พลังเทพที่สะท้อนมาจากเสียงนั้นทำลายพลังของเทพทั้งสามไปมากกว่าครึ่งเหลือพลังเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถึงตัวเทพตำรา
กายหยาบครึ่งส่วนของเทพตำราแตกสลายจากแรงระเบิดของพลังเทพ
มิติเอกเทศของซือหยูก็เสียพลังไปในเวลาเดียวกัน
เทพตำรารอดชีวิตมาได้ในจังหวะสุดท้ายและถูกเมฆาอสูรพาตัวไป
เมื่อสัมผัสได้ว่าเทพตำรากำลังจะหนีซือหยูแววตาเยือกเย็น
เมฆาอสูร!
ไม่มีใครคิดว่าเทพตำราจะร่วมมือกับเมฆาอสูรมาก่อนหน้านี้
จากสถาานะเมฆาอสูรมิอาจจู่โจมซือหยูได้ แต่การช่วยเหลือเทพตำรานั้นไม่ใช่ปัญหา
เทพอสูรเนตรม่วงอุทาน มันเจ้าเล่ห์นัก!มันเตรียมวิธีหนีมาหลากหลายวิธีการ แม้กระทั่งยามสิ้นหวัง มันก็ยังหนีไปได้
เทพปีศาจกับเทพกิเลนละอายใจ
เรามีกันสามคนยังปล่อยมันหนีไปได้เสียแรงที่ซือหยูวางอุบาย
พวกเจ้าไม่ต้องโทษตัวเองหรอกไม่แปลกที่มันจะหนีไปได้…
ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์เขาไม่เคยหวังว่าทั้งสามจะกำจัดเทพตำราได้อยู่แล้ว
เพราะครั้งก่อนเขามีเทพเก้าคนจากพันธมิตรบูรพา แต่เทพตำรากลับหนีไปได้ และเทพที่อยู่สามคนตรงนี้ก็มิอาจเทียบพลังกับเทพทั้งเก้านั้นได้
มันเสียโลหิตเทพไปราวครึ่งกายหยาบมากกว่าครึ่งเสียหาย สิ่งที่มันชดใช้ในวันนี้ยื้อไม่ให้มันลงมือได้อีกไปหลายเดือน เป้าหมายข้าบรรลุแล้ว
ซือหยูกล่าว เมื่อเขาพูดเขาเก็บรวบรวมโลหิตเทพของเทพตำราทั้งหมดที่หยดลงพื้น
เขานับได้สองร้อยหยดโลหิตเทพมากมายเช่นนี้ เขาจะสร้างมังกรตัวที่ห้าในหม้อเก้ามังกรขึ้นมาได้
ขณะที่เก็บโลหิตเทพซือหยูบังเอิญเจอร่างครึ่งส่วนของเทพตำราที่เปล่งแสงสีแดง ซึ่งก็มีซากมืออยู่ด้วย
เขาพบ‘บันทึกธารดารา’ หล่นอยู่ในที่เดียวกันนั้นเอง
เทพตำราเอ๋ยเทพตำรา สมบัติที่เจ้าได้มาอย่างยากลำบากตกเป็นของข้าซะแล้ว!
ซือหยูระเบิดเสียงหัวเราะ
นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในวันนี้เลย!
มันคือสมบัติที่เทพตำราหวังพึ่งพา!
เทพอสูรเนตรม่วงมองมันด้วยมุมปากบิดเบี้ยวเขาหัวเราะอย่างขมขื่น
เราเสี่ยงชีวิตยอมลำบากเพื่อเจ้าและเจ้ากลับเป็นคนที่ได้สมบัติในท้ายสุด! ซ่อนมันไปซะ ก่อนที่ข้าจะชิงมันมาจากเจ้า!
ข้างในบันทึกธารดารามีสัตว์อสูรเทพอยู่มากมายเทพตำราเกือบจะได้อัญเชิญตัวที่สองออกมาอยู่แล้ว
การมีตำราเล่มนี้อยู่ในมือไม่ต่างกับการมีพลังต่อสู้ของเทพทั้งมวล!
แม้แต่เทพอสูรเนตรม่วงยังหวั่นไหวหากเขาให้ตำรานี้กับทายาท เขาจะกังวัลสิ่งใดในอนาคตอีก?
เทพปีศาจลูบอุ้งเท้าพลางหัวเราะ
เอิ่มข้าแค่อยากจะพูดน่ะ ช่วงนี้ข้าเหงาเหลือเกิน ขอข้ายืมดูบันทึกนั่นจะได้ไหม?
ถ้าเจ้าทนเหงาไม่ไหวก็ไปหาตำราลามกอ่านซะไม่ก็ไปหาสุนัขตัวเมียมาดับกระหายเจ้า
ซือหยูซ่อนบันทึกธารดาราในทันทีที่พูดจบ
หลังจากเก็บกวาดสนามรบซือหยูมองเทพอสูรเนตรม่วง ขอบคุณสวรรค์ที่เจ้ามาทันเวลามิเช่นนั้นพวกเราคงจะย่ำแย่กว่านี้
ฮ่าๆๆๆเจ้าพูดชมเกินไปแล้ว เจ้าเมืองชมทะเล หากไร้พลังอันน่าทึ่งมากมายของเจ้า มันก็ไม่มีทางที่ข้าจะทำอะไรเทพตำราได้
เทพอสูรเนตรม่วงไม่ได้ชมเขาเลยเขาหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ
ซือหยูหน้าบูดเมื่อได้ยินเทพอสูรเนตรม่วงกล่าวเช่นนั้น
มีเทพมากมายสังเกตการณ์การต่อสู้เมื่อครู่เขาเผยไพ่ตายของตัวเองออกมามากเกินไป
แต่เอาเถอะ…
เทพอสูรเนตรม่วงยิ้มอย่างมีเลศนัย
ข้าใช้วิชาในระหว่างทางที่มาเพื่อซ่อนเร้นพื้นที่บางจุดในเมืองชมทะเลเอาไว้
นอกจากเทพเหล่านั้นจะมีเนตรที่ดีกว่าข้าที่มองทุกสิ่งได้ทะลุปรุโปร่ง พวกมันก็จะเห็นเพียงร่างอันเลือนลางของเจ้าเท่านั้น ซือหยูดีใจ
ขอบคุณเจ้ามาก!
ฮ่าๆๆๆๆไม่มีปัญหา ข้าสบายใจยิ่งนักที่จะฝากทายาทไว้ให้เจ้าดูแลหลังจากที่เห็นการต่อสู้ครั้งนี้
เทพอสูรเนตรม่วงทำใจหนักแน่น
การต่อสู้ของซือหยูเต็มไปด้วยเล่ห์กลอันแยบยลการใช้พลังอย่างยอดเยี่ยม และพลังอันน่าตื่นตา เนตรเทาเทียและพลังแยกมิติกักขังนั้นเป็นพลังที่ทำให้ทั้งโลกต้องตื่นตกใจ หากเขาเพิ่มพลังจนถึงจุดสูงสุดได้ในอนาคต เขาจะต้องเหนือกว่าเทพอสูรเนตรม่วงอย่างแน่นอน
การส่งทายาทให้ซือหยูอาจเป็นตัวเลือกที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนแต่มันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา
ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมากเทพอสูรเนตรม่วง ข้ามีคำขออีกหนึ่งเรื่องที่มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะช่วยได้ ซือหยูพูดด้วยความตึงเครียด
เทพอสูรเนตรม่วงหัวเราะเบาๆ
ข้าตัดสินใจช่วยเจ้าด้วยพลังทั้งหมดที่มีในชีวิตที่ยังเหลืออยู่ต้องการอะไรก็บอกข้ามาเถอะ
เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าตามตรง
ซือหยูพลิกฝ่ามือเขายื่นจดหมายขาวราวหิมะที่ถูกเขียนมาก่อนหน้านี้ให้กับเทพอสูรเนตรม่วง
หวังว่าเจ้าจะส่งจดหมายนี้ให้ถึงมือผู้จัดได้ข้าต้องการพบนาง และข้าต้องการให้นางช่วยเสียยิ่งกว่าเจ้า!
เทพอสูรเนตรม่วงตัวแข็งทื่อเขาเหลือบมองชื่อผู้รับและเบิกตากว้าง
นางเรอะ!
เขาจ้องซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตา
เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นนาง?
ข้าไม่แน่ใจแต่ถ้าหากเป็นนาง นางจะให้คำตอบกับข้า
ซือหยูตอบ
เจ้าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้หวังว่าเจ้าจะช่วยข้านะ
เทพอสูรเนตรม่วงถือจดหมายในมือและถอนหายใจยาว
หากจะมีใครในโลกอสูรแห่งนี้ที่ข้าไม่อยากพบหนึ่งในนั้นก็ต้องเป็นจักรพรรดิอสูร ส่วนอีกคนก็คือนาง
นางน่ากลัวมากสัญชาตญาณบอกข้าอยู่เสมอว่านางอันตรายยิ่งกว่าจักรพรรดิอสูร!
แต่ถ้าเจ้ายืนยันว่าจะส่งจดหมายนี้ให้กับนางข้าจะช่วยเจ้าเอง
ขอบคุณเจ้ามาก!
เทพอสูรเนตรม่วงออกเดินทางทันที
เทพปีศาจหรี่ตามองซือหยู
เจ้าหนูเจ้าทำเทพตำราเจ็บหนักไปแล้วแต่เจ้ายังดูไม่เบาใจ เจ้าหนักใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ซือหยูยิ้มเทพปีศาจเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจเขามากที่สุด ซือหยูถอนหายใจยาว
เทพตำราคนเดียวก็เป็นปัญหาใหญ่แล้วแต่ยังมีเทพอีกเจ็ดคนที่เมืองนี้ เรากำลังมาถึงทางตันที่ไม่มีทางแก้ไข
เจ้าจะบอกว่าเทพอีกเจ็ดคนจะร่วมมือกับเทพตำราและต่อสู้กับเจ้าด้วยกันรึ?
เทพปีศาจส่ายหน้า
คงจะเป็นไปไม่ได้เทพเจ็ดคนนั้นมีความผิดใจกันอยู่แล้ว คงเป็นปาฏิหาริย์หากพวกมันจะร่วมมือกัน
ซือหยูกล่าว
แต่มันไม่เหมือนกันถ้ามีเทพตำรา!ถ้าข้าเป็นมัน ข้าจะใช้เหตุผลที่ไม่มีใครปฏิเสธได้และร่วมมือกันจัดการข้าในที่สุด!
เหตุผลใดกัน?
เทพปีศาจถามด้วยความงุนงง กำจัดเสี้ยนหนามของจักรพรรดิ!
ซือหยูอธิบาย
ดังนั้นข้าต้องฝึกฝนจนเป็นเซียนเพื่อเพิ่มพลังให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นหากศึกหน้ามาถึง ข้าจะตายโดยไม่มีแม้แต่หลุมฝัง
เทพตำราไม่ได้น่ากลัวนักเช่นเดียวกับเทพทั้งเจ็ดเมืองที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน
แต่ถ้าหากทั้งสองฝ่ายจับมือกันมันจะน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
แผนเดียวที่มีในตอนนี้คือการเตรียมหนทางรอดชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อที่จะปิดจุดอ่อนของตัวเขาเอง
ที่เมืองเมฆาอสูร…
เทพตำราที่เสียร่างกายไปครึ่งท่อนสูญเสียภาพลักษณ์ของปราชญ์อันสง่าผ่าเผยไปจนหมดสิ้น
เมฆาอสูรเจ้าซือหยูจะต้องเป็นปัญหาใหญ่กับเจ้าในอนาคต เจ้าไม่ใช้โอกาสที่มีจัดการมันเมื่อครู่ ขออภัยที่ข้าต้องพูดตามตรงในวันหนึ่งข้างหน้าเจ้าจะต้องเสียใจแน่
เมฆาอสูรมีพลังอสูรล้อมรอบกายในทุกมุมเขาถอนหายใจแรง
เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากฆ่ามันเรอะ?มันสังหารทูตของข้าเพื่อแสดงอำนาจแก่คนหมู่มาก ทำให้ข้าอัปยศถึงที่สุด!
แต่ถ้าหากข้าจู่โจมเจ้าเมืองต่อให้ฆ่ามันได้ เรื่องนี้จะไปถึงตระกูลราชวงศ์ และชะตาของข้าจะเลวร้ายยิ่งกว่ามัน!
เทพตำราตาเป็นประกายเขาพูดเพื่อทดสอบเมฆาอสูรเท่านั้น และก็เป็นเรื่องดีที่เมฆาอสูรอยากจะฆ่าซือหยู
เมฆาอสูรหากเจ้าอยากฆ่าซือหยู ข้ามีแผนที่จะทำให้มันตายอย่างโหดเหี้ยมที่สุด เจ้าจะได้สมปรารถนา…
เทพตำรากล่าวช้าๆ
เมฆาอสูรหรี่ตา
ความปรารถนาของข้ารึ?หึหึ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เจ้าคิดว่าความปรารถนาของข้าคืออะไร?
ครองใต้หล้าครององค์หญิง มีอำนาจเหนือคนของาง!
ตู้ม!
สายฟ้าลั่นคำรามจากสวรรค์ในทันทีจิตสังหารปะทุออกมาจากเมฆาอสูร
หากทำตามแผนที่ข้าจะบอกเจ้าจะได้เป็นผู้ครองอำนาจแดนจิงหยูอย่างเบ็ดเสร็จ
เมฆาอสูรตอบรับ
ว่ามา
ร่วมมือกับเทพอีกหกเมืองที่เหลือและบุกเมืองชมทะเล
เมฆาอสูรสีหน้าไร้อารมณ์
อะไรจะเป็นเหตุผลที่ราชวงศ์ไม่เคลื่อนไหวเมื่อเจ็ดเมืองล้อมเมืองใหญ่เมืองเดียวรึ?
มันคือการกำจัดทรราชย์ของจักรพรรดิยังไงล่ะ! เทพตำราแววตาดุร้าย
ประกาศต่อโลกว่าซือหยูช่วงชิงอำนาจมาจากองค์หญิงเก้าที่บาดเจ็บสาหัสเพื่อปกครองแดนจิงหยูเทพจากเจ็ดเมืองมาเพื่อพบองค์หญิง กำจัดหนอนบ่อนไส้ และทวงคืนอำนาจของราชวงศ์กลับมา!
นี่คือเหตุผลที่ตระกูลราชวงศ์มิอาจต่อต้านและเจ้าก็จะมีโอกาสจับตัวองค์หญิงเก้ามาไว้กับตัว ได้สั่งการคนของนาง กลายเป็นผู้กุมอำนาจแดนจิงหยูในเบื้องหลัง
เมฆาอสูรแววตาเป็นประกายเขามองเทพตำราตาไม่กระพริบ
เจ้าแน่ใจรึว่าเทพอื่นอีกหกคนจะยอมเป็นพันธมิตรกับข้า?ความสัมพันธ์ร้าวลึก เป็นไปไม่ได้ที่จะมาร่วมมือกันง่าย ๆ ขอให้พวกมันจับมือกันอาจเป็นเพียงฝันเท่านั้น!
ฮ่าๆๆๆความบาดหมางย่อมเกิดขึ้นเพราะผลประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป! แต่ถ้าหากทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันเล่า? เทพตำราฉีกยิ้ม
เมฆาอสูรถามช้าๆ
เจ้าหมายความว่าข้าควรจะให้โอกาสพวกมันได้ครองอำนาจด้วยรึ?
ถูกต้อง!ทุกสิ่งล้วนมีความทะเยอทะยาน พวกมันทุกคนส่งทูตไปที่เมืองชมทะเลเพื่อหวังจะพาองค์หญิงกลับมา มันแสดงถึงความทะเยอทะยานที่มิอาจเก็บซ่อน!
ด้วยตำแหน่งของพวกมันพวกมันไม่มีเหตุผลให้จู่โจม แต่ตอนนี้มีเหตุผลอันดีให้กระทำแล้ว พวกมันจะจับมือกันจู่โจมเมืองชมทะเลเพื่อให้ได้บงการองค์หญิงเก้า!
และเจ้าคือเทพที่แข็งแกร่งที่สุดเจ้ามีความได้เปรียบสูงสุด ถึงตรงนั้น องค์หญิงเก้าจะไม่ตกอยู่ในมือเจ้าหรอกหรือ?
เมื่อฟังจบเมฆาอสูรเงียบอยู่นาน เขาจ้องมองเทพตำราและพูดขึ้น
ข้ารู้ว่าเจ้ามันคนเจ้าเล่ห์น่าขยะแขยงเจ้าชั่วร้ายจนข้ารู้สึกถึงอันตรายจากเจ้า ข้าน่าจะกำจัดเจ้าก่อนเสียด้วยซ้ำ…แต่ข้าชอบแผนของเจ้ายิ่งนัก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!
เทพตำราเลียริมฝีปากเมื่อเมฆาอสูรหัวเราะเขายิ้มอย่างชั่วร้าย
ซือหยูครั้งนี้เจ้าหนีไม่พ้นแน่!
หากมีเจ็ดเมืองร่วมมือกันพิชิตเมืองชมทะเลผลลัพธ์ที่ได้ย่อมชัดเจน
แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นไปตามที่ซือหยูคิดเอาไว้ล่วงหน้า
สิ่งที่รอซือหยูอยู่จะเป็นความวิปโยคสูงสุดตั้งแต่ที่เขามาที่โลกอสูร
ซอหยูที่ปิดประตูฝึกตนเริ่มที่จะสัมผัสวิบัติของเขาได้แล้ว
เขาบ่มเพาะพลังมาหนึ่งเดือนเต็มเขาเพิ่มพลังจากทรัพยากรมากมายที่ได้มาอย่างไร้จำกัด เขากำลังจะฝ่ากำแพงที่เหนือกว่าอสูรเนรมิตร
เขารู้อยู่แก่ใจว่าการทะลวงพลังเป็นเซียนไม่ใช่เรื่องง่ายและความจริงกำลังจะถูกพิสูจน์ในอีกไม่นาน
ลางร้ายแผ่ในใจเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย
กลิ่นอายของวิบัตินั้นคุ้นเคยมาก
มันคือ…วิบัติเทพ!