อ๊ะะ!!ฝ่าบาท ท่านทำอะไรนะ? อ๊าากกก…
แต่พลังเทพที่มาถึงนั้นไม่ได้มาช่วยแม่ทัพแต่มาเพื่อทำลายดวงวิญญาณของเขา!
แม่ทัพตายแล้ว!
ในขณะเดียวกันพลังเทพมหาศาลที่มาพร้อมกับจิตสังหารของเทพก็ทะลวงคุกสวรรค์เทพอสูรออกมา พลังนี้เล็งตรงไปที่ซือหยู!
แม้แต่ซือหยูก็ไม่คิดว่าจะมีเทพมาในวันนี้
องค์หญิงหกกล้าพอที่จะเปิดเผยเทพฝ่ายตัวเองเลยรึ?
แต่เมื่อสังเกตดูให้ดีซือหยูก็พบว่าพลังเทพนี้คุ้นต่อเขา ราวกับว่าเคยเจอมันมาก่อน
เดี๋ยวสิ!เจ้าของพลังเทพนี่มัน…
ซือหยูจำได้แล้ว เป็นเจ้า!!ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาไม้นี้!
ซือหยูแววตาดุร้ายเขาโบกมือเรียกภูเขาห้าธาตุ
นี่คือของขวัญจากข้า!
อ๊ากกกก!!
คลื่นพลังดำสนิทถูกปล่อยออกมาจากท้องเขาห้าธาตุมันไม่มีรูปลักษณ์ที่ชัดเจน
พลังสุดยอดของเทพกาลกิณี!เล่นกับมันให้สนุกล่ะ!
คลื่นพลังทมิฬถูกพลังห้าธาตุปกคลุมและนำพาไปปะทะกับพลังเทพ
คลื่นพลังทมิฬสลายไปจากพลังเทพราวกับไม่มีความแข็งแกร่งอะไรเลย
แต่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวก็คือพลังกาลกิณีที่แม้แต่จะห่างไกลออกไป มันก็สามารถสังหารได้
เมื่อพลังเทพเข้าใกล้ซือหยูซือหยูตะโกน
เทพปีศาจ! ฟึ่บ!
ร่างของเทพปีศาจก่อตัวในมิติวิญญาณของซือหยูเทียบกับคราวที่แล้ว ร่างของมันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม พลังแข็งแกร่งกว่าเดิมจนเกือบจะถึงขั้นว่าที่เทพขั้นสูง
เทพปีศาจเหลือบมองพลังเทพและอ้าปาก
เจ้าหนูต่อสู้ครั้งใหญ่อีกแล้วรึ?
เทพปีศาจเหลือบมองซากศพว่าที่เทพที่นอนเกลื่อนกลาดเพียงไม่นาน
ซือหยูตอบด้วยความโมโห
กลับกรงเจ้าไปซะข้าจะให้จิตวิญญาณเทพกับเจ้าเพิ่มอีก
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเทพปีศาจนั้นต้องการจิตวิญญาณเทพ?
หา!จักรพรรดิเทพผู้สังหารสวรรค์และล้างบางทั่วดินแดนอย่างข้ามีชีวิตรักกับสตรีนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายเจ้าก็เป็นคนเดียวที่ห่วงใยข้า ข้าตัดสินใจแล้วว่าถ้าหากพลังข้าฟื้นฟูกลับมาเต็มที่อีกครั้งข้าจะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ รวมถึงผู้หญิงของข้าด้วย ข้าจะให้เจ้าทุกคนเลย!
ผู้หญิงของเจ้ารึ?หืม…พวกนางเป็นตัวอะไรล่ะ?
ก็สุนัขน่ะสิ!
ไม่เป็นไรเจ้าเก็บเอาไว้เองเถอะ!
เหอย่าเพิ่งปฏิเสธสิ ผู้หญิงของข้าล้วนขึ้นชื่อด้านความงามในโลกสุนัข ทุกคนล้วนงดงามยั่วยวน…
เมื่อเอาชนะว่าที่เทพขั้นกลางสองคนได้แล้วซือหยูมองเหล่าว่าที่เทพขั้นต้นที่กำลังพยายามหนีจากกรงเถาวัลย์ขนาดยักษ์ด้วยความสิ้นหวัง
ทุกคนที่ถูกซือหยูมองนั้นรู้สึกชาไปทั้งร่างราวกับถูกฟ้าผ่าพวกมันยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อน
ทุกคนหยุดรอให้ซือหยูชี้ชะตา ใครที่คิดอยากมีชีวิตรอดจงคลายดวงวิญญาณและยอมจำนนต่อข้า!
ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
ไม่เพียงแต่เหล่าอสูรเจ้าดินแดนจะไม่ลังเลพวกเขายังกระตือรือร้นที่จะได้รับใช้ซือหยู
ตามธรรมเนียมของอสูรเชลยศึกชี้เป็นชี้ตายอย่างพวกเขามักถูกลงโทษโดยการชิงจิตวิญญาณเทพ น่าแปลกใจที่ซือหยูยินดีที่จะรับพวกเขาเป็นพวก
ต่อหน้าความตายใครกันเล่าที่จะไม่ยอม?
พวกเขาคุ้นเคยกับการพึ่งพาแม่ทัพแล้วใยจะไม่หันไปหาผู้นำที่แข็งแกร่งกว่าจนน่าตกใจเช่นนี้เล่า?
ต่อให้ยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจพวกเขาก็รอดตายได้ในวันนี้ ยังมีโอกาสตัดสินใจใหม่ในภายภาคหน้า
ซือหยูเหลือบมองแต่ละคนและจดจำสีหน้าเอาไว้เขาจะทนพวกที่ยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจได้รึ?
คลื่นพลังวิญญาณเปล่งออกจากดวงตาซือหยูใช้พลังขอบเขตวิญญาณ
หากคลายดวงวิญญาณพวกมันทุกคนย่อมอยู่ภายใต้อำนาจของซือหยู!
ครึ่งชั่วโมงต่อมาว่าที่เทพขั้นต้นเก้าสิบคนคุกเข่าต่อหน้าซือหยูด้วยความนับถือจากทั้งหัวใจ
คารวะนายท่านเรายินดีรับใช้ท่านนับจากนี้ไป!
ซือหยูยิ้มเขาได้กำลังคนมาแล้ว
เหล่านี้ล้วนเป็นว่าที่เทพเป็นกลุ่มอสูรที่แข็งแกร่งในโลกอสูรอันกว้างใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงพันธมิตรบูรพา
ตอนนี้เขาเปลี่ยนทั้งหมดให้เป็นหุ่นเชิดของตัวเองแล้วพลังอันยิ่งใหญ่นี้กลายเป็นของเขา เขาไม่ต่างกับพยัคฆ์ที่ได้โผบิน
ในขณะนั้นเองเสียงความกังวลจากเหล่าอสูรเจ้าดินแดนฝ่ายเขาจากด้านนอกดังเข้ามาในกรงปิดตาย
พวกเขาจะไม่กังวลได้หรือเมื่อเงียบมานานเช่นนี้?
ซือหยูจัดการเก็บกวาดลานต่อสู้เขาเก็บแหวนมิติทั้งหมดและจิตวิญญาณเทพของแม่ทัพและอสูรเขตสิบ
เขายังปล้นเอาสมบัติและจิตวิญญาณเทพของว่าที่เทพที่ตายเกลื่อนพื้นเขาได้ทรัพย์สมบัติติดมือมามากมาย
ทุกสิ่งที่ได้มานั้นล้วนมีประโยชน์ต่อชาวจิวโจว
จิตวิญญาณเทพจะฟื้นคืนพลังของเทพกิเลนและเทพปีศาจได้ดี
ซือหยูปลดพลังธาตุไม้เถาวัลย์ทั้งหมดได้กลับคืนสู่ร่างของซือหยู
ซือหยูใช้พลังเช่นนี้ได้ก็เพราะว่าเขามีหัวใจนิรันดร์ที่มีพลังชีวิตอันแข็งแกร่งหากเป็นคนอื่น พวกเขาจะสร้างเถาวัลย์จำนวนมากขนาดนี้ไม่ได้ต่อให้เชี่ยวชาญพลังของเผ่าไม้ก็ตาม
เหล่าอสูรเจ้าดินแดนที่เห็นกรงเปิดมองเข้าไปที่ด้านในทันทีเมื่อพบว่าอสูรเจ้าดินแดนเก้าสิบคนของงอีกฝ่ายไร้รอยข่วน พวกเขาก็หวาดกลัวสุดหัวใจ พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้นองเลือด
นายท่าน!
มีเพียงเฉียนจุนที่คุ้นเคยกับกลิ่นอายพลังของซือหยูเขารีบบินเข้าไปทันทีด้วยความร้อนรนทั้งใบหน้า แต่เขาก็ตกใจและสงสัยในเวลาเดียวกันว่าทำไมว่าที่เทพทั้งเก้าสิบคนนั้นถึงยืนด้านหลังซือหยู
ซือหยูกล่าว
ไม่ต้องห่วงพวกมันรับใช้ข้าแล้ว
หา!
เฉียนจุนกับเหล่าอสูรเจ้าดินแดนสูดหายใจเข้าลึกมีว่าที่เทพมากมายนัก ทุกคนยอมจำนนต่อซือหยูรึ? แต่ในความจริงแล้วหากเป็นพวกเขาเอง สิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำต่อเทพสังหารอย่างซือหยูก็คือการยอมเป็นข้ารับใช้!
เฉียนจุนพยายามคืนสติกลับมาเขางุนงงแต่ก็ตื่นเต้น
น่ายินดียิ่งนักนายท่านได้กองทัพยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้!
หากมีอสูรเจ้าดินแดนเก้าสิบคนเพิ่มเข้ามาเท่ากับว่าเขาจะมีอสูรเจ้าดินแดนถึงร้อยสามสิบคนในมือ!
ไม่ว่าจะเทพหน้าไหนที่อยู่ใต้อำนาจขององค์หญิงเก้าก็ไม่มีทางปกครองอสูรเจ้าดินแดนมากมายเช่นนี้!
ยินดีด้วยท่านเจ้าเมือง!
อสูรเจ้าดินแดนที่เหลือสี่สิบคนก้าวเข้ามาแสดงความยินดีกับเขา
จนถึงตอนนี้พวกเขายอมรับทั้งหัวใจว่าซือหยูคือเจ้าเมืองคนใหม่อย่างสมศักดิ์ศรี
แม้จะไม่มีพลังระดับเทพเขาก็เป็นผู้เดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการเป็นเจ้าเมืองชมทะเล
ซือหยูเหลือบมองทุกคนนี่คือความชนะอย่างหมดจด ทั้งสามเป้าหมายสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ
เป้าหมายแรกคือการกำจัดกำลังที่องค์หญิงหกส่งมาที่เมืองชมทะเลและกำจัดอันตรายออกไป
เป้าหมายที่สองคือการกำจัดทรราชย์ให้หมดสิ้น!
เป้าหมายที่สามคือการเอาชนะใจผู้คนและครองตำแหน่งเจ้าเมืองอย่างเต็มภาคภูมิ
นี่เป็นการต่อสู้แรกตั้งแต่ที่ซือหยูได้ตั้งรกรากในโลกอสูรและยังเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุด
เมื่อจัดการอุปสรรคเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่เขาจะทำการใหญ่!
ซือหยูมองว่าที่เทพสี่สิบคนและกล่าว
ทุกท่านตามข้ากลับไปยังดินแดนของตนและจัดการพวกทรราชย์ที่เหลือ!
กำลังหลักขององค์หญิงหกถูกทำลายไปแล้วแต่จะต้องมีหน่วยข่าวกรอง สายลับ และคนอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ต่างออกไปเหลืออยู่ เรื่องนี้น่าเป็นห่วงและจะเมินเฉยมิได้
น้อมรับบัญชาท่านเจ้าเมือง!
ไม่มีเจ้าดินแดนคนใดขัดซือหยูอีกแล้ว
ซือหยูยินดียอมรับข้าศึกเป็นพรรคพวกแต่เขาก็สังหารเจ้าดินแดนทุกคนที่ทรยศเขา ดูเหมือนว่าเจ้าเมืองผู้นี้จะไม่ยอมให้มีคนทรยศแม้แต่คนเดียว
อีกหนึ่งเรื่อง!
ซือหยูสายตาเย็นชา
สามวันก่อนข้าสั่งให้เจ้าดินแดนทุกคนมารวมตัวที่นี่มีห้าคนยังอยู่ระหว่างทาง อีกสิบสี่คนที่ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย!
เหล่าเจ้าดินแดนเพิ่งจะนึกขึ้นได้พวกเขารู้สึกโชคดีในใจ โชคดีที่พวกเขามาโดยไม่ดูหมิ่นเจ้าเมือง มิเช่นนั้นล่ะก็… เฉียนจุนสั่งการลงไป ปลดอสูรเจ้าดินแดนห้าคนที่กำลังเดินทางมาและให้ผู้สืบทอดครองตำแหน่งแทน! หากพวกมันมาหาข้าไม่ได้ ข้าก็ไม่ต้องการพวกมันอีกแล้ว!
ปลดตำแหน่งทันทีงั้นรึ?โหดเหี้ยมนัก! ว่าที่เทพที่ได้ตำแหน่งนี้ต้องพยายามทั้งชีวิตไม่ใช่รึ? แต่พวกเขากลับไม่เหลืออะไรเลยในข้ามคืนเดียว!
อีกคำสั่งเจ้าดินแดนสิบสี่คนที่ไม่เคลื่อนไหวจะต้องถูกประหารโดยอสูรเจ้าดินแดนข้างหลังข้าโดยมีเฉียนจุนเป็นผู้นำ อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!
อะไรนะ?ฆ่าทั้งหมดรึ? นี่มันไม่ไร้หัวใจไปหน่อยหรือ?
แม้แต่เฉียนจุนก็ตกใจไปครู่หนึ่งซือหยูฆ่าทรราชย์ไปหมดแล้ว และเขากำลังจะฆ่าพวกที่ไม่เคลื่อนไหวด้วยหรือ?
ต่อให้มันไม่จงใจหักหลังข้าการไม่ฟังคำสั่งเจ้าเมืองหมายถึงความไม่เด็ดขาด จะมีประโยชน์อันใดในการไว้ชีวิตผู้ที่ไม่ภักดีต่อข้าและองค์หญิง?
ซือหยูถามอย่างไร้ปรานี
อสูรเขตสิบพูดถูกหนึ่งเรื่องการถูกบังคับให้ต้องกลับร่างต้นนั้นหมายถึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่พลังขององค์หญิงเก้าจะกลับมาสูงสุดดังเดิม
แดนจิงหยูจะยังคงอ่อนแอดังเดิมอยู่ในภาวะที่หวั่นไหวต่อข้าศึก
เหล่าอสูรเจ้าดินแดนที่นิ่งเฉยย่อมพร้อมกลายเป็นศัตรูได้ทุกเมื่อเจ้าดินแดนเหล่านั้นพร้อมที่จะทรยศแดนจิงหยู แทนที่จะปกป้องเอาไว้ สู้กำจัดให้หมดจะดีกว่า
สิ่งสุดท้ายที่ซือหยูยังขาดก็คืออสูรเจ้าดินแดนที่แข็งแกร่ง
ขอรับ!
เฉียนจุนแววตามุ่งมั่นเขาเห็นการทรยศของอสูรเขตสิบในวันนี้แล้ว การทรยศแทบจะทำให้สงครามพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ พวกเขาเกือบจะตายกันหมด เหล่าเจ้าดินแดนที่เหลือเหงื่อแตกพลั่กออกมาที่หน้าผาก
เคราะห์ดีที่พวกเขาภักดีต่อองค์หญิงเก้าและมาถึงทันเวลามิเช่นนั้นพวกเขาคงจะตายไปแล้ว!
แม้จะดูอ่อนวัยแต่เจ้าเมืองคนใหม่นี้เด็ดขาดและไร้ปรานี!
เมื่อสั่งการแล้วเหล่าเจ้าดินแดนกลับไปทีละคน เฉียนจุนเองก็นำกำลังที่ซือหยูเพิ่งจะได้มาแบ่งเป็นสิบสี่หน่วย เขาเตรียมจะสังหารเหล่าอสูรเจ้าดินแดนที่ไม่เคลื่อนไหว
เมื่อไม่มีใครเหลือซือหยูเรียก
เจ้าหมาใยเจ้าไม่ออกมาเล่า?
ฟึ่บ!
ก้อนขนขาวปุกปุยกระดุกกระดิกออกมาจากซากสงครามมาที่เท้าของซือหยูอย่างว่าง่าย
สายตาที่มองซือหยูนั้นแตกต่างไปจากเดิม อสูรปราดเปรียวตามหลังนางมาด้วยความรู้สึกผิดและละอายใจ
นางคิดว่านางเป็นห่วงเป็นใยความปลอดภัยขององค์หญิงเก้ามากกว่าใครแต่แท้จริงแล้ว ผู้ที่คิดถึงนางมากที่สุดก็คืออสูรขนนกผู้ที่ ‘รังแก’ องค์หญิง
นางกำลังจะพูดแต่ซือหยูก็พูดออกมาก่อน
ไปปกป้องเมืองอสูรปราดเปรียวของเจ้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็นับว่าดีแล้วที่เจ้าไม่พาเจ้าหมาหนีไป ลุกขึ้น
อสูรปราดเปรียวหน้าแดงแต่นางก็เห็นด้วยกับซือหยู
ท่านเจ้าเมืองโปรดกลับตำหนักเพื่อพักจากการต่อสู้เถอะ…
อสูรปราดเปรียวกล่าว
ไม่จำเป็นข้าจะไปเมืองชมทะเลในตอนนี้! เจ้าเมืองตายไปหลายวันแล้ว ชาวเมืองไร้ผู้นำ และฝ่ายองค์หญิงหกที่แทรกซึมเข้ามาอีก ข้าต้องสะสางเรื่องทั้งหมดให้เร็วที่สุดก่อนที่สิ่งที่ข้าทำมาจะเสียเปล่า
ซือหยูอุ้มเจ้าหมาและฉีกมิติออกเดินทางโดยไม่พักแม้แต่วินาทีเดียวมีเหล่าอสูรติดตามเขา
อสูรปราดเปรียวตกใจแต่ก็นิ่งเงียบนางไม่รู้เลยว่ามีสตรีชุดดำผละตัวไปจากนางเพื่อตามซือหยู
หากนางขัดคำสั่งซือหยูสิ่งที่รอคอยนางอยู่ก็คือความตายจากวิหคเพลิงทมิฬ
ณห้องลับตำหนักองค์หญิงคน บุรุษและสตรีนั่งตรงข้ามกัน
สตรีนั้นตัวบอบบางดูงดงามเฉลียวฉลาด นางคือองค์หญิงหก!
ที่นั่งตรงข้ามนางคือชายวัยกลางคนที่ดูสีหน้าผ่อนคลาย
หากซือหยูอยู่ที่นี่เขาคงจะรู้ว่าชายคนนี้คือเทพตำราที่ถูกพามายังโลกอสูร!
ทั้งสองนั่งมองแผ่นป้ายกลมที่ใช้มองดูสถานการณ์ในเมืองอสูรปราดเปรียว
ในตอนนั้นเองคลื่นพลังทมิฬทะลุผ่านแผ่นป้ายกลมออกมา
เทพตำราลืมตาขึ้นทันทีเขาหวาดกลัวมาก
พลังของเทพกาลกิณีเรอะ?ไม่นะ!
เทพตำราสูญเสียความเยือกเย็นเขาจะไม่รู้ความน่ากลัวของพลังสุดยอดจากเทพกาลกิณีได้อย่างไร? เขาไม่เคยคิดเลยว่าพลังอันน่าสยดสยองนั้นจะทำอะไรซือหยูไม่ได้!