The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1259 – วิบัติเทพอีกครา

ตอนที่ 1259 - วิบัติเทพอีกครา

  พลังเทพที่สะท้อนมาจากเสียงนั้นทำลายพลังของเทพทั้งสามไปมากกว่าครึ่งเหลือพลังเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถึงตัวเทพตำรา

  กายหยาบครึ่งส่วนของเทพตำราแตกสลายจากแรงระเบิดของพลังเทพ

  มิติเอกเทศของซือหยูก็เสียพลังไปในเวลาเดียวกัน

  เทพตำรารอดชีวิตมาได้ในจังหวะสุดท้ายและถูกเมฆาอสูรพาตัวไป

  เมื่อสัมผัสได้ว่าเทพตำรากำลังจะหนีซือหยูแววตาเยือกเย็น

   เมฆาอสูร! 

  ไม่มีใครคิดว่าเทพตำราจะร่วมมือกับเมฆาอสูรมาก่อนหน้านี้

  จากสถาานะเมฆาอสูรมิอาจจู่โจมซือหยูได้ แต่การช่วยเหลือเทพตำรานั้นไม่ใช่ปัญหา

  เทพอสูรเนตรม่วงอุทาน   มันเจ้าเล่ห์นัก!มันเตรียมวิธีหนีมาหลากหลายวิธีการ แม้กระทั่งยามสิ้นหวัง มันก็ยังหนีไปได้ 

  เทพปีศาจกับเทพกิเลนละอายใจ

   เรามีกันสามคนยังปล่อยมันหนีไปได้เสียแรงที่ซือหยูวางอุบาย 

   พวกเจ้าไม่ต้องโทษตัวเองหรอกไม่แปลกที่มันจะหนีไปได้… 

  ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์เขาไม่เคยหวังว่าทั้งสามจะกำจัดเทพตำราได้อยู่แล้ว

  เพราะครั้งก่อนเขามีเทพเก้าคนจากพันธมิตรบูรพา แต่เทพตำรากลับหนีไปได้ และเทพที่อยู่สามคนตรงนี้ก็มิอาจเทียบพลังกับเทพทั้งเก้านั้นได้

   มันเสียโลหิตเทพไปราวครึ่งกายหยาบมากกว่าครึ่งเสียหาย สิ่งที่มันชดใช้ในวันนี้ยื้อไม่ให้มันลงมือได้อีกไปหลายเดือน เป้าหมายข้าบรรลุแล้ว 

  ซือหยูกล่าว  เมื่อเขาพูดเขาเก็บรวบรวมโลหิตเทพของเทพตำราทั้งหมดที่หยดลงพื้น

  เขานับได้สองร้อยหยดโลหิตเทพมากมายเช่นนี้ เขาจะสร้างมังกรตัวที่ห้าในหม้อเก้ามังกรขึ้นมาได้

  ขณะที่เก็บโลหิตเทพซือหยูบังเอิญเจอร่างครึ่งส่วนของเทพตำราที่เปล่งแสงสีแดง ซึ่งก็มีซากมืออยู่ด้วย

  เขาพบ‘บันทึกธารดารา’ หล่นอยู่ในที่เดียวกันนั้นเอง

   เทพตำราเอ๋ยเทพตำรา สมบัติที่เจ้าได้มาอย่างยากลำบากตกเป็นของข้าซะแล้ว! 

  ซือหยูระเบิดเสียงหัวเราะ

  นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในวันนี้เลย!

  มันคือสมบัติที่เทพตำราหวังพึ่งพา!

  เทพอสูรเนตรม่วงมองมันด้วยมุมปากบิดเบี้ยวเขาหัวเราะอย่างขมขื่น

   เราเสี่ยงชีวิตยอมลำบากเพื่อเจ้าและเจ้ากลับเป็นคนที่ได้สมบัติในท้ายสุด! ซ่อนมันไปซะ ก่อนที่ข้าจะชิงมันมาจากเจ้า! 

  ข้างในบันทึกธารดารามีสัตว์อสูรเทพอยู่มากมายเทพตำราเกือบจะได้อัญเชิญตัวที่สองออกมาอยู่แล้ว

  การมีตำราเล่มนี้อยู่ในมือไม่ต่างกับการมีพลังต่อสู้ของเทพทั้งมวล!

  แม้แต่เทพอสูรเนตรม่วงยังหวั่นไหวหากเขาให้ตำรานี้กับทายาท เขาจะกังวัลสิ่งใดในอนาคตอีก?

  เทพปีศาจลูบอุ้งเท้าพลางหัวเราะ

   เอิ่มข้าแค่อยากจะพูดน่ะ ช่วงนี้ข้าเหงาเหลือเกิน ขอข้ายืมดูบันทึกนั่นจะได้ไหม? 

   ถ้าเจ้าทนเหงาไม่ไหวก็ไปหาตำราลามกอ่านซะไม่ก็ไปหาสุนัขตัวเมียมาดับกระหายเจ้า 

  ซือหยูซ่อนบันทึกธารดาราในทันทีที่พูดจบ

  หลังจากเก็บกวาดสนามรบซือหยูมองเทพอสูรเนตรม่วง   ขอบคุณสวรรค์ที่เจ้ามาทันเวลามิเช่นนั้นพวกเราคงจะย่ำแย่กว่านี้ 

   ฮ่าๆๆๆเจ้าพูดชมเกินไปแล้ว เจ้าเมืองชมทะเล หากไร้พลังอันน่าทึ่งมากมายของเจ้า มันก็ไม่มีทางที่ข้าจะทำอะไรเทพตำราได้ 

  เทพอสูรเนตรม่วงไม่ได้ชมเขาเลยเขาหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ

  ซือหยูหน้าบูดเมื่อได้ยินเทพอสูรเนตรม่วงกล่าวเช่นนั้น

  มีเทพมากมายสังเกตการณ์การต่อสู้เมื่อครู่เขาเผยไพ่ตายของตัวเองออกมามากเกินไป

   แต่เอาเถอะ… 

  เทพอสูรเนตรม่วงยิ้มอย่างมีเลศนัย

   ข้าใช้วิชาในระหว่างทางที่มาเพื่อซ่อนเร้นพื้นที่บางจุดในเมืองชมทะเลเอาไว้ 

   นอกจากเทพเหล่านั้นจะมีเนตรที่ดีกว่าข้าที่มองทุกสิ่งได้ทะลุปรุโปร่ง พวกมันก็จะเห็นเพียงร่างอันเลือนลางของเจ้าเท่านั้น    ซือหยูดีใจ

   ขอบคุณเจ้ามาก! 

   ฮ่าๆๆๆๆไม่มีปัญหา ข้าสบายใจยิ่งนักที่จะฝากทายาทไว้ให้เจ้าดูแลหลังจากที่เห็นการต่อสู้ครั้งนี้ 

  เทพอสูรเนตรม่วงทำใจหนักแน่น

  การต่อสู้ของซือหยูเต็มไปด้วยเล่ห์กลอันแยบยลการใช้พลังอย่างยอดเยี่ยม และพลังอันน่าตื่นตา เนตรเทาเทียและพลังแยกมิติกักขังนั้นเป็นพลังที่ทำให้ทั้งโลกต้องตื่นตกใจ หากเขาเพิ่มพลังจนถึงจุดสูงสุดได้ในอนาคต เขาจะต้องเหนือกว่าเทพอสูรเนตรม่วงอย่างแน่นอน

  การส่งทายาทให้ซือหยูอาจเป็นตัวเลือกที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนแต่มันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา

   ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมากเทพอสูรเนตรม่วง ข้ามีคำขออีกหนึ่งเรื่องที่มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะช่วยได้    ซือหยูพูดด้วยความตึงเครียด

  เทพอสูรเนตรม่วงหัวเราะเบาๆ

   ข้าตัดสินใจช่วยเจ้าด้วยพลังทั้งหมดที่มีในชีวิตที่ยังเหลืออยู่ต้องการอะไรก็บอกข้ามาเถอะ 

   เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าตามตรง 

  ซือหยูพลิกฝ่ามือเขายื่นจดหมายขาวราวหิมะที่ถูกเขียนมาก่อนหน้านี้ให้กับเทพอสูรเนตรม่วง

   หวังว่าเจ้าจะส่งจดหมายนี้ให้ถึงมือผู้จัดได้ข้าต้องการพบนาง และข้าต้องการให้นางช่วยเสียยิ่งกว่าเจ้า! 

  เทพอสูรเนตรม่วงตัวแข็งทื่อเขาเหลือบมองชื่อผู้รับและเบิกตากว้าง

   นางเรอะ! 

  เขาจ้องซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตา

   เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นนาง? 

   ข้าไม่แน่ใจแต่ถ้าหากเป็นนาง นางจะให้คำตอบกับข้า 

  ซือหยูตอบ

   เจ้าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้หวังว่าเจ้าจะช่วยข้านะ 

  เทพอสูรเนตรม่วงถือจดหมายในมือและถอนหายใจยาว

   หากจะมีใครในโลกอสูรแห่งนี้ที่ข้าไม่อยากพบหนึ่งในนั้นก็ต้องเป็นจักรพรรดิอสูร ส่วนอีกคนก็คือนาง 

   นางน่ากลัวมากสัญชาตญาณบอกข้าอยู่เสมอว่านางอันตรายยิ่งกว่าจักรพรรดิอสูร! 

   แต่ถ้าเจ้ายืนยันว่าจะส่งจดหมายนี้ให้กับนางข้าจะช่วยเจ้าเอง 

   ขอบคุณเจ้ามาก! 

  เทพอสูรเนตรม่วงออกเดินทางทันที

  เทพปีศาจหรี่ตามองซือหยู

   เจ้าหนูเจ้าทำเทพตำราเจ็บหนักไปแล้วแต่เจ้ายังดูไม่เบาใจ เจ้าหนักใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก 

  ซือหยูยิ้มเทพปีศาจเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจเขามากที่สุด ซือหยูถอนหายใจยาว

   เทพตำราคนเดียวก็เป็นปัญหาใหญ่แล้วแต่ยังมีเทพอีกเจ็ดคนที่เมืองนี้ เรากำลังมาถึงทางตันที่ไม่มีทางแก้ไข 

   เจ้าจะบอกว่าเทพอีกเจ็ดคนจะร่วมมือกับเทพตำราและต่อสู้กับเจ้าด้วยกันรึ? 

  เทพปีศาจส่ายหน้า

   คงจะเป็นไปไม่ได้เทพเจ็ดคนนั้นมีความผิดใจกันอยู่แล้ว คงเป็นปาฏิหาริย์หากพวกมันจะร่วมมือกัน 

  ซือหยูกล่าว

   แต่มันไม่เหมือนกันถ้ามีเทพตำรา!ถ้าข้าเป็นมัน ข้าจะใช้เหตุผลที่ไม่มีใครปฏิเสธได้และร่วมมือกันจัดการข้าในที่สุด! 

   เหตุผลใดกัน? 

  เทพปีศาจถามด้วยความงุนงง   กำจัดเสี้ยนหนามของจักรพรรดิ! 

  ซือหยูอธิบาย

   ดังนั้นข้าต้องฝึกฝนจนเป็นเซียนเพื่อเพิ่มพลังให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นหากศึกหน้ามาถึง ข้าจะตายโดยไม่มีแม้แต่หลุมฝัง 

  เทพตำราไม่ได้น่ากลัวนักเช่นเดียวกับเทพทั้งเจ็ดเมืองที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน

  แต่ถ้าหากทั้งสองฝ่ายจับมือกันมันจะน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

  แผนเดียวที่มีในตอนนี้คือการเตรียมหนทางรอดชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อที่จะปิดจุดอ่อนของตัวเขาเอง

  ที่เมืองเมฆาอสูร…

  เทพตำราที่เสียร่างกายไปครึ่งท่อนสูญเสียภาพลักษณ์ของปราชญ์อันสง่าผ่าเผยไปจนหมดสิ้น

   เมฆาอสูรเจ้าซือหยูจะต้องเป็นปัญหาใหญ่กับเจ้าในอนาคต เจ้าไม่ใช้โอกาสที่มีจัดการมันเมื่อครู่ ขออภัยที่ข้าต้องพูดตามตรงในวันหนึ่งข้างหน้าเจ้าจะต้องเสียใจแน่ 

  เมฆาอสูรมีพลังอสูรล้อมรอบกายในทุกมุมเขาถอนหายใจแรง

   เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากฆ่ามันเรอะ?มันสังหารทูตของข้าเพื่อแสดงอำนาจแก่คนหมู่มาก ทำให้ข้าอัปยศถึงที่สุด! 

   แต่ถ้าหากข้าจู่โจมเจ้าเมืองต่อให้ฆ่ามันได้ เรื่องนี้จะไปถึงตระกูลราชวงศ์ และชะตาของข้าจะเลวร้ายยิ่งกว่ามัน! 

  เทพตำราตาเป็นประกายเขาพูดเพื่อทดสอบเมฆาอสูรเท่านั้น และก็เป็นเรื่องดีที่เมฆาอสูรอยากจะฆ่าซือหยู

   เมฆาอสูรหากเจ้าอยากฆ่าซือหยู ข้ามีแผนที่จะทำให้มันตายอย่างโหดเหี้ยมที่สุด เจ้าจะได้สมปรารถนา… 

  เทพตำรากล่าวช้าๆ

  เมฆาอสูรหรี่ตา

   ความปรารถนาของข้ารึ?หึหึ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เจ้าคิดว่าความปรารถนาของข้าคืออะไร? 

   ครองใต้หล้าครององค์หญิง มีอำนาจเหนือคนของาง! 

  ตู้ม!

  สายฟ้าลั่นคำรามจากสวรรค์ในทันทีจิตสังหารปะทุออกมาจากเมฆาอสูร

   หากทำตามแผนที่ข้าจะบอกเจ้าจะได้เป็นผู้ครองอำนาจแดนจิงหยูอย่างเบ็ดเสร็จ 

  เมฆาอสูรตอบรับ

   ว่ามา 

   ร่วมมือกับเทพอีกหกเมืองที่เหลือและบุกเมืองชมทะเล 

  เมฆาอสูรสีหน้าไร้อารมณ์

   อะไรจะเป็นเหตุผลที่ราชวงศ์ไม่เคลื่อนไหวเมื่อเจ็ดเมืองล้อมเมืองใหญ่เมืองเดียวรึ? 

   มันคือการกำจัดทรราชย์ของจักรพรรดิยังไงล่ะ!    เทพตำราแววตาดุร้าย

   ประกาศต่อโลกว่าซือหยูช่วงชิงอำนาจมาจากองค์หญิงเก้าที่บาดเจ็บสาหัสเพื่อปกครองแดนจิงหยูเทพจากเจ็ดเมืองมาเพื่อพบองค์หญิง กำจัดหนอนบ่อนไส้ และทวงคืนอำนาจของราชวงศ์กลับมา! 

   นี่คือเหตุผลที่ตระกูลราชวงศ์มิอาจต่อต้านและเจ้าก็จะมีโอกาสจับตัวองค์หญิงเก้ามาไว้กับตัว ได้สั่งการคนของนาง กลายเป็นผู้กุมอำนาจแดนจิงหยูในเบื้องหลัง 

  เมฆาอสูรแววตาเป็นประกายเขามองเทพตำราตาไม่กระพริบ

   เจ้าแน่ใจรึว่าเทพอื่นอีกหกคนจะยอมเป็นพันธมิตรกับข้า?ความสัมพันธ์ร้าวลึก เป็นไปไม่ได้ที่จะมาร่วมมือกันง่าย ๆ ขอให้พวกมันจับมือกันอาจเป็นเพียงฝันเท่านั้น! 

   ฮ่าๆๆๆความบาดหมางย่อมเกิดขึ้นเพราะผลประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป! แต่ถ้าหากทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันเล่า?    เทพตำราฉีกยิ้ม

  เมฆาอสูรถามช้าๆ

   เจ้าหมายความว่าข้าควรจะให้โอกาสพวกมันได้ครองอำนาจด้วยรึ? 

   ถูกต้อง!ทุกสิ่งล้วนมีความทะเยอทะยาน พวกมันทุกคนส่งทูตไปที่เมืองชมทะเลเพื่อหวังจะพาองค์หญิงกลับมา มันแสดงถึงความทะเยอทะยานที่มิอาจเก็บซ่อน! 

   ด้วยตำแหน่งของพวกมันพวกมันไม่มีเหตุผลให้จู่โจม แต่ตอนนี้มีเหตุผลอันดีให้กระทำแล้ว พวกมันจะจับมือกันจู่โจมเมืองชมทะเลเพื่อให้ได้บงการองค์หญิงเก้า! 

   และเจ้าคือเทพที่แข็งแกร่งที่สุดเจ้ามีความได้เปรียบสูงสุด ถึงตรงนั้น องค์หญิงเก้าจะไม่ตกอยู่ในมือเจ้าหรอกหรือ? 

  เมื่อฟังจบเมฆาอสูรเงียบอยู่นาน เขาจ้องมองเทพตำราและพูดขึ้น

   ข้ารู้ว่าเจ้ามันคนเจ้าเล่ห์น่าขยะแขยงเจ้าชั่วร้ายจนข้ารู้สึกถึงอันตรายจากเจ้า ข้าน่าจะกำจัดเจ้าก่อนเสียด้วยซ้ำ…แต่ข้าชอบแผนของเจ้ายิ่งนัก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ! 

  เทพตำราเลียริมฝีปากเมื่อเมฆาอสูรหัวเราะเขายิ้มอย่างชั่วร้าย

   ซือหยูครั้งนี้เจ้าหนีไม่พ้นแน่! 

  หากมีเจ็ดเมืองร่วมมือกันพิชิตเมืองชมทะเลผลลัพธ์ที่ได้ย่อมชัดเจน

  แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่ซือหยูคิดเอาไว้ล่วงหน้า

  สิ่งที่รอซือหยูอยู่จะเป็นความวิปโยคสูงสุดตั้งแต่ที่เขามาที่โลกอสูร

  ซอหยูที่ปิดประตูฝึกตนเริ่มที่จะสัมผัสวิบัติของเขาได้แล้ว

  เขาบ่มเพาะพลังมาหนึ่งเดือนเต็มเขาเพิ่มพลังจากทรัพยากรมากมายที่ได้มาอย่างไร้จำกัด เขากำลังจะฝ่ากำแพงที่เหนือกว่าอสูรเนรมิตร

  เขารู้อยู่แก่ใจว่าการทะลวงพลังเป็นเซียนไม่ใช่เรื่องง่ายและความจริงกำลังจะถูกพิสูจน์ในอีกไม่นาน

  ลางร้ายแผ่ในใจเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย

  กลิ่นอายของวิบัตินั้นคุ้นเคยมาก

  มันคือ…วิบัติเทพ!

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน