เมื่ออวี้หนานเฉิงรีบมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยบนเตียงยังไม่ฟื้น อวี้จิ่งซีลูกชายของตัวเองยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ เขาใส่ชุดนอนนั่งวาดรูปอยู่ข้างเตียง
ฉากนี้ทำให้อวี้หนานเฉิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
“จิ่งซี”
เมื่อได้ยินเสียง อวี้จิ่งซีหันศีรษะมา เมื่อเห็นอวี้หนานเฉิงสีหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายคงเล็กน้อย และยกรูปวาดในมือขึ้นมา
มันคือภาพวาดดินสอที่อวี้จิ่งซีใช้วาดบ่อยๆ เขาพูดไม่ได้ จึงทำให้รู้จักตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเจอเรื่องราวที่ซับซ้อนเขาจึงใช้วิธีวาดภาพมาอธิบายแทน
รูปแรกเป็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งป้อนข้าวเด็กน้อย เด็กน้อยดีใจมาก มุมปากของเด็กน้อยยิ้มขึ้น
รูปที่สองเป็นรูปผู้หญิงจูงมือเด็กน้อย ทั้งสองคนเดินออกประตูอย่างมีความสุข ที่ข้างศีรษะของทั้งสองคนมีรูปก้อนเมฆอยู่ และในก้อนเมฆนั้นมีปราสาทสวนสนุกอยู่
รูปที่สามคือแชนเดอเรียคริสทัลสีทองตกลงบนพื้น ผู้หญิงอุ้มเด็กน้อย มือข้างหนึ่งถูกแชนเดอเรียทับไว้ มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาเต็มไปหมด
“อืม……. ”อวี้จิ่งซีดึงอวี้หนานเฉิงไปข้างเตียงผู้ป่วย และชี้ไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง จากนั้นก็ชี้มาที่หญิงสาวบนรูปวาดของตัวเอง เพื่อบอกว่าเป็นคนเดียวกัน
อวี้หนานเฉิงลังเลครู่หนึ่งก่อนจะมองไปที่ผู้ป่วยบนเตียง หลังจากเห็นใบหน้าซีดเซียวนั้น สีหน้าของเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
เป็นเธอนี่เอง ?
ผู้หญิงคนนี้มีความกล้าที่จะสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยจิ่งซี ?
เมื่อคิดถึงทัศนคติของตัวเองที่ไม่ดีกับเธอก่อนหน้านี้ สีหน้าของอวี้หนานเฉิงก็ดูสับสนเล็กน้อย
อวี้จิ่งซีดูเหมือนยังอยากจะบอกอะไร แต่เมื่อเห็นเกาหย่าเหวินที่ตามมาข้างหลังอวี้หนานเฉิง สีหน้าก็ซีดขาว
ผละมือออกจากอวี้หนานเฉิง และมุดตัวไปอยู่ที่เตียงผู้ป่วย
“จิ่งซี มีอะไรหรือเปล่า ?”
อวี้หนานเฉิงไม่ได้รู้สึกถึงสายตาที่แปลกไปของเขา เพียงแต่คิดว่าเด็กน้อยกำลังบ่นเขาที่ไม่ได้พาไปเที่ยวสวนสนุกจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นน้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลงเล็กน้อย
“เรื่องในวันนี้คุณพ่อขอโทษนะครับ ต่อไปนี้พ่อจะทำทุกอย่างที่สัญญาไว้ ตกลงไหมครับ ?”
อวี้จิ่งซียังคงมีปฏิกิริยาต่อต้าน และไม่ยอมเข้าใกล้อวี้หนานเฉิง
“พ่อบ้าน”
อวี้หนานเฉิงทำอะไรไม่ถูก หันกลับไปเรียกพ่อบ้านที่อยู่หน้าประตู “พาจิ่งซีกลับบ้านก่อนเถอะ ดึกแล้ว เขาควรพักผ่อนได้แล้ว”
แต่อวี้จิ่งซีกลับส่ายหัวซ้ำๆ และกำผ้าปูที่นอนแน่นไม่ยอมปล่อย
อวี้หนานเฉิงไม่เข้าใจถึงถามไปว่า “จิ่งซี เป็นอะไร ?”
“ฉันจัดการเอง อาจจะเป็นเพราะวันนี้เจอเรื่องตกใจ”เสียงของเกาหย่าเหวินดังขึ้นมาจากข้างหลัง เธอคุกเข่าลงและลูบศีรษะของอวี้จิ่งซี
“จิ่งซีน้อย ไปกินข้าวเย็นด้วยกันกับป้าไหมคะ ?”
อวี้จิ่งซีตัวสั่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และรีบหลบเกาหย่าเหวิน วิ่งไปอยู่ข้างหลังอวี้หนานเฉิง และจับขาของเขาไว้แน่น
“น่าจะตกใจกลัว” เกาหย่าเหวินอธิบายอย่างใจเย็น จากนั้นก็ถอนหายใจ “หนานเฉิง ไม่อย่างนั้นเรื่องที่โรงพยาบาลนี้ก็ให้พ่อบ้านจัดการเถอะ ฉันจะไปส่งจิ่งซีกลับบ้านเป็นเพื่อนคุณก่อน ดึกมากแล้ว เด็กควรจะพักผ่อนได้แล้ว”
อวี้หนานเฉิงมองไปที่เซิ่งอันหรานที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็สั่ง ‘ให้โรงพยาบาลดูแลเธอดีๆ ’แล้วค่อยจากไป
หลังจากรอให้พี่เลี้ยงกล่อมอวี้จิ่งซีหลับแล้ว อวี้หนานเฉิงถึงออกมาจากห้องนอน ระหว่างคิ้วของเขามีความเย็นชาอยู่เล็กน้อย ราวกับว่ากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน
ภายในห้องนั่งเล่น เกาหย่าเหวินยังไม่กลับ
“จิ่งซีล่ะ ? หลับหรือยัง ?”
“อืม”อวี้หนานเฉิงพยักหน้า หลังจากเหลือบมองดูเวลา เขาก็พูดเบาๆว่า “ดึกมากแล้ว ให้คนขับรถไปส่งคุณกลับบ้านเถอะ”
“ไม่เป็นไร ฉันเรียกคนขับรถมารับฉันแล้ว”เกาหย่าเหวินเหลือบมองไปที่ห้องนอนบนชั้นสอง “เพียงแต่จิ่งซียังเล็กขนาดนี้ จะให้อยู่ข้างกายคุณตลอดก็คงจะไม่ใช่เรื่อง คุณเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้สิ ทำให้เขาตกใจหวาดกลัว ฉันว่าหาคนมาดูแลใกล้ๆเขาจะดีกว่า ที่คุณปู่พูดก็ถูกนะ”
อวี้หนานเฉิงเหลือบมองเธอ ราวกับว่ากำลังพิจารณาข้อเสนอนี้จริงๆ