“อืม”
อวี้หนานเฉิงตอบรับออกมาอย่างแผ่วเบา สายตามองออกไปยังกระจกรถด้านนอก นัยต์ตาปรากฎให้เห็นถึงความประสบความสำเร็จ
เขาคิดวนไปมาตลอดทั้งคืน แล้วเขาก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเข้าใจอะไรบางอย่างได้ แต่ว่าก็ต้องใช้เวลาเพื่อที่จะมายืนยันอีกที เดิมทีนั้นก็คิดว่าทุกอย่างมันจะผ่านไปได้อย่างราบลื่น แต่หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานที่เซิ่งอันหรานตั้งใจที่จะหลบหน้าเขา เขาก็พบว่าเรื่องนี้ต้องหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลมาเพื่ออธิบาย
อวี้จิ่งซีนั้นก็อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะอย่างพอดี
หลังจากวันนั้น อวี้หนานเฉิงก็มักจะพาลูกชายมาเที่ยวเล่นที่บ้านของเซิ่งอันหราน เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะมารับเธอและเซิ่งเสี่ยวซิงมาเล่นที่วิลล่าของเขา บางครั้งก็จะหาสวนสาธารณะเพื่อนัดกันไปนั่งปิกนิกหรือไม่ก็พากันไปเดินเล่นในสนามเด็กเล่น หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็เริ่มสนิมสนมและเข้ากันได้ดี
เซิ่งอันหรานยอมรับว่าสิ่งที่ดึงดูดสองพ่อลูกคู่นี้ไว้ได้นั่นก็คือฝีมือการทำอาหารของตัวเธอเอง ช่วงเวลาปกติที่อยู่ด้วยกัน อวี้หนานเฉิงก็ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนงานฉลองครบรอบ 100 ปี จำนวนครั้งที่คนอื่นๆในบริษัทจะคัดค้านจนทำให้เสียหน้าระหว่างการประชุมนั้นก็น้อยลงมาก แต่ละคนก็ได้รับส่วนแบ่งกันอย่างยุติธรรม
——
“รอนานเลยนะครับ คุณเกา ”
ที่นั่งพิเศษในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มได้วางกระเป๋าเอกสารที่อยู่ในมือลงและนั่งลงตรงข้ามกับเกาหย่าเหวิน
เดิมทีเกาหย่าเหวินนั้นก็หมดความอดทนในการรอไปแล้ว หลังจากได้เจอผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าแล้ว สีหน้าของเธอก็ดูหงุดหงิดขึ้นไปอีก “นายคือนักสืบของเอกชนที่เจี๋ยเซินกล่าวถึงใช่ไหม?กู้เผยเซิน? ”
เมื่อเห็นเกาหย่าเหวินมีสีหน้าแววตาที่สงสัยอยู่ ชายผู้นั้นก็พยักหน้ารับ “ผมเองครับ”
เกาหย่าเหวินนั้นรู้สึกหงุดหงิด เมื่อเธอมองเขาแวบหนึ่ง เธอก็หยิบกระเป๋าถือที่วางอยู่ด้านข้างแล้วเตรียมจะเดินจากไป
“เจี๋ยเซินนี่ก็บ้าไปแล้ว ไปหานายมาจากไหนเนี่ย บรรลุนิติภาวะหรือยังก็ไม่รู้?ไม่รู้ว่าเป็นช่างแต่งหน้าของช่างกลุ่มไหนกัน เรื่องของฉันมันไม่ใช่ของเด็กๆเล่นนะ ”
ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นดูเหมือนเพิ่งจะ 20 ต้นๆ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ราวกับตุ๊กตา แม้ว่าจะไม่ใช่เพิ่งบรรลุนิติภาวะแต่ก็คงจะอายุไม่เกิน 25 ปีแน่นอน คนแบบนี้ใครเห็นก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นนักสืบของเอกชนที่มีชื่อเสียงที่สุดของจินหลิงได้
กู้เผยเซินนั่งอยู่ที่เดิมอย่างสุขุม ไม่มีท่าทีที่จะลุกขึ้นเลยสักนิด แล้วเอ่ยอย่างนิ่งๆว่า
“ถ้าคุณเกาไปแล้ว ผมก็จะลบข้อมูลที่ผมหามาทั้งหมดนั่นทิ้ง ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าผมจะเปิดเผยอะไรออกไป เพราะนี่คือจรรยาบรรณในวิชาชีพของผม”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เกาหย่าเหวินก็ได้หยุดอยู่ที่เดิม แล้วขมวดคิ้วมองมายังเขา“นายสืบหาอะไรมาได้?”
“คุณไม่อยากที่จะฟังแล้วไม่ใช่หรอ?”
เกาหย่าเหวินขมวดคิ้ว ในที่สุดก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“พูดมา นายไปสืบค้นอะไรมาได้ ถ้าเกิดไปสืบค้นอะไรที่มีประโยชน์มาหล่ะก็ ฉันถึงจะเชื่อมั่นว่านายมีความสามารถที่จะทำงานให้ฉันได้”
กู้เผยเซินหยิบเอกสารออกมาอย่างใจเย็น นิ้วยาวเรียววางลงบนซองเอกสารแล้วค่อยๆยื่นไปตรงหน้าเธอ
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่คุณเกาต้องการรู้ครับ ผมได้สืบค้นประวัติผู้หญิงที่ชื่อเซิ่งอันหรานและลูกสาวของเธอมาแล้ว เมื่อ 6 ปีก่อนหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเซิ่งอันหรานคืนนั้น นั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆก่อนที่เธอจะไปทางประเทศ ”
“เมื่อ 6 ปีก่อน ” เกาหย่าเหวินมองวันที่ในเอกสาร แล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วเป็นปมแน่น “ทำไมถึงเป็นคืนนั้น?”
“แม้ว่าคุณเกาจะยังไม่ชัดเจนว่าต้องการให้สืบหาอะไร แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าคุณต้องสนใจเป็นอย่างมาก คืนนั้นเซิ่งอันหรานถูกคนลอบวางยา แล้วก็ไม่ได้ไปที่ห้องตามที่เซิ่งอันเหยาพี่สาวของเธอจัดการเอาไว้ แต่เธอถูกคนพาตัวไป แล้วในคืนวันนั้นอวี้หนานเฉิงก็ได้อยู่ที่โรงแรมนั้นด้วย”
“นายหมายความว่าอะไร”
“ผมคิดว่ามันมีเหตุผลเพียงพอที่จะสงสัยว่าผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แทนที่อวี้หนานเฉิงตามหาในปีนั้น นั่นก็คือเซิ่งอันหรานครับ”
เกาหย่าเหวินถึงกลับมีสีหน้าซีดขาว มือที่ถือเอกสารอยู่นั้นสั่นเทา
ทำไมเรื่องมันถึงบังเอิญได้ขนาดนี้?
ตอนแรกเธอนั้นได้สืบค้นหาประวัติของอวี้จิ่งซี มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะหาข้อมูลได้อย่างชัดเจนว่านั่นเป็นการตั้งครรภ์แทน ถึงแม้ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์แทนแต่อวี้หนานเฉิงก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นแล้วด้วย เธอจึงวางใจมาอยู่หลายปี แต่ตอนนี้กลับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีโอกาสเป็นเซิ่งอันหรานได้สูงมาก
คุณหนูคนรองของตระกูลเซิ่ง จะไปทำเรื่องตั้งครรภ์แทนพวกนี้ทำไมกัน?
“ไม่มีทาง” เกาหย่าเหวินยังไม่ยอมรับในข้อสงสัยนี้ “เธอเป็นถึงลูกสาวคนรองของตระกูลเซิ่ง สิ่งของอะไรก็ไม่เคยขาดมือ ทำไมถึงมาทำเรื่องแบบนี้ได้?”
“คุณเกาลองนึกตาม คืนนั้นเซิ่งอันหรานถูกพี่สาวของเธอวางยา ความผิดพลาดที่เกิดจากการไม่ได้ตั้งใจ มีอะไรที่จะเป็นไปไม่ได้?ผมบอกคุณได้เพียงแค่ทิศทางความน่าจะเป็นในตอนนี้เท่านั้น ถ้าคุณไม่เชื่อหล่ะก็ งานของผมก็จะหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ต้องสืบหาอะไรแล้ว ”
กู้เผยเซินมองไปยังเกาหย่าเหวินด้วยสายตาที่ดูเหยียดหยามเล็กน้อย
เกาหย่าเหวินทำหน้าหงุดหงิดและกำมือแน่น
“สือหาต่อ ใครบอกไม่ต้องสืบหาแล้ว ฉันต้องการรู้เรื่องนี้ให้ชัดเจนที่สุด”
“ครับ อย่างนั้นขั้นตอนต่อไปผมจะไปสืบหาเรื่องราวจากพ่อบ้านคนเก่าของตระกูลอวี้ เรื่องการตั้งครรภ์แทนคงน่าจะเป็นความรับผิดชอบของเขา ถ้าผมสืบหาเรื่องอะไรได้แล้วผมจะติดต่อคุณไปนะครับ”
กู้เผยเซินมองเอกสารที่อยู่ในมือของเกาหย่าเหวิน
“อันนี้คุณเก็บเอาไว้ดูก็แล้วกัน มีอะไรสงสัยติดต่อผมมาได้ตลอดเวลา อ่อจริงด้วย คุณเกาครับการตัดสินคนจากภายนอกนั้นไม่ใช่นิสัยที่ดีเลยนะครับ การทำงานของนักสืบเอกชนนั้นต้องอาศัยความฉลาดหลักแหลม ไม่ใช่อายุนะครับ”
เมื่อพูดจบกู้เผยเซินก็ลุกขึ้นและขอตัวลา ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นแอบแฝงไปด้วยความหยิ่งยโส
ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่การสืบหาอวี้หนานเฉิง เขาก็ไม่อยากจะรับงานนี้หรอก ดาราสาวคนนี้นั้นมีสองหน้าอย่างแท้จริง เกาหย่าเหวินคนนี้ช่างทำให้คนรำคาญได้เสียจริง
เมื่อเดินออกจากร้านกาแฟแล้ว กู้เผยเซินก็ใช้มือป้องที่หน้าผากแล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ช่วงนี้อากาศดีจริงๆสมแล้วที่จะได้พบกับโอกาสเหมาะแบบนี้
——
“ไปซุปเปอร์มาร์ตเก็ตซื้อผักกัน คืนนี้กินหม้อไฟกันดีไหมคะ? ”
เพิ่งจะรับเด็กทั้งสองคนเสร็จ เซิ่งอันหรานที่นั่งในรถก็ถามกับอวี้หนานเฉิงขึ้นมา
“ได้”
เซิ่งอันหรานพยักหน้า เมื่อเลยสัญญาณไฟจราจรมาแล้วเธอก็บอกให้พ่อบ้านเลี้ยวขวา “ห้างคาร์ฟูร์อยู่ตรงนั้นค่ะ”
ทั้งสองคนได้พาเด็กทั้งสองเข้าไปเดินในซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย ตั้งใจเพียงแค่จะเดินไปทางโซนพวกผักสดและอาหารสด แต่ว่าเซิ่งเสี่ยวซิงนั้นไม่พอใจอย่างแน่นอน เธอได้ลากอวี้จิ่งซีเพื่อเดินไปทางขนมขบเคี้ยว
“เอ้ย จะไปไหนกัน?”
“เดี๋ยวผมเดินตามไปดู” อวี้หนานเฉิงหมุนตัวเดินตามไป
เซิ่งอันหรานไม่มีทางเลี่ยง เธอเพียงแค่เข็นรถเข็นไปเลือกซื้อผักของเธอ
อวี้หนานเซิ่งเข็นรถเข็นคันเล็กอันใหม่เดินตามหลังเด็กทั้งสองคน
เซิ่งเสี่ยวซิงหยิบช็อกโกแลตขึ้นมาหนึ่งกล่องก่อนและลองหันไปมองยังเขา ดวงตาโตคู่นั้นกะพริบตาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“ปกติแล้วหม่าม้าไม่ชอบให้หนูกินช็อกโกแลตเยอะ อันนี้เป็นอันที่หนูกับพี่จิ่งซีชอบกิน ที่นี่มีขายด้วย เย้!”
อวี้หนานเฉิงก็เอื้อมมือไปหยิบช็อกโกแลตทุกรสทั้งหมดออกมาจากชั้นวาง “อย่างนั้นก็ซื้อ”
ท่าทางแบบนี้มันคือคนรวยตามที่เขาเล่าต่อกันมานี่หน่า!
เซิ่งเสี่ยวซิงตาลุกวาวเป็นประกาย และกระโดดอย่างมีความสุข
“ลุงอวี้จงเจริญ!”
อวี้จิ่งซิงยิ้มแล้วชำเลืองมองไปยังเธอแล้วชี้ว่าข้างหน้านั้นยังมีอีก
เมื่อเด็กทั้งสองซื้อของเสร็จแล้ว ก็ได้มาพบกับเซิ่งอันหรานแถวบริเวณจ่ายเงิน รถเข็นคันเล็กนั้นที่มีขนมกองกันกลายเป็นภูเขาเล็กๆ
เซิ่งอันหรานถึงกับตกตะลึง
“แม่เจ้า นี่พวกหนูซื้ออะไรกันเนี่ย?นี่กะจะกินไปถึงไหนกัน?เซิ่งเสี่ยวซิง หนู……”
“ไม่ใช่หนูนะ” เซิ่งเสี่ยวซิงทำท่าโบกมือ
“ไม่ใช่เราแล้วจะเป็นใคร”
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว “ไม่ใช่จิ่งซีแน่ เขากินแทบจะไม่กินขนมขบเคี้ยวเลยด้วยซ้ำ”
พูดเสร็จ เธอก็เอามือไปบิดที่หูของเซิ่งเสี่ยวซิง ทำให้เธอตกใจแล้วรีบหลบเข้าไปกอดขาอวี้หนานเฉิงทางด้านหลัง แล้วพูด‘ลุงอวี้ช่วยด้วย’อยู่ตลอดเวลา
อวี้หนานเฉิงบังเซิ่งเสียวซิงไว้อยู่ด้านหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ เสียงทุ้มดังขึ้นจนหยุดการกระทำของเซิ่งอันหราน
“ผมอยากซื้อเองครับ”