เก่งมองร่างเล็กสมส่วนที่กำลังยืนอยู่บนรองเท้าส้นเข็มและโยกย้ายเคลื่อนไหวร่างกายไปตามจังหวะเพลงอันเร่าร้อนในผับแห่งหนึ่งด้วยสายตามที่หลากหลายความรู้สึก เขายกเหล้าขึ้นช้า ๆ ยอมรับว่าด้วยฤทธิ์อันร้อนแรงของมันผสมกับท่วงท่าอันเย้ายวนใจของหญิงสาวที่เขาพึงพอใจและตามจีบในฐานะเพื่อนคนหนึ่งมานับปีจะทำให้เขารู้สึกเมาได้ขนาดนี้
แม้ว่าบริเวณจะเป็นโซนวีไอพีแต่ตรงกลางฟลอร์ก็ยังมีผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมาเต้นกับกเธอ เก่งเฝ้ามองเธอแทบจะทุกการเคลื่อนไหว มองไปดื่มเหล้าไปแล้วก็เผลอครางออกมา
สำหรับเขาแล้วกุ๊กไก่ไม่ว่าจะทำอะไรก็แทบจะเรียกว่าดีงามไปหมดทุกอย่าง
ยิ่งตอนที่เธอขยับและย่อเข่าลงมากระทั่งเดรสสั้นสีดำขับผิวขาวร่นขึ้นมาแทบจะถึงแก้มก้นอวดเรียวขาสวยขาวเจิดจ้าท้าทายความมืดทำให้เหล้าในมือของเก่งเกือบจะกระฉอกออกมา
เขาวางแก้วเหล้าแล้วดีดตัวขึ้นอย่างกระทันหัน กระทั่งลูเซียโน่ที่กำลังพูดบางอย่างกับเขาตกใจ และทำแก้วเหล้าในมือตกลงบนพื้นแตกกระจาย
กางเกงของลูเซียโน่เปียกเพราะแอลกอฮอร์ที่หกใส่ ลูเซียโน่หันมามองตัวต้นเหตุตาวาว ก่อนจะเรียกเด็กให้เข้ามาเก็บกวาดให้เรียบร้อย
”เป็นเชี้ยไรของมึงวะ แม่งเปียกหมดแล้วมึงดู”
เก่งเพียงแค่ชำเลืองมองเพื่อนแล้วหันมามองกุ๊กไก่อีกครั้ง เขายังยกมือส่ง ๆ ไม่แสดงความจริงใจว่าห่วงใยลูเซียโน่แม้แต่น้อย
”โทษว่ะเพื่อน ว่าแต่ว่ามึงเอาสูทมาปะวะ”
”เออกูไม่เป็นไร ขอบใจเพื่อนว่าแต่ว่ามึงถามหาสูททำไมวะกาวเกงกูเปียกมึงจะ ให้ใส่สูทเหรอ”
เก่งส่ายหน้า
”ไม่ใช่ของมึง”
ลูเซียโน่ยกมือเกาหัว
”อ้าว แล้วของใคร”
”กูจะให้กุ๊กไก่ใส่ เหมือนน้องกุ๊กจะหนาว”
เก่งโดนฝ่ามือของลูเซียโน่ตบเข้าที่หลังหู
“ไอ้ห่า แม่ง นึกว่าห่วงกูดันห่วงหญิง เขาสบายดีเต้นขนาดนั้นคงไม่มีเวลาหนาวหรอก มึงดูกูเนี่ยเปียกหมดแล้วเพราะมึงที่ดันทะลึ่งลุกพรวดพราดจนกูตกใจ”
เก่งหัวเราะเยาะเพื่อนน้อย ๆ
”ผู้ชายเชี้ยไรขวัญอ่อน”
”ไอ้เก่งทำความผิดแล้วมึงไม่สำนึกมาด่ากูอีก ไอ้เลวเอ๊ยหาอะไรมาช่วยกูเช็ดเลย ทำผิดแล้วยังทำหน้าตาเฉยอีก”
”ฝรั่งห่าไรวะ ปากจัดกว่าคนไทยแท้อีก”
ลูเซียโน่ส่ายหน้า แล้วบีบคางเก่งให้หันมามองเขาเมื่อเก่งเอาแต่สนใจกุ๊กไก่ที่เต้นยักย้ายส่ายสะโพกอยู่ตรงนั้นกับเมียของเขา
“เชี้ยเก่ง เวลาคุยกับคนมารยาทคือให้มองคนที่สนทนา ไม่ใช่เอาแต่มองคนอื่น มึงมองกุ๊กไก่แบบนี้เป็นถ้ากูเป็นเขากูก็หนี แม่งน่ากลัวชะมัด”
”ไมวะ ก็กูห่วงเขาไม่ได้ทำไรสักหน่อยไม่เหมือนมึงปล่อยเมียเต้นไม่สนใจสักนิด”
ลูเซียโน่หัวเราะ เขาเองก็มึน ๆ ที่เขาไม่สามารถมองลูกเกดได้เพราะเมียสั่งห้าม บอกห้ามมองเพราะเต้นไม่สนุก เขาจึงได้แต่ก้มหน้ามองแก้วเหล้าทั้งที่ใจอยากมองเมียใจแทบขาดแต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง แต่เรื่องไรจะบอกไอ้เก่งให้มันหยามว่ากลัวเมีย
ลูเซียโน่กระแอมโอบไหล่เพื่อนแล้วกระซิบที่ชิดริมหู ไม่ได้พูดดังมากแต่ใกล้ขนาดนี้เก่งก็ได้ชินจัดเจน
“กูจะบอกมึงให้ มึงน่ะมองน้องกุ๊กเขาแทบจะปอกเปลือกเขาจนเหลือแต่ตัวขาว ๆ สายตานี่เยิ้มยิ่งกว่ารังผึ้ง ส่วน้องชายของมึงก็เด้งออกมานอกลู่นอกทางจนอยากจะเอาขวดเหล้าฟาดให้สงบ มึงอ่ะเหมือนโจรโรคจิตหื่นๆคนหนึ่ง ถ้าเขาไม่วิ่งจะให้เขายืนรอให้มึงข่มขืนหรือไงวะ”
เก่งทำท่าตกใจ
”ชัดขนาดนั้นเหรอวะ”
“เออ ชัดมาก”
ว่าแล้วลูเซียโน่ก็ตีเข้าไปที่น้องชายของเก่งอย่างแรง เก่งไม่ทันตั้งตัวจึงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตัวงอกุมเป้าตัวเองด้วยความจุก
“ไอ้ห่าบอกดี ๆ ก็ได้มึงจะตีน้องชายกูทำไมเขาอ่อนแอนะมึง”
“ก็มึงมันหื่น นั่งลงมาแดกเหล้ากับกูมา”
ลูเซียโน่เองก็อารมณ์ไม่ดี เขาอยากกลับบ้านนอนกอดเมียแล้วคราวนี้จึงมองลูกเกดด้วยอาการเซื่องซึม หวังให้เมียเห็นใจและพาดขากลับบ้านที
เพียงแค่เขามองเธอด้วยสายตาเหมือนจะกดดันให้รีบกลับลูเซียโน่ก็ถูกลูกเกดจ้องหน้าจนเขาต้องรีบหลบ ใช้ทิชชูเช็ดกางเกงตัวเองเบาๆ แล้วกินเหล้าต่อเรียกอารมณ์วัยรุ่นให้กลับมา
ลูกเกดกับกุ๊กไก่เองก็กำลังเต้นด้วยความมันส์เพราะไม่ได้มาสถานที่อโคจรแบบนี้มานานมากแล้ววันนี้สองสาวจึงเหมือนได้ปลดปล่อยหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบปีหลังจากกุ๊กไก้เปิดร้านกาแฟอีกครั้ง พวกเธอจึงไม่ได้สนใจสองหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
บรรยากาศแบบนี้ทำให้เธอคิดถึงนาชา
”มาคราวนี้อยู่กี่วัน จะอยู่กับเพื่อนนาน ๆ ได้ปะ”
กุ๊กไก่กอดคอเพื่อนแล้วซบลงที่ไหล่ของลูกเกดกรอนจะเต้นช้า ๆ ไปตามจังหวะเพลงที่เบาลง เธอถามลูกเกดอย่างอออดอ้อน
”ประมาณหนึ่งสัปดาห์จากนั้นพึ่โน่ต้องไปออสเตรเลียต่อ เหนื่อยอ่ะแต่จะปล่อยเขาเดินทางคนเดียวก็สงสารมีผัวเหมือนมีลูกหมาตัวน้อย ภาระชัดๆ ไปไหนก็อ้อนให้ไปด้วย”
“อาทิตย์หนึ่งยังดีพอมีเวลาเที่ยว ถ้าชามันมาด้วยก็ดี”
“จะมาได้ยังไงล่ะ เห็นว่าต้องไปแถวตะวันออกกลางกับพี่เคนรายนั้นก็เหมือนพี่โน่ ติดเมียไม่รู้ว่าโรคนี้มันแพร่เชื้อหรือเปล่านะ พี่เก่งก็ไม่แน่อาจจะติดแกเหมือนกันก็ได้เพื่อนกันนี่”
กุ๊กไก่ย่นจมูก
”เกี่ยวไรกับฉันล่ะเราไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อยก็แค่เพื่อน”
”จ้ะ แค่เพื่อน แกน่ะไม่รู้ตัว เดี๋ยวนี้พูดถึงเขาบ่อยขึ้นทุกครั้งที่คุยต้องมีชื่อเขามาเกี่ยว”
กุ๊กไก่ปฏิเสธ
”ก็แก๊งเดียวกันกับสามีพวกเธอนี่พูดถึงคนอื่นได้เหรอ”
ลูกเกดเห็นว่ากุ๊กไก่ใจแข็งมาก เก่งถึงขนาดวางมือจากงานที่เขารักคืองานประมูลของโบราณและให้ผู้ช่วยของเจาดูแลแทนเต็มตัวเพื่อมีเวลาอยูู่กับกุ๊กไก่ที่เมืองไทยมากขึ้น ตามจีบกุ๊กไก่มาเป็นปียัยนี่ก็ยังใจแข็ง บาดแผลในใจของเพื่อนเธอทำไมมันหายช้าแบบนี้นะ
ลูกเกดตบหลังกุ๊กไก่เบาๆ
”แกไม่ใจอ่อนเลยเหรอ เขาดีพร้อมขนาดนั้น”
กุ๊กไก่ยิ้มสารภาพตามตรง
”ก็มีบ้างนะ แต่ว่าฉันยังไม่พร้อมจริงๆ”
”พึ่เก่งก็ไม่ใช่พี่เคนที่เป็นจอมวางแผนจนนาชายอมแต่ง แต่ที่แน่ๆ ผู้ชายกลุ่มนี้อ่ะจอมตื้อ พวกเขามีนิสัยเดียวกันคือมุ่งมั่นมาก แล้วแกจะเห็นเอง”
กุ๊กไก่เงียบ เธอเห็นหรือเปล่าหัวใจของเขา ใช่ เธอเห็น แต่เธอกลัว
“เกดหัวใจของฉันมันเคยมีแผลลึกว่ะ ตอนนี้มันมีผังผืดเกาะอยู่ฉันเองก็ได้แต่หวังว่าใครสักคนจะมาช่วยเลาะผังผืดที่รัดแน่นนี้ให้ออกไป แต่ฉันยังกลัวจริงๆ ที่จะเผชิญกับคมมีดอีกครั้ง”
สองคนกอดกัน ลูกเกดเข้าใจเพื่อน เธอจึงไม่คิดกดดันกุ๊กไก่ ถ้าคนมันจะเป็นคู่กันยังไงเธอก็มั่นใจว่าต้องได้ลงเอยกันในที่สุด
กุ๊กไก่ย้อนนึกไปถึงวันนั้น วันที่เธอเซ็นใบหย่าโดยมีเพียงทนายความถือเอกสารมาให้เธอ อชินหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนที่เขาเคยบอกเธอเอาไว้ก่อนนั้น วันนั้นเป็นวันที่กุ๊กไก่เศร้าที่สุดในชีวิตอีกวัน
แต่ข้างกายของเธอกลับไม่โดดเดี่ยวเพราะมีเก่งคอยยืนอยู่ข้างๆ เธอซาบซึ้งใจแต่ก็ไม่อาจฝืนใจรับเขาได้ เธอทำได้แค่วางเขาเอาไว้ข้าง ๆ อย่างเห็นแก่ตัว
ตอนนี้ยอมรับว่าหากเสียเขาไปก็คงเสียใจ แต่ในฐานะเพื่อนไม่ใช่ในฐานะแฟน ดังนั้นความเสียใจก็คงเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น
ลูกเกดและกุ๊กไก่รู้สึกเหนื่อยแล้ว ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงคืนจึงคิดกลับบ้าน แต่แล้วพนักงานก็นำแก้วคอกเทลมาให้เธอทั้งคู่ พร้อมนามบัตรของใครคนหนึ่ง
ที่แท้เธอสองคนถูกจับตามองตั้งแต่เดินออกมาเต้นจากโต๊ะวีไอพีอีกโต๊ะที่นั่งฝั่งตรงข้าม
”คุณผู้หญิงครับคุณผู้ชายโต๊ะวีไอพีสองอยากเชิญไปร่วมโต๊ะครับ ทางนั้นบอกคืนนี้จะขออนุญาตเลี้ยงถ้าคุณผู้หญิงทั้งสองไม่รังเกียจ”
ลูกเกดและกุ๊กไก่หันไปมองผู้ชายกลุ่มนั้น มีคนาองคนที่ท่าทางดีชูแก้วเหล้าขึ้นทักทาย ลูกเกดดูนามบัตรแล้วยิ้ม รับแก้วคอกเทลจากพนักงานมาถือ เธอชูแก้วเหล้าขึ้นเป็นการตอบรับ
“แกจะกินเหรอ”
กุ๊กไก่ถามอย่างแปลกใจ กฏของพวกเธอคือเที่ยวผับห้ามดื่มเหล้าของคนแปลกหน้าซึ่งลูกเกดก็เข้าใจดี ยิ่งตอนนี้มากับสามีด้วย ยิ่งไม่สามารถทำได้
“แกก็ดูนามบัตรสิ”
กุ๊กไก่มองนามบัตรแล้วเธอยิ้มออกมา สองสาวมองตากันอย่างรู้ใจ กุ๊กไก่หยิบแก้วคอกเทลจากพนักงานอีกคนมาถือแล้วชูขึ้น ส่งยิ้มหวานให้คนกลุ่มนั้นเช่นกัน
สงสาวยังไม่ได้พูดอะไรต่อก็ถูกใครบาวคนแย่งแก้วในมือไปถือแล้ววางลงถาดดังเดิม พวกเขาแย่งนามบัตรมาดูกระทั่งลูเซียโน่ยิ้มเหี้ยมเกรียม
”มึงว่าเอาไงดีวะเก่ง สั่งสอนคนพวกนั้นยังไงดี”
เขาโอบไหล่ลูกเกดเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของ ในขณะที่เก่งเองก็ยืนซ้อนหลังกุ๊กไก่ แม้จะไม่กล้าโอบเธอแต่ท่าทางนี้ก็ทำให้ใคร ๆ มองออกว่าเขากับเธออยู่ในฐานะอะไร