โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 540. – ซากปรักหักพังในต่างมิติ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.540. – ซากปรักหักพังในต่างมิติ

ชั้นสิบไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบุกเข้ามา หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง มีลูกรักของพระเจ้าจากเมืองหลวงมังกรที่ชื่อว่าปังรั่วในเลเวล D4 คนเดียวเท่านั้นที่ปรากฏตัวขึ้น แม้ความแข็งแกร่งของปังรั่วจะเทียบไม่ได้กับหลงกันและคนอื่นๆ แต่ก็ถือว่าเป็นลูกรักของพระเจ้าระดับสูง ดังนั้นเมื่อทุ่มเทพยายาม เลยสามารถฟันฝ่ามาได้

หากไม่อยากถูกทิ้งไว้เบื้องหนึ่ง มีวิธีเดียวนั่นคือสู้สุดกำลัง ทุ่มเทแรงทั้งหมดที่ตนมี!

สามชั่วโมงต่อมา อีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น คราวนี้เป็นผู้ใช้พลังจากภูมิภาคตะวันตก–

–อ้ายโตว!

อ้ายโตวผลุบออกมาจากประตูแสงในสภาพม้วนกลิ้ง หลังจากลุกขึ้นแล้วมองเห็นตราบนหน้าอกของฉินเฟิง เขาตกตะลึง ปากอ้าพะงาบๆมิกล้าเอ่ยคำใด

ระหว่างนั้นเอง ผู้พิทักษ์หอคอยได้หันมาเอ่ยกับอ้ายโตวสั้นๆ “เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง รีบไปพักผ่อน ฟื้นฟูกำลังให้ได้สักเล็กน้อยก็ยังดี”

ใบหน้าของอ้ายโตวปรากฏเครื่องหมายคำถาม เขาไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นเพียงลูกรักของพระเจ้าที่มาจากชั้นรากหญ้า และเก๋อหลางก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมายแก่ตนเอง

ดังนั้น แม้ในหัวใจจะยังคงมีข้อสงสัย แต่ก็นั่งขวาทับซ้าย ทำสมาธิเร่งฟื้นฟูกำลังภายในอย่างรวดเร็ว

ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่มีใครสามารถก้าวขึ้นมาบนชั้นสิบได้

โจวฮ่าวกับจิ่นเฟย แม้พวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังทำได้แค่เกือบถึงปลายทางเท่านั้น บางทีปีหน้าพวกเขาอาจมีหวัง

สำหรับอัจฉริยะที่เหลือจากภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นฮั่นจุน , เต๋อหวอ , ลิหวังเซิ่น และคนอื่นๆ ที่มีชื่อเสียง ยังคงอยู่แค่ชั้นแปด

ภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง หากคิดมาถึงชั้นบนสุด เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้

“ปีนี้มีคนไปได้ถึง 6 คน ถือว่าดีมากแล้ว”

“แถมในจำนวนนั้น ยังมีเลเวล C2 บางทีเขาอาจสามารถทำได้จริงๆก็ได้”

“ถูกต้อง ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาแล้ว”

บรรดาอาวุโสระดับสูง ทุกคนต่างจับตาดูอย่างใกล้ชิด

ระหว่างภายนอกกำลังสนทนา ผู้พิทักษ์หอคอยพลันลืมตา เอ่ยปากขึ้นทันที “เหล่าอัจฉริยะเอ๋ย การกระโดดข้ามผ่านประตูมังกรคืออะไรรู้หรือไม่? มันคือการทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ และการปีนป่ายขึ้นสู่จุดสูงสุดของหอคอยแห่งนี้ เป็นแค่การทดสอบเบื้องต้นเท่านั้น”

“ในช่วงเวลานี้ของทุกปี มิติแห่งอื่นจะเปิดขึ้นเป็นพิเศษ และเมื่อมันเปิดขึ้น พวกเธอจะต้องเข้าไปข้างใน และต่อสู้กับพวกมัน!”

“ทว่าเมื่อตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ขอให้ใช้ตัวเชื่อมมิติเพื่อหนีกลับมาทันที เพราะพวกเธอแต่ละคน ล้วนเป็นลูกรักของพระเจ้า คือสมบัติแสนล้ำค่าแห่งพันธมิตรมนุษย์ของพวกเรา”

“วีรบุรุษไม่สามารถสร้างได้หากเอาแต่ยืนหลบอยู่เบื้องหลังกำแพง แต่ยังไงก็ตาม จดจำเอาไว้ให้ดี ว่าพวกเธอคือสิ่งล้ำค่า มีอะไรอีกมากที่สามารถทำได้ในอนาคต ฉะนั้นจงอย่าเอาชีวิตไปทิ้ง!”

สีหน้าของผู้พิทักษ์หอคอยดูเคร่งเครียดจริงจัง เขาเน้นย้ำทุกคำ บ่งบอกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ รุ่นเยาว์ทุกคนก็รับรู้ได้ พยักหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น

จากนั้น ผู้พิทักษ์หอคอยก็เริ่มแจกจ่ายตัวเชื่อมมิติ เขาหวั่นเกรงกระทั่งว่ามันจะถูกทำลาย รุ่นเยาว์คนหนึ่งเลยได้รับถึงสาม

ต่อมา ผู้พิทักษ์ก็ทำท่าทีเหมือนกดลงบนอะไรสักอย่าง ทันใดนั้น เหล่ารุ่นเยาว์ก็พบว่า เหนือหัวของพวกตน บังเกิดบางสิ่งที่คล้ายกับกลีบดอกไม้กำลังคลี่ออกอย่างกะทันหัน

กระแสลมแรงพัดลงมาจากเบื้องบน หากเป็นคนธรรมดา อาจสั่นสะท้านจนล้มลงไปกองกับพื้น อากาศบางเบา กระทั่งเมฆหมอกก็ดูเหมือนจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมมือ

ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงความผันผวนอย่างรุนแรง เขาแหงนหน้าขึ้นไปดู และพบว่าเบื้องบน แสงสีเงินสุกสกาวกำลังค่อยๆร่วงตกลงมา

ตามมาติดๆด้วยรพลังงานอันทรงประสิทธิภาพอีกนับไม่ถ้วน มันปะทุอย่างต่อเนื่อง

พลังงานนี้ทรงพลังเกินไป หลังจากมันถูกถ่ายเทลงมา คล้ายกับว่าหอคอยประตูมังกรทั้งหมดกำลังถูกมันปกคลุม

ฉินเฟิงสามารถมองเห็นพลังงานเหล่านี้ได้ด้วยตาเปล่า มันกระทบลงกับพื้น ในเวลานี้ เมืองหลวงมังกรราวกับมีชามใบหน้าที่มิอาจสัมผัสต้อง ร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า

สามารถก่อให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ โครงสร้างของเมืองหลวงมังกร เห็นได้ชัดว่ามิได้เรียบง่ายดั่งที่ปรากฏ

สั่งการนึกคิดในจิตใจ พลังพิเศษกลืนกินของฉินเฟิงปะทุออกทันที

“จงดูดกลืน!”

ในชั่วพริบตา พลังงานอันน่าสะพรึงเริ่มหมุนวน ถูกดูดดึงมาทางฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว กลืนกินไปโดยเขา

ร่างกายของฉินเฟิง ยกระดับไปอีกขั้น

ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง , กระดูก กระทั่งอวัยวะภายใน ต่างได้รับการหล่อเลี้ยง

ปัง!

ท่ามกลางกระแสพลังงาน ฉินเฟิงสามารถตัดผ่านอุปสรรคได้โดยตรง

ก้าวขึ้นสู่เลเวล C3 !

กลิ่นอายทรงพลังของฉินเฟิง ระเบิดออกในคราวเดียว

อย่างไรก็ตาม ผู้สามารถยกระดับในที่แห่งนี้ เห็นได้ชัดว่ามิใช่ฉินเฟิงแต่เพียงคนเดียว

หลงกัน , จ้วงเซิน และคนอื่นๆ แม้ด้านดูดซับพลังงานจะเทียบไม่ได้กับฉินเฟิง ยังไงก็ตาม มันก็ช่วยให้ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน พลังงานเหล่านี้ซึมเข้าสู่ร่างกายของทุกคน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพทันที

ตูม!

สามอัจฉริยะทยอยกันยกระดับราวกับโดมิโน ก้าวขึ้นสู่เลเวล D7!

อายุเพียงเท่านี้ แต่เลเวล C กลับอยู่ใกล้แค่เอื้อม ถือเป็นสัตว์ประหลาดขนานแท้

มนุษย์ที่พระเจ้าโปรดปราน มักได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่เสมอ

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาให้ดูดซับมันมีไม่มากนัก เพียงชั่วพริบตา ช่องว่างมิติก็ปรากฏขึ้น ก่อตัวเป็นรูปแผ่นดิสก์ ลอยอยู่เหนือหัวพวกเขา 20 เมตร

“รีบเข้าไปเร็วเข้า!” ผู้พิทักษ์หอคอยตะโกนเตือน

ช่วงเวลานี้ อ้ายโตวกับปังรั่วดูดซับพลังงาน จนยกระดับขึ้นมาอีกขั้นเป็น D4 และ D5 ตามลำดับแล้ว ทั้งสองไม่สนใจที่จะยกระดับอีกต่อไป กระโดดขึ้นไปโดยตรง

ฉินเฟิงกับไป๋หลีเองก็ทำแบบเดียวกัน

ฉินเฟิงเข้าไปช่องว่างมิติ เขาสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนอันน่าหวาดกลัว มันก่อตัวเป็นวังวน หลังจากที่จ้วงเซินและคนอื่นๆเข้ามา สีหน้าของทั้งหมดก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

ที่นี่ไม่อาจเปิดปาก แต่การสื่อสารผ่านพลังสมาธิ มิได้ถูกขัดขวาง

“เร็วเข้า จับมือกันไว้ พวกเราจะไปด้วยกัน”

หลงกันตะโกน เอื้อมมือไปคว้าจับจิหรันที่อยู่ข้างๆเขา จากนั้นก็คว้าตัวจ้วงเซิน ทั้งสามจับมือกันแน่น ในขณะที่คนอื่นๆ ที่อยู่กระจัดกระจายกันออกไป รับรู้ได้ทันทีว่าต้องทำตาม อ้ายโตวกับปังรั่วเอื้อมมือไปคว้ากัน

ฉินเฟิงกับพวกเขาลอยตัวท่ามกลางกระแสวังวนในรูปแบบสามเหลี่ยม ฉินเฟิงมองทุกคนอย่างเงียบๆ กล้ามเนื้อใบหน้าไม่แม้จะขยับ และพบว่าคนอื่นๆไม่สามารถเป็นอิสระจากกระแสวังวนนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงตรงกันข้าม เขาสามารถแหวกว่ายในมันได้อย่างอิสระ

แต่เมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้ว ฉินเฟิงเลือกที่จะอยู่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นมิอาจเคลื่อนไหว

เฝ้ารอเป็นเวลาราวๆ 3 – 5 วินาที ทั้งสามก็ตกอยู่ในความมืดมิด เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ทิวทัศน์โดยรอบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไป

ในพริบตา บังเกิดแรงโน้มถ่วงมหาศาล กดทับบนร่างของฉินเฟิง

เห็นได้ชัดว่าที่นี่มิใช่โลกมนุษย์อีกต่อไป!

แรงโน้มถ่วงของที่นี่แข็งแกร่งมาก หากเป็นคนทั่วไป เมื่อมาถึง อาจถูกกดดันจนแหลกได้

ฉินเฟิงทดลองขยับสองมือ สองเท้า ปรับตัวให้เข้ากับแรงโน้มถ่วงในโลกใหม่

เมื่อลองมองสำรวจออกไปอย่างระมัดระวัง เขาก็พบกับซากปรักหักอย่างไม่คาดคิด สายลมกรรโชกแรง เผยให้เห็นถึงประกายแสงระยับซ่อนอยู่ในฝุ่นผงและก้อนกรวด สะท้อนเข้ามาในสายตาของฉินเฟิง

ฉินเฟิงเดินไปสองสามก้าว ภายใต้การควบคุมโดยพลังสมาธิ ต้นตอของแสงระยับเผยโฉมออกมาทันที

“นี่มันอุปกรณ์รูน!”

ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส

อุปกรณ์รูนนี้ แตกต่างจากเทคโนโลยีการผลิตบนโลกอย่างเห็นได้ชัด มันละเอียดยิ่งกว่า และภายในอุปกรณ์รูน ยังปรากฏรูปโครงกระดูกที่ดูน่าขนลุกหวาดกลัว

ในตอนนั้นเอง พลังงานระเบิดขึ้นทันใด หุ่มหุ้มอุปกรณ์รูนดังกล่าว ต่อมา การดำรงอยู่ที่ราวกับภูติผี เริ่มก่อตัวขึ้นจากมัน จนมีความสูงราวๆ 3 เมตร

วูซซซ! ภูติผีพุ่งเข้าหาใบหน้าของฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนตนเป็นดาบพลังงาน หากสัมผัสโดนเพียงครั้ง อาจทำร้ายถึงแก่ชีวิต!

หน้าผากของฉินเฟิงเกิดรอยยับย่น วาดมือออกทันใด

ปัง!

กำลังภายในซัดออกในทำนองเดียวกัน ปะทะเข้ากับดาบผีตนนี้

ตูม!

ฉินเฟิงใช้เพียง 1 % จากกำลังภายในของเขา ซึ่งเทียบเท่ากับกำลังภายในของเลเวล C1 แต่ก็ยังทำให้ดาบพลังงานของผีตนนี้แตกเป็นเสี่ยงๆ

ร่างภูติผีที่กำลังลอยล่องเผยโฉมอีกครั้ง ปรากฏว่ามันมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล D !

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท