คำพูดนี้ของเซิ่งอันหรานทำให้คนสนใจ อยากเข้าเว็บไป่ตู้เพื่อไปค้นหา
และอวี้หนานเฉิงก็ไม่ใช่พวกเรื่องมาก พูดออกมาตรงๆ
“ทรัพย์สินของตระกูลเซิ่ง อันหรานไม่ได้สนใจ หากเพื่อเหตุนี้คุณถึงกับหาเรื่องละก็ ผมก็ไม่ถือสาที่จะเข้าไปคุยกับพ่ออันหรานด้วยตัวเอง ผมคิดว่าคุณเซิ่งเหล่าคงไม่รู้ว่าลูกสาวทำตัวโอหังอวดดี กำเริบเสิบสานอยู่ข้างนอกแบบนี้ รังแกน้องสาวที่ไร้เดียงสาแบบนี้”
มีอวี้หนานเฉิงอยู่ด้วย ความคิดเห็นของทุกคนเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา คนที่รู้ความจริงก่อนหน้านี้ก็เริ่มกล้าพูดขึ้น
“ฉันได้ยินมาว่า คุณท่านตระกูลเซิ่งกับภรรยาตอนนี้เป็นการแต่งรอบที่ 2 มีลูกสาวคนหนึ่งกับภรรยาคนก่อน น่าจะเป็นเธอนะ”
“เหมือนจะมีเรื่องแบบนี้อยู่ ดังนั้นเซิ่งอันเหยาถึงเป็นลูกนอกสมรสคนนั้น”
“เป็นแบบนั้นแน่ ๆ ภรรยาคนก่อนคนนั้นไม่เคยออกงาน ทุกคนเลยไม่รู้จัก แต่ก็เห็นคุณท่านตระกูลเซิ่งดูแลปกป้องลูกสาวคนนี้อย่างดี”
เซิ่งอันเหยาโกรธจนตัวสั่น สร้างภาพเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริงมาหลายปีอย่างยากลำบาก โดนทำลายไม่เหลือซาก แฟนหนุ่มที่ยืนข้างๆ เธอมาตลอด จู่ ๆ ก็หมุนตัวจากไป เธอกระทืบเท้าเรียก“ไป๋เฮ่า นายไปไหน?”รีบหมุนตัวตามไป
เซิ่งอันเหยาไปแล้ว เหลือเฉียวเจ๋อกับหลีเย่ว์ตัวเอกในงาน
พ่อแม่ของตระกูลเฉียวทราบข่าวก็รีบมา ตอนเห็นเซิ่งอันหรานก็อึ้งไป แต่เพราะผ่านเหตุการณ์มาเยอะ หลังจากที่ได้สติก็ขอโทษอวี้หนานเฉิงกับเซิ่งอันหรานทั้งสองคน แม่เฉียวดึงแขนเสื้อเฉียวเจ๋อ ถลึงตาให้เขา
“ยังไม่ขอโทษประธานอวี้อีก? ลูกดูพวกลูกก่อเรื่อง”
เฉียวเจ๋อขมวดคิ้วไปทางอวี้หนานเฉิง พูด’ขอโทษ’ออกมาอย่างไม่เต็มใจ
ปฏิกิริยาหลีเย่ว์กลับเร็วมาก เห็นลมเปลี่ยนทิศทาง เปลี่ยนหน้าเร็วกว่าละครงิ้วอีก รอยยิ้มเต็มใบหน้า ดึงมือเซิ่งอันหรานอย่างสนิทสนม
“เมื่อกี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด อันหรานเธอกับประธานอวี้เป็นแขกผู้มีเกียรติ อย่าถือสา ด้วยเหตุนี้เพื่อปัดเรื่องไม่ดีไป ช่วยพวกเราเปิดแชมเปญนะ”
“ใช่ๆ ใช่ เปิดแชมเปญปลอบขวัญ” พ่อเฉียวพยักหน้าตาม
แขกที่ดูเรื่องสนุกรอบๆ แยกตัวไปแล้ว แต่ในใจคิดอะไรอยู่ ไม่มีใครรู้ เพียงแต่หลังจากเรื่องโวยวายนี้ เซิ่งอันหรานเข้าใจดี ตัวเองที่มีฐานะเป็นคู่หมั้นอวี้หนานเฉิงกลัวว่าจะแพร่ออกไป
“สร้างความลำบากให้คุณแล้ว เรื่องนี้จัดการยุ่งยากในภายหลังหรือเปล่า?”
หลังเปิดแชมเปญ เซิ่งอันหรานกับอวี้หนานเฉิงเดินอยู่ในงานเลี้ยง ถามเสียงเบากับเรื่องรับมือข่าวลือหลังจากนี้กับเขา
อวี้หนานเฉิงหน้านิ่ง เหมือนไม่ได้สนใจสักนิด
“ไม่ต้องสน”
เซิ่งอันหรานเลยเข้าใจไปเองว่าอวี้หนานเฉิงบอกให้เธอไม่ต้องยุ่ง มีคนจัดการให้เอง เลยพยักหน้า เปลี่ยนเรื่องคุย ถามว่า
“จริงด้วย คุณมาที่นี่ได้ยังไง? คุณควรไปสวนป่าไม้ไม่ใช่เหรอ?”
“ขอให้เพื่อนคุณพาเด็กทั้งสองกลับแล้ว ได้ยินว่าคุณมาร่วมงานหมั้นของแฟนเก่า ดังนั้นเลยสงสัย”
“สงสัย?” เซิ่งอันหรานชะงัก
“สงสัยว่าคุณร้องไห้ขึ้นมาจะเป็นยังไง”
“ร้องไห้ ฉันจะร้องไห้ได้ยังไง?” เซิ่งอันหรานเม้มปาก “เป็นอดีตไปแล้ว คุณคงไม่ได้นึกว่าฉันมานี้เพื่อดื่มเหล้าจนเมาแล้วโวยวายในงานหมั้นหรอกนะ?”
“หากคุณมีความสามารถแบบนั้นละก็ ซิงซิงน้อยกับจิ่งซีน้อยคงไม่ต้องข่มขู่ผมให้มาหรอก”
เซิ่งอันหรานนิ่งไป พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “งั้นเป็นซิงซิงน้อยกับจิ่งซีที่ให้คุณมา”
“อืม”
นอกจากอึดอัดใจ เซิ่งอันหรานยังผิดหวังเล็กน้อย
เธอรู้ดีว่าอวี้จิ่งซีชอบตัวเองมาก เซิ่งเสี่ยวซิงแทบอยากจะเอาตัวเองไปมัดรวมกับอวี้หนานเฉิง ดังนั้นเด็กทั้งสองถึงมีความคิดบ้าๆ ออกมา
ที่เธอผิดหวังก็คือ เรื่องมาหาตัวเอง อวี้หนานเฉิง เขาไม่ได้อยากมาเองสักนิดเลยหรือ?
กำลังคิดอยู่ ได้ยินเสียงอวี้หนานเฉิงดังมาจากข้างหู แฝงความล้อเล่นอยู่
“อีกอย่าง เทียบกับเก็บใบไม้วาดรูปทำการบ้านที่สวนป่าไม้กับจิ่งซี ผมสนใจอยากรู้ว่าคุณวางแผนอะไรอยู่ในใจกันแน่ บุกเดี่ยวมาร่วมงานหมั้นของแฟนเก่าที่นอกใจกับเพื่อนสนิทที่จอมปลอม”
“นี่” เซิ่งอันหรานอายจนโกรธ ผลักแขนเขาไปหนึ่งครั้ง “คุณอย่าเอาเรื่องที่ไม่ควรพูดมาพูด”
วันนี้หากไม่ได้เขาช่วยกู้หน้าให้ คงต้องพังไม่เป็นท่าแน่ๆ
“ฉันจะรู้ได้ไงเซิ่งอันเหยาอยู่ในงานด้วย รับมือไม่ทัน”
“คุณกลัวเธอ?”
“ใครกลัวเธอ?” เซิ่งอันหรานถลึงตาโต ทำท่าเหมือนไม่ยอม ถลึงตาให้อวี้หนานเฉิงอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆเหมือนคิดอะไรได้ ถามด้วยความสงสัย “คุณรู้ได้ยังไงว่าเซิ่งอันเหยาเป็นพี่สาวของฉัน?”
อวี้หนานเฉิงมองต่ำลงเล็กน้อย ทำหน้าปกติ “สามารถรับส่งลูกชายผมไปเรียน ปกติคนที่สนิทกับเขา คุณรู้สึกว่าผมควรสืบประวัติเบื้องหลังของเธอว่าเป็นยังไงไหม?”
เซิ่งอันหรานหน้าเจื่อน ไอแห้งออกมา กลับไม่รู้จะตอบยังไง
อวี้หนานเฉิงกลับก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว
“คุณรู้สึกว่าผมไม่สงสัยลูกสาวคนรองของตระกูลเซิ่งผู้สง่า ปลอมแปลงประวัติตัวเองเข้ามาเป็นผู้จัดการในเครือโรงแรมของบริษัท มีจุดประสงค์อะไร ให้ความเชื่อมั่นกับคุณมากพอหรือยัง?”
“ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น” เซิ่งอันหรานส่ายหน้าทันที “แค่มาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น”
อวี้หนานเฉิงประเมินเธอ เหมือนคิดอะไรอยู่ สักพักจู่ ๆ ก็ยกมือขึ้น คล้องปอยผมที่ตกที่หน้าผากเธอไปหลังหู ก้มตัวลงช้าๆ พูดเสียงเบา
“ผมรู้”
เซิ่งอันหรานหน้าแดงทันที
เฉียวเจ๋อมองภาพกุ๊กกิ๊กทั้งหมดอยู่ในสายตาจากที่ไกลๆ มองรอยยิ้มสวยงามของเซิ่งอันหราน ท่าทางทั้งสองคนที่สนิทสนมกัน กำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจ ตอนนั้นหากตัวเองไม่เกิดอารมณ์ชั่ววูบ วันนี้คงเป็นงานหมั้นของตัวเองกับผู้หญิงคนนี้
หลีเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ กำลังพูดถึงเฉียวเจ๋อกับเพื่อนสาว หันกลับมาเห็นน่าเศร้าของเฉียวเจ๋อ มองตามสายตาเขาไปเห็นเซิ่งอันหรานที่อยู่ที่ไกลๆ รอยยิ้มบนหน้าเธอค่อยๆหายไป
เธอพยายามขนาดนี้มาหลายปี ก็ยังทำให้เฉียวเจ๋อลืมเซิ่งอันหรานอย่างสนิทใจไม่ได้
“หลีเย่ว์คิดอะไรอยู่?”
เสียงเพื่อนสาวลากความคิดเธอกลับมา
หลีเย่ว์จ้องแก้วเหล้าในมืออยู่สักพัก จู่ ๆ เงยหน้ามา พูดนิ่งๆ
“ลีน่า ช่วยฉันเรื่องหนึ่ง”
ในงานเลี้ยง อวี้หนานเฉิงได้รับสายจากพ่อบ้านกลางคัน เดินไปที่ระเบียงตามลำพัง ทิ้งเซิ่งอันหรานยืนกินด้วยความเบื่อหน่ายอยู่กับที่คนเดียว
“อันหราน”
เงยหน้าขึ้น เห็นรูมเมทตอนมหาวิทยาลัยสองคนและหนุ่มแปลกหน้าสองคนตรงหน้าตัวเอง หนึ่งในนั้นเป็นรูมเมทผมสั้นทักทายเธออย่างกระตือรือร้น
“อันหราน พวกเราไม่เจอกันนาน เธอสวยกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย”
“ขอบคุณ” เซิ่งอันหรานยิ้มอย่างมีมารยาท ตอนนั้นเธอแค่พักอยู่กับพวกเธอแค่ปีเดียว ดังนั้นไม่ถือว่าสนิท เพียงแต่ฝืนเรียกชื่อออกมาเท่านั้น
หลังจากทักทายสองคำ มีคนเสนอ
“ไม่เจอกันนานขนาด ควรดื่มกันสักแก้ว”
นี่ไม่เป็นปัญหาอะไร เซิ่งอันหรานยกแก้วเหล้าดื่ม แต่ยังไม่ทันวางแก้วนี้ รูมเมทอีกคนก็ยกแก้วขึ้นมา
“ยังมีฉัน ยังมีฉัน อันหราน ตอนนั้นฉันนอนอยู่ชั้นล่างตรงข้ามเธอ เธอจำได้ไหม? มาๆ มา”
ระหว่างที่พูด เธอก็ดื่มหมดแก้ว“แก้วนี้เธอต้องดื่มนะ”
“จำได้”เซิ่งอันหรานพยักหน้า ทำได้เพียงดื่มเป็นเพื่อนเธออีกหนึ่งแก้ว