ไม่กี่วันหลังจากวันนั้น เซิ่งเสี่ยวซิงก็แอบนัดหมายชายชรามาที่ร้านกาแฟโดยอ้างว่าจะออกไปซื้อไอศกรีม ทุกครั้งที่เธอกลับไป กระเป๋านักเรียนของเธอจะเต็มไปด้วยของต่างๆมากมาย
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เซิ่งอันหรานก็ได้ทำความสะอาดบ้านและกำจัดของเล่นแปลกๆออกไปมากมาย
“ซื้อสร้อยข้อมือเงือกน้อยนี้มาเมื่อไหร่?”
เซิ่งเสี่ยวซิงกำลังเล่นกับของเล่นชิ้นใหม่ที่อยู่บนเตียง สีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากของเธอ ก็ตอบกลับไปว่า “ซื้อไอศครีมแล้วได้แถมมา”
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว
“ร้านไอศครีมแถวนี้มีโปรโมชั่นเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
สงสัยก็สงสัย แต่เซิ่งเสี่ยวซิงนั้นค่อนข้างกล้าเป็นพิเศษ เธอไม่กังวลว่าจะทำอะไรแย่ๆ ก็แค่ของเล่นชิ้นเล็กๆไม่กี่ชิ้น ไม่สำคัญหรอก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก
“อ้อ ตอนบ่ายเดี๋ยวจะพาไปโรงเรียนอนุบาลที่อยู่บริเวณใกล้ๆนี้ ทำไมถึงให้หนูหาโรงเรียนใหม่ในตอนปิดเทอมฤดูร้อนด้วย อยู่บ้านตลอดเวลาเลยไม่ได้เหรอ? ”
ก่อนหน้านี้ที่คุยกับถานซูจิ้งเพื่อนของเธอ ตัวเธอเองเกือบลืมไปแล้ว และเธอจะต้องจัดการให้เซิ่งเสี่ยวซิงไปโรงเรียนให้ได้
เซิ่งเสี่ยวซิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ตกลง”
เมื่อตอนวันจันทร์เด็กนักเรียนที่อยู่ใกล้ๆนี้ต่างก็เข้าโรงเรียนกันแล้ว เซิ่งอันหรานเองก็พาเซิ่งเสี่ยวซิงไปดูโรงเรียนอนุบาลหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียงนี้ แต่ผลที่ได้ค่อนข้างไม่น่าพอใจ
สาเหตุหลักมาจากโรคหอบหืดของเซิ่งเสี่ยวซิง เซิ่งอันหรานให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ของโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่ แต่โรงเรียนอนุบาลทั่วไปในจีนมักไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก สถานพยาบาลส่วนใหญ่ไม่มีหมอที่สามารถให้ยาได้ เธอเพียงแค่ถามคำถามง่ายๆสองสามข้อ มีไม่กี่คนเองที่สามารถตอบเธอได้ เธอจึงกังวลกับสิ่งนี้เป็นอย่างมาก
“หม่าม้า หนูอยากกินอาหารญี่ปุ่น”
เมื่อเธอออกจากโรงเรียนอนุบาลเซิ่งเสี่ยวซิงก็ดึงแขนเสื้อของเซิ่งอันหรานและทำตัวเหมือนเด็กทารก มันทำให้ขจัดความกังวลมากมายที่อยู่ในหัวของเธอได้ในทันที
“โอเค วันนี้ไปทานอาหารญี่ปุ่นกัน”
เนื่องจากวันนี้เป็นวันจันทร์ คนในร้านขายอาหารญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยมีคนมากนัก
หลังจากมาถึง พนักงานเสิร์ฟก็จัดสถานที่เงียบสงบตรงริมหน้าต่างให้ ซึ่งคุณสามารถมองเห็นการจราจรที่พลุกพล่านในใจกลางเมืองได้ หลังจากสั่งอาหาร แม่และลูกสาวก็จ้องมองด้วยความงุนงง
“หม่าม้า หนูคิดว่าหม่าม้าไปทำง