The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1255 – เทพอสูรเนตรม่วง

ตอนที่ 1255 - เทพอสูรเนตรม่วง

   กำจัดมันให้พ้นทางคงจะดีสำหรับข้า… 

  กระบี่เงินในมือซือหยูเปล่งแสงเขาบั่นคอของทูต ดวงวิญญาณและจิตวิญญาณเทพถูกคุกสวรรค์เทพอสูรดูดกลืนไป

   ชาเอ๋อเก็บมันไว้ ถ้าทูตจากเมืองอื่นมา เจ้าต้องรับรองพวกเขา หากไม่เป็นมิตรพอ จงเอาสิ่งนั้นให้พวกมันดู 

  ซือหยูกล่าว

  จะไม่มีทูตเพียงคนเดียวมาหาเขาแน่

   แล้วเจ้าดินแดนเมฆาอสูรเล่า?เราจะบอกเรื่องนี้หรือไม่? 

  ชาเอ๋อถาม

   ส่งข่าวไปก็พอแล้ว 

  …

  อย่างที่ซือหยูคิดมีทูตอีกสองคนมาหาเขาในสามวันต่อมา  เช่นเดียวกับเจ้าดินแดนเมฆาอสูรทูตทั้งสองถูกส่งมาคือว่าที่เทพที่จะมาเจรจาด้วย

  ที่ห้องรับรองชาเอ๋อผู้อ่อนเยาว์รับว่าที่เทพทั้งสองราวกับเป็นผู้ใหญ่

   เราเป็นตัวแทนเจ้าดินแดนเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาคุยกับพวกข้า? เจ้าเป็นแค่เซียนต่ำต้อย 

   ข้าเป็นตัวแทนท่านเจ้าเมืองเรามีฐานะเท่ากัน เจ้ามีปัญหาอะไรรึ? 

  ชาเอ๋อถามกลับ

   ตลกสิ้นดี!เจ้าเมืองชมทะเลคิดว่ามันเป็นใครกันแน่? ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีสิทธิ์เทียบเท่าเรา! เรียกมันออกมา เรามีเรื่องจะหารือ! 

   ฮ่าๆๆๆเคยมีทูตมาแบบนี้เช่นเดียวกับเจ้า แต่มันจบไม่สวยเท่าไหร่หรอกนะ 

  ชาเอ๋อฉีกยิ้มครึ่งหน้า

   หยุดพูดเหลวไหลสักทีข้าไม่สนใจทูตคนใด เรามาที่นี่เพื่อพบเจ้าเมืองชมทะเล ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งชั่วโมงในการพาตัวมันออกมา! 

   ก็ได้ตอนที่ข้าไปเรียกเขามา เจ้าชมของขวัญชิ้นนี้ไปก่อนแล้วกัน 

  ชาเอ๋อลุกขึ้นอย่างสง่างามและวางกล่องหยกที่มีหัวของว่าที่เทพออกมา

   อ๊ะ!เจ้าดินแดนอันดับหนึ่งเมืองเมฆาอสูร เฉาหยุนเฟย! 

   อะไรนะ?นั่นเขารึ! เขา…เขาตายได้ยังไง? 

  ชาเอ๋อหันมาตอบ

   ดูหมิ่นเจ้าเมืองไม่ใช่สิ่งที่มีโทษถึงตายรึ?โอ้ นั่นเป็นฝีมือเจ้าเมืองของเรา! เจ้าดูมันไปในตอนที่ข้าไปหานายท่านเถอะ 

   นายท่านจะต้องยินดีมากแน่เพราะนายท่านบอกว่าถ้าหากได้เจอทูตหน้าโง่อย่างเฉาหยุนเฟยอีก เขาก็ยินดีที่จะได้พบ! 

  เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?เฉาหยุนเฟยเป็นคนที่มีพลังเหนือกว่าพวกเขา เขาคืออันดับหนึ่งในเมืองเมฆาอสูร แต่เฉาหยุนเฟยยังตายได้ แล้วพวกเขาล่ะ!

