ผูกรักท่านประธานพันล้าน – บทที่ 25 การ์ดเชิญงานหมั้น

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

เกาหย่าเหวินยิ้มออกมาบางๆ รอยยิ้มนั้น เป็นฝันร้ายที่มีไม่มากในความทรงจำวัยเด็กของอวี้จิ่งซี

“มา เอามือให้ป้า”

เธอยื่นมือออกมา นิ้วมือขาวมีสีทาเล็บสีชมพูอยู่ ตำแหน่งที่หุ้มด้วยเพชรส่งประกายเย็น เหมือนเป็นการเตือน เข้ามาในตาของอวี้จิ่งซี

เขายื่นมือตัวเองออกมาอย่างสั่นๆ หลังจากนั้นถูกเธอจับไว้แน่น จูงออกไป

“น่าจะกลัวหลังพวกเราแต่งงาน คุณก็จะไม่มีเวลาเล่นกับเขาแล้ว”

เกาหย่าเหวินจูงมืออวี้จิ่งซียืนอยู่ตรงหน้าอวี้หนานเฉิง สีหน้าอ่อนโยน แฝงไปด้วยความสงสาร “ฉันอธิบายให้เขาแล้ว หลังจากนี้ฉันจะถ่ายละครน้อยลง ดูแลเขาด้วยกันกับคุณ พาเขาไปสวนสนุก เมื่อกี้เขาสงบลงแล้ว”

เห็นอวี้จิ่งซีก้มหน้ามองต่ำ เหมือนกับสงบอารมณ์ได้แล้ว อวี้หนานเฉิงก็ไม่สงสัยเขา ถอนหายใจโล่งอก ในใจรู้สึกว่าเรื่องแต่งงานนี้ต้องทำให้เร็ว

วันศุกร์ เซิ่งอันหรานเลิกงานกลับบ้าน เอานิตยสารที่เป็นสมัครสมาชิกรายวันจากใต้ตึกอย่างเป็นกิจวัตร หลังจากเปิดประตู เปิดอ่านไปพลางเดินไปตรงโซฟา ซิงซิงน้อยวิ่งออกมาจากห้องนอน หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟา โชว์ทักษะการถักเชือกใหม่ที่เรียนมาให้เธอ

“โรงเรียนอนุบาลสองภาษาหลานเป่า?”

จู่ๆ เซิ่งอันหรานร้องออกมาอยากตกใจ มองนิตยสารหนาๆ ที่แนบอยู่ตรงกลางอย่างตะลึง

“หม่าม้า เป็นอะไรไป?”

ซิงซิงน้อยไม่ค่อยเข้าใจ เชือกที่ถักก็โยนไปข้างๆ เข้าไปใกล้

เซิ่งอันหรานเปิดเอกสารอย่างมือเท้าชา เทเอกสารออกมาจากด้านใน

“เอกสารแจ้งการเข้าเรียน?”

เสียงตกใจนี้ไม่ต่างจากเสียงเมื่อกี้เท่าไหร่

“อะไรเหรอ?” ซิงซิงน้อยรู้จักตัวหนังสือจำกัด ขมวดคิ้วทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ

“ค่าเรียนฟรีทั้งหมด?”

เสียงแหลมนี้เกือบทำให้บ้านถล่ม

“หม่าม้า!” ซิงซิงน้อยแคะหูอย่างไม่พอใจ “หม่าม้าทำหนูตกใจหมดแล้ว อะไรกัน!”

ใบหน้าเซิ่งอันหรานเต็มไปด้วยความเหลือเชื้อ พูดพึมพำ “ทำไมลูกถึงเข้าโรงเรียนอนุบาลหลานเป่าได้? ลูกรู้จักหลานเป่าไหม?”

ซิงซิงน้อยส่ายหน้าทันที

เซิ่งอันหรานลูบหัว จู่ๆ เหมือนได้เสียสติ พูดเองเออเอง

“ก็จริง ลูกจะรู้จักได้ยังไง”

เซิ่งอันหรานเติบโตมาในเมืองจินหลิง รู้จักโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นในเมืองจินหลิงอยู่ไม่น้อย หลานเป่านี้เป็นที่ผลาญเงิน ทันสมัยที่สุดในเมืองจินหลิง เป็นโรงเรียนอนุบาลต้นๆ ที่ทำให้คนธรรมดาทั่วไปไม่กล้าคิด

ได้ชื่อว่าเป็นแอร์เมสในหมู่โรงเรียนอนุบาล ชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูง

ค่าเทอมหนึ่งปีคือสี่แสน ยังไม่รู้กิจกรรม เสื้อผ้า อาหาร คิดรวมค่าใช้จ่ายต่างๆ 1 ปีหากไม่มีเงินล้านหนึ่งก็ไม่กล้าเหยียบเข้าประตูโรงเรียน

“โรงเรียนดีขนาดนี้ ให้หนูเข้าเรียนฟรี?”ซิงซิงน้อยกะพริบตาทั้งสอง ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน

“ที่สำคัญคือเราไม่ได้สมัคร พวกเขามีข้อมูลหนูได้ยังไง?”

เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติ “แม่บุญธรรมหนูเป็นคนทำเหรือเปล่า?”

ถานซูจิ้งมีเพื่อนเยอะ ก่อนหน้านี้ก็บอกให้ซิงซิงน้อยไปโรงเรียนอนุบาลซือลี่ที่ดีหน่อย ยังเคยพูดเรื่องค่าเรียนและค่าธรรมเนียม แต่เธอปฏิเสธไป หรือว่าจะทำเสร็จค่อยบอก?

คิดอยู่ เธอก็โทรไปหาถานซูจิ้ง ทางนั้นก็ตกใจเหมือนกัน

“หลานเป่า? ฉันจะกล้าทำเธอขนาดนี้เหรอ? พี่สาวมองฉันสูงเกินไปแล้ว หากฉันมีความสามารถยัดซิงซิงน้อยเข้าไป แต่เธอก็ไม่กล้าใช้เงินฉัน ฉันกลัวเป็นภาระเธอจ่ายค่าใช้จ่ายข้างในไม่ไหว ”

“…”

“อะไร? ค่าเรียน ค่ากิจกรรม ฟรีทั้งหมด? ฉันฟังไม่ผิดนะ ? เธอไปเจอโชคอะไรมา?”

ได้ยินเสียงอีกฝ่ายตกใจ เซิ่งอันหรานอดไม่ได้ที่จะเอามือถือออกห่างจากหู “โอเค ไม่ใช่เธอฉันวางสายก่อน ฉันคิดดูอีกที”

“อา ช่วงนี้เธอตกลูกคนรวยได้หรือเปล่า?”

ก่อนวางสาย อีกฝ่ายพูดแซวออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

กลับทำให้ในหัวเซิ่งอันหรานเหมือนมีเสียงดังขึ้น

หรือว่าจะเป็น?

มีความสามารถขนาดนี้มีเงินหนาขนาดนี้ และมีเหตุผลช่วยเธอ นอกจากคนนั้น ก็ไม่มีคนอื่นแล้ว

หลังจากสับสนอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็โทรหาหมายเลขนั้นในมือถือ

“ฮัลโหล? ประธานอวี้…ดึกขนาดนี้รบกวนคุณ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง”

นอกจากอวี้หนานเฉิง เธอก็คิดไม่ออกว่ารอบตัวเองมีใครใช้เงินเป็นหลายล้านแบบไม่ใส่ใจ แล้วจริงๆ

ในสายเสียงอวี้หนานเฉิงค่อนข้างเย็นชา “เรื่องอะไร?”

“อยากจะเสียมารยาทถามเล็กน้อย แต่ว่าฉันก็คิดไม่ถึงว่าเป็นใครแล้ว ก็อยากจะถาม ฉันเพิ่งได้รับเอกสารฉบับหนึ่งจากโรงเรียนอนุบาลสองภาษาหลานเป่า คุณเป็นคนช่วยใช่ไหม?”

“อืม”

“อืม?”

ปฏิกิริยาโต้ตอบนี้?

เซิ่งอันหรานมึนเล็กน้อย “ไม่ใช่? ทำไมกัน? ”

“คุณช่วยจิ่งซี เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ สมควรแล้ว”

“รางวัลตอบแทนนี้มากเกินไปแล้ว ฉันรับไม่ไหว”

“แต่สำหรับผมก็แค่โทรศัพท์ครั้งเดียว”

“แต่ว่า…”เซิ่งอันหรานไม่รู้จะอธิบายความกังวลในใจยังไง อ้อยอิ่งอยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่รู้จะพูดยังไง กลัวว่าไม่ระวังจะทำให้คนรู้สึกว่าตัวเองไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย

“คุณยังมีเรื่องอื่นไหม?”เสียงอวี้หนานเฉิงมีความหงุดหงิดเล็กน้อย

“ไม่…”

“งั้นผมยังมีงาน ขอวางสายก่อน”

อีกฝ่ายส่งเสียงสัญญาณไม่ว่าง เซิ่งอันหรานมองมือถือนิ่งๆ จู่ๆ ก็โมโห

ไม่ใช่ คุณจะช่วยคนก็ได้ แต่ถามความต้องการก่อนได้ไหม?

หากเป็นก่อนหน้านี้ที่สนใจอย่างโรงเรียนอนุบาลซือลี่ เรื่องรัฐต้องอนุมัติ เขายอมช่วยละก็ รอบนี้เธอคงขอบพระคุณเป็นอย่างสูง แต่ทำไมถึงเจาะจงต้องเป็นหลานเป่า? แม้ว่าเรื่องเงินเขาจะแก้ปัญหาแล้ว ในโรงเรียนเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมของคนรวยซิงซิงน้อยจะรับไหวไหม?

“คนอะไรกัน?” เซิ่งอันหรานหย่อนก้นลงนั่ง “เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงจัดการให้ลูกไปเรียนที่หลานเป่า? เขาเป็นเจ้าของหลานเป่าเหรอ?”

ซิงซิงน้อยแอบฟังโต้ๆ อยู่นาน ก็เข้าใจเรื่องราวเกือบหมด กำลังแอบดีใจ พูดอย่างภูมิใจ “ลุงอวี้ชอบหนูไง เห็นหนูน่ารักช่วยหนูจัดการโรงเรียน ไม่แน่ภายหลังกลายเป็นลูกสาวของเขาล่ะ! ช่วยลูกสาวผิดตรงไหน?”

“ลูกลองพูดเรื่องเหลวไหลอีกครั้ง!” เซิ่งอันหรานตีไปที่ก้นเธอ “ร้านอาหารญี่ปุ่นครั้งก่อนหม่าม้ายังไม่ได้คิดบัญชี ลูกอย่างเติมเชื้อเพลิงให้หม่าม้า หม่าม้ากำลังจิตใจห่อเหี่ยวอยู่นะ!”

เซิ่งเสี่ยวซิงเม้มปาก พูดพึมพำ “หนูไม่ได้พูดจาเหลวไหลนะ!”

หากตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ลุงอวี้คนนี้ใส่ใจหม่าม้าอยู่ ตามที่คุณปู่พูด ลุงอวี้ไม่เคยใส่ใจผู้หญิง การปฏิบัติที่แตกต่างอย่างนี้ ก็เป็นการงอกของความรักแล้ว!

เซิ่งเสี่ยวซิงจมอยู่ในความสุขที่ตัวเองทำสำเร็จ มองแม่ตัวเองที่ถอนหายใจสั้นบ้างยาวบ้าง ขมวดคิ้ว มีความรู้สึกหน้าตาเข้มงวดเล็กน้อย

หม่าม้า เมื่อไรหม่าม้าจะมีอนาคต ใส่ใจหน่อย ชีวิตคนหากไม่พยายาม จะกินอิ่มนอนอุ่นได้ยังไง จะเด่นกว่าผู้หญิงแต่งเข้าบ้านคนรวยได้ยังไง?

เซิ่งอันหรานกำลังหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ หงุดหงิดจนโยนเอกสารปึกหนึ่งบนโต๊ะ เสียงดัง”ปัง” ไม่ทันระวังดันนิตยสารกองนั้น เสียงปึงปังนับไม่ถ้วนหล่นอยู่บนพรม

มีสีแดงใหญ่ที่สะดุดตา ตรงหน้าเซิ่งอันหราน บินออกมาจากกองนิตยสาร ลงมาที่บนขาเซิ่งอันหรานพอดี

เมื่อกี้ดูเอกสารเข้าเรียนของเซิ่งอันหราน จึงไม่เห็นของสิ่งนี้

เซิ่งอันหรานก้มตัวไปเก็บขึ้นมา หลังจากดูเสร็จ คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น

เป็นการ์ดเชิญงานหมั้นใบหนึ่ง

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

Status: Ongoing
เซิ่งอันหรานถูกกพี่สาวต่างมารดาให้ร้าย ว่าเธอไปนอนค้างคืนกับชายแปลกหน้า และยังตั้งท้อง! เธอไปโรงพยาบาล แต่มีคนสั่งว่าให้รักษาชีวิตของเด็กเอาไว้ และไม่อนุญาตให้เธอทำแท้ง เธอตั้งครรภ์สิบเดือน ชีวิตเซิ่งอันหรานต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต แต่สุดท้ายเธอก็ได้แค่มองดูเด็กคนนั้นถูกอุ้มตัวไป ไม่กี่ปีต่อมาเซิ่งอันหรานเดินทางกลับจากต่างประเทศ ในขณะที่เซิ่งอันหรานกำลังจูงมือเด็กน้อยหน้าตาน่ารัก เธอก็บังเอิญได้พบกับชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นเดินเข้ามาคว้าแขนของเธอและพูดด้วยความโมโหว่า “คุณกล้าดียังไงที่ขโมยลูกของผมไป” เด็กน้อยผลักชายคนนั้นออกและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คุณไม่ได้รับอนุญาตให้มาแตะต้องตัวหม่าม้าของผม เธอเป็นของผม!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท