โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 550 – ตกปลาในน้ำเชี่ยว

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.550 – ตกปลาในน้ำเชี่ยว

เนื่องจากไม่มีใครสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของถุงมือเกราะศักดิ์สิทธิ์ได้ และไป๋หลีเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงใช้วิธีหว่านแห เปิดมิติไล่จากบนลงล่าง

สำหรับลูกรักของพระเจ้าจากเผ่าต่างๆ หากไม่ถูกมิติของเธอกลืนเข้าไปก็ถือว่ารอดตัว แต่ถ้าถูกกลืนลงไปล่ะก็ เสียใจด้วยเพราะคงต้องตาย!

ช่องว่างมิติมิติของไป๋หลี เมื่อกวาดออกไปได้เพียง 50 เมตร ในที่สุดก็พบถุงมือเกราะศักดิ์สิทธิ์ เสาแสงสีเงินขาวของมันหายวับไปโดยสิ้นเชิง

“เจอแล้ว!” ไปหลีรู้สึกได้ว่าถุงมือศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในพื้นที่มิติของเธอ ส่งเสียงสื่อสารผ่านพันธสัญญาหาฉินเฟิงทันที

“ตอนนี้พวกเราก็เป็นหนึ่งในผู้แย่งชิง ถ้าออกไปทันที จะให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ตกเป็นเป้าสงสัยแทน ดังนั้นอยู่นิ่งๆเอาไว้ก่อน” ฉินเฟิงกล่าว

“ฉันรู้ๆ! วิธีนี้เรียกว่า นิ่งสงบตกปลาในน้ำเชี่ยว!” ไป๋หลีกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอทำตัวว่าง่าย เชื่อฟังฉินเฟิง ขณะเดียวกันคอยตั้งท่าป้องกันตนเองจากการโจมตีของผู้คนรอบข้าง

ในเวลาเดียวกัน เมื่อแสงสีเงินขาวได้หายไป ลูกรักของพระเจ้าที่อยู่ใกล้ที่สุด ก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนทันที

“เป็นเขา! เขาเอาเกราะศักดิ์สิทธิ์ไป”

“ส่งมันมาซะ แล้วฉันจะยอมไว้ชีวิต!”

“ไม่ต้องเสียเวลาพูดแล้ว จะยังไงก็ช่าง ฆ่ามัน!”

น้ำเสียงส่งผ่านพลังสมาธิ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสมองของผู้คนอื้ออึง ลูกรักของพระเจ้าผู้โชคร้ายสับสนกับเหตุการณ์ โดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็ถูกฝูงชนปิดล้อมในพริบตา

“เปล่านะ ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้เอาไป!”

แต่น่าเสียดาย ที่เวลานี้ ยังจะมีใครเชื่อคำพูดของเขาอีกหรือ?

การโจมตีนับไม่ถ้วนประทังเข้าใส่เขา กระทั่งตัวเชื่อมมิติก็ยังไม่มีเวลาได้ใช้ ลูกรักของพระเจ้าผู้โชคร้ายตายอย่างไม่มีที่กลบฝัง

ตกเป็นแพะรับบาปแทนไป๋หลี!

เปรี๊ยะ!

สายฟ้าจากหนึ่งในเทคนิคอบิลิตี้ฟาดผ่าศพของลูกรักพระเจ้าผู้โชคร้าย

เปรี้ยงงง!

ในพริบตา ศพผู้โชคร้ายแปรสภาพกลายเป็นเถ้าลอยฟุ้งในอากาศทันที

ต่อมา กว่า 7 – 8 อุปกรณ์รูนมิติที่เขาพกติดตัวก็กระเด็นกระดอนในอากาศ

สำหรับเหล่าลูกรักของพระเจ้าชั้นยอด อุปกรณ์รูนมิติที่พกพา ย่อมไม่มีเพียงชิ้นเดียว แต่ไม่มีใครทราบว่า ในบรรดา 7 – 8 ชิ้นที่กล่าวมานี้ เป็นชิ้นไหนที่เก็บถุงมือเกราะศักดิ์สิทธิ์เอาไว้

ติ๊ง! หนึ่งในเผ่าต่างมิติคว้าอุปกรณ์รูนของอีกฝ่ายไปทันที กวาดพลังสมาธิลงค้นหา แต่ช่างน่าเสียดายที่ไม่พบถุงมือเกราะศักดิ์สิทธิ์

“บ้าจริง! ไม่ใช่อันนี้” เขาหันขวับตรงเข้าฉวยอุปกรณ์รูนมิติที่ยังเหลืออยู่ แต่ในตอนนั้นเอง เพียงเงยหน้าขึ้น เขากลับพบว่ารอบกายถูกรุมล้อมโดยผู้คนเสียแล้ว

“หลีกไปให้พ้น! ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่ได้อยู่ที่ฉัน!”

เขาตวาดผ่านพลังสมาธิ แต่เห็นได้ชัดว่ามันก็เหมือนกับลูกรักของพระเจ้าผู้โชคร้ายคนก่อน ไม่มีใครฟังเขาเลย

ฉินเฟิงฉีกยิ้มร้ายกาจ หนึ่งมือค่อยๆยื่นออกไป ปลดปล่อยอบิลิตี้มืดใส่ศัตรู ลดทอนประสิทธิภาพการต่อสู้ของลูกรักพระเจ้ารายนั้นลงทันที ภายใต้การปิดล้อมจากผู้คนมากมาย ลูกรักของพระเจ้าคนนั้นมิอาจทานทน กระอักเลือดคำโต

“บัดซบ อยากได้นักก็เอาไปเลย!”

เขากัดฟันยกแขน และโยนอุปกรณ์รูนมิติออกไป

“อย่าเชื่อเขา ใครจะรู้ว่าที่ขว้างไปมันอาจเป็นของปลอมก็ได้”

“ฆ่ามันซะแล้วค่อยค้นตัว!”

“จงมอบชีวิตมา!”

บางเผ่าพันธุ์เดิมดุร้ายอยู่แล้ว ในตอนนี้บางพวกไม่สนใจแล้วว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ที่ใคร ตัดสินใจฆ่าทุกคนที่เห็นอย่างไม่ลังเล

พริบตาเดียว ทั่วบริเวณแปรสภาพเป็นเครื่องบดเนื้อ เลือดเจิ่งนองเป็นสาย

ฉินเฟิงรู้สึกได้อย่างชัดเจน ถึงกลิ่นอายพลังงานของความตายที่ถูกพลังพิเศษดูดกลืน ซึมซับเข้ามา ลูกรักของพระเจ้าเหล่านี้มิใช่แค่บุคคลทั่วๆไป ยามตกตาย มันเทียบเท่ากับการที่ฉินเฟิงสามารถสังหารราชันย์สัตว์ร้ายในเลเวลเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ฉินเฟิงจึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้อีกฝ่ายฆ่ากัน ฆ่าให้มากเท่าไหร่ยิ่งดี

เหล่าลูกรักของพระเจ้านับร้อย ตะลุมบอลเข่นฆ่ากัน ฉากดังกล่าวน่าหวาดกลัวนัก ฉินเฟิงฉวยโอกาสคว้าอุปกรณ์รูนมิติไปได้หลายชิ้น ขณะเดียวกันคอยจ้องมองลูกรักของพระเจ้าคนอื่นๆอย่างเงียบๆ

ลูกรักของพระเจ้าตนหนึ่งที่สังเกตเห็นการกระทำของเขา หันขวับมาอย่างดุร้าย ซัดกำปั้นดุเดือดเข้าใส่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง

ปงงงง! ปราณกำลังภายในสั่นสะเทือน คล้ายมวลที่อัดแน่นของมันเปราะบางลง

อย่างไรก็ตาม แทบจะในทันที ปราณกำลังภายในอีกชั้นหนึ่งก็ผุดขึ้นมาปกป้องเขา ความหนาแน่นกลับคืนสู่สภาพเดิมที่เคยเป็นมา

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น มีดกษัตริย์ครามในมือโฉบบิดเป็นเกลียว คว้านแทงทะลุเข้าอกลูกรักของพระเจ้าตนนั้นทันที

กึ้ง กึ้ง กึ้งงงง! โล่ปราณกำลังภายในสั่นไหวระลอกใหญ่ ระหว่างฉินเฟิงโจมตีไปหนึ่ง กว่าอีก 7 – 8 คนก็ฉวยโอกาสนี้ ทุ่มโจมตีฉินเฟิงทันใด

“พวกแกทุกคน หลีกทางไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นก็ตาย!” ไป๋หลีเมื่อเห็นฉากนี้ อ้าปากประกาศกร้าว แส้ในมือเธอเหวี่ยงวูบ บังเกิดชั้นรอยแยกมิติขึ้น เหล่าลูกรักของพระเจ้าก็ใช่ว่าจะน้อยหน้า พวกเขาเร่งเร้าพลังงานตน สะกดข่มรอยแยกมิติเอาไว้ทันที เพื่อป้องกันมิให้โดนโจมตี

ย้อนมาทางฉินเฟิง เขากำลังรับมือกับอีกกว่า 7 – 8 ตน ทานรับทั้งกระบวนท่าวรยุทธและอบิลิตี้ มีดกษัตริย์ครามกรีดซ้าย ปาดขวาอย่างบ้าคลั่ง

“ระบำดอกไม้ไฟ!”

วาบบบบ!

ประกายแสงสีแดงม่วงสะท้อนจากคมมีด กวาดเป็นแนวนอน หนึ่งในลูกรักของพระเจ้าหลบไม่ทัน เสี่ยงชีวิตทานรับมัน

ฉัวะ!

ทว่าสุดท้ายมิอาจปัดป้อง แสงสะท้อนสีแดงม่วงของฉินเฟิง กวาดผ่านร่างเขา ถูกแผดเผาจนแห้งกรัง

“ตาย!”

ฉินเฟิงสับคมมีดออกไป เปลี่ยนหนึ่งในกลุ่มคนคิดร้ายต่อเขากลายเป็นเถ้าถ่านทันที อุปกรณ์รูนกว่า5 – 6 ชิ้นตกอยู่ในกำมือของฉินเฟิง

ลูกรักของพระเจ้าที่ยังเหลืออยู่รอบๆ กลายเป็นเดือดดาล

“ฆ่าเขา!”

“เขาช่วงชิงสมบัติจากคนอื่นๆได้มากมาย ถ้าพวกเราฆ่าเขาเพียงคนเดียว จะได้รับทรัพยากรมหาศาล!”

“นั่นมันฉินเฟิง? ดีล่ะ ถือโอกาสนี้ร่วมมือกำจัดคู่แข่งที่แข็งแกร่งกันเหอะ!”

หลายคนถลึงมองฉินเฟิง ร้องคำรามเกรี้ยวกราด

“เพลิงบรรจบ!” ฉินเฟิงยิ้มเย็น เร่งเร้าอบิลิตี้ไม้ตายออกมาทันใด

ทว่าลูกรักของพระเจ้าเหล่านี้ มีหรือจะคิดว่าตนด้อยกว่า?

“อัสนีบรรจบ!”

“วารีบรรจบ!”

เหล่าผู้ใช้อบิลิตี้ เร่งเร้าควบคุมอักษรรูน แต่ละคนปลดปล่อยเขตแดนอบิลิตี้อันทรงพลังออกมา

ฟากฝั่งผู้ใช้วรยุทธโบราณเอง ก็ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตนนั้นด้อยกว่า

“เขตแดนวรยุทธ ทลายสะท้านไร้สิ้นสุด!”

“เขตแดนวรยุทธ ทะลุขีดความเร็วแสง!”

“เขตแดนวรยุทธ แกร่งดั่งศิลา!”

ตัวตนทรงพลังเผ่าหินเหล็กที่มาด้วยกันกับไป่หยู ระเบิดบรรยากาศอันน่าสะพรึงขึ้นรอบกาย ตัวมันเวลานี้แทบไม่ต่างไปจากป้อมปราการ ย่างสามขุมเข้าสังหารฉินเฟิง

ฉินเฟิงยิ้มเย็น กลางหน้าผากเริ่มก่อตัวเป็นกระแสวังวน

“จงออกมา!”

ในพริบตา ดาวเคราะห์ขนาดย่อม พลันลอยออกจากกลางหน้าผากของฉินเฟิง จากนั้นหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของฉินเฟิง

–เป็นศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง!

เพียงพริบตา เขตแดนเพลิงบรรจบของฉินเฟิง จากแต่เดิมมีระยะเพียง 100 เมตร ก็เริ่มขยับขยายขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

200 เมตร , 300 เมตร จนไปถึง 400 เมตร!

เวลานี้ กระทั่งลูกรักของพระเจ้าบางคนที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่รอบนอก ก็ยังถูกกลืนเข้ามาในเขตแดนของฉินเฟิง

ผู้ใช้เขตแดนทุกคน แม้เทคนิคหรือกระบวนท่าของพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ทั้งหมดก็ถูกสยบลงโดยฉินเฟิง

“ตายซะ!” ฉินเฟิงสะบัดแขน วาดนิ้วไปทางตัวตนทรงพลังเผ่าหินเหล็ก

ปัง!

ดั่งอุกกาบาตร่วงหล่นจากฟากฟ้า ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงพุ่งเข้าหาลูกรักของพระเจ้าเผ่าหินเหล็ก

ป้อมปราการรอบกายอันแสนภาคภูมิของเผ่าหินเหล็ก ราวกับถูกถล่มด้วยปืนใหญ่ แหลกกระจุยในพริบตา จากนั้นถูกเปลวเพลิงกลืนกิน กลายเป็นขี้เถ้า

อุปกรณ์รูนมิติมากกว่า 10 ชิ้นร่วงตกลงมา ฉินเฟิงกวักมือ เรียกพวกมันเข้าหาตน

ฉินเฟิงวาดมืออีกครั้ง ควบคุมศิลาศักดิ์สิทธิ์ ยามมันกวาดผ่านศัตรูตนใด ทุกหนแห่งที่พ้นผ่าน ไม่มีเลยสักคนที่สามารถต้านทานพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้

ทั้งหมดถูกทำลาย สลายกลายเป็นขี้เถ้า

เพียงนาทีเดียว ลูกรักของพระเจ้าที่เหลืออีก 6 คนก็ถูกกำจัด ตกตายภายใต้เงื้อมมือฉินเฟิง

ลูกรักของพระเจ้าเหล่านี้ไม่ใช่ตัวตนธรรมดาๆ ทั้งหมดมีไพ่ตายเป็นของตัวเอง และก่อนตายทั้งหมดงัดมันเข้าต้านทานขัดขืน แต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่อาจทำอะไรได้เลย!

คนที่เหลือที่อยู่รอบๆเมื่อเห็นฉากนี้ ก็คิดว่าไม่ดีแล้ว ต้องหนี!

“พวกเราไม่มีทางสู้เขาได้ หนีเถอะ!”

“บัดซบ เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”

ลูกรักของพระเจ้าเหล่านี้แม้รู้สึกไม่ยินยอม แต่ก็ตระหนักดีว่าไม่มีทางต่อต้าน ดังนั้นเร่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ในสายตาฟุ้งไปด้วยความไม่เต็มใจ

การขึ้นเป็นลูกรักของพระเจ้าได้ ย่อมมีความภาคภูมิในตนเอง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งเช่นนี้ ความภาคภูมิที่ว่า กลับถูกฉินเฟิงเหยียบจนจมดิน!

ฉินเฟิงลงมือสังหารอย่างเมามัน

แต่ลูกรักของพระเจ้าเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะอ่อนแอ หากพวกเขาต้องการหลบหนี ต่อให้เป็นฉินเฟิงก็ไม่อาจหยุดพวกเขาได้เช่นกัน

ต่อให้แข็งแกร่ง แต่การไล่ฆ่าในสภาพแวดล้อมของต่างโลกก็ยังมีขีดจำกัด ตอนนี้ฉินเฟิงฟันกำไรได้มากพอแล้ว

“พอแล้ว ออกจากที่นี่กันเถอะ”

ฉินเฟิงเรียกเพลิงบรรจบกลับคืน ไป๋หลีกระโจนมาคล้องแขนเขา ปลีกตัวออกจากสนามรบแห่งนี้ไป

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท