Ep.541 – มนุษย์เลือดบริสุทธิ์
ฉินเฟิงวาดมือ ปลดปล่อยกำลังภายในของเขาอีกครั้ง เจ้าสิ่งที่เหมือนกับภูติผี ถูกบดขยี้ทันที โครงกระดูกของมันคล้ายมิอาจทานทนต่อการโจมตีดัง แตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นขี้เถ้าลอยฟุ้ง
ขณะเดียวกัน อุปกรณ์รูนก็ตกลงมา
“ดูจากระดับแล้วของภูติผีแล้ว น่าจะเป็นระบบป้องกันของอุปกรณ์รูนสีเงินเลเวล D”
แม้เทคนิคการผลิตจะแตกต่างจากโลกมนุษย์ ส่งผลให้อุปกรณ์รูนชิ้นนี้ไม่สาดแสงสีเงิน แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นของดีอย่างแน่นอน
ฉินเฟิงเก็บสมบัติที่ได้มาลงในอุปกรณ์รูนมิติของตน และเริ่มเดินต่อไป
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ เสียงร้องคำรามได้ดังขึ้น แทรกเข้ามาในรูหูของฉินเฟิง พลังสมาธิของเขากวาดไปด้านข้าง ตรงไปตามเสียงร้องทันที
ทว่าพลังสมาธิกลับขยายออกไปได้เพียงร้อยเมตร จากนั้นก็ไม่อาจตรวจสอบได้ไกลกว่านี้อีกต่อไป
“ต่างมิติแห่งนี้ ไม่ใช่แค่มีแรงโน้มถ่วงที่มากกว่าโลกมนุษย์ ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก แต่กระทั่งพลังสมาธิเอง ก็ยังถูกกดดัน ลดทอนอำนาจของมันลงเช่นกัน”
ฉินเฟิงไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงมุ่งตรงไปตามทิศทางเสียง ไม่นาน หลังจากประชิดจนห่างจากอีกฝ่ายราวๆ 100 เมตร ฉากในสายตา เล่นเอาเขาถึงขั้นลืมหายใจ
เบื้องหน้ายังคงเป็นภูมิประเทศที่ไม่ต่างจากซากปรักหักพัง ตึกรามถล่ม ถนนผุพังและเต็มไปด้วยฝุ่นผง ทว่าตรงจุดนั้น ดันปรากฏบางสิ่งบางอย่าง ที่แม้จะสามารถมองเห็นได้แค่มุมเดียว แต่ก็บอกได้ว่าเป็นเครื่องจักรที่งดงาม
ขณะเดียวกัน แถวๆนั้นยังมีคนรูปร่างหน้าตาประหลาดอยู่อีกหลายคน
ฉินเฟิงไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าควรจะเรียกคนเหล่านี้ว่าอะไร
กลุ่มคนประหลาดด้านหนึ่ง ผมของพวกเขาเป็นสีน้ำเงินเข้ม ในกลุ่มมีทั้งหมดห้าคน ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างถูกพันไว้ด้วยผ้าคลุมสีอ่อนชนิดหนึ่ง ผ้าคลุมนี้ดูโปร่งใส แต่หากลองสังเกตดูจริงๆแล้ว มันทึบแสงโดยสิ้นเชิง กระทั่งโครงขาที่อยู่ข้างใน ก็มิอาจมองเห็นได้
ขณะเดียวกันมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ดูแข็งแกร่ง ยืนอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา ฝั่งนี้มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ แต่ปากเต็มไปด้วยฟันแหลม ข้างหลังมีหางงอกออกมา หางแต่ละตัวมีสีสันแตกต่างกันออกไป เวลานี้พวกมันกำลังอ้าปากคำราม
“ก๊าซซซ!”
หนึ่งในพวกที่มีหางตะโกนอะไรบางอย่าง แสดงท่าทีคุกคามแต่เหมือนจะไม่ได้ผล อีกฝั่งหนึ่งใบหน้าหม่นคล้ายครึ้มไปด้วยเมฆหมอก ถลึงมองสวนกลับไป
เมื่อเห็นการแสดงออกของกลุ่มสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ฉินเฟิงเองก็ตระหนักถึงบางสิ่งได้เช่นกัน
“พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา!”
ในตอนนั้นเอง บังเกิดคลื่นความผันผวนอย่างกะทันหัน พลังทางจิตถูกปลดปล่อยออกมา สื่อสารกันและกัน
“เจ้าพวกเผ่าทะเล ยังไงก็จะไม่ยอมรามือจากสนามรบสุดท้ายนี่ใช่ไหม? อาศัยเพียงร่างกายของพวกแก โดนกัดแค่ทีเดียวก็หักเป็นท่อนแล้ว! ทั้งๆที่เป็นแบบนี้ แต่ก็ยังยืนกราน ปรารถนาที่จะแบกรับพลังของเกราะศักดิ์สิทธิ์อีก ต่อให้ได้มันไป ถึงเวลาพอใส่ ระวังจะยืนไม่ไหวก็แล้วกัน ฮ่าฮ่า”
คนหนึ่งหัวเราะหยันออกมา สาดวาจาไปทางกลุ่มคนไว้ผมสีน้ำเงิน
‘เผ่าทะเล? พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากท้องทะเลงั้นหรอ’ ฉินเฟิงพยายามทำใจให้สงบ สมองขบคิด
หลังโลกก้าวสู่ยุคโลกาวินาศ มิติและเผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วน ต่างย่างกรายเข้ามา เปิดเผยสู่สายตามนุษย์ ก่อนฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เขามีประสบการณ์เคยพบเจอกับอะไรจำพวกนี้มาอยู่พอสมควร สองเผ่าพันธุ์เบื้องหน้านี้ ยังไม่ถือว่าแปลกประหลาดที่สุด เท่าที่เขาเคยเจอ
“เหอะ! พูดอย่างกับเผ่ามังกรของพวกแกเลิศเลอนักเชียว? ฝั่งแกนั่นแหละจะอยากได้เกราะศักดิ์สิทธิ์ไปทำไม ไม่กลัวเวลาใส่แล้วเกราะจะไปบาดหางตัวเองรึไง?”
เผ่าทะเลแสยะยิ้มเย็น เปล่งวาจาเยาะเย้ย และเหมือนจะได้ผล ดวงตาของเผ่ามังกรสั่นไหว สะท้อนไปด้วยสีแดงเลือดทันที
“ปากเสีย! พวกเราบุก! ไปฉีกปากสุนัขของพวกมันให้เป็นชิ้นๆ!”
เผ่ามังกรเปิดฉากโจมตีทันที
ขณะเดียวกัน หนึ่งในคนเผ่าทะเลสะบัดนิ้วมือ ปรากฏไข่มุกสีขาวราวหิมะบินออกมาทันใด ทว่ามันมิได้บินเข้าใส่เผ่ามังกร หากแต่บินเข้าหาเครื่องจักรที่อยู่ใกล้ๆ สาดประกายแสงออกมา
วินาทีถัดมา ราวกับบางสิ่งบางอย่างถูกปลุกจากนิทรา!
กระแสมวลพลังงานรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นภูติผีหลายสิบตน
ภูติผีเหล่านี้ เมื่อเห็นฝูงชนรอบๆ ก็ไม่รอช้า เริ่มตอบโต้ทันที
“วิ่ง!”
คนเผ่าทะเลตะโกน คลื่นน้ำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา เมื่อเหยียบย่างอยู่บนคลื่นนี้ มันช่วยให้พวกเขาสามารถหนีไปไกลหลายสิบเมตรได้ในพริบตา
ในทางตรงกันข้าม เป็นเผ่ามังกรที่ถูกขัดขวาง ต้องพัวพันอยู่กับพวกภูติผีแทน
“อย่าหนีนะโว้ย ไอ้พวกตัวบัดซบสาปกลิ่นคาวปลา!” เผ่ามังกรตนหนึ่งสบถเกรี้ยวกราด
“เลิกโวยวายเสียที รีบจัดการพวกวิญญาณต่างมิติพวกนี้ก่อนเถอะ!”
ดูเหมือนว่าเมื่อเผ่าทะเลจากไป เผ่ามังกรก็ไม่คิดสื่อสารทางจิตสำนึกอีก ดังนั้นฉินเฟิงไม่สามารถเข้าใจที่พวกมันพูดได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากบทสนทนาที่ได้ฟัง ฉินเฟิงพอจับใจความสำคัญได้หลายส่วน!
เผ่ามังกรกับเผ่าทะเล เห็นได้ชัดว่าพวกมันก็เหมือนกับตัวเขา เป็นสุดยอดอัจฉริยะ หรือเรียกอีกอย่างว่าลูกรักของพระเจ้าที่ถูกส่งมาที่นี่ และพวกมันกำลังตามหา ‘ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์’
ส่วนภูติผีเหล่านั้น แม้จะถูกเรียกว่าวิญญาณต่างมิติ แต่ก็ครอบครองความแข็งแกร่ง และดูเหมือนจะมีเงื่อนไขในการปรากฏตัว นั่นคือหากใครก็ตามแตะต้องสมบัติบางอย่าง มันจะปรากฏขึ้น
ฉินเฟิงเลยเกิดความคิดว่าถ้าอย่างนั้น หลังจากที่พวกเผ่ามังกรกำจัดวิญญาณต่างมิติแล้ว ระบบป้องกันคงไม่เหลืออยู่อีกต่อไป ฉะนั้นเป็นไปได้ไหวว่าเครื่องจักรสีเงินนั่น เขาจะสามารถไปเก็บกู้มัน และนำกลับมาได้?
ระหว่างขบคิด ฉินเฟิงก็กำลังเตรียมตัวแยกออกไปก่อน แต่ในตอนที่กำลังจากไป เสียงคำรามเกรี้ยวกราดก็ดังไล่หลังเข้ามา
จากนั้น ฉินเฟิงก็สัมผัสได้ว่าตนเองกำลังถูกสิ่งมีชีวิตหนึ่งจ้องมอง
ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิด ฉินเฟิงทราบดีว่าคงไม่พ้นเผ่ามังกร
ขณะนี้ เผ่ามังกรไม่อ้าปากคำรามอีกต่อไป มันส่งคำพูดผ่านจิตสำนึกเข้ามาแทน
“แกเป็นใครกัน? หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากถูกกัดจนตาย!”
ฉินเฟิงหยุดฝีเท้า เขายอมหยุดเพราะอยากจะรู้เหมือนกัน ว่าอีกฝ่ายต้องการพูดอะไร
ทว่าเมื่อเขาหันหน้าไป มังกรอีกฝั่งพลันแข็งค้างทันที
“แกเป็นเผ่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์?”
“หืม? เรื่องเผ่ามนุษย์น่ะใช่ ว่าแต่ไอ้เลือดบริสุทธิ์นั่นมันหมายความว่ายังไง?” ฉินเฟิงขมวดคิ้ว ปากเอ่ยถาม
“ฮ่าฮ่าฮ่า แกมาจากดินแดนมนุษย์ที่ยังไม่เคยถูกใครปล้นสะดมใช่ไหม? งั้นเอาอย่างนี้เป็นไง จงบอกข้อมูลเกี่ยวกับมิติของแกมา แล้วฉันจะมอบรางวัลตอบแทน” ดวงตาของมังกรเปล่งประกายสดใส
หน้าผากของฉินเฟิงเริ่มยับย่น แม้เขาจะไม่เข้าใจความหมายของมัน แต่เขารู้สึกได้ ว่าเผ่ามังกรตัวนี้ มิได้เป็นมิตรกับมนุษย์
หรือกล่าวอีกความหมายนึงก็คือ พวกมันมีเจตนาร้ายต่อมิติของฉินเฟิง!
เจ้าพวกนี้ อาจจะเป็นเหมือนกับเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาอื่นๆที่เข้ามารุกรานโลก
สีหน้าของฉินเฟิง แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันใด
“ก๊าซซ!” อีกหนึ่งมังกรส่งเสียงคำรามต่ำ คล้ายจะบอกอะไรบางอย่าง ขณะเดียวกันก็กำลังดิ้นรนต่อสู้กับวิญญาณต่างมิติ เผ่ามังกรที่กำลังสื่อสารทางจิตกับฉินเฟิง อ้าปากอันใหญ่โตและกล่าวทันที
“ช่างน่าอายเหลือเกิน แต่ดูเหมือนว่าสหายของฉัน บางคนเป็นพวกใจร้อน คงไม่มีทางเลือกอื่น ฉันจะจับแกไปก่อน ไว้ค่อยมาสอบสวนกันทีหลัง!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เผ่ามังกรตนนี้กระโจนเข้ามาทันที
สี่แขนขาของอีกฝ่ายดูหนา บึกบึนกำยำ พละกำลังยามกวัดแกว่ง ก่อให้เกิดกระแสลมม้วนตัวเป็นพลังงาน
เผ่ามังกรตนนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องความสูง กระทั่งน้ำหนักก็สมควรมหาศาล แม้แรงโน้มถ่วงของมิติแห่งนี้จะมากกว่าโลก ทว่ายามมันกระโจนและต่อยออกมา กลับรวดเร็วเป็นอย่างมาก และการจะว่องไวเช่นนี้ได้ บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
เพียงมันสำแดงฝีมือออกมา ฉินเฟิงก็ตระหนักได้ทันที ว่าอย่างน้อยมันสมควรอยู่ในเลเวล C1
ฉินเฟิงแน่นอนมิใช่คนมีนิสัยเฝ้ารอคอยความตาย เขาง้างแขนไปเบื้องหลัง ระเบิดกำปั้นสวนกลับไปทันที
กำลังภายในอัดแน่นลงบนกำปั้น ปะทะเข้ากับหมัดมังกรคราหนึ่ง
ปงงงง!
บังเกิดเสียงอู้อี้หนักทึบ พลังงานระหว่างสองหมัดกระจายหายไป เนื้อปะทะเนื้อ แต่ต่อมาก็เกิดเสียง ‘แกร๊ก’ ดังขึ้น
“อ๊ากกก!” เผ่ามังกรกรีดร้องเสียงหลง มันก้มลงอย่างไม่เชื่อสายตา และพบว่าเวลานี้กำปั้นของมันบิดเบี้ยวไม่เป็นทรง
ฉินเฟิงสามารถรับรู้ได้ถึงระดับความแข็งแกร่งของเผ่ามังกรตัวนี้ คาดว่าน่าจะเป็นระดับราชันย์เลเวล C1 แต่เมื่อเทียบกับเลเวล C3 ระดับจักรพรรดิของฉินเฟิงแล้ว ยังห่างชั้นนัก
ฉินเฟิงฉกสองมือไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว บีบข้อมือของเผ่ามังกรเอาไว้ จากนั้นก็จับบิดไปอีกทาง บังเกิดเสียงดังแกร๊กอีกรอบ
แขนของศัตรู ถูกหักโดยฉินเฟิง
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก
สองมือของฉินเฟิงวูบไหวเป็นเงา เพียงพริบตา สองแขนของเผ่ามังกร ไล่ขึ้นไปจนถึงหัวไหล่ ถูกหักกระดูกไม่มีเหลือ!
พลังสมาธิส่งคำพูดออกไป
“เอาล่ะ ทีนี้ก็น่าจะถึงเวลาเล่าให้ฉันฟังแล้วนะ ว่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์หมายความว่ายังไง!”