   ช้าก่อนแม่นางชาเอ๋อ พวกเราทำใจแล้ว เราจะหารือกับแม่นาง แม่นางไม่ต้องไปเรียกท่านเจ้าเมืองหรอก 

  ทูตเหลือบมองตาเฉาหยุนเฟยและตัวสั่นอยู่ภายในเฉาหยุนเฟยที่ตายไปแล้วยังเบิกตากว้างอยู่เลย

  ชาเอ๋อแสร้งสับสน

   หืมเจ้าไม่ได้พูดว่าอยากเจอท่านเจ้าเมืองในครึ่งชั่วโมงหรอกหรือ? 

   แม่นางชาเอ๋อหูฝาดไปหรือไม่…ฮ่าๆๆๆๆ… 

   เช่นนั้นก็มาหารือกันเถอะ 

  …

  ในอีกไม่กี่วันก็มีทูตมาอีกหกคนผู้ที่ไม่เป็นมิตรคือพวกที่ได้เห็นหัวของเฉาหยุนเฟย

  ทูตบางคนไม่แม้แต่พูดถึงเรื่องพาตัวองค์หญิงเก้าไปพวกเขากลับรีบหนีออกจากตำหนักหลังจากคุยกับชาเอ๋อ

  ในขณะเดียวกันข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองอสูรปราดเปรียวก็แพร่กระจายไปถึงหลายเมืองแล้ว

  ทุกคนงุนงงกับความสำเร็จของซือหยูที่กำจัดว่าที่เทพขั้นต้นเกือบร้อยคนและว่าที่เทพขั้นกลางอีกสามคนด้วยตัวเอง

  จากนั้นมาก็ไม่มีทูตมาหาเขาอีกการหารือเพื่อที่จะเอาตัวองค์หญิงไปนั้นได้จบลงแล้ว

  เมืองชมทะเลกลับสู่ความสงบสุขดังเดิมแต่อันตรายที่ไม่มีใครรู้กำลังซ่อนอยู่ภายใน

  ในตลาดมีชายวัยกลางคนไร้หนวดและมีรอยดำที่หน้าผากเขาสวมผ้าคลุม แววตาภายใต้ผ้าคลุมดูลึกล้ำ

  เขาไม่ต่างกับชายคนใดไม่มีอะไรพิเศษในตัวเขา

  เขามองตำหนักเจ้าเมืองจากระยะไกลเขาเก็บงำจิตสังหารเอาไว้ในดวงตา

  เขารีบซ่อนจิตสังหารและเดินในตลาดต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งเขากำลังเข้าใกล้ตำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ

  เทพตำรามีความภูมิใจที่เป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งบนโลกเขาได้ต่อสู้ประมือกับซือหยูมาหลายครั้ง แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าซือหยูฉลาดกว่าอย่างเหลือร้าย

  อุบายของซือหยูรอบคอบพิถีพิถันมีกับดักในทุกย่างก้าว

  เทพตำราที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบหลายครั้งไม่คิดถึงกลอุบายอีกแล้ว

  เขาไม่แม้เแต่ห้ามตัวเองให้บุกไปหาซือหยูหลังจากรอมาเนิ่นนาน!

  ขณะเดียวกันที่ตำหนัก…

  ซือหยูกำลองรออยู่ไม่ใช่เทพตำราที่จะมาในท้ายสุด แต่เป็นเทพอื่นที่ซือหยูไม่คิดว่าจะมา

  ในห้องรับรองซือหยูรับแขกด้วยตัวเอง

  ผู้มาเยือนคือชายแก่ผมขาว

  จากสัญชาตญาณซือหยูสัมผัสได้ว่าชายแก่นั้นอ่อนแออย่างที่เทพกระเรียนเคยเป็นในอดีต

  เทพมีวันสิ้นสุดอายุขัยเช่นกันจิตวิญญาณเทพที่อ่อนแอลงคือสัญญาณว่าเทพกำลังจะตายจากความแก่เฒ่า

  เทพอย่างเขาที่กำลังจะตายในอีกไม่นานตัดสินใจมาหาซือหยู

  ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นหนึ่งในเก้าเทพแห่งเมืองชมทะเล เขาคือเทพอสูรเนตรม่วง เขาอยู่ในอันดับที่เก้า เป็นเทพที่อ่อนแอที่สุดในหมู่เทพด้วยกัน

  ซือหยูมิอาจเมินเขาคนนี้เพราะอย่างไรเขาก็เดินทางมาหาด้วยตัวเอง

   เทพอสูรเนตรม่วงท่านมาที่นี่เพื่อหาที่พักอย่างนั้นหรือ? 

  ซือหยูแปลกใจเล็กน้อยตั้งแต่ที่มา เทพอสูรเนตรม่วงก็นั่งหลับตาอย่างเงียบงันมาโดยตลอด

  เทพอสูรเนตรม่วงลืมตาแทนคำตอบ  เนตรสีม่วงของเขาพบเห็นได้ยากมันดูยิ่งใหญ่และลึกลับ

  เมื่อได้สบตาซือหยูใจสั่นเล็กน้อย เขาถึงกับคิดว่าชายแก่จะมองทะลุทะลวงเขา

   ฮ่าๆๆๆ… 

  เสียงหัวเราะของเทพอสูรเนตรม่วงแหบพร่าโรยแรง

  เสียงของเขาเปราะบางพร้อมจะแตกหักมันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของเทพที่ใกล้หมดลมหายใจ

   เป็นเรื่องดีที่จะมาพบคนแทนที่จะฟังจากปากคนอื่นไม่แปลกใจเลยที่เจ้าคือผู้ที่ช่วยเทพจากยักษ์ทะเลขมมาได้ เจ้ามีพลังกฎสวรรค์ทั้งกาลเวลาและมิติ 

  คำพูดของอสูรเนตรม่วงทำให้ซือหยูตกตะลึง

  เขารู้ได้อย่างไรว่าซือหยูมีพลังเวลาและมิติในการมองครั้งเดียวเขาถึงกับรู้ด้วยว่าซือหยูช่วยชีวิตเทพไม้ออกมาจากปากของยักษ์ทะเลขม!

  เทพอสูรเนตรม่วงไม่ได้อยู่ที่นั่นในครั้งนั้นเขารู้ได้ยังไง?

  ซือหยูหรี่ตาจิตสังหารแผ่ออกมาช้า ๆ

   ฮ่าๆๆอย่ารีบร้อนไปเลย กับดักที่เจ้าวางไว้เตรียมไว้สำหรับเทพอื่น หากเจ้าใช้มันตอนนี้ มันจะได้ผลน้อยกว่าที่เจ้าคิด 

  เทพอสูรเนตรม่วงยิ้ม

  ซือหยูเบิกตากว้างเขาถึงกับรู้เรื่องนี้ด้วย!!

  ซือหยูจับตามองการมาของเทพตำราอยู่ตลอดเวลาแต่ชายแก่ผู้นี้กลับมองแผนของเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

   ตาเฒ่าเจ้ารู้มากเกินไป 

  เทพอสูรเนตรม่วงหัวเราะเบาๆ

   เทพอื่นก็พูดเช่นนี้แต่ไม่มีใครเชื่อใจข้าเว้นแต่องค์หญิงเก้า 

   อืมเพราะนางมันโง่    ซือหยูกล่าวหลายคนไม่อยากจะให้คนที่รู้ความลับของตัวเองอยู่ใกล้ตัว ไม่ต้องพูดถึงการเชื่อใจ

  แต่เจ้าหมาผู้ไร้เดียงสานั้นเป็นคนเดียวที่เสนอที่พักพิงแก่อสูรเทพชราและยังแต่งตั้งให้เป็นเจ้าดินแดนอีกด้วย

   หึหึ… 

  เทพอสูรเนตรม่วงเหลือบมองเจ้าหมาที่นอนหงายท้องหน้าเท้าซือหยูเขาเห็นร่องรอยผนึกบนตัวเจ้าหมา แต่เขาก็ไม่สนใจมันนัก

   เจ้ามาเพื่อเอาตัวองค์หญิงเก้าไปสินะ? 

  เทพอสูรเนตรม่วงส่ายหน้า

   ข้าแก่เต็มทีแล้วข้าไม่มีความกล้าอย่างคนหนุ่มหรอก 

  ใครก็ตามที่มีองค์หญิงในมือจะตกเป็นเป้าหมายของทุกคนนี่เป็นสิ่งที่ทุกคนเชื่อใจแดนจิงหยู

   โอ้?เช่นนั้นเจ้าก็มาหาเด็กอย่างข้าเพื่อพูดคุยแก้เหงาสินะ? 

  ซือหยูถามโดยไม่สนใจนัก

   ถูกแล้ว 

  คำสอบของอสูรเนตรม่วงทำให้ซือหยูสำลัก

   ข้ามาหาเจ้าเพื่อพูดถึงเรื่องชีวิต… 

  เทพอสูรเนตรม่วงเศร้าหมองและดูจริงจัง

  ซือหยูแอบตกใจ

   แต่คนแก่อย่างข้าไม่มีเรื่องชีวิตให้พูดถึงข้าอยากจะพูดถึงเรื่องลูกหลานของข้า 

  เทพอสูรเนตรม่วงบอกเขาเบาๆ

  ซือหยูฟังอย่างอดทนเทพที่มาหาเขาด้วยตัวเองนั้นจะต้องอยากได้อะไรบางอย่าง

   ทายาทข้าสืบทอดฎีกาสวรรค์ไปกำลังจะได้ครองตำแหน่งเทพ เมื่อข้าตาย ตำแหน่งเทพของข้าจะถูกสืบทอดไปยังทายาทตามปกติ 

  เทพอสูรเนตรม่วงกล่าว   หากทุกอย่างเป็นไปตามปกติทายาทข้าจะได้กลายเป็นเจ้าดินแดนหลังข้าตาย แต่หลังจากการมาถึงโลกอสูรของเจ้า ไม่มีอะไรปกติอีกแล้ว 

  อย่างที่คิดเขากำลังจับตาดูซือหยู

   พายักษ์ทะเลขมมาที่เมืองชมทะเลทำให้องค์หญิงเก้าบาดเจ็บสาหัส องค์หญิงหกร้อนรน…เทพทุกคนในแดนจิงหยูมีจุดมุ่งหมายซ่อนเร้น! 

   ที่นี่เคยเป็นแดนแห่งสันติสุขแต่เกิดเรื่องน่าหนักใจนับไม่ถ้วนตั้งแต่เจ้าเข้ามา ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเจ้าเองคือรากเหง้าแห่งความวุ่นวาย 

  เทพอสูรเนตรม่วงมองซือหยู

  รากเหง้าแห่งความวุ่นวายหรือ?ซือหยูคิดตาม ความวุ่นวายต่าง ๆ เกิดขึ้นไม่ว่าซือหยูจะไปที่ใด

  ไม่ว่าเขาจะไปที่เฉินหลงจิวโจว หรือจักรวาล ทุกแห่งมักจะมีลางร้ายและพิรุณโลหิตตามมาเสมอ

  ตั้งแต่ยอดฝีมือจนถึงเทพผู้คนมากมายแตกดับสิ้นไปตามทาง

  เทพอสูรเนตรม่วงเตือนซือหยูว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความโกลาหล!

  เมื่อซือหยูมาถึงพันธมิตรบูรพาเขาทำให้เทพนับร้อยต้องต่อสู้ เขาล้างบางพวกที่อยู่ฝ่ายอสูร เขาเป็นผู้นำความสะพรึงกลัว แม้แต่สวรรค์ยังร่ำไห้เป็นโลหิต

  ในโลกเสี้ยววิญญาณเทพทุกคนตายหมด โลกแปดใบดับสูญ โลกเสี้ยววิญญาณไม่เหลืออยู่อีกแล้ว

  พอมาถึงโลกอสูรเขาทำให้ยักษ์ทะเลขมขึ้นฝั่งก่อนที่สุดท้ายมันจะทำลายแดนจิงหยู

  มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ซือหยูไม่จงใจสร้างหากเขาตั้งใจ ครึ่งโลกอสูรคงจะตกอยู่ในความวิปโยค

   ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไม่ได้มาเพื่อกำจัดรากเหง้าแห่งความวุ่นวายอย่างข้าใช่ไหม?    ซือหยูสุขุมเยือกเย็นหากเทพอสูรเนตรม่วงต้องการสังหารเขา เขาคงจะทำไปแล้ว

  อสูรเนตรม่วงหัวเราะ

   แน่นอนว่าไม่!สังหารเจ้าจะไม่ได้สิ่งใดเลย และข้าก็ฆ่าเจ้าไม่ได้เพราะกับดักที่เจ้าสร้างขึ้นมา 

   หืม?แล้วเจ้าต้องการอะไร? 

  เทพอสูรเนตรม่วงยิ้ม

   ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึ?ข้ามาพูดถึงเรื่องทายาทของข้า! ข้าอยากจะให้เจ้าได้ดูแลทายาทของข้า 

  คำพูดของเขาอุกอาจหากเขามองความลับของซือหยูออกหลายเรื่องเช่นนี้ เขาน่าจะรู้แล้วว่าซือหยูเป็นใครเหนือจักรวาลแห่งนี้ เขาจะส่งลูกหลานตัวเองมาให้ซือหยูทำไมกัน?

   ข้าไม่เคยชอบทำอะไรให้มีปัญหา… 

  ซือหยูปฏิเสธโดยไม่ลังเล

   ทายาทข้าสืบทอดวิถีเทพของข้าสามารถมองทุกอย่างบนโลกได้     นั่นยิ่งเป็นเหตุผลที่จะไม่เก็บมันเอาไว้ข้าดูเหมือนคนที่ชอบให้ใครรู้ความลับงั้นเรอะ? 

   เจ้าไม่ใช่!แต่เราตกลงกันได้ว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้าจะไม่ถูกมองออก 

   นั่นมันยุ่งยากเกินไป 

   ฮ่าๆๆๆเช่นนั้นข้าจะสนับสนุนเจ้าไม่ว่าเจ้าจะวางแผนทำสิ่งใด การจัดการเทพอื่นอีกแปดคนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม้แต่แผนของเจ้าในโลกอสูรก็ตาม 

  ซือหยูเลิกคิ้วจ้องมองเทพอสูรเนตรม่วงเขาพูดอย่างใจเย็น

   เนตรเจ้าน่ากลัวจริงๆ แต่มันคงจะดีถ้าหากใช้ความน่ากลัวนั้นกับศัตรู! 

  ซือหยูยินดีมาก

  ทั้งสองตกลงกัน

  ซือหยูจะช่วยเขาดูแลทายาทเทพอสูรเนตรม่วงจะช่วยซือหยูในขณะที่ยังมีชีวิต

  ในเวลานี้ซือหยูมีศัตรูทั่วทุกมุมโลก เขากำลังต้องการเทพที่เชื่อใจได้

  เทพอสูรเนตรม่วงคือพันธมิตรในอุดมคติ!

  แต่ซือหยูยังคงมีข้อกังขาในใจ

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท