โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 526 – ภูเขาถล่ม

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.526 – ภูเขาถล่ม

หากพลังของศิลานรกรั่วไหล หรือมันร่วงตกลง ย่อมก่อให้เกิดภัยพิบัติเป็นวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม หากมีมนุษย์คอยควบคุม สิ่งนี้จะกลายเป็นอาวุธอันทรงประสิทธิภาพ

ในตอนแรก เจ้าของมือแห้งเหี่ยว เรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืด

และจากประสบการณ์ที่ได้อยู่ร่วมกับมันมากว่าหนึ่งปี ทำให้ฉินเฟิงก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน ว่าศิลานรกก้อนนี้ แท้จริงแล้วมันคือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของรูนมืด

ปัจจุบัน ฉินเฟิงทำได้เพียงพึ่งพาเจ้าสิ่งนี้เท่านั้น จึงจะหยุดยั้งจักรพรรดิมังกรไฟได้

ศิลานรกปรากฏขึ้น ปลดปล่อยรูนมืดออกมา จากนั้นถูกควบคุมโดยฉินเฟิง ให้ว่ายวนล้อมรอบตัวศิลา ในชั่วพริบตา จากหินก้อนเล็กๆ ก็เริ่มขยับขยายตัวอย่างรวดเร็ว

หนึ่งเมตร , สองเมตร

สิบเมตร

ยี่สิบเมตร!

ยามหินก้อนนี้ลอยไปตกลงเบื้องหน้าจักรพรรดิมังกรไฟ มันก็ขยายขนาดขึ้นจนมากถึงสามสิบเมตรแล้วและ–

–ตูม!

ดาวเคราะห์แห่งความมืดกระแทกเข้าใส่จักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B อย่างแรง กดดันมันถอยกลับเข้าสู่รอยแยกมิติทันที

อำนาจจากปริมาณรูนมืดอันมหาศาล โถมเข้าปกคลุมจักรพรรดิมังกร ย่อยสลายเซลล์ในกายของอีกฝ่าย พลังงานอันทรงอานุภาพ หลั่งไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังงานจำนวนมหาศาล ไหลตามออกมาจากรูนมืด ซึมซับเข้าสู่ดาวเคราะห์เพชรของเขา จากนั้นวิ่งผ่านไปตามแขนขา และกระดูกทั้งหมด

จักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B การดำรงอยู่ของมัน ช่างเปี่ยมไปด้วยพลังงานเหลือล้นจริงๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับฉินเฟิง ซึ่งยังคงอยู่ในเลเวล C2 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ ทำได้เพียงขับไล่ เห็นได้ชัดว่าฝั่งจักรพรรดิมังกรไฟเองก็ไม่ยินยอมที่จะถูกกดดันจนถอยไปเช่นกัน

ยังไงก็ตาม แค่หยุดมันได้ ก็เพียงพอแล้ว

สามนาทีผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว มังกรไฟถูกกดดันจนหัวจมมิดหายเข้าไปในรอยแยกมิติ

“จงก่อตัว!”

ไป๋หลีที่ยืนอยู่ข้างๆ ปลดปล่อยแสงจรัสสีเงินขาวอีกครั้ง ช่วงเวลานี้ รอยแยกมิติขนาดใหญ่ พลันแปรสภาพเป็นกระจกใสที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดร้อยเมตร

โดยรอบทิศทางของมัน ปรากฏวัตถุสีเทาชนิดหนึ่ง หากสังเกตดีๆ จะพบว่ามันคือศิลามิติที่ใช้สร้างอุปกรณ์มิติ

บนศิลาเหล่านี้ มีแสงเปล่งออกมาตลอดเวลา มันกำลังทำให้รอยแยกมิติแข็งตัว หรือกล่าวง่ายๆว่าพวกมันคอยคุมคุมการดำรงอยู่ของมิติ มิให้ขยายขนาดนั่นเอง

“ฟู่ว!”

ไป๋หลีถอนมือกลับคืน

อย่างไรก็ตาม ไม่ทันให้พักหายใจ จู่ๆ กระจกสีดำฝั่งด้านในรอยแยกมิติ พลันสาดแสงไสว ในเสี้ยวพริบตาเดียว สิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึง กระโจนออกสู่ภายนอก

มันช่างคล่องแคล่วว่องไว ราวกับลูกปืนใหญ่ที่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง

–เป็นจักรพรรดิมังกรไฟ!

หากพูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว ไป๋หลีซ่อมแซมรอยแยกมิติ หดขนาดจนมันเหลือแค่ 100 เมตร ซึ่งเฉพาะหัวของจักรพรรดิมังกรไฟ ก็ปาเข้าไป 50 เมตรแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมุดเข้ามาอีกครั้ง

แต่อย่าลืมสิว่า สัตว์ร้ายในระดับราชันย์ขึ้นไป จะสามารถครอบครองเทคนิคเปลี่ยนรูปได้

ดังนั้น การจะบีบอัดร่างกายอันใหญ่โต ให้มีขนาดเล็กลง จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

และความเร็วของอีกฝ่ายมันมากเกินไป กระทั่งไป๋หลียังไม่ทันตอบสนอง!

“รีบถอยเร็ว!” ฉินเฟิงตะโกนคำหนึ่ง ทั้งสองล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง

ขณะเดียวกัน ร่างของจักรพรรดิมังกรไฟ ก็สะท้อนเข้ามาในตาของฉินเฟิง

ทั้งตัวของมันเป็นสีแดงเพลิง เนื่องจากย่อขนาดจนเล็ก มันจึงมีสภาพไม่ต่างไปจากกิ้งก่าตัวโต หางยาวกว่าครึ่งของร่างกายทั้งหมด ทั้งยังลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

หลังจากรอยแยกมิติหดลง จักรพรรดิมังกรไฟพลันนึกขึ้นได้ถึงทักษะเปลี่ยนรูป

แต่การเปลี่ยนร่างมันก็เหมือนกับการควบคุมเทคนิคชนิดหนึ่ง ซึ่งสิ้นเปลืองพลังงานมาก ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ หากลดขนาดจนเล็กลง ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อคงสภาพมันไว้

แต่หากใช้งานมันบ่อยๆ ก็จะควบคุมพลังงานได้ละเอียดและดีขึ้นเช่นกัน ขณะเดียวกัน ยามอยู่ในสภาวะนี้ จะขยับหรือปลดปล่อยอบิลิตี้ ก็จะสูญเสียพลังงานน้อยลงไปตามขนาดตัว เรียกง่ายๆว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย

อย่างไรก็ตาม สำหรับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B เห็นได้ชัดว่ามันไม่ต้องการจะทำเช่นนั้น

เพราะศัตรูของมัน เพียงย่ำเท้าเหยียบลงก็บดขยี้ได้แล้ว สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมิได้ถูกรุมล้อมโดยศัตรูที่แข็งแกร่ง หรือตกอยู่ในภาวะวิกฤต มันจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพนี้

ดังนั้นจักรพรรดิมังกรไฟจึงไม่ลังเลเลย ที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิม

ร่างกายอันใหญ่โตปรากฏสู่สายตา หากศีรษะของมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างถึง 50 เมตรแล้วล่ะก็ ร่างกายของมันจะมีขนาดใหญ่กว่าศีรษะถึง 10 เท่า ยาวมากถึง 500 เมตร น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง

ต้องทราบนะว่า ลานกว้างของโรงเรียนธรรมดาแห่ง มีความยาวมากสุดก็แค่ 200 เมตรเท่านั้นเอง ไม่ถึงครึ่งของจักรพรรดิมังกรไฟด้วยซ้ำ

ฉินเฟิงกับไป๋หลี พุ่งตัว ในพริบตาโฉบหนีมาไกลกว่า 200 เมตร แต่หากให้พูดจริงๆ จักรพรรดิมังกรไฟเดินเพียงก้าว แล้วถ่มน้ำลายใส่ ก็สามารถสังหารฉินเฟิงกับไป๋หลีได้แล้ว

ไม่จำเป็นต้องสั่งไป๋หลี เธอคว้าตัวฉินเฟิง ทั้งคนทั้งร่างสาดประกายด้วยอักษรรูนมิติ และหายวับไปทันที

โผล่มาอีกที ทั้งสองก็มาหยุดยืนอยู่เหนือยอดเขาแล้ว

แต่ในตอนนั้นเอง ภูเขาทั้งลูกเริ่มสั่นสะเทือน คล้ายกับว่ามีพลังงานอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องล่าง ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา

ฉินเฟิงโอบเอวไป๋หลี แผ่นหลังผุดงอกปีกเพลิงฟ้า สองเท้าย่ำลงกับพื้น ทะยานสู่เบื้องบน

ตูม!

พลังงานอันน่าพรั่นพรึงระเบิดออก ไม่ต่างไปจากภูเขาไฟระเบิด

เสาลาวาขนาดใหญ่กว่า 30 เมตร พวยพุ่งขึ้นจุดจากเดิมที่ฉินเฟิงเคยยืนอยู่ ทะยานแหวกม่านเมฆ สูงไปถึง 300 เมตร

สีหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นซีดเผือด หากเขาหลบไม่ทันคงจบเห่ไปแล้ว

พอเสาลาวาหายไป ในจุดเดิมของมัน บัดนี้กลายเป็นหลุมยักษ์ เศษหินเศษดินร่วงกราว และไม่นาน ภูเขาทั้งลูกก็ถล่มลง

หลังยืนหยัดจากการกัดกร่อนโดยรอยแยกมิติมานาน ในที่สุด ภูเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านตลอดมา ก็พังทลาย แตกลงเป็นเสี่ยงๆ

พร้อมกับสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา คืบคลานออกมาจากข้างใน

–เป็นจักรพรรดิมังกรไฟเลเวล B !

ช่วงเวลานี้ โดรนตรวจตราบนฟากฟ้า สามารถตรวจจับได้ถึงแสงสีแดงอันเข้มข้น และสัญญาณของความผันผวนที่ตามมา มันเร่งส่งรายงานออกไปอย่างรวดเร็ว

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ตรวจพบร่างครอบครองพลังงานมหาศาล ปัจจัยเสี่ยงอยู่ในระดับ S กรุณาเร่งตามตัวผู้ใช้พลังเลเวล A มาโดยด่วน!”

ปัจจัยเสี่ยง มิได้อิงตามเลเวลของฝ่ายตรงข้าม หากแต่อิงตามระดับของทั้งสองฝ่าย ในกรณีของจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B หากไม่จัดการมันอย่างเหมาะสม เกิดหลุดรอดออกไป อาจทำลายทั้งเมืองเป่ยหัวราบเป็นหน้ากลอง

ดังนั้น การจำแนกปัจจัยเสี่ยงว่าอยู่ในระดับ S จึงมิใช่เรื่องเกินเลย

ในเป่ยหัว ซางฮันเพียงหลับตา พักผ่อนได้ไม่ถึง 20 นาที พลันลืมตาโพลงอย่างกะทันหัน

เธอดีดตัวลุกขึ้นทันใด ระหว่างก้าวเดิน ชุดเกราะหนักที่ดูน่ายำเกรงก็สวมทับลงบนกาย

คราวนี้ ถึงตาเธอต้องลงมือด้วยตัวเองจริงๆแล้ว

“เหล่าองครักษ์ ตามฉันมา!”

“รับทราบ!”

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ระหว่างที่ซางฮันเดินลงจากอาคารกลาง รอบกายเธอ ปรากฏผู้ใช้พลังเลเวล B กว่า 50 มารวมตัวกันอย่างกะทันหัน

กลายเป็นสุดยอดทีมทรงพลัง นำมาซึ่งกลิ่นอายสังหารอันหาที่เปรียบมิได้

เหนือจัตุรัสกลางเมืองเป่ยหัว ภายในอุปกรณ์ป้องกันเสถียรภาพขนาดใหญ่ ผู้คนมากมายในชุดขาว พากันวิ่งวุ่น เร่งมือทำหน้าที่ตนอย่างรวดเร็ว ไม่กี่ลมหายใจ ศิลามิติ , แก่นสัตว์ร้าย ก็ถูกจัดเตรียมไว้พร้อม

“กระบวนการสร้างช่องว่างมิติเสร็จสมบูรณ์”

“ช่องว่างมิติพร้อมใช้งาน”

“เปิดได้!”

“ทำการปรับจูนตำแหน่ง”

“ยืนยันพิกัดจากโดรน!”

“เริ่มการเทเลพอร์ต!”

เสียงยืนยันข้อมูลดังขึ้นต่อเนื่อง จากนั้น ซางฮันและคนอื่นๆ ก็เริ่มก้าวเข้าสู่ช่องว่างมิติ

มนุษย์มีความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานใหม่ตั้งนานแล้ว พวกเขาใช่ว่าจะล้าหลัง เพียงแต่วิธีนี้ มันไม่ค่อยเป็นที่นิยม เนื่องจากสิ่งที่ต้องแลกมาในการใช้งานแต่ละครั้ง มันมากเกินไป!

ซางฮันและคนอื่นๆ หายวับไปจากสถานที่เดียวกัน

ช่วงเวลานี้ อีกฝั่งหนึ่ง เหนือภูเขารอยแยกมิติป่าหยวน ฉินเฟิงกับไป๋หลีลอยอยู่ในอากาศ เฝ้ามองไปยังจักรพรรดิมังกรไฟ

“เปิดช่องว่างมิติ ถึงเวลาประกาศศักดาแล้ว!”

ฉินเฟิงถ่ายทอดคำสั่งผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

“น้อมรับคำสั่ง!”

บนเรือเหาะเฟิงหลี กัปตันโกวก๋วน เหวี่ยงมือกระแทกลงบนปุ่มเบื้องหน้าอย่างแรง!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท