Ep.584 – จบปัญหา
เปรี้ยงงง!
เสียงสะท้านสะเทือนดังจากเบื้องหลัง ฉินเฟิงกับไป๋หลีเหลียวมอง เห็นกรงเล็บมังกร จิกลงบนยอดเขาที่พวกตนเคยยืนอยู่
ช่วงเวลานี้ บนยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานมหาศาล ถูกบดขยี้จนแหลกเป็นเสี่ยงๆ!
ยังไม่พอ ระหว่างยอดเขาพังทลาย ภูเขาโดยรอบที่อยู่ใกล้เคียงมัน ทั้งหมดพลอยสั่นสะเทือนไปด้วย หิมะที่สะสมมานานปีถล่มลง ไม่กี่นาทีม้วนเป็นคลื่นหิมะระลอกใหญ่
หลังเผชิญกับกองทัพสัตว์ร้ายอยู่หลายครั้ง นี่นับเป็นอีกครั้งที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติ!
เมื่อไม่พบร่างของเป้าหมาย มังกรทมิฬก็หันขวับไปยังทิศทางของฉินเฟิง ตรึงสายตาลงบนทั้งสองอีกครั้ง
“ขอสารภาพตามตรงว่านี่ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจจริงๆ แม้ฉันจะรู้ว่าแฟนตัวน้อยของนายเป็นสัตว์ร้าย แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นสัตว์ร้ายมิติ ช่างเป็นตัวตนอันล้ำค่า เหมาะแก่การนำไปทดลองวิจัย”
สำหรับชายที่มีอายุมากกว่าคนปกติ และอาจเป็นไปได้ว่ามีความแข็งแกร่งระดับเดียวกันกับหลงถิง แซดเลยสามารถตระหนักถึงสถานะที่แท้จริงของไป๋หลีได้ตั้งแต่แรกเห็น
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นไม่มีค่าใดให้ทดลอง แต่หลังจากเห็นพลังพมิติของเธอ แซดก็เอ่ยปากว่าอยากจับไป๋หลีนำไปทดลองด้วยเช่นกัน
ณ ขณะนี้ ฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงความโกรธที่ปะทุขึ้นในอกเขา
อีกฝ่ายคิดชำแหละตนเอง ฉินเฟิงยังพอสงบสติอารมณ์ได้ แต่หากอีกฝ่ายคิดร้ายกับไป๋หลี ฉินเฟิงจะไม่ทน อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังตระหนักดี ว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของแซด
มังกรทมิฬตัวนี้น่าหวาดกลัวมากเกินไป!
“ฮี่ ฮี่ ต่อให้เป็นสัตว์ร้ายมิติ อย่างไรต้นกำเนิดพลังย่อมมาจากรูนชนิดหนึ่ง คงรู้อยู่แล้วล่ะมั้ง ว่าหากสองรูนปะทะกัน รูนของใครแข็งแกร่งกว่า คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ ทั้งยังสามารถสะกดข่มเทคนิคต่างๆเอาไว้ได้ ต่อให้เป็นพลังมิติ ก็สามารถขัดขวางได้!”
สิ้นเสียง มังกรทมิฬพลันระเบิดอบิลิตี้อันน่าสะพรึงออกมา
และเป็นอบิลิตี้ที่ฉินเฟิงคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
อบิลิตี้มืด!
ผืนฟ้าราวกับถูกรุกรานโดยบางสิ่งบางอย่าง มันเปลี่ยนสีกลายเป็นดำสนิท ถูกกลืนกินไปในพริบตา ยังไม่พอ อากาศโดยรอบและผืนดิน ยังถูกปกคลุม แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ เชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับผืนฟ้า ปิดล้อมและบดบังวิสัยทัศน์ของฉินเฟิงกับไป๋หลี
คล้ายกับว่าฉินเฟิงกับไป๋หลี จู่ๆก็ถูกขังอยู่ในกล่องดำที่ไร้ทางออก
“แย่แล้ว!” ไป๋หลีอุทานด้วยความตื่นตระหนกเป็นครั้งแรก “พลังมิติของฉันถูกปิดกั้น!”
แม้จะไม่ถึงขั้นปิดกั้นพลังทั้งหมดของไป๋หลี แต่เจ้าสิ่งนี้ทำให้เธอไม่สามารถเปิดช่องว่างมิติ เพื่อเทเลพอร์ตไปยังตำแหน่งอื่นได้
ขณะเดียวกัน กรงเล็บมังกรอีกข้างหนึ่ง กรีดผ่านอากาศที่ว่างเปล่า บดขยี้ลงมาจากฟากฟ้า
กรงเล็บมังกรยักษ์ แทบจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของกล่องดำ
“ฉันจัดการเอง!”
ความเหี้ยมหาญสะท้อนในแววตาของฉินเฟิง หนึ่งมือวาดสะบัด หมวกเกราะปรากฏออกมา เขาสวมทับมันลงบนศีรษะทันที
จากนั้น ฉินเฟิงผละมืออีกข้างจากไป๋หลี สองมือชูขึ้นไปทางท้องฟ้าสูง
ประกายรังสีแสงสีขาวพรั่งพราว ผลุบออกมาจากฝ่ามือของฉินเฟิง พวกมันสวมทับลงมา ร่างของฉินเฟิงรายล้อมไปด้วยประกายแสงจางๆ
ปรากฏชุดเกราะรบที่สะท้อนแสงสีขาวน้ำนมบนกายฉินเฟิง ประกายขาวกระเพื่อมไหวอย่างต่อเนื่อง ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลอย่างหาที่ใดเปรียบ
–เป็นเกราะศักดิ์สิทธิ์!
หลังจากฉินเฟิงได้รับเกราะศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ทำเช่นเดียวกับไป๋หลี ย้อมสีมันด้วยรูบิควิเศษ รูปทรงของเกราะมิได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย แค่ให้มันใส่สะดวกและใช้งานง่ายก็พอ
ปัจจุบัน เกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มากจากมิติล่มสลายของเผ่าวิญญาณ อุปกรณ์ป้องกันที่เทียบเท่าได้กับสุดยอดเทคโนโลยีเกราะเทวะ ได้ถูกสวมใส่และกลายเป็นความหวังของฉินเฟิง
“จงทำลายมันให้ฉัน!”
ฉินเฟิงคำรามเกรี้ยวกราด
รังสีแสงสีขาวที่เปี่ยมล้นไปด้วยอำนาจ ผุดออกมาจากฝ่ามือของฉินเฟิง พวกมันสั่งสมพลัง หลอมรวมกันอย่างต่อเนื่อง ขนาดของมัน ยิ่งมายิ่งใหญ่โต
บอลพลังงานทรงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสิบเมตร ถูกยิงออกจากฝ่ามือของฉินเฟิง
เส้นแสงสีขาวฉีกขึ้นฟ้า ตรงเข้าหากรงเล็บมังกรที่กรีดลงมา
เปรี้ยงงงงงง!
ทั้งสองปะทะกันและกัน คลื่นความผันผวนของพลังงานอันน่าตื่นตกใจกวาดกระจาย จากนั้นเป็นฝ่ายลำแสงสีขาว ที่สามารถสะท้อนกรงเล็บมังกรให้ถอยออกไป กล่องดำที่คอยกักขังก็ปริร้าว อำนาจของรูนมืดกระจัดกระจาย สุดท้ายรั่วไหลกลายเป็นช่องโหว่
“จังหวะนี้แหละ หนี!”
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องให้สั่ง ไป๋หลีก็กะจะทำเช่นนั้นอยู่แล้วมิติมิได้ถูกปิดกั้นโดยสิ้นเชิงอีกต่อไป ไป๋หลีพาฉินเฟิงเทเลพอร์ตหนีไปทางรูรั่วทันที
ฉินเฟิงสำรวจพลังงานบนเกราะศักดิ์สิทธิ์ และพบว่าตอนนี้พลังงาน 1/10 ของมันได้หายไปแล้ว
เกราะศักดิ์สิทธิ์นี้ หลังจากกลับมา ฉินเฟิงก็มีเวลาศึกษามันอย่างเต็มที่
พลังงานของเกราะศักดิ์สิทธิ์น่าหวาดกลัวมากจริงๆ พลังงานที่บรรจุอยู่ภายในนั้น สามารถเปลี่ยนเป็นกำลังภายใน และเติมตันเถียนของฉินเฟิงได้เกือบเต็ม อีกอย่าง หลังจากได้ลองสวมใส่เกราะศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ ในที่สุดฉินเฟิงก็ได้ทราบถึงวิธีที่ดีที่สุดในการใช้งานเกราะศักดิ์สิทธิ์
เกราะศักดิ์สิทธิ์มีระบบการจัดเก็บอยู่ในตัว มันสามารถกักเก็บพลังงานเอาไว้ได้ และสามารถปลดปล่อยพลังงานในช่วงเวลาวิกฤต ยิงอำนาจอันทรงพลังออกไป
หลังกลับมา ฉินเฟิงได้ทำการกักเก็บพลังงานในชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ทำให้ในตอนนี้ พลังงานที่อยู่ภายในเกราะศักดิ์สิทธิ์ มีความจุเป็นสิบเท่าของกำลังภายในของฉินเฟิง
กำลังภายในของฉินเฟิง ตอนนี้ในแง่คุณภาพไม่ถือว่าดีนัก แต่ในแง่ของปริมาณมหาศาลจนน่าหวาดกลัว มันเทียบเท่าได้เลยกับกำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล A9
ขณะที่เกราะศักดิ์สิทธิ์ สามารถกักเก็บพลังงานที่ฉินเฟิงครอบครองได้มากถึงสิบเท่า
กล่าวโดยสรุปก็คือ การระเบิดโจมตีนี้ของฉินเฟิง อย่างน้อยสมควรเทียบได้กับการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบของผู้ใช้พลังเลเวล A9
และการโจมตีนี้ ผลลัพธ์ปรากฏว่าสามารถต้านทานการโจมตีจากกรงเล็บมังกรของแซดได้
“ฉันจะหาวิธีซื้อเวลาให้เธอเอง ระหว่างนั้นให้รีบเปิดช่องว่างมิติ พวกเราจะหนีไปเมืองหลวงมังกร!”
คนอย่างแซดอันตรายเกินไป มีแต่ต้องหนีไปยังเมืองหลวงมังกรเท่านั้น ฉินเฟิงถึงจะรู้สึกว่าปลอดภัย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว สถานที่แห่งนั้นเป็นที่พักพิงของการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์แห่งหัวเซี่ย –หลงถิง
และการเปิดประตูมิติสำหรับไป๋หลี เป็นแค่เรื่องง่ายดาย แต่หากคิดเปิดมัน จำเป็นต้องใช้เวลาหลายวินาที อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นเธอต้องไม่ถูกผู้ใดขัดขวาง
โครมมมม!
มังกรทมิฬ ถูกกระแทกหงายไปชนกับยอดเขาลูกหนึ่ง เกิดเสียงดังสนั่น ก่อภัยพิบัติให้แก่สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนในจุดนั้น
ส่วนแซดในเวลานี้ ร่างเขากลืนหายเข้าไปอยู่ในมังกรทมิฬ คอยควบคุมมันให้เคลื่อนที่มาข้างหน้า มังกรทมิฬมีขนาดตัวใหญ่โตมาก ดังนั้นหากมันจะรวดเร็วว่องไว ผู้คนก็ไม่รู้สึกว่าแปลกอะไร แต่แซดที่อยู่ข้างใน ถ้าดูจากมุมมองของคนอื่นๆ ถือว่าเป็นความว่องไวที่รวดเร็วชนิดไม่สามารถมองเห็นได้แม้แต่เงา
ความเร็วดังกล่าว ของนักรบวิญญาณ ทำให้ผู้คนต้องตะลึงไปกับมัน
“ฉินเฟิง นายทำให้ฉันรู้สึกเซอร์ไพรส์จริงๆ ” แซดกล่าว อิงตามข้อมูลที่แซดได้รับมา แม้ฉินเฟิงจะสามารถท้าทายเลเวลที่เหนือกว่าตนเองได้ แต่อย่างไรย่อมไม่มีความสามารถมากพอที่จะเอาชนะผู้ใช้พลังเลเวล A ได้อย่างแน่นอน แต่ช่วงเวลานี้ เขากลับทำมันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เกรงว่าฉินเฟิงคงไม่ใช่แค่ลูกรักของพระเจ้าเสียแล้ว แต่เป็น ‘คนรักของพระเจ้า’ เลยต่างหาก
ความบ้าคลั่งในดวงตาของแซดยิ่งมายิ่งคมชัด
แซดบังเกิดความคิดขึ้นมาว่า ต้องเป็นคนแบบฉินเฟิงเท่านั้น ถึงจะให้ผลการทดลองที่ออกมาเฟอร์เฟ็คที่สุด
ไป๋หลีเร่งลงมือเปิดทางหลบหนี ส่วนฉินเฟิงใช้เกราะศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุธ พยายามโจมตีแซดไม่หยุดยั้ง แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“ไอ้อาชีพที่เรียกตัวเองว่านักรบวิญญาณ มันจะไม่มีจุดอ่อนอยู่เลยหรือ?” ฉินเฟิงเอ่ยถามกับตนเองด้วยความสับสน