โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 531 – รองเทศมนตรีกิตติมศักดิ์

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

ซางฮันทำแบบนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการลดทอนอิทธิพลของตระกูลชุ่ยในเมืองเป่ยหัว

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตระกูลชุ่ยก็ไม่ได้โวยวายอะไรมากมาย

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ซางฮันสามารถปิดผนึกป่าหยวนได้สำเร็จ อีกอย่าง งานเลี้ยงฉลองก็กำลังเริ่มต้นขึ้น

งานเลี้ยงฉลองนี้ มักจัดขึ้นทุกปีหลังสิ้นสุดการรุกรานจากกองทัพสัตว์ร้าย ทุกครั้งมักมีผู้เสียชีวิตมากมาย ตำแหน่งน้อยใหญ่จึงว่างลง ดังนั้นงานนี้ นอกจากเป็นการปลอบประโลมแล้ว ยังเป็นการแจกจ่ายตำแหน่งใหม่แก่ผู้คนที่ทำผลงานได้ดีอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เกรงว่าในปีนี้ ผลงานคงตกไปอยู่ที่คนๆเดียว

มิใช่ใครอื่น เป็นฉินเฟิง!

ในงานเลี้ยงอาหารค่ำสุดพิเศษ ทุกคนต่างสวมใส่ชุดที่ดูหรูหรา ควงหญิงงาม ร้องเพลงเต้นรำ ดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาดีๆ

คล้ายฃพยายามลืมเลือนว่านี่ยังคงอยู่ในยุคโลกาวินาศ หรือต้องการละทิ้งความจริงอีกข้อหนึ่งที่ว่าอันตรายยังคงอยู่รอบกายพวกเขา … อย่างน้อยก็ชั่วคราว

ผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B ส่วนเลเวล C ก็มีอยู่บ้าง แต่มาในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา หรือคนรับใช้ส่วนตัว

นอกจากนี้ หน้าทางเข้า ยังมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าถ่ายรูปผู้มาร่วมงาน เขาเหล่านี้คือคนจากแผนกประชาสัมพันธ์ของเมืองเป่ยหัว เตรียมเก็บภาพของวีรบุรุษทุกคนที่เข้าร่วมปราบปรามกองทัพสัตว์ร้ายในครั้งนี้ และเผยแพร่ต่อประชาชนทั่วไป

ในเวลานั้นเอง หน้าทางเข้างาน บังเกิดเสียงโหวกเหวกขึ้นอย่างกะทันหัน ตากล้องมือดีหลายคน พากันหันเลนส์ไปยังรถที่จอดเพิ่งจอดหน้าพรมแดง

ไม่นาน ชายหญิงคู่หนึ่งก็ก้าวลงจากรถ ทั้งสองควงแขนกันเดินเข้าโถงจัดเลี้ยง บนหน้าอกติดตราสัญลักษณ์เลเวล C ทว่ารูปลักษณ์และการแสดงออก กลับโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆในงาน

ฝ่ายชายหล่อเหลาสูงใหญ่ ฝ่ายหญิงงามล่มเมือง ทั้งสองเปล่งประกายเจิดจรัส ยามก้าวเข้ามา สรรพสิ่งรอบกายราวกับหมองลง

“เร็วเข้า รีบถ่ายพวกเขา หามุมดีๆ แล้วถ่ายออกมาให้สวยที่สุดนะ เข้าใจไหม!”

บรรณาธิการจากแผนกประชาสัมพันธ์เร่งเตือน

ตากล้องที่คอยถ่ายภาพเป็นแค่คนทั่วไป ในยุคสมัยแบบนี้ งานหายากกว่าปกติ หากคุณมัวแต่เลือกงาน อาจไม่มีข้าวกิน และชายหนุ่มคนนี้ เป็นเพียงคนธรรมดาที่ได้รับการฉีดยาปลุกพลังเมื่อปีที่แล้ว แต่มิได้มีพลังใดๆตื่นขึ้นแต่อย่างใด

“หัวหน้า สองคนนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เลเวล C หรอกเหรอ? จะถ่ายไปทำไม? แค่เพราะพวกเขาหน้าตาดี?”

บรรณาธิการกล่าวหยัน “ตกลงนายหรือฉัน ใครเป็นหัวหน้ากันแน่? เพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน ก็เถียงรุ่นพี่ซะแล้ว?”

“ตกลงๆ ผมขอโทษ” แม้จะยังสงสัย ตากล้องรุ่นน้องก็ยังถ่ายภาพของเลเวล C ทั้งสอง แต่ระหว่างที่กำลังถ่ายภาพอยู่นั้นเอง บางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิมก็ปรากฏขึ้น

นั่นเพราะเลเวล B กลุ่มหนึ่งที่อยู่ในงานเลี้ยง หลายคนก้าวตรงมายังหน้าทางเข้างาน และเอ่ยต้อนรับอย่างอบอุ่น

“ยินดีต้อนรับประธานฉิน”

“สวัสดีผู้การฉิน , มิสไป๋”

“ในที่สุดพวกคุณก็มา เชิญทางนี้ พวกเราจะได้นั่งคุยกัน”

ในพริบตา ฉินเฟิงก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน เขาเดินไปนั่งหน้าโต๊ะตัวหนึ่ง ขณะเดียวกัน คนที่นั่งข้างๆเขา คือนายพลระดับแนวหน้าของเมืองเป่ยหัว ทรงเกียรติและมากไปด้วยอำนาจ กระทั่งคนจากตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณระดับสูง ก็นั่งร่วมโต๊ะ

และในโต๊ะนี้ เจ้าของเก้าอี้เดียวที่ยังว่างอยู่ และยังมาไม่ถึง คือซางฮัน!

หลังจากฉินเฟิงเดินเข้ามาในงานเลี้ยง ไม่นานเกินรอ ซางฮันก็ปรากฏตัวขึ้น

ซางฮันก้าวตรงไปยังเวทีหน้างานเลี้ยง ประกาศยอดรวมของสงครามในครั้งนี้

“สำหรับยอดการปราบปรามกองทัพสัตว์ร้ายจากป่าหยวนในปีนี้ ภายใต้การร่วมมือร่วมใจกันของผู้ใช้พลังทั้งหมดในเมืองเป่ยหัว สามารถสังหารสัตว์ร้ายสามัญเลเวล C ลงได้ : 220,000 ตัว , ระดับทหาร : 20,000 ตัว , ระดับนายพล : 134 ตัว , ระดับราชันย์ : 18 ตัว , ระดับจักรพรรดิ : 2 ตัว ”

“ในส่วนของเลเวล B , ระดับสามัญ : 20,000 ตัว … ”

ยอดสังหารถูกบรรยายอย่างต่อเนื่อง

ช่างภาพรุ่นน้อง ระหว่างเก็บภาพก็คอยรับฟังข้อมูลไปด้วย เมื่อได้ยินประกาศ เขาอดตะลึงเล็กน้อยไม่ได้ ข้อมูลนี้ ตัวเลขของมัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด สมควรมากกว่าอย่างน้อยๆก็สองเท่า!

ต้องทราบนะว่า การปะทุของกองทัพสัตว์ร้ายจากป่าหยวน มิใช่ว่าสัตว์ร้ายทั้งหมดจะตรงไปยังชายแดน พวกมันบ้างเดินเข้าไปในป่าเขา หาที่พักอาศัยท่ามกลางทุ่งล่า และเปลี่ยนเป็นสรวงสวรรค์ของสัตว์ร้าย กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามของมนุษย์

“ยอดสังหารสัตว์ร้ายมากถึงขนาดนี้ ไม่รู้จะมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายสักเท่าไหร่”

ขณะนั้นเอง ซางฮันก็เอ่ยต่อว่า “ยอดเสียชีวิตของทหารในเมืองเป่ยหัว : 381 คน!”

ยอดเสียชีวิตจำนวนนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการรุกรานอย่างกะทันหันของกองทัพสัตว์ร้ายในช่วงแรก ทำให้มีผู้คนต้องจบชีวิตลงอย่างน้อย 200 คน แต่ต่อมา ซางฮันพาเหล่าองครักษ์ลงมือปราบปรามสัตว์ร้ายด้วยตัวเอง เลยสามารถลดการสูญเสียได้มากโข

“นี่ … ! ยอดเสียชีวิตในครั้งนี้ มันลดลงเหลือแค่1/20 ของปีที่แล้วเลยนะ!”

รุ่นน้องช่างถ่ายภาพงง แต่ขบคิดยังไงก็ไม่ตก ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเพราะเหตุใด

ในเวลานั้นเอง ซางฮันได้เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “และทั้งหมดนี้ ต้องขอบคุณคนๆหนึ่ง เขาคือผู้คอยสกัดกั้นกองทัพระลอกใหญ่หน้ารอยแยกมิติจากป่าหยวน วีรบุรุษผู้ทำผลงานได้ดีที่สุดในสงครามนี้!”

จากนั้น เบื้องหลังซางฮัน ก็ปรากฏภาพเคลื่อนไหวขึ้น เป็นวิดีโอที่ถูกตัดต่อแล้ว

ภายในวิดีโอ เป็นภาพของฉินเฟิงที่กำลังล่าสังหารในป่าหยวน ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้เพลิงบรรจบ กวาดล้างกองทัพเสือดาว ราบพนาสูรในคราวเดียว

นอกจากนี้ ยังมีภาพของฉินเฟิงและซางฮันร่วมมือกันต่อสู้กับจักรพรรดิมังกรไฟ

วิดีโอนี้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว มันฉายแค่ 30 วินาทีเท่านั้น แต่ทุกฉากที่ตัดต่อมา ล้วนเป็นฉากสังหาร แม้สัตว์ร้ายจะมีรูปลักษณ์น่าหวาดกลัวเพียงใด เพียงฉินเฟิงขยับมือและเท้าของเขา ไม่พ้นต้องจบชีวิตลง

แน่นอน ว่าวิดีโอนี้ไม่ได้ฉายภาพฉากที่ฉินเฟิงควบคุมกองทัพซากศพ เพราะเรื่องดังกล่าว คนทั่วไปคงไม่สามารถทำความเข้าใจได้ อีกอย่าง นั่นเป็นไพ่ตายของฉินเฟิง ดังนั้นไม่เปิดเผยมันออกมาจะดีกว่า

เมื่อวิดีโอจบลง เลเวล C บางคนก็ไม่อาจเค้นสมองยอมรับสถานการณ์ ในขณะที่คนธรรมดา ตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง

เวลานี้ ซางฮันเริ่มประกาศบันทึกการต่อสู้ของฉินเฟิง

เริ่มจากจำนวนสัตว์ร้ายที่เขาสังหาร ปรากฏว่ายอดมันพุ่งสูงขึ้นถึง 8 หลักอย่างกะทันหัน และในยอดเหล่านั้น มีทั้งระดับนายพล , ราชันย์ และจักรพรรดิ ทั้งหมดฉินเฟิงล้วนมีส่วนร่วมในการล่า

“และตอนนี้ ฉันขอประกาศมอบรางวัลให้แก่ฉินเฟิง –มอบตำแหน่งรองเทศมนตรีกิตติมศักดิ์แก่เขา!”

“อื้อหือ!”

เบื้องล่างเวที บังเกิดความโกลาหลขึ้น

ที่จริงแล้ว แม้แต่ฉินเฟิงเอง ก็ยังต้องกะพริบตาปริบๆด้วยความประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม เขาสงบลงอย่างรวดเร็ว ในหัวใจขบคิด สุดท้ายได้คำตอบว่าทำไมซางฮันถึงทำแบบนี้

รองเทศมนตรีกิตติมศักดิ์ เป็นเพียงตำแหน่งว่างเปล่าเท่านั้น นี่ก็คล้ายๆกับตำแหน่งแขกผู้มีเกียรติจากทางตระกูลวรยุทธโบราณ ไม่ได้ครอบครองอำนาจอย่างแท้จริง แต่สามารถเพลิดเพลินไปกับการถูกเคารพเทิดทูน และสามารถออกหน้าในช่วงเวลาสำคัญ

แต่ขณะเดียวกัน ตำแหน่งนี้มิได้ผูกมัดฉินเฟิง เป็นเพียงการมอบเกียรติยศให้แก่เขาเท่านั้น

ดังนั้นฉินเฟิงจึงน้อมรับคำประกาศของซางฮันด้วยความยินดี เขาผุดลุก และตรงขึ้นไปบนเวที

ท่ามกลางแสงสว่างไสวจากดวงไฟและแสงแฟลช ใบหน้าหล่อเหล่าและยังเยาว์วัยของฉินเฟิงปรากฏสู่สายตาของทุกผู้คน

ช่วงเวลานี้ หลายคนรู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงฝัน

ถึงจะพูดว่าเป็นแค่ตำแหน่งกิตติมศักดิ์ก็เถอะ แต่เมืองเป่ยหัวคืออะไร? มันคือศูนย์กลางของภูมิภาคทางตอนเหนือ และเป็นซางฮันที่ควบตำแหน่งเทศมนตรีเมืองพร้อมตำแหน่งจ้าวพรมแดน ส่วนตำแหน่งรองเทศมนตรี เดิมเป็นของชุ่ยเหลียนที่เพิ่งตายไป

แต่ตอนนี้ ฉินเฟิงกลับได้รับตำแหน่งรองเทศมนตรีกิตติมศักดิ์ นั่นไม่เท่ากับว่า เขาอยู่ในตำแหน่งที่เป็นรองเพียงหนึ่ง แต่เหนือกว่าผู้คนนับหมื่นหรอกหรือ?

เลเวล B ในงาน แม้ในหัวใจจะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ยอมรับการตัดสินใจนี้

ก็ต้องยอมรับน่ะสิ จะให้ปฏิเสธหรอ?

เพราะสุดท้าย บันทึกการต่อสู้ของฉินเฟิงได้ปรากฏออกมาแล้ว

และเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครสามารถทำแบบเขาได้

“ฉินเฟิง ฉันในฐานะตัวแทนของเมืองเป่ยหัว ขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง” ซางฮันมอบตราพิเศษให้แก่ฉินเฟิง และการมอบมันให้ต่อหน้าทุกคน นั่นถือเป็นการประกาศว่าคุณสมบัติของตรานี้ มีผลทันที

–ตรารองเทศมนตรีกิตติมศักดิ์!

“นั่นเป็นสิ่งที่ผมสมควรทำ” ฉินเฟิงตอบคำหนึ่ง หลังจากรับตรา ผู้คนก็ปรบมือแสดงความยินดีให้เขา ส่วนเรื่องที่ว่าปรบมือด้วยความจริงใจหรือไม่นั้น ใครจะสน?

จากนั้น ภายในงานเลี้ยงก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้คนเฉลิมฉลองแด่ชัยชนะ

ขณะเดียวกัน ข่าวที่ถูกส่งออกจากงาน ก็ยังทำให้หลายคน เกิดความโกลาหลขึ้นเช่นกัน

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท