โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 569- ขูดเลือดขูดเนื้อ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.569 – ขูดเลือดขูดเนื้อ

“ผมแนะนำว่าอย่าทำแบบนั้นจะดีกว่า” ฉินเฟิงเตือน ชี้ไปยังเสาที่แสงจรัสกำลังหายไป และกล่าวว่า “เสาแสงนี้คือการตกผลึกของพลังสมาธิ ฉะนั้นจำเป็นต้องโจมตีมันด้วยพลังสมาธิเท่านั้น หากใช้วรยทุธโบราณ หรือกลวิธีอย่างอื่นในการโจมตีเสาตกผลึกนี้ ใส่พลังงานไปเท่าไหร่ ก็จะสะท้อนกลับมาเท่านั้น”

เหวินไห่ชะงักงัน เร่งถอนมือกลับอย่างรวดเร็ว

ฮงรีได้ยินคำพูดของฉินเฟิง ยังไม่เชื่อสนิทใจ แต่ตราบใดที่ทดสอบดู เดี๋ยวก็รู้เอง!

“ฮ่าฮ่า ขอบคุณประธานฉินสำหรับคำเตือน หากสามารถเปิดชั้นหกได้ ฉันจะไม่ลืมส่วนแบ่งของประธานฉินแน่นอน”

แต่ส่วนแบ่งที่ว่า ฮงรีไม่ได้กล่าวว่าจะแบ่งปันกันเท่าไหร่ อาจมิใช่ 40/60 เหมือนเดิมก็ได้ เพราะสมบัติในชั้นนี้ มูลค่าแตกต่างกับชั้นห้า อย่างน้อยก็หลายหมื่นล้าน

ฉินเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาเพียงยื่นนิ่ง เฝ้ารอดูโชว์สนุกๆ

ตามความทรงจำในชีวิตก่อนของฉินเฟิง เสาผลึกนี้ ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อใช้เป็นปราการตอบโต้ป้องกัน และประสิทธิภาพของมันช่างยอดเยี่ยม สามารถต้านทานสัตว์ร้ายที่เน้นโจมตีทางกายภาพได้อย่างไม่จำกัด

อย่างไรก็ตามผลึกชนิดนี้กลับพบเจอได้ยากยิ่ง จึงยังไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย

ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงอยากจะรู้ว่าฮงรีจะทำอย่างไร เขาเฝ้ามองอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน อีกฝ่ายกวาดสายตาไปทางผู้ใต้บังคับบัญชาตน ชี้ไปยังผู้ใช้อบิลิตี้ไฟคนหนึ่งและกล่าว “นายไปทดสอบดู”

ในบรรดาเลเวล C ทั้งสิบคนของฮงรี มีหกผู้ใช้วรยุทธโบราณ , สองมือปืน และสองผู้ใช้อบิลิตี้ ผู้ใช้อบิลิตี้ไฟคนนี้ มิใช่ผู้ใช้อบิลิตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แต่ที่ฮงรีเลือกออกไป เพราะต้องการแค่ทดสอบดูเท่านั้น

“ขอรับท่านประธาน” ผู้ใช้อบิลิตี้ไฟพยักหน้า เดินออกมาสองก้าว เพ่งมองไปยังเสาผลึก ระดมพลังสมาธิและโจมตีออกไป

นี่เป็นการโจมตีด้วยพลังสมาธิเพียวๆ แต่ผู้คนรอบข้างก็ยังรู้สึกได้ ว่าเบื้องหน้าผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ ปรากฏกระแสลมแรง แม้ไม่มีการปลดปล่อยอักษรรูน แต่สามารถส่งพลังงงานอันน่าหวาดกลัว โถมลงใส่เสาผลึก

เสาผลึกนั้นโปร่งใสราวกับกระจกแก้ว มันดูเปราะบางมาก แม้การโจมตีด้วยพลังสมาธิจะมีประสิทธิภาพต่อวัตถุที่มีชีวิตมากกว่า แต่เมื่อต้องเผชิญกับพลังสมาธิในระดับเลเวล C ไม่ต้องกล่าวถึงผลึกบางๆเช่นนี้ กระทั่งเพชรก็ยังถูกบดขยี้

ดังนั้นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟคนนี้ เลยมั่นใจสุดๆ

แต่ในตอนนั้นเอง ฉากแปลกๆพลันปรากฏขึ้น พลังสมาธิเมื่อกระทบกับเป้าหมาย เสาผลึกจู่ๆก็สาดประกายระยับออกมา มันมิได้ส่องสว่างในทีเดียว แต่เริ่มไล่สาดแสงขึ้นจากด้านล่าง ไต่ขึ้นไปเบื้องบน ผลคือประกายที่ว่าไต่ขึ้นมาสูงถึงแค่ 5 ซม. เท่านั้น แล้วมันก็หายไป

ต้องทราบนะว่า เสาผลึกนี้แม้ดูเปราะบาง แต่มีความหนามาก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบหนึ่งเมตร สูงที่สุดเกือบห้าเมตร แล้วเมื่อครู่มันยังไงกันแน่?

ผู้ใช้อบิลิตี้ไฟตกตะลึงโดยสิ้นเชิง

แต่ก็ได้สติ และรายงานกลับอย่างรวดเร็ว “เจ้านาย มันเกิดการตอบสนองต่อพลังสมาธิจริงๆ แต่เหมือนจะไม่ง่ายดายอย่างที่คิด พวกเราควรระดมพลังสมาธิ ฉีดลงไปในผลึกแสงอย่างต่อเนื่อง ผมขอพยายามดูอีกครั้ง”

“อืม” ฮงรีพยักหน้า อนุญาตให้ทดสอบต่อได้

ผู้ใช้อบิลิตี้ไฟเร่งเร้าพลังสมาธิอีกรอบ ทว่าครั้งมีไม่ได้ออกมาในรูปแบบกระแสลม หากแต่เป็นหยดน้ำ มันลอยล่องในอากาศ ค่อยๆจมลงไปในผลึกแสง

เสาผลึกเริ่มปรากฏแสงสว่างขึ้นรำไร ไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

5 ซม. , 10 ซม. …

20 ซม. , 50 ซม. ….

สีหน้าของผู้ใช้อบิลิตี้ไฟเริ่มซีดขาว พลังสมาธิของเขาได้มาถึงขีดจำกัด ถูกรีดเร้นจนใกล้เหือดแห้ง

เมื่อไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไป ผู้ใช้อบิลิตี้ไฟทำได้เพียงยอมแพ้

“ท่านประธาน … ” แม้เจ้าตัวจะเป็นถึงผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล C แต่เมื่อทำงานล้มเหลว ทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าเจ้านายผู้แข็งแกร่งกว่า เลยเผยท่าทีกระวนกระวายออกมา

“ไม่เป็นไร อย่าคิดมากเลย” ใบหน้าของฮงรีดูไม่น่ามองเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ตำหนิอะไร เพราะเห็นอยู่ว่าอีกฝ่ายพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว

“ท่านประธาน คราวนี้ผมจะทำเอง” ผู้ใช้อบิลิตี้อีกคนก้าวออกมา ไม่รอให้ฮงรีพยักหน้า ก็ปลดปล่อยพลังสมาธิทันที

ประกายบนเสาผลึกในเวลานี้ เริ่มแผ่วจางลงแล้ว แต่เมื่อผู้ใช้อบิลิตี้คนใหม่อัดฉีดพลังสมาธิลงไปอีกครั้ง เสาผลึกก็เริ่มส่องสว่างขึ้นอีกคราว ไล่ระดับจากล่างขึ้นบน

แต่เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง สีหน้ามั่นอกมั่นใจของผู้ใช้อบิลิตี้คนใหม่ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง

ความแข็งแกร่งของเขา เมื่อเทียบกับผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ มีเลเวลสูงกว่าแค่สองขั้นเท่านั้น

สุดท้ายสามารถฝืนทนได้มากกว่าเพียงเล็กน้อย เสาผลึกเปล่งประกายไปถึง 70 ซม. ก่อนจะหยุดนิ่งลง

“นี่ … ”ผู้ใช้อบิลิตี้รู้สึกอับอายนัก

“ไม่เป็นไร!” แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น แต่ใบหน้าของฮงรีกลายเป็นน่าเกลียดโดยสมบูรณ์

เขามองไปยังสองมือปืนของตน แต่อีกฝ่ายกลับเร่งก้มหน้าลง แสดงท่าทีชัดเจนว่าพวกตนทำไม่ได้หรอก เพราะพวกเขาเป็นมือปืน พลังสมาธิมีไม่เท่าผู้ใช้อบิลิตี้

สีหน้าของฮงรีหมองลง จากนั้นง้างฝ่ามือ อัดฉีดกำลังภายในและฟาดเข้าใส่เสาผลึกโดยไม่บอกกล่าวผู้ใด

แต่แล้วสิ่งที่น่าตกใจก็บังเกิดขึ้น เสาผลึกพลันสว่างวาบ มันเจิดจรัสยิ่งกว่าตอนถูกอัดฉีดด้วยสองพลังสมาธิ ก่อนเริ่มรวมตัวกันเป็นรังสีแสง สะท้อนกลับใส่ฮงรีด้วยความเร็วชนิดตาไม่ทันได้กระพริบ

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าพลังงานที่สะท้อนกลับมานี้ มันคือพลังงานระดับผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล B แบบทุ่มสุดกำลัง

ใบหน้าของฮงรีแปรเปลี่ยนกลับกลาย

ตูม!

โล่ปราณกำลังภายในผุดขึ้นปกคลุมตัวฮงรีทันที ทว่าอำนาจโจมตีที่สะท้อนเข้ามา กลับบดขยี้ปราณกำลังภายในของเขาในพริบตา

“บัดซบ!” ฮงรีคำรามเกรี้ยวกราด ระดมกำลังภายในเข้าทานรับ แต่พลังสมาธิเมื่อสัมผัสเข้ากับกายเขา มันก็แทรกซึมเข้าไป วิ่งเข้าสู่สมอง สร้างอาการวิงเวียน แขนขาทั้งสี่เริ่มสูญเสียการควบคุม กำลังภายในสับสนวุ่นวาย

‘ไม่เข้าท่าแล้ว!’ ฮงรีร่ำร้องในใจ

“ท่านประธาน!”

“อา! รีบปกป้องท่านประธานเร็ว!”

ผู้ใช้พลังของกลุ่มฮงรี ทั้งหมดตะโกนโวยวาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจระดับเลเวล B พวกเขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย

แต่ในตอนนั้นเอง ปรากฏคลื่นความผันผวนของพลังสมาธิแผ่ออกมาในอีกจุดหนึ่ง

–ฉินเฟิงเริ่มลงมือแล้ว!

พลังสมาธิปะทุโหม โถมเข้าต้านทานพลังงานที่สะท้อนเข้าใส่ฮงรี ทั้งสองฉีกกระชากกันและกัน ก่อนสลายไปในอากาศทั้งคู่

ฮงรี่ มิอาจยืนหยัด ชักฝีเท้าถอยไปสองสามก้าว เขาเกือบจะล้มลงกับพื้น

ฉินเฟิงมองไปยังสีหน้าซีดเผือดของฮงรีด้วยรอยยิ้มบาง และกล่าว “ประธานฮง ถ้าคุณไม่เชื่อผม ทำไมไม่ให้ลูกน้องผู้ใช้วรยุทธโบราณทดสอบมันดูก่อนล่ะ ผมบอกแล้วไง ว่าการสะท้อนของเสาผลึกนี้ อำนาจความรุนแรงของมันจะขึ้นอยู่กับพลังของผู้โจมตี”

สมองของฮงรีหายอื้ออึง สติกลับมาแจ่มชัด เขากลืนเลือดอึกหนึ่งกลับลงคอ ในหัวใจสบถสาปแช่ง ‘ไอเด็กนี้ จงใจทำเหมือนฉันเป็นคนโง่ มันช่วยได้ตั้งแต่แรกแต่กลับไม่ยอมช่วย!’

เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ฉินเฟิงไม่คิดอยู่เฉยอีกต่อไป เอ่ยปากว่า “ดูเหมือนชั้นหกของเขตแดนลับแห่งนี้ ประธานฮงคงจะเสียเวลากับมันอีกนาน ดังนั้น ผมคงไม่คิดอยู่ต่อ ในเมืองเฟิงหลียังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายรอให้ผมจัดการ”

สิ้นเสียง ฉินเฟิงหันหลังเตรียมเดินจากไปทันที

ดวงตาของฮงรีสั่นไหว สีหน้าแปรเปลี่ยนยากจะคาดเดา บังเกิดความลังเล

แต่ไม่นาน เขาก็ได้ข้อสรุปในใจ ปั้นรอยยิ้มบนใบหน้า ตะโกนไล่หลังว่า “หยุดก่อนประธานฉิน! อย่าเพิ่งรีบร้อนจากไปเลย ผู้ใช้อบิลิตี้ฝั่งฉันทั้งสองคนหมดพลังแล้ว ฉะนั้น ประธานฉินกับฉันมาร่วมมือกัน เพื่อทำลายอุปสรรค เข้าสู่ชั้นหกด้วยกันจะได้ไหม?”

“อ้อ? มันก็ได้อยู่หรอก แต่หลังจากพวกเราเข้าไปได้แล้ว จะแบ่งผลประโยชน์กันยังไง?”

“แน่นอนว่ายังคงเป็น 40/60 เหมือนเดิม!” ฮงรีกล่าว

ฉินเฟิงส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับส่วนแบ่งนี้ “ขอปฏิเสธ ผมต้องการ 50/50”

ฮงรี่เกือบหลุดปากตะโกน ‘ไอ้แม่ย้อย’ แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้ว ขูดเลือดขูดเนื้อกันชัดๆ!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท