The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1253 – ไม่ไว้หน้าใคร

ตอนที่ 1253 - ไม่ไว้หน้าใคร

  การดูถูกซือหยูไม่ต่างจากการไม่นับถือองค์หญิงเก้า

  ถ้าหากเมฆาอสูรยังนับถือองค์หญิงเก้าอยู่เขาจะไม่มีทางจงใจดูหมิ่นซือหยูเช่นนี้

  ซือหยูสุขุมเยือกเย็นหากเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งคนอื่นก็คงจะไม่มีทางยอมรับการหารืออันอัปยศนี้ได้

  แต่ซือหยูรับได้

   เอาเถอะจะหารือเรื่องอะไรก็ว่ามา 

  ซือหยูเอนกายกับเก้าอี้

  อ๊ะ!ชาเอ๋อผงะ เท่าที่นางรู้ ซือหยูไม่เคยเป็นฝ่ายต้องอัปยศโดยไม่โต้ตอบเช่นนี้

  ทูตจ้องซือหยูด้วยความเหยียดหยามเขาคิดว่าซือหยูได้ตำแหน่งที่ไม่มีทางรักษาเอาไว้ได้ เขาจะทำตัวเองอับอายขายหน้าในไม่ช้าก็เร็ว

  ยิ่งซือหยูลดศักดิ์ศรีมากเท่าใดทูตก็ยิ่งดูถูกเขามากเท่านั้น ทูตนั่งหลังตรง บรรยากาศตึงเครียดขึ้น

   เจ้าดินแดนเมฆาอสูรสั่งไว้องค์หญิงกำลังบาดเจ็บสาหัส นางต้องการผู้มีฝีมือมากพอปกป้องเพื่อไม่ให้ใครที่คิดร้ายทำอันตรายกับองค์หญิงได้ในยามอันตราย จึงได้ส่งข้ามาที่นี่เพื่อเชิญองค์หญิงกลับเมืองเมฆาอสูร 

  อะไรนะ?อยากจะพาตัวองค์หญิงไปงั้นรึ?

  ชาเอ๋อและเจ้าหมาตกใจทั้งสองไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคิดเช่นนี้!

  แต่ซือหยูเหมือนจะคิดเอาไว้แล้วเขาพูดในใจ

  ‘มันมาไม้นี้สินะ!’

  เขาเชื่อว่าเจ้าดินแดนเมฆาอสูรไม่ใช่คนเดียวที่จะทำแบบนี้!

  ตอนนี้องค์หญิงกำลังอ่อนแอใครก็ตามที่ได้ปกป้องนางจะกลายเป็นตัวแทนนาง

  หากเจ้าดินแดนเมฆาอสูรเรียกเจ้าดินแดนที่เหลือเพื่อมารวมตัวในนามองค์หญิงใครกันจะกล้าขัดคำสั่ง? การขัดคำสั่งหมายถึงการต่อต้านองค์หญิง ไม่ต่างจากการทรยศ!

  ยังมีเทพอื่นอีกที่วางแผนจะชิงตัวองค์หญิงเก้าและส่งตัวให้องค์หญิงเก้าจัดการ

   เจ้าต้องถามความเต็มใจของฝ่าบาทเสียก่อน… 

  ซือหยูตอบอย่างไร้อารมณ์

  ทูตแอบหัวเราะเยาะซือหยูขี้ขลาดกว่าที่เขาคิด เขายอมง่ายดายนัก!

   เช่นนั้นก็เชิญฝ่าบาทออกมาข้าเชื่อว่าฝ่าบาทจะต้องตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง 

  ทูตกล่าว

  ฟึ่บ!

  ก้อนขนขาวกลิ้งออกมาจากใต้เท้าของซือหยูนางมองทูตด้วยแววตาสดใส

  ทูตตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะเขาชักสีหน้า เขารีบคุกเข่าลงและกล่าวด้วยความยำเกรง

   อสูรเจ้าดินแดนเทียนหลิงแห่งเมืองเมฆาอสูรคารวะฝ่าบาท! 

  ว่ากันว่าองค์หญิงเก้าได้กลับมาอยู่ในร่างต้นเขาเป็นทูตย่อมมีรู้เรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ได้อย่างง่ายดายว่าเจ้าตัวเล็กตรงหน้าคือองค์หญิงเก้า

  เจ้าหมาพยักหน้าเบาๆ และพูดเพียงสองคำด้วยความยากลำบาก

   ลุกขึ้น 

  ทูตยืนขึ้นเขาโค้งคำนับอย่างจริงจัง

   ฝ่าบาทโปรดไปที่เมืองเมฆาอสูรเถอะ เจ้าดินแดนเมฆาอสูรเป็นห่วงเป็นใยความปลอดภัยของท่านและยินดีจะปกป้องท่านด้วยชีวิต 

  เจ้าหมาคิดในใจ

  ‘น่าขันจริงๆ มันไม่มาหาข้าด้วยตัวเองแต่กลับให้ทูตบอกว่าจะปกป้องข้าด้วยชีวิตรึ? หากยังนับถือข้าก็คงจะมาหาข้าแทนที่จะส่งคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างเจ้ามา!’

   ข้าไม่ไป!    เจ้าหมาปฏิเสธอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา

  นางไม่ได้โง่นางมิอาจหวังพึ่งพาเทพเหล่านั้นได้

  แม้ซือหยูจะใจร้ายต่อนางเขาก็เป็นคนเดียวที่ไม่มีเหตุผลในการสังหารนาง

  ทูตไม่แปลกใจเพราะอสูรขนนกคือผู้ที่ช่วยชีวิตองค์หญิงเก้า นั่นเป็นเหตุผลที่นางเชื่อใจเขา

   ฝ่าบาทท่านเมฆาอสูรพบกลุ่มมือสังหารลึกลับที่คิดร้ายต่อท่านแฝงตัวอยู่ในเมืองชมทะเล หากท่านไม่รีบหนี ท่านจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป! 

  คำพูดของเขานั้นราวกับผู้หวังดีแต่แท้จริงเขานั่นแหละที่เป็นภัย

  เจ้าหมาคิดในใจ

  ‘ถ้าเมฆาอสูรรู้ว่ามีมือสังหารพวกนั้นอยู่ทำไมถึงยังไม่ลงมือทำอะไรเล่า? เจ้ายังเอาเรื่องนี้มาขู่ข้าอีก!’   เจ้าหมายิ่งรู้สึกว่าปลอดภัยกว่าที่จะอยู่กับซือหยูมิเช่นนั้นนางคงจะตายด้วยมือเทพเหล่านี้ไปแล้ว

   แค่มีเจ้าเมืองชมทะเล…ก็พอแล้ว… 

  เจ้าหมาพูดอย่างลำบากยากเย็น

  ทูตไม่พอใจนักแม้แต่คำขู่ก็ใช้ไม่ได้ผลรึ?

   อภัยให้ข้าที่ต้องตรงไปตรงมาเถอะฝ่าบาทเจ้าเมืองชมทะเลคนปัจจุบันอ่อนแอในด้านพลัง มิอาจปกป้องท่านจากคนปองร้ายได้ ข้าหวังอย่างจริงใจว่าท่านจะคิดถึงคำชี้แนะของท่านเมฆาอสูร 

   ไม่จำเป็นต้องคิด…ข้าจะอยู่ที่…เมืองชมทะเลเท่านั้น 

  ทูตขมวดคิ้วแน่นหากการหว่านล้อมใช้ไม่ได้ผล เขาจะต้องขู่กับเจ้าเมืองไร้ค่าผู้นี้เท่านั้น!

  ทูตเชิดหน้ามองซือหยูตรงๆ

   เจ้าเมืองชมทะเลท่านอาจเพิ่งรับตำแหน่งและยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของท่านเมฆาอสูรดีนัก 

   หากท่านเมฆาอสูรประสงค์สิ่งใดข้าขอแนะนำท่านว่าอย่าต่อต้านคำชี้แนะของท่านเมฆาอสูรเลย มันจะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย! 

  ขณะที่พูดทูตเรียกกะโหลกดำสริทที่เต็มไปด้วยพลังของเทพอสูรออกมา

   นี่เป็นรางวัลที่ท่านเมฆาอสูรมอบให้ท่านที่ช่วยชีวิตองค์หญิงเอาไว้ 

  ทูตวางมันลงบนโต๊ะ

   หากท่านร่วมมือกับท่านเมฆาอสูรสิ่งที่ท่านจะได้รับย่อมเหนือกว่าที่จินตนาการ! อย่างน้อยแค่คำเดียวของท่านเมฆาอสูรก็ช่วยท่านจากปัญหาได้มากมาย! 

   นอกเหนือจากนั้นถ้าท่านเมฆาอสูรพอใจกับพลังของท่าน ท่านเมฆาอสูรอาจจะกำจัดข้าศึกที่อยู่ในเมืองนี้ให้ท่านได้ นี่เป็นโอกาสล้ำค่าที่ท่านจะได้ครองตำแหน่งเจ้าเมืองอย่างยาวนานต่อไป!    ซือหยูยิ้มมองทูตเขาฟังข้อเสนอต่าง ๆ อย่างเงียบเชียบ

  เมื่อเห็นว่าซือหยูไม่ว่าอะไรทูตก็คิดกับตัวเอง

  ‘ยังไม่พองั้นรึ?ฮื่ม! เจ้าคนโลภ แต่ข้าเข้าใจ’

  เขาเคยเป็นอสูรไร้พลังที่ไม่เคยมีใครได้ยินและกลายเป็นเจ้าเมืองในคราเดียวเมื่อคนชั่วได้มีอำนาจเมื่อใด ความโลภที่แฝงอยู่ในตัวย่อมเปิดเผยออกมา! ดูเหมือนว่าจะต้องปลุกให้ตื่นเสียแล้ว!

  ทูตจิบชาเขายิ้มอย่างเศร้าหมอง

   ข้าว่าท่านเจ้าเมืองคงจะยังไม่รู้สถานการณ์ตัวเองในตอนนี้สินะ? 

   ท่านคิดว่ามีฎีกาหลวงจากฝ่าบาทจะทำให้เป็นเจ้าเมืองจริงๆ หรือ? หากไม่มีเจ้าดินแดนอื่นสนับสนุน ข้าก็รับประกันได้เลยว่าตำแหน่งนี้จะอยู่ในอีกไม่กี่คืนเป็นแน่! 

   จะมีคนอื่นมายึดตำแหน่งนี้ไปหรือไม่ก็มีมือสังหารมาจัดการท่าน! 

   ฮ่าๆๆๆ ท่านอาจจะไร้เดียงสาเกินไปที่คิดว่ามีฎีกาฝ่าบาทจะได้ทุกสิ่งมาครอง ความจริงก็คือมีอยู่หลายคนที่คิดว่าเจ้าเมืองชมทะเลไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย! 

   ข้าโทษข้าที่พูดตรงไปตรงมาข้าพูดก็เพราะให้ท่านได้ตระหนักถึงขีดจำกัดของตัวเอง! ท่านควรจะสำนึกเอาไว้! 

  เมื่อพูดถึงขั้นนี้เขาหยุดฝืนตัวเองและแสดงความเคารพต่อซือหยูอีก

   ข้าพูดสิ่งที่ต้องพูดไปแล้วถ้าท่านส่งองค์หญิงให้ท่านเมฆาอสูร ท่านจะได้รางวัล และถ้าหากท่านเมฆาอสูรอารมณ์ดี เขาจะช่วยท่านกำจัดสายลับในเมือง 

   นี่จะส่งผลต่อการครองตำแหน่งเจ้าเมืองแน่นอน!ถ้าปฏิเสธ ข้าเชื่อเหลือเกินกว่าวันที่ท่านถูกขับไล่จะมาถึงในอีกไม่นาน 

  ทูตจ้องซือหยูและรอให้เขาตัดสินใจเขาดูไม่รีบร้อน  รอยยิ้มซือหยูไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย

   ฮ่าๆๆๆข้ายังพูดไม่ชัดอีกหรือ? ถ้าฝ่าบาทเต็มใจ ข้าก็จะไม่หยุดเจ้า 

   แต่ฝ่าบาทไม่เต็มใจนี่… 

  ทูตกดดัน

  ซือหยูตอบ

   เช่นนั้นข้าจะหยุดเจ้า 

  ฮื่ม!ทูตขมวดคิ้วแน่น เขากระดกชาหมดแก้วและหรี่ตา

   ท่านเจ้าเมือง!ได้ยินที่ตัวเองพูดหรือไม่? พูดอีกทีสิ! 

   ข้าพูดว่าข้าจะหยุดเจ้า! 

  ซือหยูพูดอีกครั้งด้วยความใจเย็นรอยยิ้มบนใบหน้าเขาจางหาย แทนที่ด้วยความเย็นชาไม่สะทกสะท้าน

   เมฆาอสูรส่งคนหูหนวกมาเป็นทูตเขาขาดคนมีความสามารถรึ? 

  ทูตตัวแข็งทื่อคนที่เคราะห์ดีประสบความสำเร็จในข้ามคืนกล้าพูดกับเขาเช่นนี้ได้ยังไง?!

   เจ้ากล้าดียังไง! 

  ทูตตบโต๊ะลุกยืน

   เจ้ากล้าดูหมิ่นท่านเมฆาอสูรเรอะ?! 

  แท้จริงแล้วเขาไม่พอใจเพราะซือหยูดูถูกเขาต่อหน้าต่อตาต่างหาก!

   ข้าควรจะเป็นคนที่รู้สึกอัปยศที่มีคนหูหนวกมาหาข้า! 

  ซือหยูผายมือ

   กลับไปบอกเมฆาอสูรซะฝ่าบาทไม่คิดกลับไป ข้าก็ไม่ให้นางไปเช่นกัน ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่มีอะไรให้ต่อรองอีก 

   แล้วก็หากจะส่งทูตมาอีก บอกให้ส่งคนที่ฉลาดกว่านี้มาด้วย 

  ซือหยูผู้เป็นเจ้าบ้านจึงสั่งส่งแขก

  ทูตหัวเราะด้วยความโกรธเกรี้ยว

   คนต่ำช้าอย่างเจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!เสียเวลานักที่ข้าต้องมาชี้แนะให้เจ้า เจ้ามันก็แค่พวกโง่ไม่รู้จักประเมินตน! 

  ซือหยูมองอีกฝ่ายอย่างไม่แยแส

   ฮ่าๆ เจ้ายังกล้ามองข้าอีกเรอะ? เจ้าคิดว่าเจ้าคือเจ้าเมืองชมทะเลเรอะ? คนโง่อย่างเจ้าไม่มีความหมายสำหรับข้า! 

  ทูตไม่ปิดบังความเหยียดหยามอีกต่อไป

  เขาเหลือบมองและมองข้ามซือหยูไปยังเจ้าหมาที่ซ่อนอยู่ด้านหลังซือหยู

   ด้วยคำสั่งท่านเมฆาอสูรข้าจะพาฝ่าบาทกลับไปด้วยทุกวิธีการที่ทำได้ และนางจะต้องยอมรับความคุ้มครองจากท่านเมฆาอสูร! หากข้าล่วงเกินท่านด้วยวิธีใด จงอภัยให้ข้าด้วย ฝ่าบาท! 

  เขาตะโกนและก้าวมาข้างหน้าเพื่อจับตัวเจ้าหมา

  เจ้าหมาโกรธจนตัวสั่นอย่างรุนแรงนางราวกับพยัคฆ์ที่ถูกฝูงสุนัขรังแก ว่าที่เทพขั้นกลางกล้าอวดดีขนาดนี้ต่อนางได้ยังไง? มันยังคิดว่านางเป็นองค์หญิงอยู่รึ?

   หยุดนะ!ข้าจะไป…ไปเมืองเมฆาอสูร…ใครก็ตามที่ขัดคำสั่งข้า…ต้องถูกประหาร! 

  เจ้าหมาพูดออกมาด้วยโทสะ

  แต่ทูตก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินนางและสาวเท้ายาวเข้าใกล้

   อภัยให้ข้าที่มิอาจทำตามคำสั่งท่านได้ฝ่าบาท เพื่อความปลอดภัยของท่าน ข้าจะต้องพาท่านไปที่เมืองเมฆาอสูร! 

  เจ้าหมาอารมณ์เดือดพล่านจิตสังหารแผ่ออกมาจากภายใน

   นี่เจ้า…กล้าดียังไง!! 

  ทูตเมินนางโดยสมบูรณ์องค์หญิงที่เสียพลังไปแล้ว นางยังคิดรึว่านางเป็นองค์หญิงอย่างที่เคยเป็น?

  เขาเดินมือไพล่หลังไปถึงหน้าซือหยูเขาดันไหล่ไปด้านหน้าเพื่อชนซือหยูและตรงไปยังองค์หญิง  แววตาหยาบช้าของเขาอุกอาจมาก!

  แต่ภาพในจินตนาการที่ซือหยูล้มลงไปกับพื้นพลางกรีดร้องกลับไม่ได้เกิดขึ้น

  แต่เป็นไหล่ของเขาเมื่อปะทะกับซือหยูแล้วมันให้สัมผัสราวกับปะทะก้อนฝ้าย!

  อะไรกัน?ทูตผงะ ที่หางตาเห็นแสงห้าสี และเงาของซือหยูก็หายไปแล้ว

  เดี๋ยวก่อน!นั่นคือก้าวพริบตารึ?

  เขาทั้งตกใจและสับสนจกานั้นพลังมหาศาลก็ซัดเข้ามาจากด้านหลัง

  ทูตไม่ทันระวังเขาซัดหมัดสองข้างทันก่อนที่พลังมหาศาลนั้นจะถึงตัว

  พลังมหาศาลนั้นปะทะเข้ามาถึงลำตัวมันเป็นพลังขนาดที่ว่าพลิกภูเขาพลิกมหาสมุทรได้ หมัดทั้งสองของเขากลายเป็นฝุ่นผง เขาล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรง เขากลิ้งกลายครั้งบนฟื้น กว่าจะหยุดได้ห้องรับรองก็พังไปครึ่งห้อง

  จากซากการต่อสู้ทูตเลือดกลบปากใบหน้าเขามีแต่ฝุ่นดิน เขามองจุดที่ตัวเองยืนเมื่อครู่ก่อนด้วยความงุนงง

  อสูรผมสีเงินมองเขาอย่างไร้อารมณ์

   ก่อนจะกล้าไปไหนมาไหนจงมองพลังเจ้าให้ดีว่ากำลังจะไปเจอกับใคร 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท