ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 732 พระราชกฤษฎีกาเร่งด่วน (ต้น)

ตอนที่ 732 พระราชกฤษฎีกาเร่งด่วน (ต้น)

สือ​อี​เหนียง​ก็​กังวล​อยู่เล็ก​น้อย​ ​เมื่อ​ปี​ที่แล้ว​มี​ฝ่าย​ตุลาการ​ฟ้องร้อง​สกุล​ขุนนาง​เนื่องจาก​ครอบครอง​ที่นา​เป็นการ​ส่วนตัว​ ​สกุล​โจว​ก็​อยู่​ใน​รายชื่อ​เช่นกัน​ ​ฮ่องเต้​มี​รับสั่ง​ให้​สกุล​ขุนนาง​ชั้นสูง​เหล่านี้​เวนคืน​ที่ดิน​ ​และ​เรียก​พวกเขา​เข้า​วัง​มา​เพื่อ​ตักเตือน​ ​อย่างไรก็ตาม​ยัง​มีพ​ระ​ญาติ​ของ​ฮ่องเต้​บางคน​ที่​ละเมิด​กฎ​ ​ใช้​ที่ดิน​ผืน​เล็ก​คืน​แทนที่​ดิน​ผืน​ใหญ่​หรือไม่ก็​ปกปิด​จำนวน​ ​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​เขียนหนังสือ​ถึง​ฮ่องเต้​ ​ขอให้​ฮ่องเต้​นำ​ที่ดิน​ทางการ​ที่​เหล่า​ขุนนาง​ดูแล​นั้น​ชดเชย​เป็น​เงิน​กลับคืน​มา​ ​และ​ให้​เป็น​หน้าที่​ของ​ราชสำนัก​ที่จะ​จ่าย​เงินประจำปี

เนื่องจาก​เรื่อง​นี้​เกี่ยวข้อง​กัน​อย่างกว้างขวาง​เกินไป​และ​เป็นเรื่อง​ใหญ่​ ​เมื่อมา​ถึง​ท้าย​ปี​ ​ฮ่องเต้​ก็​ใช้​ข้ออ้าง​ว่า​ต้อง​ฉลอง​ตรุษจีน​จึง​ยัง​ไม่​ให้​คำตอบ

โจว​ซื่อ​เจิง​เคย​มาหา​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วยเหตุนี้​ ​“​…​ถ้า​ไม่มี​ที่นา​แล้ว​ ​พึ่งพา​เพียง​เงิน​ที่​ราชสำนัก​จ่าย​ให้​ประจำปี​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​พวกเรา​จะ​ไม่ต้อง​เอาแต่​ทำตาม​ความต้องการ​ของ​กระทรวง​ครัวเรือน​กับ​กรม​ราชกิจ​ภายใน​หรอก​หรือ​ ​เจ้า​ก็​รู้​ว่า​ใน​บรรดา​กระทรวง​ครัวเรือน​เหล่านั้น​ ​ตำแหน่ง​ไม่​ใหญ่​แต่​สวัสดิการ​กลับดี​มาก​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ก็​จะ​บอกว่า​ ​‘​คลัง​ว่างเปล่า​ ​ไว้​ค่อย​ให้​ใน​เวลา​ที่​เหมาะสม​’​ ​พวกเรา​ก็​ต้อง​จ่าย​เงิน​เล็กน้อย​ให้​คน​เหล่านี้​ ​เรื่อง​เงิน​เป็นเรื่อง​เล็ก​ ​แต่​เกรง​ว่า​ศักดิ์ศรี​ของ​สกุล​ขุนนาง​ชั้นสูง​จะ​ไม่​เหลือ​แล้ว​…​ท่าน​โหว​ ​จะ​ให้​เรื่อง​เช่นนี้​เกิดขึ้น​ไม่ได้​ ​เจ้า​จะ​ต้อง​คัดค้าน​ให้​ถึงที่สุด​”

หาก​นำ​ที่ดิน​ที่​พระราชทาน​ให้​กลับคืน​ ​สกุล​สวี​ก็​สูญเสีย​ไป​ไม่น้อย​เช่นกัน​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​ที่ดิน​สอง​แห่ง​จำนวน​หนึ่ง​หมื่น​หมู่​ที่​ฮ่องเต้​องค์​ก่อน​มอบให้​ไท่ฮู​หยิน​ ​แม้แต่​สนามม้า​ใน​เมือง​เป่า​ติ้ง​ก็​เป็น​ที่ดิน​พระราชทาน

ก้อนหิน​ก้อน​เดียว​สร้าง​ระลอกคลื่น​นับ​พัน​ระลอก​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ยัง​เกี่ยวข้อง​กับ​ผลประโยชน์​ส่วนตัว​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​มานาน​แล้ว​ ​ยิ้ม​อย่างลำบาก​ใจ​ ​“​รอดู​ความเห็น​ของ​ฮ่องเต้​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​เถิด​!​”

เมื่อ​โจว​ซื่อ​เจิง​เห็น​ว่า​เขา​ไม่ได้​กระตือรือร้น​มาก​นัก​ก็​ค่อนข้าง​ไม่พอใจ​ ​“​ท่าน​โหว​ ​นี่​ไม่ใช่​เพียง​เรื่อง​ของ​สกุล​เรา​อย่าง​เดียว​ ​เจ้า​อย่า​ทำให้​ทุกคน​หมดกำลังใจ​”

เขา​พูด​ราวกับว่า​ทุกคน​ล้วน​ทำตาม​คำสั่ง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เท่านั้น

“​หรือว่า​ข้า​ไม่ได้​อาศัย​ที่ดิน​พระราชทาน​ใน​การ​ใช้ชีวิต​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ขมวดคิ้ว​ ​“​นี่​ก็​พึ่ง​จะ​เปลี่ยน​ปี​รัช​ศก​ ​ฮ่องเต้​คิด​อย่างไร​ ​ใน​ใจ​ข้า​ไม่​อาจ​รู้​ได้​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ตอนนี้​ไม่ใช่​เวลา​มา​อาศัย​ความกล้า​บ้าบิ่น​ใน​การกระทำ​สิ่ง​ต่างๆ​!​”

“​มิเช่นนั้น​ข้า​จะ​มาป​รึก​ษา​กับ​เจ้า​ทำไม​กัน​!​”​ ​โจว​ซื่อ​เจิง​เบิกตา​กว้าง​ ​“​เมื่อ​สอง​วันก่อน​ฮ่องเต้​ยัง​เรียก​ข้า​เข้า​วัง​ ​พูด​ไป​พูดมาก​็​ล้วน​เป็นเรื่อง​ที่​เจ้า​ปิดบัง​ซ่อนเร้น​ความสามารถ​เมื่อ​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​ ​เรื่อง​ล้อมรอบ​ดินแดน​ ​นอกเหนือจาก​สกุล​ที่​ยากจน​ไม่​กี่​สกุล​แล้ว​ ​ใน​เยี​่​ยน​จิง​ก็​มีสกุล​ของ​เจ้า​และ​สกุล​ของ​เจ้า​เด็ก​เว​่ย​เป่ย​โหว​ผู้​นั้น​ที่​ไม่ได้​เข้าไป​เกี่ยวข้อง​ ​ให้​ข้า​เรียนรู้​จาก​เจ้า​ ​คนอื่น​ข้า​ไม่สน​ใจ​ ​ข้า​จะ​ทำตาม​ความต้องการ​ของ​เจ้า​!​”

“​ในเมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​เช่นนั้น​เจ้า​ยัง​มี​อะไร​ต้อง​กังวล​อีก​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เจ้า​ก็​แค่​คอย​อยู่​ใกล้​ๆ​ ​ข้า​ก็​พอแล้ว​!​”

“​จะ​ไม่​ให้​ข้า​กังวล​ได้​อย่างไร​”​ ​โจว​ซื่อ​เจิง​พูด​พึมพำ​ ​“​คนอื่น​ไม่รู้​เรื่อง​ใน​สกุล​ของ​พวก​เจ้า​ ​ข้า​ก็​ยัง​ไม่รู้​ว่า​สกุล​ของ​พวก​เจ้า​มีที​่​ดิน​ที่​ได้รับ​จาก​ความดี​ความชอบ​มากมาย​ ​ซ้ำ​ยัง​มีที​่​ดิน​พระราชทาน​ใน​วันเกิด​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​สามารถ​เปลี่ยนเป็น​ที่ดิน​ที่​ได้รับ​จาก​ความดี​ความชอบ​ได้​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​ฮ่องเต้​ก็​คง​ไม่​สามารถ​เอา​ที่ดิน​ที่​ได้รับ​จาก​ความดี​ความชอบ​ของ​สกุล​พวก​เจ้า​คืน​ได้​หรอก​กระมัง​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​เจ้า​ยัง​มีบา​รมี​ใน​กองทัพ​ ​คงจะ​มีเงิน​หนึ่ง​แสน​ตำลึง​ต่อปี​ใช่​หรือไม่​ ​ทำไม​ข้า​จะ​ไม่​อยาก​เอา​ทองมาก​อง​ตรงหน้า​พระพักตร์​ฮ่องเต้​ ​แต่​ข้า​ก็​ต้อง​มีทอง​ก่อน​จึง​จะ​ทำได้​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​อื่น​ ​จนถึง​ตอนนี้​นาย​หญิง​เฒ่า​หลาย​คน​ตั้งแต่​รุ่น​ท่าน​ปู่​ของ​ข้า​ก็​ยัง​ต้อง​แจก​เงิน​กิตติมศักดิ์​สาม​ร้อย​ตำลึง​ทุกปี​ ​คงจะ​ให้​มา​จบ​ลง​ใน​มือ​ข้า​ไม่ได้​หรอก​กระมัง​ ​ชื่อเสียง​ใน​ด้าน​นี้​ข้า​แบกรับ​ไม่​ไว้​หรอก​”​ ​พูด​จบ​ก็​ยัง​หงุดหงิด​อยู่​ ​เรียก​เติงฮ​วา​ ​“​ไป​บอก​กับ​คนครัว​สกุล​พวก​เจ้า​ว่า​ข้า​จะ​อยู่​ทานอาหาร​ที่นี่​ ​เอา​หอย​เป่า​ฮื้อ​นึ่ง​มา​ให้​ข้า​ก่อน​ ​แล้ว​ค่อย​ตามด​้วย​หูฉลาม​ ​ผัด​ปลิงทะเล​ ​หมูหัน​ ​แพะ​ย่าง​…​”

การกล้า​ที่จะ​นอน​บน​เก้าอี้​จุ้ย​เวิง​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ชอบ​นอน​แล้ว​สั่งอาหาร​เหล่านี้​ ​แสดงให้เห็น​ถึง​มิตรภาพ​ระหว่าง​โจว​ซื่อ​เจิง​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เติงฮ​วา​ไม่​พูด​อะไร​สัก​คำ​ ​ขานรับ​อย่างนอบน้อม​ ​ทบทวน​อาหาร​ที่​โจว​ซื่อ​เจิง​สั่ง​เพื่อ​ยืนยัน​ว่า​ไม่มี​อะไร​ผิดพลาด​ ​จากนั้น​ก็​ก้มหน้า​แล้ว​ถอย​ออก​ไป

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​ยัง​มีสุ​รา​จิน​หวา​ชั้นดี​ ​เอา​สัก​ไห​หรือไม่​”

“​แน่นอน​ว่า​ต้อง​เอา​มาสัก​สอง​สาม​ไห​!​”​ ​โจว​ซื่อ​เจิง​พูด​อย่าง​ไม่​เกรงใจ​ ​“​ไม่​เพียงเท่านี้​ ​เอา​ชา​เหล่าจ​วิน​เหมย​ที่​ฮ่องเต้​ทรง​มอบให้​ไท่ฮู​หยิน​ใน​ช่วง​ตรุษจีน​แอบ​ออกมา​ชิม​สักหน่อย​!​”​ ​เขา​พูด​พลาง​ลูบ​พุง​ที่​ยื่น​ออกมา​เล็กน้อย​ ​“​ทานอาหาร​บำรุง​เช่นนี้​ ​จะ​ให้​ดื่ม​ชา​ธรรมดา​อย่าง​หลง​จิ​่​งกับ​ชา​อู่​อี๋​ได้​อย่างไร​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​ลั่น​ ​“​เจ้า​คิด​ว่า​ตัวเอง​ยัง​เป็น​เด็ก​อยู่​หรือ​อย่างไร​ ​มีหน้า​มา​พูดว่า​ ​‘​แอบ​เอา​ออกมา​ชิม​’​ ​อีก​”​ ​พูด​พลาง​กำชับ​บ่าว​รับใช้​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​“​ไป​บอก​ไท่ฮู​หยิน​ว่า​คุณชาย​สาม​สกุล​โจว​มา​ ​ต้องการ​จะ​ขโมย​ดื่ม​ชา​เหล่าจ​วิน​เหมย​ของ​ท่าน​”

ไม่นาน​บ่าว​รับใช้​ก็​มา​พร้อมกับ​ยก​ไหลาย​คราม​พื้น​สีขาว​ลาย​สีน้ำเงิน​เข้ามา​ ​“​ไท่ฮู​หยิน​บอกว่า​ให้​เอา​นำ​กลับ​ไป​ให้​ใต้เท้า​โจว​ชิม​ด้วย​ขอรับ​”

โจว​ซื่อ​เจิง​รับ​มาด​้วย​รอยยิ้ม

อาหาร​หนึ่ง​มื้อ​ทาน​จน​พระจันทร์​ลอย​อยู่​เหนือ​ยอด​ต้น​หลิ่ว​จึง​ได้​บอกลา

สือ​อี​เหนียง​ปรนนิบัติ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ ​“​ท่าน​โหว​เป็น​ ​‘​เทวดา​ตี​กัน​ ​มนุษย์​โลก​รับ​กรรม​’​ ​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​เทวดา​ตี​กัน​ ​มนุษย์​โลก​รับ​กรรม​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​พึมพำ​ประโยค​นี้​ซ้ำสอง​รอบ​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​สอง​ประโยค​นี้​ของ​เจ้า​ใช้ได้​เหมาะสม​มาก​”​ ​จากนั้น​ก็​โบกมือ​ส่งสัญญาณ​ว่า​ไม่ต้อง​เปลี่ยนเป็น​ชุด​เต้า​ผาว​เหมือน​ทุกวัน​ ​เขา​สวม​ชุดลำลอง​นั่ง​อยู่​บน​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​ ​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​จิบ​หนึ่ง​อึก​ ​ถอนหายใจ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ยึด​ที่ดิน​พระราชทาน​คืน​ล้วน​เป็น​เพียงแค่​ข้ออ้าง​เท่านั้น​ ​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​ขอบเขต​เรื่อง​นี้​ใหญ่​แค่ไหน​ ​หาก​ไม่​ระวัง​อาจ​ทำให้​ขุนนาง​ชั้นสูง​ทั้ง​ต้า​โจว​ขุ่นเคือง​ได้​ ​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​เพียงแค่​ต้องการ​ใช้​เรื่อง​นี้​เพื่อ​ทดสอบ​ทัศนคติ​ของ​ฮ่องเต้​ที่​มีต​่อ​เขา​ ​ใน​ภายภาคหน้า​เมื่อ​เขา​จะ​กระทำการ​ใด​ก็​จะ​ได้​รู้​ว่า​ขอบเขต​อยู่​ตรงไหน​ ​มิเช่นนั้น​เหตุใด​จึง​ได้​เลือก​เขียน​ฎีกา​ใน​ช่วง​ตรุษจีน​เล่า​ ​หาก​ฮ่องเต้​ก็​ต้องการ​ทดสอบ​ทัศนคติ​ของ​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​เช่นกัน​ ​เช่นนั้น​ก็​ไม่มีทาง​เห็นด้วย​กับ​เรื่อง​ยึด​ที่ดิน​พระราชทาน​คืน​ ​เช่นนี้​ ​ข้าราชบริพาร​เขียนหนังสือ​ ​กระทรวง​ขุนนาง​ภายใน​อภิปราย​ ​อย่างไร​ก็​ไม่มีทาง​ได้​ข้อสรุป​ใน​ปี​สอง​ปีนี​้​แน่นอน​ ​แล้ว​เหตุใด​พวกเรา​จะ​ต้อง​สร้าง​ปัญหา​ด้วย​ ​หาก​ไม่​ระวัง​อาจจะ​ถูก​ข้าราชบริพาร​เหล่านั้น​จับไต๋​แล้ว​ใช้​ผลประโยชน์​เพื่อ​ทำให้​ฮ่องเต้​ลำบาก​พระทัย​…​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​น้ำเสียง​ของ​เขา​ก็​เคร่งขรึม​เล็กน้อย​ ​“​จะ​กลัว​ก็​แต่ว่า​ฮ่องเต้​จะ​มี​เจตจำนง​แก้ไข​ระเบียบ​ของ​ราชสำนัก​ ​และ​อนุญาต​ฎีกา​ของ​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​…​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ก็​ยาก​ที่จะ​จัดการ​แล้ว​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​มีศักดิ์​เป็น​ท่าน​น้าชาย​ของ​ฮ่องเต้​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​บรรดา​สกุล​ขุนนาง​จะ​ทำตาม​จุดประสงค์​ของ​เขา​ ​หาก​เขา​ยอมให้​ฮ่องเต้​ยึด​ที่ดิน​พระราชทาน​กลับคืน​มา​อย่าง​เชื่อฟัง​ ​เช่นนั้น​ใน​ภายภาคหน้า​เขา​ก็​จะ​เป็น​คนที​่​ผิด​ต่อสกุล​ขุนนาง​ ​ไม่แน่​สกุล​สวี​อาจ​ถูก​คนใน​แวดวง​นี้​กีดกัน​ ​หาก​เขา​กับ​ฮ่องเต้​โต้เถียง​กัน​ ​ฮ่องเต้​อยู่​ใน​ฐานะ​กษัตริย์​องค์​ใหม่​ ​เป็นช่วง​เวลา​ที่​ต้อง​สั่งสม​บารมี​ ​ไม่แน่​อาจจะ​เอา​สวี​ลิ่ง​อี๋​มา​เชือด​ไก่​ให้​ลิง​ดู

วิธี​ที่​ดีที​่​สุด​คือ​เบี่ยงเบน​ความสนใจ​ของ​ทุกคน​ไป​ที่​สกุล​เดิม​ของ​ฮองเฮา​ ​แต่​พระราช​บิดา​ของ​ฮองเฮา​คือ​โจว​ซื่อ​เจิง​ ​เป็น​สหาย​คนสนิท​ที่​เล่น​ด้วยกัน​มาตั​้ง​แต่​เด็ก​ของ​เขา​…

“​ในเมื่อ​ฮ่องเต้​ยัง​ไม่​ตอบ​ฎีกา​ ​ก็​แสดงว่า​มี​ความคิด​ของ​พระองค์​เอง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​หยิบ​รองเท้า​ให้​เขา​เปลี่ยน​ ​“​เป็น​อย่างที่​ท่าน​โหว​พูด​กับ​ใต้เท้า​โจว​ ​รอดู​สถานการณ์​ไป​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​ ​ทางออก​ย่อม​มีมาก​กว่า​ปัญหา​เสมอ​”

“​ทางออก​ย่อม​มีมาก​กว่า​ปัญหา​เสมอ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ฟัง​ดังนี้​ก็​มีสี​หน้า​เคร่งขรึม​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ข้า​ได้รับ​คำคม​จาก​ภรรยา​แสน​ชาญฉลาด​อีกแล้ว​”

เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​เขา​แสร้งทำ​เป็นจริง​จัง​ก็​หัวเราะ​ออกมา

สวี​ลิ่ง​อี๋​อาศัย​โอกาส​นี้​กอด​นาง​ไว้​ใน​อ้อมแขน​…

เมื่อ​คิด​มาถึง​ตรงนี้​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​ร้อน​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​รถม้า​หยุด​ลง​ ​เสียงพูด​อย่างระมัดระวัง​ของ​หญิง​รับใช้​เฒ่า​ที่​ตาม​รถม้า​ดัง​ผ่าน​ผ้าม่าน​เข้ามา​ ​“ฮู​หยิน​ ​ถึง​โรง​เตี​๊​ยม​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​รีบ​สงบ​จิตใจ​ของ​นาง​ ​เหลือบมอง​ลูกสะใภ้​ทั้งสอง​ด้วย​ความรู้สึกผิด​ ​เจียง​ซื่อ​มีสี​หน้า​มึนงง​เล็กน้อย​ ​ในขณะที่​อิง​เหนียง​รอคำ​ตอบ​จาก​นาง​อย่างใจจดใจจ่อ​ ​เมื่อ​สีหน้าท่าทาง​กลับมา​ปกติ​ ​หัวใจ​ของ​นาง​ก็​สงบ​ลง

“​ท่าน​พ่อ​สามี​ของ​เจ้า​ระมัดระวัง​อยู่​เสมอ​ ​ไม่มี​อะไร​เกิดขึ้น​แน่นอน​!​”

อิง​เหนียง​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​พยักหน้า​ ​รีบ​ลุก​ออกจาก​รถม้า​ก่อน​ ​จากนั้น​ก็​หันมา​พยุง​สือ​อี​เหนียง​ลง​จาก​รถม้า​ ​เจียง​ซื่อ​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​อีกทั้ง​บรรดา​บ่าว​รับใช้​กลุ่ม​ใหญ่​เดินตาม​หลัง​นาง​อย่าง​ชิด​ใกล้​ ​เดิน​ล้อม​ตัวนาง​เข้าไป​ใน​เรือน​ซีค​ว่าที่​จอง​ไว้

เจียง​ซื่อ​กำชับ​ให้​สาวใช้​เปลี่ยนเป็น​เครื่อง​นอน​และ​ของใช้​ที่​พวกเขา​นำมา​ ​แล้ว​จัดแจง​ป้า​รับใช้​ให้​ไป​ต้ม​น้ำ​และ​ทำอาหาร

สือ​อี​เหนียง​นั่ง​นับวัน​อยู่​ที่​โต๊ะ​สี่เหลี่ยม​ใน​ห้องโถง

เกือบ​สาม​เดือน​แล้ว​ ​ทุกคน​ต่าง​ก็​เฝ้ารอ​และ​จับตาดู​มา​เป็นเวลา​นาน​ ​ถึง​เวลา​ที่จะ​หารือ​อีกครั้ง​แล้ว​…​ฮ่องเต้​เรียก​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้า​วัง​อย่าง​รีบร้อน​เช่นนี้​ ​หรือว่า​จะ​เป็น​เพราะ​เรื่อง​นี้

ตอนกลางคืน​นาง​หลับ​ได้​ไม่​ค่อย​สบาย​นัก​ ​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ฟ้า​พึ่ง​จะ​สาง​ก็​รีบ​เดินทาง​กลับ​เยี​่​ยน​จิง​ ​มาถึง​ตอนกลางคืน​ใน​ช่วงเวลา​จุด​โคมไฟ​พอดี

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยัง​ไม่​กลับมา

ไท่ฮู​หยิน​ถาม​ด้วย​ความสงสัย​ว่า​ ​“​ทำไม​ ​พวก​เจ้า​ไม่ได้​อยู่​ด้วยกัน​หรอก​หรือ​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่​อยาก​ให้​ไท่ฮู​หยิน​กังวลใจ​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ได้​พบ​กับ​ใต้เท้า​โจว​ที่​ประตูเมือง​ ​ท่าน​โหว​เลย​ถูก​เขา​เอา​ตัว​ไป​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​หัวเราะ​ ​“​ถูก​เขา​ลาก​ไป​เช่นนี้​ ​ไม่ใช่​เรื่อง​ดี​แน่นอน​ ​ข้าว​่า​วันนี้​เจ้า​ไม่ต้อง​รอ​เขา​แล้ว​ ​รีบ​พักผ่อน​เถิด​ ​พรุ่งนี้​หาก​เขา​กลับมา​ได้​ก็​ถือว่า​ไม่ใช่​เรื่อง​แย่​!​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​รับคำ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​ช่วยฮู​หยิน​สอง​กล่อม​ไท่ฮู​หยิน​พักผ่อน

ฮู​หยิน​สอง​มาส​่ง​นาง​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ได้ยิน​ว่า​ฮ่องเต้​จะ​ยึด​ที่ดิน​พระราชทาน​ของ​ขุนนาง​ชั้นสูง​คืน​หรือ​ ​หาก​เป็น​เช่นนั้น​จริง​ ​พวกเรา​ก็​อย่า​ได้เสีย​การ​ใหญ่​เพราะ​เรื่องเล็ก​ ​ฮ่องเต้​ว่า​อย่างไร​พวกเรา​ก็​ทำ​เช่นนั้น​ ​ตราบใดที่​ใน​สายตา​ของ​ฮ่องเต้​มีพ​วก​เรา​ ​พวกเรา​จะ​ไม่มี​ข้าว​กิน​ได้​อย่างไร​”

“​คำพูด​ของ​พี่สะใภ้​สอง​ข้า​จะ​ถ่ายทอด​แก่​ท่าน​โหว​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่า​พวก​นาง​เข้าใจ​เรื่อง​ใน​ราชสำนัก​เพียง​ผิวเผิน​เท่านั้น​ ​คำพูด​โน้มน้าว​เช่นนี้​พูด​ให้​น้อยลง​จะ​ดีกว่า​ ​จะ​ได้​ไม่​ไป​กระทบ​กับ​การตัดสินใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

เมื่อฮู​หยิน​สอง​เห็น​ว่านาง​ไม่ได้​สนใจ​ ​จึง​ไม่​อาจ​พูด​อะไร​มาก​ ​พยักหน้า​แล้ว​กลับ​ห้อง​ไป

เจี​๋ย​เซียง​หวี​ผม​ให้​นาง​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​สอง​ ​บางคน​ชอบกล​้วย​ไม้​หยก​ ​แต่​บางคน​ก็​ชอบ​ดอก​ซ่อนกลิ่น​ ฮู​หยิน​สี่​ชอบ​เรื่อง​ใน​เรือน​ ​ท่าน​พูด​ไป​นาง​ก็​ไม่เข้าใจ​ ​ยิ่ง​ไม่มีทาง​ร้อนใจ​เจ้าค่ะ​”

ฮู​หยิน​สอง​ยิ้ม​เล็กน้อย​ไม่ได้​พูด​อะไร

เจี​๋ย​เซียง​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​ปรนนิบัติ​นาง​พักผ่อน​ ​ช่วย​จัด​มุม​ผ้าห่ม​ ​พอ​ดับ​ตะเกียง​แล้วก็​ค่อยๆ​ ​เดิน​ย่อง​ออก​ไป​อย่างเบามือ​เบา​เท้า

เสียง​ถอนหายใจ​ยาว​ยัง​ดังก้อง​อยู่​ใน​ห้อง​อัน​เงียบสงบ​ซึ่ง​ปกคลุม​ไป​ด้วย​ความมืด​ใน​ยามค่ำคืน​ ​“​นาง​ไม่จำเป็น​ต้อง​ดูแล​เรื่อง​นี้​ ​ย่อม​มี​คน​ช่วย​นาง​ดูแล​อยู่​แล้ว​…​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​นาง​ก็​นับว่า​เป็น​คน​มี​วาสนา​!​”

******

เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​กลับมา​ก็​ให้​หู่​พั่ว​หา​ผ้าเช็ดหน้า​ที่​ปัก​อย่างประณีต​จาก​ก้น​หีบ​สอง​สาม​ผืน​ ​“​ส่ง​ไป​ที่​จวน​เวย​เป่ย​โหว​ ​ดู​ว่า​เวย​เป่ย​โหว​อยู่​จวน​หรือไม่​”

ฟัง​จาก​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอก​ ​ที่ดิน​พระราชทาน​ของ​สกุล​หลิน​เอง​ก็​ไม่น้อย​เลย​ ​หาก​เป็นเรื่อง​เกี่ยวกับ​การ​ยึด​ที่ดิน​พระราชทาน​คืน​ ​สกุล​หลิน​คง​ไม่​สามารถ​นั่ง​อยู่​บน​แท่น​ตกปลา​ได้​อย่างมั่นคง​กระมัง​!

หู่​พั่ว​กลับมา​อย่างรวดเร็ว​ ​“​ท่าน​โหว​สกุล​หลิน​อยู่​ที่​จวน​เจ้าค่ะ​!​ ​หลินฮู​หยิน​ฝาก​ขอบคุณ​ท่าน​ ​ท่าน​โหว​สกุล​หลิน​กำลัง​เป็นกังวล​เรื่อง​ยึด​ที่ดิน​พระราชทาน​คืน​อยู่​พอดี​ ​รอ​อีก​สอง​วันนา​งค​่อ​ยมา​เยี่ยมเยียน​ท่าน​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​นั่ง​ครุ่นคิด​อยู่​ใน​ห้อง

หมายความว่า​การ​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้า​วัง​ไม่ได้​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ยึด​ที่ดิน​พระราชทาน​คืน​อย่างนั้น​หรือ​ ​ในเมื่อ​เป็น​เช่นนี้​เหตุใด​จึง​ต้อง​ค้าง​ใน​วัง​ด้วย​เล่า

นาง​นอนหลับ​อย่างสบายใจ​ ​ลืมตา​ขึ้น​มา​ใน​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ก็​ถาม​ทันที​ว่า​ ​“​มี​จดหมาย​จาก​ท่าน​โหว​หรือไม่​”

เห​ลิ่ง​เซียง​ที่อยู่​เวร​รีบ​ตอบ​ว่า​ ​“​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​เมื่อคืน​ ​เห็น​ว่าฮู​หยิน​พักผ่อน​แล้ว​ ​กลัว​จะ​รบกวน​ท่าน​จึง​ไป​พักผ่อน​ที่​ห้อง​หนังสือ​เรือน​นอก​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ชอบ​ปลุก​นาง​กลางดึก​เป็น​ที่สุด​ ​จากนั้น​ก็​อาศัย​โอกาส​ตอนที่​นาง​สะลึมสะลือ​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​ต้องการ​ ​ซ้ำ​ยัง​พูดจา​สวยหรู​ว่า​ ​“​ตอนที่​เจ้า​กำลัง​สะลึมสะลือ​นั้น​ดูดี​ที่สุด​!​”

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ

แต่งหน้า​ทำ​ผม​ให้​เรียบร้อย​ ​ไม่มีเวลา​มาสน​ใจ​ทานอาหาร​เช้า​ ​รีบ​ไป​ที่​ห้อง​หนังสือ​เรือน​นอก​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทันที

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท