึกเก้าเทพอสูรลอยไปหาเงาร่างผมขาว
“ฮื่มเป็นแค่เซียนมณีเผ่าอสูร กล้าดียังไงมาปรากฏตัวต่อหน้าข้า!”
เทพกระบี่ใบหน้าเย็นชากระบี่ด้านหลังเขาพุ่งทะลวงนภาแทงเข้าที่กลางอกของเซียนมณี
แต่ที่แปลกก็คือแหวนผนึกเก้าเทพอสูรนั้นปกป้องนางเอาไว้มันสร้างพลังออกมาด้วยตัวเองเข้าขวางทางกระบี่
“นี่มัน…เจ้าไม่ได้มีเครื่องสังเวยให้แหวน!ทำไมเจ้าถึงควบคุมแหวนผนึกได้?”
เทพฝ่ายพันธมิตรพบว่ามันแปลก  เทพหมาป่าและเทพอื่นใช้แหวนผนึกได้โดยแลกโลกทั้งใบของเทพกาลกิณีมันไม่มีโลกใบอื่นเหลือให้สังเวยอีกด้วย เซียนมณีรู้ดี
เซียนมณีแววตาเย็นชา
“ฮ่าๆๆๆๆถามอะไรของพวกเจ้า? แหวนผนึกเก้าเทพอสูรเป็นของเผ่าอสูรข้า เจ้าคิดว่าเทพที่มาถึงโลกเสี้ยววิญญาณเป็นคนแรกในอดีตโชคดีพบสิ่งนี้และใช้เป็นรากฐานของโลกเสี้ยววิญญาณรึ?”
พวกเขารู้ความจริงแล้วการก่อตั้งโลกเสี้ยววิญญาณเองก็เป็นแผนการของเผ่าอสูร
“แล้วจะทำไมกัน?เจ้าก็แค่เซียนมณีเผ่าอสูรที่ไม่เลือกซ่อนตัวแต่กลับปรากฏตัวออกมาเมื่อเห็นเทพพันธมิตร!”
เทพเจิ้งเยือกเย็นเป็นอย่างมากนางควงปิ่นปักผมในมือและพุ่งเข้าไป
ปิ่นปักผมของนางเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถหยุดการทำงานของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นอื่นได้  ถ้าหากนางทะลวงผ่านแหวนผนึกเก้าเทพอสูรไปได้เซียนมณีจะถูกสังหารอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต้องออกแรง
แต่ปิ่นปักผมถูกแสงพลังงเทพหยุดเอาไว้
มือขาวราวหิมะดั่งมือของมนุษย์ที่ไร้สีสันจนมันซีดราวกับชิ้นกระดาษ
มือนั้นจับปิ่นปักผมเอาไว้
“เทพอสูร!”
เทพเจิ้งตกใจ
ซือหยูเบิกตากว้าง
ไม่เหมือนกับเทพพันธฒิตรพวกเขามีแสงเทพปกคลุมกายตลอดเวลา แต่สำหรับเผ่าอสูรนั้นจะแสดงตัวให้เห็น
เทพอสูรที่มาคือชายหนุ่มตัวซีดเซียว
เส้นผมสีผิว และคิ้วของเขาล้วนเป็นสีซีดขาว มีเพียงลูกตาของเขาที่เปล่งประกายสดใสดั่งอัญมณีสีเลือด
เขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างามและคว้าปิ่นปักผมไว้ด้วยรอยยิ้ม
“สมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้…ใช่แล้วข้าให้มันกับเมฆากุหลาบได้ มันเหมาะกับนางมาก”
ชายตัวซีดเก็บปิ่นปักผมและหันมามองพวกซือหยูเขายังคงยิ้มที่มุมปาก
เมฆากุหลาบรึ?ซือหยูแอบตกใจ เทียนจี่จื้อบอกความปรารถนาของเขากับซือหยู ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการบอกคำสั่งเสียของเขากับเมฆากุหลาบ
นางคือคนเดียวกับที่ชายคนนั้นพูดรึ?
ซือหยูเริ่มตั้งใจฟังเพื่อที่จะหาเบาะแสต่อไป
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คืออสูรที่เพิ่งปรากฏตัว
สีผิวของเขาแปลกมากเขาไม่ต่างจากเผ่ามนุษย์เลย
เทพอสูร!เขามาจากที่ใดกัน? ทำไมถึงไม่มีใครรู้ตัวว่าเขามาล่ะ?
“สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของข้า!”   เทพเจิ้งหน้าหมองนางอยากจะชิงสมบัติกลับคืนแต่ก็ถูกเทพพ่อค้ารั้งเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าของเขาไม่ต่างจากตอนที่ได้เห็นตัวโกลาหลเมื่อครู่เลย
เขามองเทพเจิ้งที่มีใบหน้าโมโหเทพพ่อค้าหันไปมองชายหนุ่มตัวซีด
“อย่าผลีผลามเขาคือบุตรคนที่เจ็ดของจักรพรรดิอสูร เจ้าทำอะไรไม่ได้หรอก”
บุตรของจักรพรรดิอสูรเรอะ?เทพพันธมิตรหายใจเข้าลึก อำนาจของจักรพรรดิอสูรไม่ต่างกับเงาที่ปกคลุมหัวใจของพวกเขา เพราะจักรพรรดิอสูรคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในธารดารา
ลูกชายของเขาล้วนเก่งกล้าสามารถ
องค์ชายคนที่เจ็ดเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแม้เขาจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาองค์ชายด้วยกัน เขาก็แข็งแกร่งจนอยู่ในสามอันดับแรก ดูจากพลังที่เขาใช้เมื่อครู่ เขาน่าจะมีพลังเท่ากับฑากิณี  ถ้าหากต่อสู้กันตรงๆ เทพเจิ้งไม่มีทางเอาชนะได้แน่
“โอ้?เจ้าคือเทพพ่อค้ารึ?”
องค์ชายเจ็ดยิ้มเบาๆ
“ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้า”
“เทพอันดับสองแห่งพันธมิตรบูรพาข้าได้ยินเรื่องเจ้ามานานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้พบเจ้าที่นี่”
เทพพ่อค้าพูดตอบ
“ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับบุตรแห่งจักรพรรดิอสูรที่โลกเสี้ยววิญญาณ!”
เขาล้างบางโลกเสี้ยววิญญาณจนเกือบหมดสิ้นสุดท้ายก็มีองค์ชายอสูรปรากฏกาย
องค์ชายเจ็ดตอบอย่างไม่เป็นมิตร
“เจ้าเป็นแขกไม่ได้รับเชิญและเจ้ายังทำลายโลกเสี้ยววิญญาณ ข้าย่อมมองข้ามไม่ได้”
จิตสังหารของเขาแผ่ออกมาทันที  เทพพ่อค้าจ้องกลับตาเขม็ง
“เทพลั่วไปหาเรือรบที่ใช้ได้ที่ท่าเรือเดี๋ยวนี้ ให้เทพคนอื่นช่วยกัน อย่าได้ออมมือ!”
องค์ชายเจ็ดแห่งเผ่าอสูรทำให้พวกเขาหวาดกลัวเทพลั่วรีบไปที่ท่าเรือในทันที พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังเจออะไรอยู่
องค์ชายเจ็ดยิ้มเล็กน้อยเขายกมือขึ้น บางอย่างที่คมกริบพุ่งตรงไปที่เทพลั่ว
เทพลั่วรู้สึกถึงอันตรายที่ด้านหลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของปลอมสามชิ้นออกมาตั้งในรูปของสามขา มันขวางพลังขององค์ชายเจ็ดเอาไว้
เทพลั่วจึงใช้โอกาสนี้ไปที่ท่าเรือ
แต่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเขากับหักเกิดรอยแยกทมิฬที่ทำให้คมกระบี่ทะลวงไปหาเทพลั่วอย่างรวดเร็ว มันกำลังจะเฉือนเอวของเทพลั่ว
“ระวัง!”
เทพพ่อค้าตะโกนเสียงดังและช่วยกันเบนพลังกับเทพเจิ้ง
องค์ชายเจ็ดใช้เพียงกระบวนท่าเดียวแต่เทพพ่อค้าและเทพเจิ้งก็ใช้พลังไปมากกว่าสามในสิบส่วนแล้ว!
ทั้งสองสีหน้าไม่สู้ดีนักองค์ชายเจ็ดแข็งแกร่งกว่าคำร่ำลือ!
“ทุกคนช่วยข้า!”
เทพพ่อค้าสั่งเทพหกคนให้เข้ามาโจมตีพร้อมกัน
เหล่าเทพปะทะกันอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ต่างออกไปมันเป็นการปะทะของเทพอสูรคนเดียวกับเทพพันธมิตรแปดคน
การต่อสู้ที่มองไม่เห็นทำให้ธารดาราหวาดผวาโลกเสี้ยววิญญาณรับไม่ไหวอีกต่อไป พลังของเหล่าเทพมีมากเหลือเกิน
ครืน!
เสียงดังคำรามโลกเสี้ยววิญญาณแตกสลายไม่เหลือสิ่งใดเว้นแต่โลกของเทพแห่งความตาย  “น่าสนุกดีนี่”
องค์ชายเจ็ดหัวเราะยาวเขามิได้กลัวแต่ตัวสั่นจากความตื่นเต้นที่ได้ต่อสู้ เขาคนเดียวมีพลังต่อสู้กับเทพแปดคน
เทพพันธมิตรหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ต่อสู้ พลังของอีกฝ่ายน่ากลัวมาก!
ถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ด้วยกันพวกเขาจะไม่มีทางรอดเงื้อมมือชายผู้นี้ได้เลย
แต่เคราะห์ดีที่เทพลั่วติดต่อกลับมาเขาเจอเรือบลำใหญ่มากพอสำหรับทุกคน รวมถึงซือหยูและเจิ้งหยวนชิงที่มิอาจอยู่ในธารดาราได้ ทั้งสองต้องการเรือ
หลังจากได้ข่าวเทพทั้งแปดเริ่มที่จะถอยร่นไปที่ท่าเรือ ตราบเท่าที่ไปถึงเรือรบ พวกเขาก็จะกลับสู่ความปลอดภัย
ในธารดาราแม้แต่เทพก็มิอาจก้าวพริบตาได้ ความเร็วของเทพไม่ได้ดีเท่ากับเรือกระดูกเทพ
และพวกเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์ชายเจ็ด
พวกเขาคิดอยู่ในใจ…องค์ชายเจ็ดมาจากที่ใดกัน?
องค์ชายเจ็ดมิได้รีบร้อนในการไล่ล่าพวกเขาเขาไม่กังวลว่าพวกเขาจะหนีไปด้วยซ้ำ
ไม่นานสนามรบก็เคลื่อนถอยมาจนถึงท่าเรือที่เทพลั่วเตรียมเรือรบไว้แล้ว
เทพพ่อค้าตาเป็นประกายในขณะที่เขาจะสั่งให้ทุกคนขึ้นเรืออยู่นั้นเอง วายุลูกใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นภายในแหวนผนึกอสูร ที่กลางวายุนั้นเป็นพื้นที่ดำมืด มันเหมือนกับพลังที่เชื่อมต่อโลกอีกใบเอาไว้
เซียนมณีมองซือหยูด้วยรอยยิ้ม
“หากเจ้าอยู่ในพันธมิตรมันก็ช่วยไม่ได้แต่เจ้ามาถึงโลกเสี้ยววิญญาณแล้ว…ที่นี่แหละคือทางตันของเจ้า!”
ตู้ม!
พลังเทพอสูรอันน่าตกใจระเบิดขึ้นอีกครั้งแหล่งพลังนั้นมาจากวายุที่กลางแหวนผนึกเก้าเทพอสูร
เสียงกระซิบปนเสียงหัวเราะดังเบาๆ
“น้องเจ็ดเจ้าคนเดียวมีกำลัง แต่ยังขาดพลังใจนะ”
เด็กสาวตัวผอมผมสีม่วงและมีดวงตาสีเขียวบินออกมาจากวายุช้าๆ
สาวน้อยมีผิวเรียบเนียนดวงตานางสดใส ใบหน้านางดูละเอียดงดงาม นางสวมชุดกระโปรงดำ มันดูลึกลับและสูงส่ง
เมื่อพวกเขาเห็นนางพวกเขาคิดว่านางเป็นเผ่ามนุษย์ ถ้าหากนางไม่บอกว่าเป็นลูกสาวของจักรพรรดิอสูรก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเด็กสาวงดงามผู้มีผมสีม่วงผู้นี้จะเป็นอสูร
“องค์หญิงหก!”
เทพพ่อค้าเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว
“แหวนผนึกเก้าเทพอสูรคือประตูมิติ!”
พวกอสูรจงใจทำแบบนี้แต่แรกอสูรจะเดินทางมาเยือนเมื่อใดก็ได้  หากจำเป็นพวกอสูรจะใช้แหวนผนึกเก้าเทพอสูรได้ทันที
แม้พลังขององค์หญิงหกจะไม่ได้สูงเท่ากับองค์ชายเจ็ดนางก็เป็นเทพที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับฑากิณี
องค์ชายเจ็ดคนเดียวก็ทำให้พวกเขาแทบไม่มีเวลาหายใจแล้วตอนนี้ยังมีองค์หญิงหกเข้ามาอีก…
“หืม?พวกเจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอกนะ เจ้าทำลายโลกเสี้ยววิญญาณ ท่านพ่อโมโหมาก ข้าต้องเอาพวกเจ้ากลับไปไตร่สวนและลงโทษ”
องค์หญิงหกยิ้มหวาน
แต่ในเวลาต่อมาสีหน้านางก็เย็นชาอย่างฉับพลัน
The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท