โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 590 – วิกฤตในปราการหานตง

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.590 – วิกฤตในปราการหานตง

ภายในรถศึกล่องเวหา หลังจากฉินเฟิงกำหนดทิศทางแก่ระบบควบคุมอัตโนมัติแล้ว เขาก็หันกลับมามองใบหน้าของไป๋หลีที่ดูอ่อนล้า

“เธอหลับสักงีบเถอะ อาการบาดเจ็บที่มือดีขึ้นรึยัง?”

ก่อนหน้านี้บนฮอลศึก แม้ฉินเฟิงจะสนทนากับชายชรา แต่ขณะเดียวกันก็คอยพันแผลให้กับไป๋หลี

“หลังจากใช้ยาทาลงไปก็ดีขึ้นมากแล้ว คิดว่าอีกไม่นานก็หายดี” ไป๋หลีขยับแขน โบกไม้โบกมือข้างที่ถูกพันเป็นเกี๊ยวให้เขาดู

ฉินเฟิงกล่าว “ยังทำเป็นเล่นอยู่อีกนะ เจ็บรึเปล่า?”

ไป๋หลีทำหน้ามุ่ย “เจ็บ!”

ดูเหมือนจิ้งจอกน้อยจะโกหกเพื่อให้ผู้คนสบายใจไม่เป็น

หัวใจของฉินเฟิงพลอยรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย สักพักกล่าวว่า “เอาไว้ที่รักของเธอแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไหร่ จะไปต่อยเจ้าแซดให้ลงไปนอนกองกับพื้นเอง!”

ไป๋หลีเอาบ้าง “ส่วนฉันจะข่วยเขาคืนซักหลายแผล!”

ทั้งสองหยอกล้อกัน สักพักหัวเราะออกมา บรรยากาศหนักอึ้งเริ่มจางหาย

มุขตลกแบบเด็กๆ มักจะใช้ผ่อนคลายอารมณ์ได้เสมอๆ

สักพัก ทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า ต่างคนต่างเอนเบาะรถแล้วหลับตาพักผ่อน แต่เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงไม่ได้หลับไปจริงๆ

‘หลังจากเกินใหม่ มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ยังไงฉันก็วางมันไม่ลง แต่ในที่สุดก็ได้ล่วงรู้ความลับของมันแล้ว!’

‘จากนี้ไป ฉันก็สามารถทุ่มเท มุ่งสมาธิไปกับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ได้สักที จะโค่นแซดได้เมื่อไหร่ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว!’

‘ว่าแต่ขั้นต่อไป ฉันควรจะไปที่ไหนดี?’

สถานที่ต่างๆในความทรงจำเริ่มผุดขึ้นมาในจิตใจของฉินเฟิง แต่ความทรงจำในชีวิตก่อน ที่สอดคล้องกับช่วงเวลาในชีวิตนี้ ยังนึกไม่ออกเลย

ในตอนนั้นเอง เสียงไซเรนของรถศึกได้ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

【คำเตือน คำเตือน ห่างจากท่านไป 10,000 เมตร ปรากฏราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง โปรดหลีกเลี่ยง!】

ฉินเฟิงถูกปลุกจากความคิด กดปิดปุ่มแจ้งเตือน เปิดดูแผนที่

ไม่เพียงปรากฏสัตว์ร้ายตรงหน้า แต่ฉินเฟิงยังพบว่า ปราการหานตงที่เป็นเป้าหมายของตน มันอยู่ห่างออกไปราวๆ 20 กิโลเมตร

กล่าวอีกนัยนึงก็คือ สัตว์ร้ายอยู่ห่างจากปราการแค่ 10 กิโลเมตร!

ช่วงเวลานี้ ภายในปราการหานตง ดังลั่นไปด้วยเสียงไซเรน ในอาคารสำนักงานเจ้าเมือง ใบหน้าของผู้ใช้พลังเลเวล D กลายเป็นซีดเซียว

“ส่งฮอลศึกออกไป ล่อราชันย์สัตว์ร้ายไปอีกทาง อย่าให้มันตรงมาที่นี่ ไม่งั้นพวกเราจะตายกันหมด”

“ขอรับท่านเทศมนตรี!”

“ถ้าราชันย์สัตว์ร้ายเข้ามาใกล้ในระยะ 5,000 เมตร ฉันจะรายงานเรื่องนี้ไปยังพันธมิตรมนุษย์ ร้องขอให้ส่งผู้ใช้พลังเลเวล B มาช่วยเหลือ แล้วถ้ามันเข้ามาใกล้ในระยะ 2,000 เมตรเมื่อไหร่ จะเปิดโล่พลังงานทันที”

“ขอรับ!”

“ฉันหวังว่าพวกเราจะสกัดมัน และผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้”

ประโยคข้างต้นมันก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่ยังมีอยู่ประโยคนึง ที่เทศมนตรีไม่ได้เอ่ยออกมา –เขาได้แต่หวังว่าตัวตนทรงพลังของพันธมิตรมนุษย์จะมาเร็วขึ้นสักเล็กน้อยก็ยังดี!

ที่ไม่ได้เอ่ยก็คือ แม้ตนจะร้องขอกำลังเสริมจากเลเวล B ได้ก็จริง แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องรอไปถึงเมื่อไหร่!

จริงอยู่ที่ตลอดทั้งภูมิภาคเหนือ ในสถานชุมชนระดับเมืองหลายสิบแห่ง ล้วนมีตัวเชื่อมมิติกับเมืองเป่ยหัว และทั้งหมดคือสิ่งที่ติดตั้งเอาไว้ล่วงหน้า เผื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ตั้งนานแล้ว

ด้วยเหตุนี้ เมื่อสัญญาณเตือนดังขึ้น เลยเป็นธรรมดาที่จะมีเลเวล B คอยรับภารกิจช่วยเหลือ นี่เองคือเหตุผลที่ว่าทำไมในเมืองเป่ยหัวจึงมีเลเวล B อยู่มากมาย นอกจากคอยปกป้องเขตแดนลับแล้ว ก็ยังเพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนเมืองอื่นๆได้ตลอดเวลา

แต่หากไม่มีเลเวล B คนใดว่าง หรือเลเวล B มาถึงช้าไปไม่กี่นาที นั่นก็เพียงพอให้สัตว์ร้ายมีเวลาถล่มทั้งเมือง

หึ่ง หึ่ง!

ฮอลศึกลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า ขับแยกออกไป

เนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ในสถานะอ่อนแอ ปราการหานตงจึงไม่มีกำลังรบเทียบเท่ากับเมืองเฉิงหยาง ฮอลศึกที่พวกเขาใช้ขับยังเป็นรุ่นล้าสมัย และมีทั้งหมดแค่ 10 ลำเท่านั้น

ส่วนพวกคนที่ขับฮอลศึก ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเมืองหานตง เป็นมือปืนเลเวล E ห้าคน และมือปืนเลเวล F อีกห้าคน

อาศัยเพียงกำลังรบดังกล่าว เกรงว่ายังไม่ทันเข้าใกล้ ก็คงถูกกลิ่นอายระดับราชันย์ศัตว์ร้ายข่มขวัญจนแข้งขาอ่อนระทวยแล้ว

แต่ทำอย่างไรได้ นี่ไม่มีทางเลือกอื่น

ในตอนนั้นเอง โดรนเฝ้าระวังจู่ๆก็จับภาพของรถศึกล่องเวหาได้

และสิ่งที่น่าแปลกก็คือ รถศึกคันนี้ยังคงเคลื่อนที่ไปยังทิศทางของราชันย์สัตว์ร้าย โดยไม่คิดหยุดหรือหลีกเลี่ยง

“เกิดอะไรขึ้น? ระบบเตือนภัยของรถศึกคันนั้นพังรึเปล่า? เขาคงไม่รู้ว่ามีราชันย์สัตว์ร้ายอยู่ข้างหน้ารึไง?”

“รีบเตือนเขาเร็วเข้า ส่งสัญญาณเตือนภัยระดับรัฐออกไป”

“ทางเราเตือนแล้ว แต่เขาไม่ชะลอความเร็วลงเลย”

“ไอ้บ้านี่ป่วยจิตรึเปล่า? คิดหาที่ตายก็ไปตายคนเดียวสิ ทำไมต้องลากพวกเรามาเกี่ยวข้องด้วย?”

ผู้คนจะก่นด่าก็ไม่แปลก ต้องทราบนะว่า ปัจจุับนราชันย์สัตว์ร้ายยังไม่ตระหนักถึงปราการหานตง หากเป็นไปได้ ก็ล่อศัตรูนิดๆหน่อยๆ และเบี่ยงความสนใจมันไปอีกทาง แค่นี้วิกฤตของปราการหานตงก็จะสิ้นสุดลง

ทว่า หากมีใครบางคนตื่นตระหนก อย่างเช่นรถศึกคันหนึ่ง ดันทะลึ่งหนีมาทางปราการหานตงล่ะก็ นั่นไม่ต่างอะไรกับการชักนำราชันย์สัตว์ร้ายเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากพบเห็น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง มันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง!

รถศึกล่องเวหายังคงขับเข้ามาใกล้มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วยังไงก็ไม่ยอมชะลอลง แต่หน้าต่างรถกลับถูกเปิดลงมา เผยให้เห็นถึงชายคนหนึ่งที่สวมหมวกเกราะใบหนึ่ง จากนั้น อีกฝ่ายได้เหยียดแขนออกจากตัวรถ

–บุคคลนี้มิใช่ใครอื่น เป็นฉินเฟิง!

หัวของฉินเฟิงยังคงปวดตุบๆอย่างรุนแรง มันไม่เหมาะที่จะต่อสุ้เลยจริงๆ เดิมเขาต้องการเข้าไปยังปราการหานตงเพื่อพักผ่อน แต่ตอนนี้ดันมีราชันย์สัตว์ร้ายขวางทาง

ฉินเฟิงตรวจสอบจากวิดีโอของโดรนเฝ้าระวัง และพบว่าข้างกายราชันย์สัตว์ร้าย มีกองทัพสัตว์ร้ายอยู่ไม่ถึง 200 ตัวเท่านั้น ทั้งภายในฝูงยังมีสายพันธุ์แตกต่างกัน

“บางทีคงเป็นเพราะเหตุการณ์หิมะถล่มก่อนหน้านี้ เอาเถอะ ในเมื่อฉันเป็นคนก่อเรื่อง งั้นฉันก็จะขอเป็นคนจบมันเอง”

เมื่อคิดได้ ฉินเฟิงก็ขับรถศึกใกล้เข้าไป ใกล้จนห่างจากราชันย์สัตว์ร้ายราวๆ 500 เมตร

เวลานี้ ฉินเฟิงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงร่างกายอันใหญ่โตของศัตรู –ปรากฏว่าเป็นหมูป่ายักษ์

ราชันย์หมูป่าเลเวล C อันที่จริงแล้วหมูป่าธรรมดามันไม่น่าจะไต่เต้ามาถึงเลเวลนี้ได้ แต่หมูป่าตนนี้สูงกว่า 20 เมตร ไม่ต่างจากอาคารห้าชั้น ถือว่าน่าหวาดกลัวพอสมควร เขี้ยวของมันยาวกว่า 10 เมตร บนลำตัวคล้ายถูกน้ำแข็งปกคลุม เกาะตัวกันแน่นเป็นหลายชั้น หากไม่ใช่เพราะจมูกและเขี้ยวของมัน ฉินเฟิงคงไม่อาจระบุเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ได้

“ที่แท้มันเป็นสัตว์ร้ายกลายพันธุ์! หมูหิมะระดับราชันย์!”

สิ่งมีชีวิตชนิดนี้อาศัยอยู่ในหลากหลายพื้นที่ของรัฐซูหยวน มันแข็งแกร่งและทรงพลัง เมื่อโตเต็มวัยจะอยู่ที่เลเวล E ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มันจะสามารถไปถึงระดับราชันย์เลเวล C ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ท่ามกลางภูเขาหิมะ มีสมุนไพรวิญญาณ ที่ผู้คนไม่อาจรุกรานเข้าไปเก็บเกี่ยว ผุดงอกขึ้นอยู่มากมาย!

ตึง ตึง ตึง!

ราชันย์หมูหิมะวิ่งผ่านที่ใด ที่นั่นต้นไม้ล้มครืน แม้มันจะไม่ได้วิ่งบนถนนเส้นหลัก แต่หากเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร มันอาจมองเห็นหอคอยรักษาการณ์ และเรือนกระจกในโซนเพาะปลูกของปราการหานตง

ถึงเวลานั้น ผู้คนที่อดอยากอยู่แล้ว เกรงว่าจะล้มตายลงยิ่งกว่าเดิม!

ทุกที่ที่มันเหยียบย่ำ ถูกทำลายไปตลอดเส้นทาง อย่างไรก็ตาม ไอ้ความทะนงอวดดีนี้ จะสิ้นสุดลง!

หนึ่งมือของฉินเฟิงวาดออก ปรากฏจุดรังสีแสงสีขาวขึ้น ชั่วพริบตาเดียว มันควบรวมกันกลายเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ ฟุ้งไปด้วยพลังงานอันน่าหวาดกลัว

วู้มมมม!

แสงสีขาว ถูกยิงออกไปในฉับพลัน

–เป็นพลังงานจากเกราะศักดิ์สิทธิ์!

พลังงานในเกราะศักดิ์สิทธิ์ หลงเหลืออยู่เพียงสามในสิบส่วน และมันไม่พอที่จะใช้สังหารแซด

แต่กระนั้น หากคิดใช้สังหารราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C ถือว่าเหลือเฟือ!

รังสีแสงสีขาวพุ่งทะลุผ่านร่างยักษ์ของราชันย์หมูหิมะ ชั้นหิมะและน้ำแข็งที่ปกคลุมบนตัวกัน ที่คล้ายกับน้ำแข็งหมื่นปีมิอาจละลาย กลับถูกหลอมเหลวอย่างง่ายดาย พริบตาเดียวทิ้งไว้เพียงรูโบ๋ขนาดใหญ่

หมูหิมะที่ถูกยิงบอลพลังงานเข้าใส่ ทั้งร่างของหมันหยุดกึกอย่างกะทันหัน

ต่อมา ร่างอันใหญ่โตสั่นสะท้าน ทิ้งตัวลง

โครม!

ดั่งโลกหล้าถูกสั่นสะเทือน กองทัพสัตว์ร้ายรอบๆแตกกระเจิง

ส่วนราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C ตกลงสู่ความตาย!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท