โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 571 – รับผิดชอบในสิ่งที่ก่อ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.571 – รับผิดชอบในสิ่งที่ก่อ

ฮงรีมองไกลออกไป ไม่อยากพลาดชมจุดจบของเมฆคราม และร่างของฉินเฟิงที่กำลังจะถูกแผดเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า

แต่ในตอนนั้นเอง ทิศทางช่วงปีกหางของเมฆคราม จู่ๆก็ปรากฏชั้นโปร่งใสบางๆขึ้น มองไปคล้ายโล่พลังงานที่คอยป้องกัน

ทว่าพลังที่แฝงอยู่ในชั้นโปร่งใสนี้ ช่างเป็นอะไรที่คุ้นตาของผู้คน เพราะก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงเพิ่งใช้พลังงานดังกล่าว เปิดชั้นหกของเขตแดนลับไป

–พลังสมาธิ!

พลังสมาธิเลเวล C5 ที่มีความแข็งแกร่งในระดับจักรพรรดิ!

กำแพงพลังสมาธิปรากฏขึ้นในชั่วพริบตาเดียว ส่งผลให้กลุ่มฮงรีบนเรือเหาะไม่มีเวลาทันได้ตอบสนอง และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา ก่อให้เกิดเหตุการณ์พลิกผันชนิดสั่นสะเทือนโลกหล้า!

ช่วงเวลานี้ ลำแสงพลังงานอันทรงพลานุภาพอย่างหาที่เปรียบมิได้ ปะทะเข้ากับกำแพงพลังสมาธิ ทันใดนั้นราวกับแสงอาทิตย์สะท้อนกับกระจก เบี่ยงไปยังทิศทางอื่นทันที ลำแสงดิ่งลงกับพื้น

กลุ่มฮงรีบนเรือเหาะ โดยเฉพาะมือปืนเลเวล C ที่กำลังควบคุม ตกตะลึงตาค้าง!

“นั่นพลังสมาธิ : พลังสะท้อน!”

พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้

เพราะนี่เท่ากับพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย

รอยยยิ้มบนใบหน้าของฮงรีแข็งค้าง หางตากระตุกไม่หยุด ได้สติคำรามลั่นดั่งฟ้าผ่า

“ไอ้ตัวไร้ค่า! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายิงผู้ใช้อบิลิตี้แท้ๆ แต่กลับไม่ใช้งานพลังสมาธิเข้าควบคุม สุดท้ายโดนพลังสะท้อนตีกลับมา ไม่มีสมองเลยรึไง!”

แม้จะตะโกนดังแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงตรงหน้าได้

สองมือปืนใบหน้าแดงซ่าน ไม่ทราบเหมือนกันว่าพวกเขากำลังโกรธ หรืออับอายกันแน่

อันที่จริงพวกเขาได้ใช้พลังสมาธิผสานลงไปในลำแสงปืนใหญ่แล้ว มิฉะนั้น พวกเขาจะล็อคเป้าเมฆครามได้อย่างไร? หากเป้าหมายเปลี่ยนทิศกะทันหัน แล้วลำแสงยิงเป็นเส้นตรง มันจะไม่พลาดเป้าหรอกหรอ?

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าความเข้มข้นของพลังสมาธิของฉินเฟิง มันจะมหาศาลขนาดนี้

ในเวลานั้นเอง บนหน้าจอใหญ่ของเรือเหาะ บังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง

เบื้องหน้า หลังจากลำแสงพลังงานถูกสะท้อน มันก็ดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่าง เตรียมโหม่งโลก ทว่าในตอนนั้นเอง กำแพงพลังสมาธิอีกหนึ่งชั้นพลันปรากฏขึ้น!

กำแพงสมาธินี้ โผล่ออกมากลางอากาศ โปร่งใสราวกระจก ลำแสงปืนใหญ่พลังงานที่ดิ่งลงมาในแนวตั้ง ถูกหักเหไปอีกมุม–

–ย้อนกลับไปยังทิศทางเดิมที่จากมา!

ชั่วขณะนี้ ในหัวใจของทุกคน ต่างกู้ก้องเทคนิคอันมีชื่อเสียงของมือปืนออกมา

“พลังสมาธิ : พลังหักเห!”

อย่างไรก็ตาม คำนี้ที่สะท้อนอยู่ในใจ มิอาจเปล่งทางปาก เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป!

ปัจจุบัน เบื้องหน้าในสายตาของพวกเขา ภาพที่ยังเหลืออยู่ มีแค่เพียงลำแสงพลังงานที่ถูกหักเหใกล้เข้ามา พร้อมเสียงไซเรนสีแดงเข้ม

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด คำเตือน คำเตือน ตรวจพบคลื่นความผันผวนในระดับอันตราย!”

“เรือเหาะเข้าสู่โหมดป้องกันตัวโดยอัตโนมัติ!”

“พลังงานไม่เพียงพอ พลังงานไม่เพียงพอ!”

เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถสังหารฉินเฟิงให้ตายตกในคราวเดียว ลำแสงปืนใหญ่นี้ จึงอัดฉีดพลังงานเข้าไปถึงขีดสุด ส่งผลให้พลังงานในส่วนป้องกันลดทอนลงเป็นธรรมดา เพื่อให้แลกมาซึ่งผลลัพธ์การโจมตีที่เด็ดขาดที่สุด

แม้มือปืนจะทราบถึงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่สนใจ และคนอื่นๆก็คงไม่สนใจเหมือนกัน!

เพราะพวกเขาเชื่อมั่น ว่าการลำแสงนัดนี้ อย่างไรชักนำความตายไปสู่ฉินเฟิงอย่างแน่นอน และเรือเหาะเองคงไม่มีทางได้รับความเสียหาย หรือผลกระทบใดๆ

มิได้พิจารณาถึงด้านความปลอดภัยด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นลำแสงพลังงานหักเหกลับมา พวกเขาถึงค่อยนึกเสียใจว่าทำไมไม่ยั้งมือเอาไว้ก่อน และบางสิ่งที่รู้สึกเสียใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ทำไมถึงได้ตัดสินใจโง่ๆแบบนี้!

ภายนอกเรือเหาะ โล่พลังงานผุดขึ้นมา ขวางกั้นลำแสงมิให้เข้าถึงตัว แต่เพียงพริบตาเดียว มันก็ถูกทำลายลง

“ว๊ากกกกกก”

สองมือปืนเลเวล C แผดคำรามสุดเสียง ปลดปล่อยพลังสมาธิของพวกเขา พยายามที่จะใช้เทคนิคเดียวกันกับฉินเฟิง แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้พวกเขาสิ้นหวัง

ลำแสงที่หักเหกลับมาในครั้งนี้ อัดแน่นไปด้วยพลังงานสูงสุด ที่สามารถใช้สังหารเลเวล B ได้ ดังนั้นพวกเขาจะหยุดมันได้อย่างไร?

ใบหน้าพวกเขาซีดเผือดไร้เลือดฝาด ราวกับได้รับความทุกข์ทรมานอย่างหนัก ร่วงหงายลงจากเก้าอี้ มิอาจทานทนได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้

ลำแสงพลังงานเจาะทะลุผ่านใต้ท้องเรือเหาะทันที

ลำแสงพลังงานทะลุออกไปอีกฟากของลำเรือ แยกเรือเหาะออกจากกัน

วินาทีต่อมา เสียงและคลื่นอัดอากาศอันน่าหวาดกลัว กวาดกระจายไปทั่ว

ตูมมมมมมมม!!!

เรือเหาะเกิดการระเบิด ชั้นอากาศทั่วบริเวณ ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำรูปเห็ดยักษ์

เรือเหาะของกลุ่มฮงรี ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

คลื่นอัดอากาศกวาดไกลออกไปหลายพันเมตร แต่เมฆครามของฉินเฟิงได้บินออกไปตั้งนานแล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบใด ขณะเดียวกัน บนหน้าจอเมฆคราม ได้ทำการสแกนฉากอันน่าสยดสยองนี้

ฉินเฟิงบันทึกวิดีโอของพวกมันเอาไว้ รวมกับภาพที่เขาอัดไว้ตั้งแต่ต้น ส่งมันให้แก่เหอเล่อหมิง

ก่อนหน้านี้ฮงรีใช้เหอเล่อหมิงเป็นคนกลาง เพื่อแก้ไขความขัดแย้งของตน แต่ตอนนี้ ทั้งสองแตกหักกันอีกครั้ง ฉินเฟิงไม่ต้องการถูกกล่าวหาว่าทรยศต่อความไว้วางใจและความยุติธรรมของตน ดังนั้นเลยส่งมันไปแทนคำอธิบายแก่เหอเล่อหมิง

เหอเล่อหมิงได้รับวิดีโอนี้ ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมฉินเฟิงส่งมันมาให้แก่ตน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงกับฮงรีจะกลับมาคืนดีหรือเป็นศัตรูกันต่อไป มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา

แต่หลังจากดูไปได้สักพัก สีหน้าของเหอเล่อหมิงก็แปรเปลี่ยนไป

เพราะในวิดีโอ คือฉากที่ฉินเฟิงกับฮงรีตกลงเจรจาร่วมมือกันอย่างชัดเจน อีกทั้งยังร่วมมือกันจนประสบผล แต่ในตอนท้าย ฮงรีกลับผิดคำ ต้องการที่จะสังหารฉินเฟิง แม้ผลลัพธ์จะกลายเป็นรับกรรมของตัวเองไปก็ตาม แต่สำหรับเหอเล่อหมิง มันถือเป็นความอัปยศอดสู

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!

อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงดังขึ้น เป็นเหอเล่อหมิงที่โทรมา

ฉินเฟิงไม่แปลกใจอะไร กดรับสายโดยตรง

“ผู้การฉิน ฉันไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ถ้าฉันรู้ว่าหลานฮงรีจะทำแบบนี้ ฉันคงไม่แนะนำเขาแก่คุณแน่นอน!”

ฉินเฟิงยิ้มบางและกล่าว “ผมก็แค่กลัวว่านายพลเหอจะคิดว่าผมยอมประนีประนอม แต่สุดท้ายหันมาต่อสู้กันอีกครั้ง นั่นเท่ากับเป็นการผิดคำพูดของผมก็เท่านั้นเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผมไม่อยากให้คนอื่นๆเข้าใจผิดไป”

“ฉันรู้ ฉันรู้ เรื่องนี้โทษผู้การฉินไม่ได้ เป็นไอ้สารเลวฮงรีที่คิดไม่ซื่อ ถ้าเขายังไม่ตาย ฉันจะตำหนิเขาให้เอง แต่ถ้าเขาตาย ก็ถือว่าสมควรแล้ว!”

เหอเล่อหมิงเผชิญหน้ากับฉินเฟิงในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีอยู่ไม่สุข อันที่จริงเขาพอจะคาดเดาได้เช่นกัน แต่ก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ขอโทษฉินเฟิงคงไม่พอ เกรงว่าคงกลายเป็นติดหนี้ฉินเฟิงไปในตัว

และเมื่อใดที่ติดหนี้ตัวตนทรงพลัง ยามถึงเวลาชดใช้ สิ่งที่ต้องจ่ายคงไม่ใช่ธรรมดา!

เป็นฮงรีที่ลากเขามาตกกระไดพลอยโจนอีกแล้ว!

ทั้งสองสนทนากันอีกเล็กๆน้อยๆ และวางสายไป

ฉินเฟิงมองไปยังจอภาพ พบว่าเปลวเพลิงเริ่มสงบลงแล้ว ปากอ้าหัวเราะหยัน พาไป๋หลีไปยังที่เกิดเหตุ

ท่ามกลางเปลวเพลิงที่มอดดับ เงาร่างสีดำทะมึน กำลังคืบคลานออกมาอย่างยากลำบาก

–เป็นฮงรี!

ฮงรียังไม่ตาย แม้การโจมตีของเรือเหาะจะสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตเลเวล B ได้ แต่เนื่องจากพลังของสองมือปืน , พลังงานที่ยังเหลือของโล่ป้องกัน และสัญญาณเตือนล่วงหน้า

ทำให้ฮงรีสามารถปลดปล่อยปราณกำลังภายในทั้งหมดที่มีออกมาคุ้มกายได้ทัน ถึงกระนั้นการโจมตีนี้ ส่งผลให้ตันเถียนของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ความแข็งแกร่งของผู้ใช้วรยุทธโบราณถดถอยลงถึงสองขั้น

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท