ผูกรักท่านประธานพันล้าน – บทที่ 55 ฉันจะร้องไห้ได้ยังไง

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

คำพูดนี้ของเซิ่งอันหรานทำให้คนสนใจ อยากเข้าเว็บไป่ตู้เพื่อไปค้นหา

และอวี้หนานเฉิงก็ไม่ใช่พวกเรื่องมาก พูดออกมาตรงๆ

“ทรัพย์สินของตระกูลเซิ่ง อันหรานไม่ได้สนใจ หากเพื่อเหตุนี้คุณถึงกับหาเรื่องละก็ ผมก็ไม่ถือสาที่จะเข้าไปคุยกับพ่ออันหรานด้วยตัวเอง ผมคิดว่าคุณเซิ่งเหล่าคงไม่รู้ว่าลูกสาวทำตัวโอหังอวดดี กำเริบเสิบสานอยู่ข้างนอกแบบนี้ รังแกน้องสาวที่ไร้เดียงสาแบบนี้”

มีอวี้หนานเฉิงอยู่ด้วย ความคิดเห็นของทุกคนเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา คนที่รู้ความจริงก่อนหน้านี้ก็เริ่มกล้าพูดขึ้น

“ฉันได้ยินมาว่า คุณท่านตระกูลเซิ่งกับภรรยาตอนนี้เป็นการแต่งรอบที่ 2 มีลูกสาวคนหนึ่งกับภรรยาคนก่อน น่าจะเป็นเธอนะ”

“เหมือนจะมีเรื่องแบบนี้อยู่ ดังนั้นเซิ่งอันเหยาถึงเป็นลูกนอกสมรสคนนั้น”

“เป็นแบบนั้นแน่ ๆ ภรรยาคนก่อนคนนั้นไม่เคยออกงาน ทุกคนเลยไม่รู้จัก แต่ก็เห็นคุณท่านตระกูลเซิ่งดูแลปกป้องลูกสาวคนนี้อย่างดี”

เซิ่งอันเหยาโกรธจนตัวสั่น สร้างภาพเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริงมาหลายปีอย่างยากลำบาก โดนทำลายไม่เหลือซาก แฟนหนุ่มที่ยืนข้างๆ เธอมาตลอด จู่ ๆ ก็หมุนตัวจากไป เธอกระทืบเท้าเรียก“ไป๋เฮ่า นายไปไหน?”รีบหมุนตัวตามไป

เซิ่งอันเหยาไปแล้ว เหลือเฉียวเจ๋อกับหลีเย่ว์ตัวเอกในงาน

พ่อแม่ของตระกูลเฉียวทราบข่าวก็รีบมา ตอนเห็นเซิ่งอันหรานก็อึ้งไป แต่เพราะผ่านเหตุการณ์มาเยอะ หลังจากที่ได้สติก็ขอโทษอวี้หนานเฉิงกับเซิ่งอันหรานทั้งสองคน แม่เฉียวดึงแขนเสื้อเฉียวเจ๋อ ถลึงตาให้เขา

“ยังไม่ขอโทษประธานอวี้อีก? ลูกดูพวกลูกก่อเรื่อง”

เฉียวเจ๋อขมวดคิ้วไปทางอวี้หนานเฉิง พูด’ขอโทษ’ออกมาอย่างไม่เต็มใจ

ปฏิกิริยาหลีเย่ว์กลับเร็วมาก เห็นลมเปลี่ยนทิศทาง เปลี่ยนหน้าเร็วกว่าละครงิ้วอีก รอยยิ้มเต็มใบหน้า ดึงมือเซิ่งอันหรานอย่างสนิทสนม

“เมื่อกี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด อันหรานเธอกับประธานอวี้เป็นแขกผู้มีเกียรติ อย่าถือสา ด้วยเหตุนี้เพื่อปัดเรื่องไม่ดีไป ช่วยพวกเราเปิดแชมเปญนะ”

“ใช่ๆ ใช่ เปิดแชมเปญปลอบขวัญ” พ่อเฉียวพยักหน้าตาม

แขกที่ดูเรื่องสนุกรอบๆ แยกตัวไปแล้ว แต่ในใจคิดอะไรอยู่ ไม่มีใครรู้ เพียงแต่หลังจากเรื่องโวยวายนี้ เซิ่งอันหรานเข้าใจดี ตัวเองที่มีฐานะเป็นคู่หมั้นอวี้หนานเฉิงกลัวว่าจะแพร่ออกไป

“สร้างความลำบากให้คุณแล้ว เรื่องนี้จัดการยุ่งยากในภายหลังหรือเปล่า?”

หลังเปิดแชมเปญ เซิ่งอันหรานกับอวี้หนานเฉิงเดินอยู่ในงานเลี้ยง ถามเสียงเบากับเรื่องรับมือข่าวลือหลังจากนี้กับเขา

อวี้หนานเฉิงหน้านิ่ง เหมือนไม่ได้สนใจสักนิด

“ไม่ต้องสน”

เซิ่งอันหรานเลยเข้าใจไปเองว่าอวี้หนานเฉิงบอกให้เธอไม่ต้องยุ่ง มีคนจัดการให้เอง เลยพยักหน้า เปลี่ยนเรื่องคุย ถามว่า

“จริงด้วย คุณมาที่นี่ได้ยังไง? คุณควรไปสวนป่าไม้ไม่ใช่เหรอ?”

“ขอให้เพื่อนคุณพาเด็กทั้งสองกลับแล้ว ได้ยินว่าคุณมาร่วมงานหมั้นของแฟนเก่า ดังนั้นเลยสงสัย”

“สงสัย?” เซิ่งอันหรานชะงัก

“สงสัยว่าคุณร้องไห้ขึ้นมาจะเป็นยังไง”

“ร้องไห้ ฉันจะร้องไห้ได้ยังไง?” เซิ่งอันหรานเม้มปาก “เป็นอดีตไปแล้ว คุณคงไม่ได้นึกว่าฉันมานี้เพื่อดื่มเหล้าจนเมาแล้วโวยวายในงานหมั้นหรอกนะ?”

“หากคุณมีความสามารถแบบนั้นละก็ ซิงซิงน้อยกับจิ่งซีน้อยคงไม่ต้องข่มขู่ผมให้มาหรอก”

เซิ่งอันหรานนิ่งไป พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “งั้นเป็นซิงซิงน้อยกับจิ่งซีที่ให้คุณมา”

“อืม”

นอกจากอึดอัดใจ เซิ่งอันหรานยังผิดหวังเล็กน้อย

เธอรู้ดีว่าอวี้จิ่งซีชอบตัวเองมาก เซิ่งเสี่ยวซิงแทบอยากจะเอาตัวเองไปมัดรวมกับอวี้หนานเฉิง ดังนั้นเด็กทั้งสองถึงมีความคิดบ้าๆ ออกมา

ที่เธอผิดหวังก็คือ เรื่องมาหาตัวเอง อวี้หนานเฉิง เขาไม่ได้อยากมาเองสักนิดเลยหรือ?

กำลังคิดอยู่ ได้ยินเสียงอวี้หนานเฉิงดังมาจากข้างหู แฝงความล้อเล่นอยู่

“อีกอย่าง เทียบกับเก็บใบไม้วาดรูปทำการบ้านที่สวนป่าไม้กับจิ่งซี ผมสนใจอยากรู้ว่าคุณวางแผนอะไรอยู่ในใจกันแน่ บุกเดี่ยวมาร่วมงานหมั้นของแฟนเก่าที่นอกใจกับเพื่อนสนิทที่จอมปลอม”

“นี่” เซิ่งอันหรานอายจนโกรธ ผลักแขนเขาไปหนึ่งครั้ง “คุณอย่าเอาเรื่องที่ไม่ควรพูดมาพูด”

วันนี้หากไม่ได้เขาช่วยกู้หน้าให้ คงต้องพังไม่เป็นท่าแน่ๆ

“ฉันจะรู้ได้ไงเซิ่งอันเหยาอยู่ในงานด้วย รับมือไม่ทัน”

“คุณกลัวเธอ?”

“ใครกลัวเธอ?” เซิ่งอันหรานถลึงตาโต ทำท่าเหมือนไม่ยอม ถลึงตาให้อวี้หนานเฉิงอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆเหมือนคิดอะไรได้ ถามด้วยความสงสัย “คุณรู้ได้ยังไงว่าเซิ่งอันเหยาเป็นพี่สาวของฉัน?”

อวี้หนานเฉิงมองต่ำลงเล็กน้อย ทำหน้าปกติ “สามารถรับส่งลูกชายผมไปเรียน ปกติคนที่สนิทกับเขา คุณรู้สึกว่าผมควรสืบประวัติเบื้องหลังของเธอว่าเป็นยังไงไหม?”

เซิ่งอันหรานหน้าเจื่อน ไอแห้งออกมา กลับไม่รู้จะตอบยังไง

อวี้หนานเฉิงกลับก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว

“คุณรู้สึกว่าผมไม่สงสัยลูกสาวคนรองของตระกูลเซิ่งผู้สง่า ปลอมแปลงประวัติตัวเองเข้ามาเป็นผู้จัดการในเครือโรงแรมของบริษัท มีจุดประสงค์อะไร ให้ความเชื่อมั่นกับคุณมากพอหรือยัง?”

“ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น” เซิ่งอันหรานส่ายหน้าทันที “แค่มาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น”

อวี้หนานเฉิงประเมินเธอ เหมือนคิดอะไรอยู่ สักพักจู่ ๆ ก็ยกมือขึ้น คล้องปอยผมที่ตกที่หน้าผากเธอไปหลังหู ก้มตัวลงช้าๆ พูดเสียงเบา

“ผมรู้”

เซิ่งอันหรานหน้าแดงทันที

เฉียวเจ๋อมองภาพกุ๊กกิ๊กทั้งหมดอยู่ในสายตาจากที่ไกลๆ มองรอยยิ้มสวยงามของเซิ่งอันหราน ท่าทางทั้งสองคนที่สนิทสนมกัน กำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจ ตอนนั้นหากตัวเองไม่เกิดอารมณ์ชั่ววูบ วันนี้คงเป็นงานหมั้นของตัวเองกับผู้หญิงคนนี้

หลีเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ กำลังพูดถึงเฉียวเจ๋อกับเพื่อนสาว หันกลับมาเห็นน่าเศร้าของเฉียวเจ๋อ มองตามสายตาเขาไปเห็นเซิ่งอันหรานที่อยู่ที่ไกลๆ รอยยิ้มบนหน้าเธอค่อยๆหายไป

เธอพยายามขนาดนี้มาหลายปี ก็ยังทำให้เฉียวเจ๋อลืมเซิ่งอันหรานอย่างสนิทใจไม่ได้

“หลีเย่ว์คิดอะไรอยู่?”

เสียงเพื่อนสาวลากความคิดเธอกลับมา

หลีเย่ว์จ้องแก้วเหล้าในมืออยู่สักพัก จู่ ๆ เงยหน้ามา พูดนิ่งๆ

“ลีน่า ช่วยฉันเรื่องหนึ่ง”

ในงานเลี้ยง อวี้หนานเฉิงได้รับสายจากพ่อบ้านกลางคัน เดินไปที่ระเบียงตามลำพัง ทิ้งเซิ่งอันหรานยืนกินด้วยความเบื่อหน่ายอยู่กับที่คนเดียว

“อันหราน”

เงยหน้าขึ้น เห็นรูมเมทตอนมหาวิทยาลัยสองคนและหนุ่มแปลกหน้าสองคนตรงหน้าตัวเอง หนึ่งในนั้นเป็นรูมเมทผมสั้นทักทายเธออย่างกระตือรือร้น

“อันหราน พวกเราไม่เจอกันนาน เธอสวยกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย”

“ขอบคุณ” เซิ่งอันหรานยิ้มอย่างมีมารยาท ตอนนั้นเธอแค่พักอยู่กับพวกเธอแค่ปีเดียว ดังนั้นไม่ถือว่าสนิท เพียงแต่ฝืนเรียกชื่อออกมาเท่านั้น

หลังจากทักทายสองคำ มีคนเสนอ

“ไม่เจอกันนานขนาด ควรดื่มกันสักแก้ว”

นี่ไม่เป็นปัญหาอะไร เซิ่งอันหรานยกแก้วเหล้าดื่ม แต่ยังไม่ทันวางแก้วนี้ รูมเมทอีกคนก็ยกแก้วขึ้นมา

“ยังมีฉัน ยังมีฉัน อันหราน ตอนนั้นฉันนอนอยู่ชั้นล่างตรงข้ามเธอ เธอจำได้ไหม? มาๆ มา”

ระหว่างที่พูด เธอก็ดื่มหมดแก้ว“แก้วนี้เธอต้องดื่มนะ”

“จำได้”เซิ่งอันหรานพยักหน้า ทำได้เพียงดื่มเป็นเพื่อนเธออีกหนึ่งแก้ว

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

ผูกรักท่านประธานพันล้าน

Status: Ongoing
เซิ่งอันหรานถูกกพี่สาวต่างมารดาให้ร้าย ว่าเธอไปนอนค้างคืนกับชายแปลกหน้า และยังตั้งท้อง! เธอไปโรงพยาบาล แต่มีคนสั่งว่าให้รักษาชีวิตของเด็กเอาไว้ และไม่อนุญาตให้เธอทำแท้ง เธอตั้งครรภ์สิบเดือน ชีวิตเซิ่งอันหรานต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต แต่สุดท้ายเธอก็ได้แค่มองดูเด็กคนนั้นถูกอุ้มตัวไป ไม่กี่ปีต่อมาเซิ่งอันหรานเดินทางกลับจากต่างประเทศ ในขณะที่เซิ่งอันหรานกำลังจูงมือเด็กน้อยหน้าตาน่ารัก เธอก็บังเอิญได้พบกับชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นเดินเข้ามาคว้าแขนของเธอและพูดด้วยความโมโหว่า “คุณกล้าดียังไงที่ขโมยลูกของผมไป” เด็กน้อยผลักชายคนนั้นออกและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คุณไม่ได้รับอนุญาตให้มาแตะต้องตัวหม่าม้าของผม เธอเป็นของผม!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท