จู่ ๆ อชิก็ซื้อรถเบนซ์คันงามราคาแพงลิบลิ่วและยังมีคนขับรถส่วนตัวคอยบริการทุกเวลาเมื่อเขาต้องการ กุ๊กไก่สังเกตุว่าคนขับรถของเขามีถึงสี่คนคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอด
ไม่น่าเชื่อว่าอชิจะบ้าบอจ้างคนขับพวกนี้ทำไมมากมาย แต่ธุรของเขาก็มากจริง ๆ เขาไม่ได้ให้เธอไปที่ร้านกาแฟของเธอเพราะเขาให้คนเข้ามาปรับปรุง กุ๊กไก่สงสัยว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่ใช่เหรอ เขาเอาเวลาไหนไปหาคนมาทำร้านกัน วันนั้นเขากางแผนที่ในร้านแล้วชี้ให้กุ๊กไก่บอกจุดด้อยของที่ร้านอย่างรวดเร็ว
กุ๊กไก่ฟังอะไรก็ไม่เข้าหู แต่เธอก็ไม่ให้เขารู้แสร้างทำเป็นพยักหน้าเข้าใจแล้วพูด อืม ๆ
สุดท้ายก็ถูกผู้ชายคนนั้นเขกกะโหลกอย่างรู้ทัน
“โง่แล้วยังจะทำหน้าตาแบบเข้าใจอีก หน้าของเธอแบบนี้เหมือนตอนคาบเรียนภาษาอังกฤษเป๊ะ ครูถามอะไรก็ Yes อย่างเดียวทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เรื่อง”
เอาล่ะเขาในเมื่อเขารู้ทันขนาดนี้เธอก็ไม่มีอะไรจะแย้งแล้ว จะยังไงก็ช่างเธอขอให้ร้านกลับมามีกำไรก็แล้วกัน
เพราะตอนนี้เธอไม่ได้ไปที่ร้านจึงนับว่าว่างงานเต็มตัวแต่อชิก็ไม่ปล่อยให้เธอสบาย เมื่อจ่ายเงินแล้วเขาก็เริ่มใช้เธอยิ่งกว่าทาส
อชิเป็นคนรักความสะอาดและเนี๊ยบมาก เขาบอกว่ากุ๊กไก่ทำความสะอาดบ้านไม่เรียบร้อยจึงจ้างทีมแม่บ้านมาช่วยดูแล เอาล่ะในที่สุดกุ๊กไก่ก็เริ่มกลายเป็นคุณนายแต่เขาก็ไม่ได้ให้เธออยู่เฉย เพราะหากเป็นเรื่องของเขาอชิอนุญาตให้เธอเท่านั้นที่แตะต้องได้
เขาสั่งเฟอร์นิเจอร์เข้ามาใหม่ปรับเปลี่ยนห้องรับแขกของเธอเป็นห้องที่มีรสนิยมเรียบหรู และเธอต้องอุทานอย่างแปลกใจเมื่อวันหนึ่งเธอรับพัสดุและเห็นว่าเป็นเสื้อผ้าที่ถูกส่งมาจากลอนดอน
กุ๊กไก่ไม่รอช้าเธอรีบเอาชื่อร้านไปเสริฐดู และเธอแทบเป็นลมเมื่อร้านที่เขาสั่งตัดเสื้อผ้านั้นเป็นร้านเก่าแก่ในลอนดอนที่ตัดชุดให้แต่พวกราชวงศ์และมหาเศรษฐีเท่านั้น และมหาเศรษฐีก็ต้องเป็นคนที่ถูกชะตากับพวกเขาอีกต่างหาก
แม่เจ้าเพราะแบบนี้เธอจึงไม่พบแบรนด์บนเสื้อผ้าของเขาสินะ อชินายหายไปไหนมาหรือถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งติดต่อกันหลายรอบจึงได้รวยล้นฟ้าขนาดนี้
แต่โชคร้ายอยู่เรื่องหนึ่งเมื่อกุ๊กไก่รีดเสื้อของเขาไหม้ แต่เธอย่อมไม่ให้เขารู้เสื้อผ้าของอชิมีแบบเดียวกันสีคล้าย ๆ กันอยู่เต็มตู้ กว่าเธอจะสามารถรีดได้คล่องก็ใช้เสื้อราคาหลักครึ่งแสนของเขาในการทดลองไปหลายตัว และแน่นอนว่าเธอย่อมทำลายหลักฐานจนไม่เหลือซาก
เมื่อไปถึงสถานทูตอังกฤษเพื่อทำหนังสือยืนยันความโสดของอชิตามที่กฎหมายไทยต้องการกุ๊กไก่ก็ประหม่าไม่น้อย แน่นอนว่าเธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่พูดไทยได้เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เจ้าหน้าที่คนนั้นถามกุ๊กไก่ว่า
“พวกคุณรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
อชิยิ้มแล้วหันมามองกุ๊กไก่ เธอจ้องตาเขาแววตาไหวระริก
“ก็ไม่รู้สิคะฉันจำไม่ได้แล้วค่ะ”
เจ้าหน้าที่จึงพูดขึ้น
“ไม่ต้องอายค่ะ ตอบมาเถอะชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่”
อชิถึงจะเป็นคนไทยแต่จมูกของเขาโด่งและรูปร่างสูงใหญ่คล้ายกับลูกครึ่งไทยอังกฤษอยู่ไม่น้อย เจ้าหน้าที่จึงเข้าใจว่าเขาเป็นลูกครึ่งเอเชีย ยิ่งเขาเห็นคนทั้งคู่ยิ่งคิดว่าเหมาะสมเอ่ยชมไม่ขาดปาก ชมจนกุ๊กไก่เผลอคิดจริงจังไปแล้ว
“ตกลงนี่จำไม่ได้เหรอคะว่ารักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
อชิจับมือของกุ๊กไก่แล้วบอกว่า
“สำหรับผมก็ตั้งแต่เด็ก ๆ ครับ แต่ก่อนผมอยู่เมืองไทยได้พบกับเธอและเธอก็มักจะอยู่ตรงหน้าของผมตลอด รู้ตัวอีกทีก็รักเธอไปแล้วครับ”
เจ้าหน้าที่คนนั้นอมยิ้ม ในขณะที่กุ๊กไก่เคลิบเคลิ้มแล้วเธออดคิดเข้าข้างตัวเองไปว่าที่เขาอ่อนโยนขนาดนี้เป็นเพราะแสดงด้วยใจจริง เธอจิกเล็บเข้าที่ฝ่ามือของตัวเองจนเจ็บไม่ให้เผลอไปกับคำพูดพวกนั้น แต่เธอก็เป็นนักแสดงที่ดียังหันไปมองอชิด้วยสายตาซาบซึ้งหวานเยิ้มเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
“แล้วคุณผู้หญิงล่ะคะ ชอบแฟนของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”
กุ๊กไก่นึกย้อนไปในวันที่เธอสารภาพรักกับเขา เธอไม่ได้พูดโกหกเพียงแต่ว่าความรู้สึกในตอนนี้อาจเปลี่ยนไปแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ รู้ตัวอีกทีฉันก็สารภาพรักไปแล้วตอน ม.3”
เจ้าหน้าที่คนนั้นคิดว่าคนสองคนคบกันตั้งแต่นั้นมา แต่ไม่รู้ว่านั่นคือโศกนาฎกรรมแห่งความรักของกุ๊กไก่ที่ทำให้เธอโกรธเขาจนทุกวันนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นแต่ก็ต้องทนเพราะเงินของเขาเป็นกำแพงกั้นความโกรธนั้นอย่างสิ้นเชิง
อชิพูดภาษอังกฤษยาว ๆ ประโยคหนึ่งกับเจ้าหน้าที่ทั้งยังมองเธอ แน่นอนว่ากุ๊กไก่ฟังไม่ทันและฟังไม่รู้เรื่อง เขายังมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งแฝงความนัย กุ๊กไก่ตีความสายตานั้นของเขาไม่ถูก มันกำลังเสแสร้งต่อหน้าคนหรือว่าเป็นความจริงกันแน่
เจ้าหน้าที่คนนั้นหัวเราะ
“อย่าคิดมากเลยค่ะ ในสายตาของฉันและคนที่เห็นพวกคุณทุกคนต้องคิดว่าคุณสองคนเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ๆ เลยค่ะ”
ทั้งสองคนกล่าวขอบคุณ กระทั่งการดำเนินเอกสารของสถานทูตเรียบร้อย อชิพูดภาษาอังกฤษอีกรอบ เจ้าที่ที่อวยพรให้พวกเขารักกันให้ยืนยาวก่อนที่พวกเขาจะออกมา
และแล้วสีหน้าของอชิเมื่ออยู่กันสองต่อสองก็ทำให้กุ๊กไก่รู้ได้ทันที เมื่อสักครู่นี้ต้องเป็นเรื่องเสแสร้งร้อยเปอร์เซ็น ผู้ชายคนนี้ไปเรียนวิชาตอแหลมาจากไหนกันนะ
แต่ก่อนเขาไม่ใช่คนแบบนี้นี่
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากุ๊กไก่และอชิก็ไปจดทะเบียนกันที่สำนักงานเขต คราวนี้เรื่องไม่ยุ่งยากวุ่นวายแล้วเพราะอชิให้เลขาของเขาเตรียมเอกสารจนเรียบร้อย
กุ๊กไก่เพียงแต่สงสัยว่าเขามีเลขาแล้วต้องมาจ้างเธอทำไม แต่เขากลับตอบสั้น ๆ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เคยชินนิสัยที่ต้องมีคนคอยดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงน่ะ”
และแล้วกุ๊กไก่ก็เข้าใจคำนี้อย่างถ่องแท้ เมื่ออชิใช้งานเธอราวกับอีเย็นในเรื่องนางทาสหนังสมัยเด็ก ๆ ที่เธอเคยนั่งดูทีวีด้วยกันกับเขาหลังจากอชิช่วยเธอทำการบ้านจนเสร็จ และกุ๊กไก่ในตอนนั้นก็หลับอยู่หน้าทีวีในตอนนั้นแม่ของกุ๊กไก่ยังอยู่แต่แม่ของเธอหลายครั้งทำโอทีต้องกลับดึดชก
อชิเองมีบ้านอยู่บริเวณเดียวกันกับบ้านของกุ๊กไก่ นอกจากเขาจะติวการบ้านให้เธอเป็นประจำแล้วยังอยู่เป็นเพื่อนกุ๊กไก่จนกว่าแม่จะกลับมาด้วย
ปกติตอนนั้นอชิเป็นคนพูดน้อย ส่วนมากจะชอบฟังกุ๊กไก่พูดมากกว่าแต่ตอนนี้เขากลายเป็นคนพูดมากและสามารถแย่งเธอพูดได้แล้ว นับว่าพัฒนาการทางการพูดของเขานั้นก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก เพราะแบบนี้เขาจึงสั่งเธอไม่หยุด
“กุ๊กไก่ปูผ้าปูที่นอนไม่ตึง มาปูใหม่”
กุ๊กไก่บ่นอุบอิบ
“เดี๋ยวนายก็นอนแล้วจะปูให้ตึงไปทำไม”
“ปูใหม่”
เขายังเสียงเข้ม ส่วนกุ๊กไก่หน้าเขียว เธอเหน็บชายผ้าปูที่นอนและพยายามยกมันขึ้นแต่ที่นอนหนักขนาดนั้นเธอจะยกมันขึ้นได้ยังไงกัน ในขณะที่กุ๊กไก่กำลังสาละวนกับการดันผ้าเข้าไปใต้เตียงนั้น อชิก็เข้ามาซ้อนหลังของเธอ เขาจับมือของเธอเอาไว้แล้วช่วยสอดผ้าปูเข้าไปด้านใน
“ทำแบบนี้สิง่ายกว่าเยอะ”
เขาสอนเธอทั้งกอดเธอแบบนั้น กุ๊กไก่จึงได้แต่นิ่งเงียบกระทั่งเขาปูเสร็จทั้งสองข้าง กุ๊กไก่หน้าแดงจนถึงหูแดง กลิ่นของสะอาดของอชิทำเธอเคลิ้มอีกแล้ว
เขางอนิ้วเขกหัวของเธอแล้วถามเบา ๆ
“เป็นอะไร คิดไม่ซื่อกับฉันเหรอ อย่าบังอาจเชียว”
กุ๊กไก่สำลักน้ำลาย ไม่กล้าสบตาเขาอีกต่างหาก
“ใครยะ ใครจะคิดแบบนั้นกับนาย”
“เธอนี่ไง เห็นชัดเจนเลย”
กุ๊กไก่ผลักเขาแล้ววิ่งออกไป อชิคิดว่าเธออายจนหนีไปแล้วแต่ที่ไหนได้กุ๊กไก่กลับวิ่งกลับเข้ามาพร้อมกับหมอนคู่ใจของเธอ
“ฉันจะนอนกับนาย”
อชิทำหน้าเหวอ
“ทำอะไรของเธอ”
“นายจะได้มั่นใจว่าฉันบริสุทธิ์ใจไม่คิดอะไรกับนายจริง ๆ”
เธอวางหมอนลงก่อนที่จะล้มตัวลงนอน โทรศัพทืมือถือก็ดังขึ้น กุ๊กไก่รับสายทันที หลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสองสามคำเธอก็หันมามองเขาแววตาอ้อนวอน
“เจ้านายคะ คืนนี้ฉันขออนุญาติออกไปหาเพื่อนหน่อยนะคะ”
อชิหน้าบึ้ง
“ไม่ ดึกแล้วนี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ ไม่ต้องไป จะไปหาใคร”
“ยังกระต่ายไง จำได้หรือเปล่าเพื่อน ม.ต้น เพื่อนรักของฉันคนนั้น เป็นเพื่อนนายด้วย นายจะใจดำเกินไปแล้วนะ กระต่ายอกหักต้องการฉันด่วน หรือจะให้พาเธอมาที่นี่”
อชิถอนหายใจ เขาจำคนได้ไม่มากแต่เพื่อนสนิทของกุ๊กไก่คนนี้เขาจำได้แม่น เธอคนนั้นก็ดีกับกุ๊กไก่มาก เห็นสายตาอ้อนวอนของกุ๊กไก่แล้วเขาเลยอดใจอ่อนไม่ได้
“ก็ได้ฉันให้คนขับไปส่งเธอและรอรับเธอกลับก่อนเที่ยงคืน อย่าดื่มให้มากพรุ่งนี้เรามีงานจำไว้”
“เข้าใจแล้วน่า ขอบคุณนะจะรีบไปรีบกลับ”
เธอยิ้มให้เขาแล้วรีบวิ่งออกไปแต่งตัว กุ๊กไก่ใส่เดรสสั้นเปลือยไหล่ แต่งหน้ารวดเร็วก็สวยปิ๊ง เธอไม่ได้ออกไปเที่ยวนานแล้ว งานนี้นอกจากเจอเพื่อนยังได้กินฟรี เธอมีหรือจะรอช้า แต่ยังไม่ทันได้ใส่รองเท้าก็ถูกอชิคว้าเอวเอาไว้แล้วอุ้มกลับเข้าห้องสั่งให้เธอแต่งตัวใหม่ให้มิดชิด
“ไปเปลี่ยนใหม่ ใส่ชุดนี้ไม่ได้”
กุ๊กไก่ขมวดคิ้ว
“ทำไม่นายไม่ชอบเหรอ”
“ไม่”
“ทำไมกลัวหนุ่ม ๆ มาจีบเหรอ”
อชิพยักหน้า และดับความคิดฟุ้งซ่านของกุ๊กไก่ไปในตัว
“ฉันไม่ได้หึงเธอก็แล้วกัน แต่ภาพลักษณ์สำคัญเธอจดทะเบียนกับฉันแล้วต่อไปต้องเปิดตัวจะมีข่าวเสียหายไม่ได้”
ด้วยเหตุผลนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่กุ๊กไก่แต่งตัวมิดชิดในชุดเดรสปิดคอกระโปรงยาวถึงเข่าไปเที่ยวผับ เอาล่ะเธอใส่อะไรก็สวยไม่จำเป็นต้องโป๊ก็สวยได้
และคนขับรถของเขาที่โผล่มาเหมือนผีก็พากุ๊กไก่ไปยังผับหรูแห่งหนึ่งที่เธอไม่ได้มานานแล้ว ที่แท้ยัยกระต่ายเพื่อนของเธอก็อกหักเหมือนกัน กุ๊กไก่ฟังไปอินไปด่าผู้ชายคนนั้นสารพัดเพราะมันช่างกับชีวิตของตัวเองเป็นอย่างมากสุดท้ายแล้วคนที่เมาก็เป็นเธอ
ออกจากผับไปต่อกันที่ร้านข้าวต้มข้างทางในชุดราคาแพงแบบนั้นทั้งยังเป็นผู้หญิงที่เมาแอ๋ทั้งสองคน ลำบากลุงคนขับรถต้องลากพวกเธอขึ้นรถเพราะกระต่ายนั่งแท็กซี่มา คุณลุงวนไปส่งกระต่ายที่บ้านก่อนจะวนมาถึงคอนโด กว่าจะมีถึงก็ตีสามกว่าแล้วอชิยังไม่นอนเขารีบลงมารับเธอทันทีที่มาถึง
เขาอุ้มกุ๊กไก่ขึ้นมาถึงห้อง ใบหน้าสวยของเธอกลายเป็นสีแดงเหมือนลูกตำลึงผมที่เซ็ตสวยเริ่มรุงรัง กุ๊กไก่รู้ว่าเขามารับเธอจูบที่แก้มของเขาทั้งร้องไห้
“นายเองก็ปฏิเสธฉัน คนเลว ฉันขายหน้ามาก ฉันขายหน้ามากใคร ๆ ก็ทิ้งฉันไปหมด ไม่มีใครรักเลย”
อชิพากุ๊กไก่ไปนอนที่ห้องของเธอ แต่หญิงสาวกอดคอเขาไว้แน่น
“หมูอ้วนขอบใจที่กลับมานะ ฉันโชคดีจริง ๆ ที่มีนาย อย่าทิ้งฉันไปอีกนะ อย่าทิ้งฉันไป แม่ก็ทิ้งฉันไปแล้ว มีแฟนกี่คนก็ทิ้งฉันไป ทุกคนคิดว่าฉันไม่คู่ควร แม้แต่นายก็ทิ้งฉันไปเมืองนอก เพื่อนรักของฉันก็ไม่อยู่แล้ว ถ้านายทิ้งฉันไปอีก ฉันจะทำยังไงดี”
อชิกลับบอกว่า
“เธอกลับผิดเวลาไปหลายชั่วโมง ฉันไม่ใจอ่อนยกโทษให้เป็นอันขาด”
เขาพยายามผลักเธอออกแต่กุ๊กไก่กอดเขาแน่นแล้วยังหลับตา อชิแกะมือคนเมายังไงก็ไม่ยอมหลุด ผู้หญิงคนนี้หลับไปจริง ๆ แล้ว ไม่รู้กินเหล้าไปกี่ลิตร ตลอดเวลาที่อยู่กับเพื่อนกุ๊กไก่ก็โทรหาเขาแทบจะทุกสิบนาทีจนเขาไม่ได้หลับได้นอน
เสียงที่เขาได้ยินคือเสียงร้องไห้ของผู้หญิงสองคน เขาจึงไม่สามารถทำใจตัดสายของกุ๊กไก่ทิ้งไปได้ แม่ตัวดีคนนี้นิสัยไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นชอบทำเข้มแข็งวิ่งไปปลอบคนไปทั่วแต่เมื่ออยู่กับเขากลับยังคงออดอ้อนแบบนี้
กุ๊กไก่ที่เป็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้เขาใจอ่อนได้ยังไง