โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 589 – ความยุ่งเหยิงของประวัติสศาสตร์

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.589 – ความยุ่งเหยิงของประวัติสศาสตร์

ภายในฮอลศึก ฉินเฟิงอดจินตนาการเลยเถิดไม่ได้

เมื่อลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับแซดอีกครั้ง ส่งผลให้ความคิดที่ฉินเฟิงมีต่อผู้คนในยุคแรกเริ่มที่รอยแยกมิติปรากฏขึ้นเปลี่ยนแปลงไป

แน่นอน ความคิดนี้แค่วาบผ่านมาเพียงชั่วครู่ในใจ ไม่นานมันก็หายไป

“ท่านผู้ใหญ่ ที่คุณอธิบายให้ผมฟังมากถึงขนาดนี้ เพราะแค่ต้องการจะบอกผมว่า แซดไม่ใช่คนเลวงั้นหรอ?”

หูซานกล่าว “แซดจะเป็นคนเลวหรือไม่ มันยากที่จะพูด แต่ฉันแค่อยากจะให้เธอหยุดค้นหาเบาะแส แน่นอน หลังจากนี้ไปเธอห้ามเข้าไปวุ่นวายกับการทดลองเช่นกัน เพราะฉันได้ตกลงกับแซดเอาไว้แล้ว ดังนั้นตั้งแต่นี้ไป เธอต้องไม่สร้างปัญหาให้กับเขาอีก”

สีหน้าของฉินเฟิงหมองลง แต่คำเตือนของหูซาน ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน

ฉินเฟิงเป็นลูกรักของพระเจ้า ขณะที่หูซานเป็นผู้ปกป้องผู้มีพรสวรรค์ ดังนั้นเลยมีมุมมองที่ต่างออกไป ที่อธิบายมาถึงตอนนี้ เป็นเพราะไม่ต้องการให้ฉินเฟิงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแซดอีกนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงก็มีเหตุผลของตัวเองเช่นกัน

“ ไม่ให้สร้างปัญหาแก่เขา งั้นผมต้องยอมปล่อยให้เขาสร้างกองกำลังมืดต่อไปใช่ไหม? ถึงผมจะรู้ว่าโอกาสทดลองสำเร็จมันจะสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแล้วก็เถอะ แต่นั่นมันก็แค่เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่จริงๆคือความแข็งแกร่งของแซดต่างหาก ทางพันธมิตรมนุษย์ทำไมถึงยังคงปล่อยเขาไว้? ให้เขาจับคนธรรมดาไปทำการทดลอง ปล่อยให้เขาทำตัวป่าเถื่อนแบบนี้? ” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

“นั่นเพราะพันธมิตรมนุษย์ได้ทำสัญญากับเขา” หูซานถอนหายใจ

ฉินเฟิงตัวแข็งค้าง

หูซานยิ้มและกล่าวว่า “กลุ่มพันธมิตรมนุษย์ไม่ต้องการให้แซดทำการทดลองต่อไป แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแซด ถ้าสาดคำพูดรุนแรงออกไป เธอคิดว่าพันธมิตรมนุษย์ในเวลานี้จะสามารถหยุดเขาได้หรือ?”

แค่มองดูก็รู้ เห็นอยู่ชัดๆมามันเป็นไปไม่ได้!

“ดังนั้น พันธมิตรมนุษย์เลยพิจารณาอีกครั้ง นั่นคือข้อตกลงแลกเปลี่ยน อาชญากรที่มีความผิดร้ายแรง จะถูกส่งมอบให้กับแซดเพื่อทำการทดลอง! แค่นี้แซดก็ไม่เป็นปรปักษ์กับพันธมิตรมนุษย์แล้ว”

“พอการทดลองของแซดเป็นไปอย่างราบรื่น งานวิจัยพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้น กลุ่มร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์ก็ปรากฏตัวขึ้น! เอาล่ะ คำถามก็คือ มนุษย์กลายพันธุ์พวกนี้ เมื่อก่อนพวกเขาเป็นใคร?”

ฉินเฟิงร้องอุทาน “อาชญากร!”

หูซานยิ้ม และไม่อธิบายอะไรอีก

เพราะไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก ฉินเฟิงคงเข้าใจทุกอย่างได้เอง

แซดทำการทดลองกับพวกอาชญากร หลังจากทดลองเสร็จก็ไม่ได้ฆ่าพวกเขา

แต่เมื่อทดลองเสร็จ บ้างก็เลือกเป็นลูกน้องแซด อาศัยอยู่ในห้องทดลองต่อไป บ้างก็แยกตัวออกมา

แต่เมื่อได้รับพลังอันแข็งแกร่ง เหล่าอาชญากรที่มีความคิดชั่วร้ายอยู่แล้ว เลยหวนกลับมาทำเรื่องชั่วช้าอีกครั้ง นำมาซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน

แม้แต่ฉินเฟิงก็ยังเกิดข้อสงสัย ว่าแรกเริ่มเดิมที เป็นองค์กรมืดที่มีอยู่ก่อนแล้ว หรือองค์กรมืดถือกำเนิดจากห้องทดลองของแซดกันแน่?

อย่างไรก็ตาม สำหรับคำถามนี้ ฉินเฟิงได้คำตอบอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดแล้ว องค์กรมืดเป็นแค่คำเรียกกันโดยทั่วๆไป พวกเขาถูกสรุปว่ามิใช่ฝ่ายเดียวกับพันธมิตรมนุษย์ ในขณะที่ขอบเขตการทดลองของแซด เหมือนจะอยู่แค่ในภูมิภาคเหนือมาโดยตลอด เพราะงั้นแซดไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องถึงขนาดนั้น

อิงตามคำอธิบายของหูซาน ร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในการรับผิดชอบของเขา อาชญากรเหล่านี้จะทำอะไร แซดสร้างขึ้นมาทำไม มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหูซาน ดังนั้นไม่สนใจ

สุดท้าย ความจริงอีกอย่างได้ปรากฏขึ้น –หลังกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง คนที่คิดลักพาตัวเพื่อนของฉินเฟิง คือกลุ่มที่ปลอมตัวเป็นทหารรับจ้าง มิใช่คำสั่งจากแซดโดยตรง!

ผู้ที่คิดขโมยไก่ กับผู้ที่คิดฆ่าไก่ อย่างไรไม่เหมือนกัน

ฉินเฟิงยิ้มให้แก่ตัวเอง เป็นรอยยิ้มที่ช่างประชดแดกดัน

“ความจริงของมันเล่นเอาผมอึ้งไปเลย แต่ก็ช่างเถอะ เพราะอย่างน้อยข้อมูลนี้ก็ช่วยเติมเต็มข้อสงสัยอย่างหนึ่งในผม”

เมื่อถึงจุดนี้ น้ำเสียงของฉินเฟิงก็เปลี่ยนแปลงไป กล่าวต่อว่า “ผมจะไม่ไปสร้างปัญหาเกี่ยวกับการทดลองเล็กๆน้อยๆพวกนี้แล้ว แต่ถ้าคุณบอกว่าห้ามผมสร้างปัญหาแก่แซด ผมคงทำไม่ได้ เพราะยังไงซะ ตอนนี้ไม่ใช่ผมที่คิดหาเรื่องเขา แต่เป็นเขา กำลังคิดหาเรื่องผม!”

ทั้งหมดนี้ ก็เพราะแซดต้องการจับตัวฉินเฟิงไปทดลอง

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งบางอย่าง ฉินเฟิงไม่สามารถพูดออกมาได้

อาวุโสตรงหน้าเขา ครอบครองพลังอำนาจมหาศาลก็จริง แต่ต่อให้ทรงพลังเพียงใด ก็ไม่อาจมองเห็นอนาคตได้

ในอนาคตจากนี้ การทดลองของแซดจะนำมาซึ่งการทำลายล้าง เป็นวิทยาการที่ผิดพลาด และคาดว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อไปนานเป็นร้อยปี ผลลัพธ์ดังกล่าวในชีวิตที่แล้ว หากคำนวณตามเวลาในชีวิตนี้ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าการทดลองของแซด กำลังประสบผลสำเร็จในไม่ช้า

ก่อนฉินเฟิงจะเกิดใหม่ มนุษย์กลายพันธุ์ขององค์กรมืด ผุดขึ้นอยู่เต็มไปหมด

ตัวอย่างชัดๆที่บ่งบอกว่างานทดลองของแซดใกล้สำเร็จก็คือ ผู้คนในปราการชาตงที่ฉินเฟิงเคยช่วยเหลือไว้ ก็มีคนที่เป็นเหมือนกับแซดแล้วเช่นกัน พวกเขาสามารถปลุกวิญญาณ ได้รับอาชีพใหม่กลายเป็นนักรบวิญญาณ แต่เกรงว่าเรื่องนี้ แซดจะยังไม่ทราบก็เท่านั้นเอง

และฉินเฟิงไม่มีทางบอกให้เขารู้!

“ท่านผู้ใหญ่ ผมมีคำถามสุดท้าย” ฉินเฟิงเอ่ยปาก

“ว่ามาสิ”

“ก่อนหน้านี้ผมสู้กับแซด ผมสามารถทำร้ายเขาจนบาดเจ็บได้รึเปล่า? แล้วทำไมตามตัวเขา ถึงมีรอยแตกร้าว?”

ในเมื่อตัดสินใจว่าจะต่อสู้ขั้นเด็ดขาดกับศัตรู ฉินเฟิงเลยจำเป็นต้องรู้เขารู้รบ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ฉินเฟิงอยากจะทราบจุดอ่อนของแซด

หูซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การโจมตีของเธอน่ะทรงพลังมาก แล้วเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร? แต่นั่นบางทีอาจเป็นแค่อาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ ส่วนรอยแตกร้าวบนตัวเขา …. อืมห์! ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

ฉินเฟิงพยักหน้า แม้คำตอบของหูซานจะไม่ถึงกับอธิบายข้อสงสัยของฉินเฟิง แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

“ตราบใดที่รู้ว่าเขาบาดเจ็บ แค่นั้นก็พอ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้ข้อมูลว่า ต้องใช้พลังงานเท่าไหร่ถึงจะทำร้ายเขาได้! หลังจากนี้ไปผมจะหาวิธีเอาชนะเขา!”

หูซานไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นี่ฉินเฟิงต้องการโค่นแซดลงจริงๆน่ะหรอ?

เจ้าหนูนี่คิดว่าวัตถุดิบที่ใช้ยกระดับในระดับสูงขึ้นไป มันหาได้ง่ายดายขนาดนั้นเลย?

อย่างไรก็ตาม หูซานไม่คิดทำลายความหวังของฉินเฟิง เขาเอ่ยให้กำลังใจแทนว่า “ถึงตอนนั้น ถ้าเธอสามารถโค่นแซดได้จริงๆ ฉันจะขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาเธออีกครั้ง!”

ช่วงเวลานี้ ความเร็วของฮอลศึกบนฟ้าเริ่มชะลอตัวลง มันค่อยๆลงจอด

ที่นี่คือเขตชายแดน เป็นถนนที่ตั้งอยู่ระหว่างสองเมือง

ฉินเฟิงไม่คิดรั้งอยู่ต่อ เขาลงจากฮอลศึก เหลียวกลับไปมองหูซานอีกครั้ง เอ่ยถามว่า “ท่านผู้ใหญ่ ก่อนที่คุณจะมอบรัฐฮุยหลูให้กับแซด เขาได้รับอนุญาตให้จัดตั้งห้องทดลองในสถานที่อื่นอีกรึเปล่า? หรือว่าห้องทดลองของแซด จะมีแค่ไม่กี่ห้องตามที่ผมเอ่ยมา”

หูซานพยักหน้าและกล่าว “มีแค่ไม่กี่ที่หรอก ถึงแซดจะเป็นถึงเลเวล S แต่เขาก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก เธอเองก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วไม่ใช่หรอ?”

“ผมเข้าใจแล้ว งั้นหลังจากนี้ไป ผมจะไม่ยุ่งกับการทดลองแบบเจาะลึกอีกต่อไป แต่จะหาวิธีจัดการกองกำลังมืดในสามรัฐนี้แทน เพราะสำหรับมนุษย์กลายพันธุ์ที่ถูกทดลองเรียบร้อยแล้ว ผมเชื่อว่าแซดคงไม่สนใจพวกมันอีก!”

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจาง ตัดสินใจว่าเมื่อกลับไป เขาจะเข้าเครือข่ายนักล่าเงินรางวัล และตั้งค่าหัวพวกอาชญากรในรัฐฮุยหลูเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพราะเมื่อทำแบบนี้ จะได้เป็นการยืมมือคนอื่น ช่วยสังหารพวกมัน

สิ้นเสียง ฉินเฟิงก็ไม่รอให้หูซานเอ่ยต่อ เรียกรถศึกล่องเวหาออกมา และขับจากไป

“ไอ้เด็กบ้านี่ หัวรั้นจริงๆ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ” หูซานเฝ้ามองรถศึกของฉินเฟิงลอยห่างออกไป กล่าวด้วยรอยยิ้ม ทั้งสบถด่า

“ดูเหมือนเขาจะชื่อฉินเฟิงสินะ … ลูกรักของพระเจ้าคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ!”

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เจ้าตัวเป็นแค่เลเวล C แต่กลับครอบครองพลังมากมายที่สามารถใช้โจมตีแซดได้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งพลังบางชนิดที่ฉินเฟิงปลดปล่อยออกมา หูซานก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจมัน

“บางที ในสามปีให้หลัง อาจมีสิ่งน่าสนใจเกิดขึ้นจริงๆก็ได้!”

หิมะโปรยปรายลงจากฟากฟ้า สายลมหนาวเติมเต็มในชั้นอากาศ กลบกลืนตำแหน่งที่ฮอลศึกจอดอยู่อย่างรวดเร็ว ต่อมา ไม่ว่าจะเป็นฮอลศึก หรือร่างของชายชรา ทั้งหมดล้วนมลายหาย มิอาจพบร่องรอยได้อีกเลย

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท