เรื่องการซื้อติดต่อซื้อที่ดินของอชิทำให้กุ๊กไก่ตกใจ เธอมองเขาไม่หยุดจนกระทั่งอชิหันมากระทุ้งศอกเบา ๆ ที่แขนเธอ เขาพูดทั้งใบหน้ายิ้ม
“จ้องอยู่นั่นแหละตกใจอะไรขนาดนั้น ฉันซื้อให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของเราไง”
ไม่มีทาง
กุ๊กไก่คิดในใน อชิต้องคิดอะไรอยู่แน่ ๆ เรื่องของขวัญก็แค่เรื่องที่พูดบังหน้าอยู่เท่านั้นแหละ
กระทั่งนายหน้าคนนั้นคุยกับอชิเสร็จจึงขอตัวกลับ อ้อนยิ้มแล้วถามอชิ
“นายโอเคหรือเปล่าเรื่องราคา”
อชิพยักหน้า
“โอเคนะก็สมเหตุสมผลแต่ต้องดูว่าตึกที่อยู่ในที่ดินเขาจะประเมินเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ ถ้าไม่มีอะไรก็นัดเซ็นสัญญาได้เลย”
อ้อนยิ้มทั้งพยักหน้า เธอทำหน้าสงสัย
“ทำไมถึงอยากได้ที่ดินผืนนั้นนักล่ะ”
อชิหันมามองกุ๊กไก่สายตาแวววาว
“ก็บอกแล้วว่าของขวัญแต่งงานให้กุ๊กไก่ไง ไม่เชื่อเหรอ”
อ้อนอยากจะบอกว่าไม่เชื่อเป็นอันขาด แต่เธอในตอนนี้ก็ไม่รู้จะเอาสิทธิ์อะไรไปพูดแบบนั้น ในขณะที่กุ๊กไก่ยิ้มหน้าบาน เธอโน้มตัวมาจูบแก้มอชิเบา ๆ
“ขอบคุณนะคะที่รัก ฉันรักนายที่สุดเลย”
อชิหัวเราะอย่างมีความสุข อ้อนทนดูไม่ได้อีกต่อไปเธอจึงขอตัวออกไปดูร้านข้างนอกไม่รบกวนพวกเขาแล้ว
หลังจากอยู่กันสองต่อสอง กุ๊กไก่ก็กอดอกมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“คิดจะซื้อเป็นชื่อฉันจริงอ่ะ ทำไมล่ะ”
อชิหัวเราะ
“ก็ไม่ทำไมหรอกก็แค่เพราะว่าคือเธอก็เท่านั้น”
กุ๊กไก่ไม่เข้าใจคำตอบของเขา เธอยังพูดต่อ
“ถ้าซื้อมาฉันจะขาย ทำเลทองติดแม่น้ำเจ้าพระยาราคายังพุ่งอีกได้เยอะ หรือจะให้ขายราคาต่ำฉันก็ไม่แคร์เพราะไม่ใช่เงินฉันที่ซื้อมา”
อชิกลับไม่รู้สึกโกรธหรือต่อว่าเธอ
“ก็แล้วแต่เธอสิ”
กุ๊กไก่เม้มปากรู้สึกอึดอัดที่อชิไม่ยอมบอกเธอดี ๆ ว่าจะซื้อที่ดินผืนนี้มาทำอะไรกันแน่และทำไมต้องเป็นเธอด้วย เธอเข้าใจแล้วที่อ้อนมองเขา ยัยนั่นต้องรู้เรื่องนี้และคิดว่าตัวเองสามารถช่วยอชิได้ คนสองคนก็สนิทกันปานนี้ทำไมเขาไม่แต่งกับยัยนั่นนะ
“อชิถามจริงทำไมเป็นฉันไม่เป็นอ้อนล่ะ ที่นายขอแต่งงานด้วย”
อชิถามเสียงเบา
“หึงเหรอ”
“เปล๊า”
กุ๊กไก่รีบตอบเสียงสูงแล้วพูดต่อ
“ก็แค่อยากรู้ บอกไม่ได้เหรอ”
อชิกลับยียวน
“ไม่บอก ข้อตกลงระหว่างเราคือเธอห้ามถามมากลืมไปแล้วเหรอ ถ้ารู้จะพูดมากขนาดนี้ฉันแต่งกับอ้อนดีกว่า”
กุ๊กไก่ถึงรับรีบหุบปาก
“ช่างเถอะนายจะอะไรก็ช่าง ฉันจะทำตามที่บอกกำลังจะกลายเป็นเศรษฐีที่ดินห้าร้อยล้านทำไมฉันต้องคิดมากด้วยล่ะ ไม่คิดอะไรเลยเชิญบอสตามสบายนะเจ้าคะ กุ๊กไก่ไม่พูดมากแล้ว”
อชิหัวเราะ คีบปลาใส่ปากเธอ
“กินปลาเยอะ ๆ จะได้ฉลาด”
กุ๊กไก่เคี้ยวหนุบหนับอชิยิ้มอย่างพอใจ เขายังเล่าให้เธอฟังอีกนิดหน่อย
“แต่เจ้าของเขาเป็นคนแก่คนหนึ่งค่อนข้างหวงที่ดิน ลูกหลานอยากให้ขายก็ไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมสำเร็จหรือเปล่า เธอน่ะรอหน่อยนะแม่เศรษฐีที่ดินอย่าใจร้อน”
กุ๊กไก่พยักหน้า
“บางทีฉันก็ใจบาปอยากให้คนแก่คนนั้นเลอะเลือนรีบยกสมบัติให้ลูกหลานฉันจะได้กลายเป็นคนรวยจริง ๆ”
อชิเลิกคิ้วเขาเอียงคอน้อย ๆ ส่งยิ่มสว่างจ้าแสบตาจนกุ๊กไก่ใจสั่นออกมา
“ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้ว เธอก็ไม่ได้น้อยหน้าใครนี่นา”
“แน่นอนฉันมีทะเบียนสมรสด้วยจะแบ่งสินสมรสกับนายให้ล่มจมกันไปเลย”
อชิหัวเราะ
“ฉันก็รอวันนั้น ถ้าเธอทำสำเร็จฉันก็ดีใจด้วยจะได้ไม่เสียดายข้าวน้ำที่เลี้ยงเธอ มีแต่ของแพง ๆ ทั้งนั้นอย่างน้อยก็มีสารบำรุงสมองบ้าง”
“ไอ้บ้า”
สุดท้ายเขาก็วกมาหาว่าเธอโง่เหมือนเดิม แต่กุ๊กไก่ไม่สนอยู่แล้วเธอสนใจแต่เงินที่เขาจะให้เท่านั้น
กุ๊กไก่อิ่มแล้ว เธอดันจานออกจากตัวพนักงานเข้ามาดูแลเปลี่ยนจานและเก็บโต๊ะพร้อมกับนำของหวานมาเสิร์ฟ กุ๊กไก่กินจนแน่นท้องเธอพิงตัวเข้าที่แขนล่ำของอชิทั้งออดอ้อนเสียงหวาน
“ที่รักขาเดินไม่ไหวแล้วอุ้มฉันออกไปได้หรือเปล่าคะ กินเยอะจนจะอ้วกออกมาเป็นตัวปลาอยู่แล้ว”
อชิส่งเสียงหึในลำคอ เขาไม่ตอบแต่เรียกให้พนักงานมาเก็บเงินยังให้เด็กบอกอ้อนว่าพวกเขาขอตัวกลับก่อนเพราะภรรยาดูเหมือนจะแพ้ท้องเสียแล้ว
กุ๊กไก่ดีดตัวขึ้นมาทันที
“ใครแพ้ท้องยะ”
“อ้าวก็เห็นท่าทางแบบนี้นึกว่าแพ้ท้องไม่ใช่เหรอ”
กุ๊กไก่เหนื่อยหน่ายใจทำไมตานี่ไม่หัดเงียบเสียงเหมือนคุยกับคนอื่นบ้างนะ อยู่กับคนอื่นเหมือนเป็นใบ้พออยู่กับเธอกลับพูดไม่หยุด แถมแต่ละคำก็น่าถีบจริง ๆ
“ไปกันเถอะ นายยังต้องพาฉันไปซื้อเสื้อผ้าอีก”
อชิพยักหน้าพยุงคนที่เขาล้อเลียนว่าท้องออกจากห้องพิเศษ อ้อนรีบตามพวกเขามาเธอคุยเรื่องที่ดินกับอชิอีกหลายนาทีก่อนที่เธอจะกลับเข้าไปดูแลร้านต่อ
กุ๊กไก่เห็นท่าทางสนิทสนมของอ้อนทั้งสายตาแบบนั้นของเธอแล้วก็อดถามไม่ได้
“นายก็รู้ว่าอ้อนชอบนายใช่ป่ะ เพราะแบบนี้ฉันกับอ้อนเลยเหมือนจะไม่ค่อยชอบกันเท่าไหร่”
“เธอหึงอีกแล้วเหรอ”
กุ๊กไก่สำลักรีบส่ายหน้า
“ไม่ใช่สักหน่อย ก็แค่พูดไปเรื่อย ๆ”
อชิเปิดประตูรถให้เธอ ยัดร่างเล็กเข้าไปในรถนั่งด้านในตัวเองก้าวขายาวแล้วปิดประตูตาม สองแขนคล่อมร่างของเธอเอาไว้
ให้ตายเถอะหน้าเขาใกล้แค่นี้ เห็นขนตายาวเฟื้อยจมูกโด่ง ๆ นี่แทบจะทิ่มจมูกเธออยู่แล้ว กุ๊กไก่ไม่ได้ผลักเขาแต่กลับไต่นิ้วไปตามมัดกล้ามอย่างช้า ๆ เธอไต่มือขึ้นไปจนถึงใบหน้าของเขาลูบสันกรามคมเบา ๆ ยังใช้นิ้วจิ้มที่จมูกโด่งของอชิเล่น
กุ๊กไก่เห็นชัดว่าสายตาคมที่กำลังมองเธอไหวระริก เธอหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่กลัวเขาแม้แต่น้อย
“ทำไม คิดว่าทำแบบนี้ฉันจะตกใจเหรอ”
อชิยิ้มอย่างยอมแพ้ เขาปล่อยเธอแล้ว ก่อนที่เขาจะเผลอไผลและอดใจไม่ได้
“จะมีอะไรทำให้เธอเขินอายได้บ้างเนี่ย ยังมาลวนลามฉันอีก”
กุ๊กไก่ยังตามมาลูบต่อ มือยั้วเยี้ยะไม่หยุดจนเขาต้องรวบมือของเธอเอาไว้ สั่งคนขับเสียเข้ม
“ไปห้างที่ใกล้ที่สุด”
กุ๊กไก่รีบหันไปพูดกับคนขับต่อ
“ขอห้างหรู ๆ นะคะจะได้มีแบรนด์เนมขาย”
แน่นอนว่าเธอไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่
“งบห้าหมื่นพอ”
อชิรีบพูด
“คนงกเอ๊ย ห้าหมื่นจะได้อะไรกระเป๋าสักใบยังยากเลย รู้หรือว่าว่าครั้งแรกที่แฟนเพื่อนรักของฉันน่ะต้องการเอาใจฉัน เขายังซื้อกระเป๋าราคาครึ่งล้านให้ฉันกับเพื่อนอีกคนคนละใบ แต่นายนี่อะไรซื้อของให้เมียแต่งบห้าหมื่นไม่อายคนเขาหรือยังไง นายก็รวยมากไม่ใช่เหรอ ฉันลองอ่านในเน็ตแล้วไอ้บิทคอยอะไรน่ะตอนนี้ราคาเหรียญหนึ่งตั้งล้านกว่าบาท นายมีเยอะมากเลยไม่ใช่เหรอฉันคำนวนดูคร่าว ๆ นี่เป็นพันล้านเลยนะ ไหนจะบริษัทคริป ๆ อะไรของนายอีก ทำไมงกกับเมียแบบนี้วะไม่ละอายบ้างเหรอ”
อชิกอดอกปัดมือของเธอออก กลั้นขำท่าทางของกุ๊กไก่อยู่ในใจ ยัยนี่ไปศึกษาธุรกิจของเขาจริง ๆ ด้วย ที่เห็นจ้องโทรศัพท์ทั้งวันคงไปหาข้อมูลอยู่แน่ ๆ
“ถ้างั้นเธอก็ไปขอเงินสามีเพื่อนเธอสิ ไม่ต้องมาเอากับฉัน จะเอาไม่เอาถ้าไม่เอาจะให้คนพากลับ”
“เอา ๆ กำขี้ดีกว่ากำตดวะ ได้มาบ้างยังดีไอ้คนงก ที่ดินห้าร้อยล้านซื้อได้ซื้อของให้เมียมันให้ห้าหมื่นบาท มันเห็นเมียเป็นขอทานหรือไง ทำไมเหนียวหนืดขนาดนี้”
ว่าแล้วเธอก็บ่นบลา ๆๆๆ อชิยังหน้านิ่งฟังเธอคล้ายจะแค่ผ่านหูซ้ายทะลุหัวขวาจนไปถึงห้าง กุ๊กไก่บ่นจนเจ็บคอเขาก็เปิดขวดน้ำแล้วยื่นให้ เธอหยิบมาดื่มพอมีพลังก็บ่นต่อ
กระทั่งเขาพาเธอมาหยุดที่ร้านแบรนด์เนมร้านหนึ่งแล้วบอกเธอ
“รำคาญแล้ว เลือกเหอะเอาที่สะดวกใจอยากได้อะไรก็หยิบ”
กุ๊กไก่ตกตะลึง นี่เขาแกล้งเธอใช่หรือเปล่าเมื่อเห็นใบหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ของอชิ
“ไม่งบห้าหมื่นแล้วนะ”
อชิส่ายหน้า
“ให้ล้านห้างบมีเท่านี้อย่าบ่นอีกรำคาญ”
กุ๊กไก่หุบปากสนิทก่อนที่เธอจะพูดขึ้น
“อชินายโอนเข้าบัญชีฉันได้ป่ะล่ะ ฉันจะซื้อของแค่ห้าหมื่นที่เหลือจะเก็บเอาไว้”
อชิหัวร้อน
“อะไรของเธอ นี่เงินซื้อของกลับจะขอเป็นเงินสด”
กุ๊กไก่ผู้มีประสบการณ์โชคโชนย่อมคิดถึงอนาคต ของแบรนด์เนมพวกนี้ซื้อไปถ้าขายก็ราคาตกสู้เก็บเงินสดไว้ดีกว่า เธอจะได้มีเงินสำรองเลี้ยงชีพอีกก้อน
“ก็อยากเก็บเป็นเงินสดนี่”
“บ้าจริงไม่เคยคิดว่าเธอจะงกขนาดนี้ ไม่เป็นไรหรอกรับรองว่าก่อนหย่าฉันจ่ายเธออย่างงามแน่ไม่ให้เธอลำบากหรอก ซื้อเถอะอยากจะได้อะไรก็ซื้ออย่าให้มากเกินแล้วกัน”
คนใจป้ำลำดับที่หนึ่งในโลกพูดขึ้น กุ๊กไก่รู้ว่าเขาไม่โกหกจึงไม่ได้เรียกร้องอะไรอีก สุดท้ายแล้วเธอกลับซื้อไม่ลงสักอย่างให้เขาพาไปเดินดูยี่ห้อที่กลาง ๆ ไม่หรูขนาดนี้เพราะเขาคือเพื่อนของเธอเช่นกันเธอจึงรู้สึกเกรงใจไม่น้อยที่ต้องให้เขาซื้อของให้
แต่ถ้าเป็นเงินสดก็อีกอย่าง เธอยินดีรับด้วยความเต็มใจ
คนขับรถของอชิถือของจนเต็มแต่ล้วนเป็นของราคากลาง ๆ ไม่ได้แพงมาก ข้อดีของกุ๊กไก่คือเธอเป็นคนสวยผิวขาวหุ่นดีนมใหญ่เอวเล็กสะโพกผาย ใส่อะไรก็สวย แม้จะเป็นของพื้น ๆ คัตติ้งไม่ได้เนี๊ยบอะไรพอไปอยู่บนตัวของกุ๊กไก่กลับดูหรูดูแพง
กุ๊กไก่เองก็พอใจไม่น้อยเธอจับมืออชิเดินไปด้วยกันทั้งยังทิ้งน้ำหนักลงไปด้านข้างให้เขาคอยพยุง
“เหนื่อยแล้วกลับเถอะ”
อชิมองถุงกระดาษที่คนของเขาหิ้วจนล้นแล้วพยักหน้า เขาค่อนข้างพอใจในการตัดสินใจของกุ๊กไก่ไม่น้อย และขอบคุณในใจที่เธอยังคิดถึงเขาอยู่แม้ว่าเขาจะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเลยก็ตาม กระทั่งอยู่ที่คอนโดแบบสตูดิโอแคบ ๆ และจะแคบลงไปกว่านี้เมื่อข้าวของพวกนี้ถูกยัดเข้าไปกุ๊กไก่ก็ไม่เคยบ่น
ระหว่างทางกุ๊กไก่ที่อ่อนแรงเพราะช๊อปปิ้งอย่างหนักทั้งยังตื่นแต่เช้าจึงหลับคอฟุบอยู่ตรงนั้น เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นเธอจึงสะดุ้งตื่น อชิยกมือแคะขี้หูเมื่อเสียงเพลงนั้นดังกระแทกหูจนเขาหูแทบแตก
“ไร้รสนิยมเหมือนเดิม เสียงโทรศัพท์ก็ยังใช้เสียงนี้”
กุ๊กไก่มองหน้าอชิ บิดแก้มเขาแรง ๆ แล้วมองเขาด้วยสายตาดูถูก
“นายจะรู้อะไร เสียงพื้นฐานของโทรศัพท์นี่ดีที่สุดไม่มีใครใช้ ฉันจึงเป็นคนพิเศษที่ใช้เสียงนี้”
อชิกลับพูดว่า
“ไม่ใช่เพราะเปลี่ยนเสียงไม่เป็นหรอกนะ”
กุ๊กไก่สะดุดกึก ไอ้บ้านี่รู้ทันอีกแล้ว เธอทำเสียง เห๊อะในลำคอ ไม่ได้ต่อปากต่อคำอีกเพราะเธอปล่อยสายให้รอนานแล้ว เบอร์นี้ไม่คุ้นกุ๊กไก่จึงไม่ได้รีบรับ อีกอย่างกลัวเป็นพวกทวงหนี้บัตรเครดิตเธอจึงลังเลไม่อยากให้อชิรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้จ่ายค่าบัตรเครดิตและติดอยู่หลายเดือน เธอจึงกรอกเสียงเบา ๆ ลงไป
“สวัสดีค่ะ”
ปลายสายเหมือนตื่นเต้นที่เธอรับโทรศัพท์
“ดีใจจังเลยที่เบอร์ไม่ผิด พี่เองนาชาฝากของมาให้เยอะเลยสะดวกเจอกันหรือเปล่าครับ”
กุ๊กไก่ร้องออกมาด้วยความดีใจเมื่อจำเสียงปลายสายได้
“สะดวกค่ะ นาชามีอะไรมาให้คะเจอกันเมื่อไหร่ดีคะคุณเก่ง”
อชิหันมามองเธอ ท่าทางดีใจเหมือนได้ยินเสียงของแฟนเก่าแบบนี้คืออะไรกัน เขานิ่งฟังจึงได้ยินชัดเจนว่าเป็นผู้ชายที่โทรมาชัด ๆ กุ๊กไก่ยิ้มไม่หุบหลังวางสายแล้วเธอก็หันมาหาเขา กำลังจะอ้าปากขออนุญาตอชิก็ถามขึ้น
“แฟนเก่าอีกคนหรือไง ดีใจขนาดนั้น”
กุ๊กไก่หัวเราะ
“ทำไมหึงหรือไง ถ้าบอกว่าใช่ล่ะแฟนเก่าโทรมามีไรป่ะ”