แดนอสูรมีเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำเพียงหนึ่งเดียวและเป็นที่รู้กันว่าอยู่ในมือของจักรพรรดิอสูร
ตั้งแต่ที่พี่หกเกิด…ท่านพ่อให้มันแทนคำอวยพรการเกิดของนาง…
นี่เป็นความลับภายในตระกูลราชวงศ์ที่ไม่มีคนนอกล่วงรู้ได้
เมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ…มันอยู่ในมือองค์หญิงหก!ซือหยูตกใจ!
ซือหยูใช้ความคิดอย่างหนักแววตาของเขาเป็นประกาย หากเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำถูกปลูกขยายพันธุ์ได้ สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้
เทพอสูรเนตรม่วงส่งจดหมายที่ได้ให้กับรัชทายาททุกคน
ซึ่งในคำพูดทางการนั้นคือ…องค์หญิงเก้าเอาตัวรอดจากยักษ์ทะเลขมได้และเชิญพี่น้องเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
แม้ข้ารับใช้ทั้งสี่จะกังวลแต่ทั้งสี่ก็หยุดไม่ได้
องค์หญิงหกได้รับจดหมายเป็นคนแรกนางแปลกใจ
โอ้?เจ้าซือหยูไม่คิดจะนิ่งเฉยสินะ? ถึงกับเชิญรัชทายาททุกคนรวมถึงข้าไปด้วย
เทพตำราขมวดคิ้วเล็กน้อย
เจ้าจะไปหรือไม่?
แน่นอน!
องค์หญิงหกยิ้มเผยฟันขาวราวหิมะ
เหลือเวลาอีกครึ่งปีก่อนพิธีสังเวยทะเลโอกาสที่พวกเราจะได้รวมตัวกันไม่มีอีกแล้ว และซือหยูยังเป็นผู้จัดงานเลี้ยงนี้ ทุกคนจะต้องไปแน่นอน
ทำไมกันเจ้าไม่อยากให้ข้าไปรึ?
องค์หญิงหกหันไปมองเทพตำรา
เทพตำราส่ายหน้าด้วยสายตาประหลาดก่อนจะตอบ
ไม่
ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เหล่ารัชทายาทได้รับคำเชิญและตอบตกลงแก่เทพอสูรเนตรม่วง
แต่ยกเว้นอยู่หนึ่งคน
รัชทายาททุกคนเต็มใจมาตามคำเชิญยกเว้นองค์ชายเจ็ดงั้นรึ?
ซือหยูกระพริบตาหลังจากได้รับคำตอบของเทพอสูรเนตรม่วง
องค์ชายเจ็ด…องค์ชายที่มีพลังอันยอดเยี่ยมผู้นั้นน่ะรึ?
ในบรรดารัชทายาทแม้เขาจะอายุน้อย พลังของเขาก็มั่นคงและแข็งแกร่งเป็นสามอันดับแรก เป็นรองเพียงแค่องค์ชายหนึ่งและองค์หญิงหกเท่านั้น
การปฏิเสธของเขานับว่านอกเหนือความคาดหมาย แต่แม้จะไม่มีเขามันก็ไม่ส่งผลกระทบต่ออะไรมากนัก
ครึ่งเดือนต่อมาเหล่ารัชทายาทได้มายังเมืองชมทะเลเพื่อเยี่ยมองค์หญิงเก้า
ซือหยูปล่อยองค์หญิงเก้าออกมาเพราะนางจะกลายเป็นจุดสนใจนางนั่งบนที่นั่งเจ้าเมืองเพื่อทักทายรัชทายาทที่มาเยี่ยม
เวลาดำเนินไปจนมื้อเที้ยงทุกคนถูกย้ายไปยังห้องใหญ่
มีผนึกพิเศษในห้องนี้ซึ่งเป็นผนึกจากเทพอสูรเนตรม่วงจะไม่มีเทพใดลอบฟังได้
เหล่ารัชทายาทตาลุกวาวพวกเขารู้ว่ากำลังถึงสิ่งที่ตนตั้งตารอแล้ว!
ผู้นำงานเลี้ยงยังคงเป็นองค์หญิงเก้านางนั่งรอเหล่ารัชทายาทอยู่แล้ว
แต่เมื่อเหล่ารัชทายาทเข้าสู่ห้องพวกเขาก็เป็นว่าองค์หญิงเก้าไม่ได้นั่งเก้าอี้หลักอีกแล้ว เป็นอสูรผมสีเงินที่นั่งแทนนาง
องค์หญิงเก้าที่เป็นคนเชิญนอนหมอบแทบเท้าของเขาราวกับสัตว์วิญญาณ
เหล่ารัชทายาทไม่รู้ว่าซือหยูเป็นใครแต่พวกเขารู้ว่าเขาเป็นผู้ที่มีองค์หญิงเก้าในมือ
รัชทายาทบางคนไม่สนใจนักในขณะที่คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจกับภาพที่ได้เห็น
บุตรสาวแห่งจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันของมเหสีหยุนเซี่ย ได้กลายเป็นสัตว์วิญญาณของอสูรตนอื่น
อสูรขนนกมเหสีหยุนเซี่ยถูกใจเจ้า เราเข้าใจดี แต่วันนี้คือวันที่พี่น้องได้กลับมารวมตัวกัน ขอให้คนนอกหลีกทางไปจะได้หรือไม่?
องค์หญิงสองกล่าว
ซือหยูเหลือบมองนางด้วยความชื่นชมเล็กน้อยท่ามกลางรัชทายาททั้งเก้า นางเป็นคนเดียวที่พูดเพื่อเจ้าหมา
หึหึฝ่าบาท ข้าเชิญพวกท่านมาที่นี่เพื่อให้โอกาสได้หารือเรื่องความเป็นความตายต่อกัน มิเช่นนั้น พวกท่านก็คงจะหาข้ออ้างในการรวมตัวกันเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว
องค์หญิงสองขมวดคิ้ว
เจ้ารู้เรื่องของพวกเรา!เจ้าไม่กลัวว่าเราจะฆ่าเจ้ารึ?
ปิดปากข้าน่ะรึ?ข้ารู้อยู่แล้ว แต่จะได้ประโยชน์อันใดเล่า? เพราะข้ารู้เรื่อง ข้าจึงเรียกรวมตัวในวันนี้เพื่อที่จะช่วยเหลือ…
ซือหยูกล่าวช้าๆ
องค์หญิงสองยิ้มเยาะ
เจ้าเมืองไร้อำนาจอย่างเจ้าจะไปทำอะไรได้?
แม้ตำแหน่งเจ้าเมืองของข้าจะไม่พอแต่ถ้าหากข้ามีอีกตัวตนหนึ่งเล่า?
หา?องค์หญิงหกแปลกใจ นางมองซือหยูด้วยความสงสัย
อีกตัวตนรึ?หรือว่าเจ้าจะเป็นคนจากศาลอสูร?
ซือหยูยิ้มและส่ายหน้า หากข้าเป็นศาลอสูรข้าจะถูกศาลอสูรมากล่าวโทษต่อหน้าทุกคนในเมืองหรือ?
หรือเจ้าอยู่ฝ่ายมเหสีหยุนเซี่ย?ไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะมาช่วยพวกเราไม่ใช่รึ?
องค์หญิงสองกล่าวด้วยความชิงชัง
ฮ่าๆๆๆๆฝ่าบาท ข้าจะบอกว่าท่านมีคุณธรรม หยาบคาย หรือโง่เง่าดีล่ะ? ตอนท่านมา ท่านควรจะเห็นข้ารับใช้ทั้งสี่ของมเหสีหยุนเซี่ยที่จับตามองอยู่แล้วไม่ใช่รึ? ท่านคิดว่าพวกนางจับตาดูเมืองข้าเพราะกลัวว่าข้าจะเป็นหวัดหรือยังไง?
เหล่ารัชทายาทเงียบกริบตอนที่พวกเขามา พวกเขาสัมผัสข้ารับใช้เหล่านั้นได้ สถานการณ์ของอสูรตนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่ข่าวกล่าวมา
มเหสีหยุนเซี่ยกำลังจับตามองเขา!
ถ้าเช่นนั้นเจ้าเป็นใครกันแน่? บอกพวกเราเดี๋ยวนี้!
องค์หญิงสองถาม ซือหยูหรี่ตา
ข้าคือ…หึหึเทพขนนกแห่งพันธมิตรบูรพา!
ทันทีที่พูดทุกคนก็ตกตะลึง
องค์หญิงหกแอบตกใจนางเป็นคนเดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของซือหยู แต่นางไม่คิดว่าซือหยูจะกล้าประกาศออกมาต่อรัชทายาททุกคน!
อะไรนะ?เจ้าเป็นชาวต่างถิ่นงั้นเรอะ! มาปะปนอยู่ในโลกอสูรของข้าและกลายเป็นเจ้าเมือง…เจ้าคิดจะทำเรื่องชั่วช้าอะไรกันแน่?
องค์หญิงสองหรี่ตามองซือหยูและจู่โจมเขาในทันที
โอ้องค์หญิงสอง ใจเย็นลงก่อน
แสงสีม่วงแล่นผ่านหยุดนาง
เทพอสูรเนตรม่วงเจ้า เจ้าทรยศโลกอสูรงั้นเรอะ? เจ้าไม่กลัวว่าสุดท้ายจะถูกศาลอสูรไล่ล่าเรอะ?
องค์หญิงสองตะโกนเสียงดัง ซือหยูหรี่ตา
ข้าคือ…หึหึเทพขนนกแห่งพันธมิตรบูรพา!
ทันทีที่พูดทุกคนก็ตกตะลึง
องค์หญิงหกแอบตกใจนางเป็นคนเดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของซือหยู แต่นางไม่คิดว่าซือหยูจะกล้าประกาศออกมาต่อรัชทายาททุกคน!
อะไรนะ?เจ้าเป็นชาวต่างถิ่นงั้นเรอะ! มาปะปนอยู่ในโลกอสูรของข้าและกลายเป็นเจ้าเมือง…เจ้าคิดจะทำเรื่องชั่วช้าอะไรกันแน่?
องค์หญิงสองหรี่ตามองซือหยูและจู่โจมเขาในทันที
โอ้องค์หญิงสอง ใจเย็นลงก่อน
แสงสีม่วงแล่นผ่านหยุดนาง
เทพอสูรเนตรม่วงเจ้า เจ้าทรยศโลกอสูรงั้นเรอะ? เจ้าไม่กลัวว่าสุดท้ายจะถูกศาลอสูรไล่ล่าเรอะ?
องค์หญิงสองตะโกนเสียงดัง เทพอสูรเนตรม่วงยิ้มตอบ
ถ้าเช่นนั้นข้าขอบังอาจถามองค์หญิงสองที่ภักดีต่อโลกอสูร…สุดท้ายแล้วชะตาท่านจะจบเช่นใดรึ?
ข้า…
องค์หญิงสองพูดไม่ออกนางภักดีแต่สุดท้ายก็ถูกเลือกให้เป็นเครื่องสังเวยทะเลขมในครั้งหน้า
นางมองรัชทายาทที่เหลือและก็ต้องตกใจที่ไม่มีใครมุ่งร้ายต่อซือหยูเลย
เหล่ารัชทายาทกลับโล่งใจมากขึ้น
ซือหยูในฐานะคนนอกนั้นน่าจะไม่ได้สมคบคิดกับมเหสีหยุนเซี่ยอย่างที่คิด
พวกเขามีศัตรูคนเดียวกัน!
เจ้าเข้าใจแล้วสินะ
ซือหยูยิ้มและเหลือบมองเหล่ารัชทายาทที่มา
พวกเจ้าก่อกบฏส่วนข้าจะหาทางหนีให้กับพวกเจ้า!
เขาพูดสั้นๆ ได้ใจความ เพื่อนำประเด็นหลักในการรวมตัวครั้งนี้
เจ้าจะหาทางหนีทีไล่ให้กับพวกเรารึ?
องค์หญิงสองถามและมองซือหยูหัวจรดเท้าอย่างไม่เชื่อสายตา
เจ้ายังมีเทพพันธมิตรอีกหลายคนเพื่อช่วยในตอนนี้อีกหรือ?
ข้ามาคนเดียว
อะไรนะ!แล้วเจ้ากล้าพูดว่าจะทำการใหญ่แบบนี้ได้ยังไง เจ้าคิดว่าเจ้าจะช่วยพวกข้าได้เรอะ?
องค์หญิงสองส่ายหน้า
เหล่ารัชทายาทอื่นดูใจเย็นและไม่คาดหวังมากนัก
พวกเขารู้ดีว่ากุญแจในการหนีก็คือพลังราชวงศ์ของตัวเองหากยังมีพลังอยู่ ไม่ว่าจะหนีไปที่ใด พวกเขาก็มิอาจรอดชีวิตจากศาลอสูรได้ หึหึ
ซือหยูยิ้มจางๆ เขาอุ้มเจ้าหมาในอ้อมแขนและลูบขนนางด้วยมือขวา เขาลูบตั้งแต่หัวไปถึงเท้า
เจ้าหมาตัวสั่นดวงตานางเปล่งแสง
แต่ในตอนนั้นเองเจ้าหมาก็อุทาน
อ๊ะ!ปราณ…ราชวงศ์ของข้า!
ใช่แล้ว!เสียงอุทานของนางทำให้เหล่ารัชทายาทหันมอง
ฟึ่บ!
เหล่ารัชทายาทลุกขึ้นด้วยความสะพรึงกลัวพวกเขาเบิกตากว้าง พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปราณราชวงศ์ของเจ้าหมาถูกลบหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย!
เจ้าหมาดูไม่ต่างจากอสูรทั่วไปพวกเขาสัมผัสปราณราชวงศ์ไม่ได้เลย
หาเป็นเช่นนี้หากพวกเขาหนีจากแดนอสูร นอกจากศาลอสูรจะพลิกหาทั่วทุกมุมธารดารา ก็จะไม่มีใครหาตัวพวกเขาเจอได้อีก!
พวกเขาต่างหันมองซือหยูอย่างตื่นเต้นด้วยแววตาร้อนแรง
แน่นอนว่ามันคือสายตาของความโลภ
ทันทีที่เทพอสูรเนตรม่วงกลับมาได้สติเขาเข้าใกล้ด้านหลังของซือหยูเพื่อคุ้มกันและพูดเบา ๆ
ลงมือตอนนี้จะไม่เร็วไปหน่อยรึ?
แต่การเตือนของเขาก็มิอาจหยุดความตื่นเต้นอันร้อนระอุของเหล่ารัชทายาทได้
หากฝันร้ายจากทะเลขมพันธนาการพวกเขาเอาไว้พวกเขาจะต้องหวาดกลัวไปหลายสิบปี ความหวังเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ
ตอนนี้พวกเขาได้เห็นแสงแห่งความหวังแล้วแม้มันจะมาจากเจ้าเมืองเล็ก ๆ ก็ตาม!
ซือหยูผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาเหล่านั้นจากรัชทายาท…เจ้าพวกอ่อนแอเอ้ย
นั่งลง! ในตอนนั้นเองเสียงอันน่าดึงดูดที่ไม่ดังนักก็ดังมาจากปากองค์ชายที่ไม่เคยลุกยืนขึ้นเลย
ใบหน้าเขาสงบนิ่งแววตาสุขุมสดใส เขาดูพึ่งพาได้
เมื่อเขาพูดเหล่ารัชทายาทเงียบและนั่งลงอีกครั้งด้วยความเคารพนับถือต่อองค์ชายผู้นี้
ซือหยูมองชายคนนั้นหากสั่งการได้อย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาจะต้องเป็นองค์ชายตามคำร่ำลือ!
เขามีคุณสมบัติดีที่สุดในการก้าวข้ามจักรพรรดิอสูร
องค์ชายหนึ่งเงยหน้ามองซือหยูด้วยสายตาที่ลึกล้ำและเฉียบคม
ซือหยูเจ็บเล็กน้อยที่ดวงตาเขาหรี่ตาแอบปล่อยพลังเทพเพื่อขจัดความเจ็บปวดจากสายตาเฉียบคมของฝั่งตรงข้าม
เจ้ามีพลังในการเปิดทางหนีให้พวกข้าแล้วพวกข้าต้องแลกกับสิ่งใดล่ะ?
ซือหยูยิ้ม
ในที่สุดก็ได้เจอคนที่รู้ว่าการแลกเปลี่ยนคืออะไร!
ข้าช่วยเจ้าขจัดปราณราชวงศ์และพวกเจ้าจะต้องช่วยข้าหนีจากโลกอสูร
ซือหยูตอบ
องค์ชายหนึ่งคิดไม่นานเขาตกลงแทนเหล่ารัชทายาทที่เหลือ
ย่อมได้!หากการยึดอำนาจสำเร็จ เจ้าจะอยู่หรือไปได้ตามใจอยาก แต่ถ้าหากเราล้มเหลว เราจะพาเจ้าหนีออกไปด้วยกัน ในเงื่อนไขที่เจ้าต้องขจัดปราณราชวงศ์ให้กับเรา
ตกลงตามนั้น!
องค์ชายหนึ่งพยักหน้าเขากับซือหยูแห่งพันธมิตรบูรพาร่วมมือกันแล้ว
ต่อมาทั้งสองฝ่ายหารือกันในรายละเอียด ซือหยูจะขจัดปราณราชวงศ์ให้ก็ต่อเมื่อเขาหนีจากแดนอสูรได้แล้วเท่านั้นดังนั้นก่อนที่จะหนี จะต้องมีรัชทายาทติดตามซือหยูทุกฝีก้าวเพื่อปกป้องและจับตาดูในขณะเดียวกัน
ส่วนเรื่องคนที่จะรับหน้าที่นี้นั้นองค์หญิงสองเป็นผู้อาสา นางจ้องซือหยูตาเขม็ง
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้านี่มีโอกาสใช้อุบายไม้ใดกับพวกเรา!
เหล่ารัชทายาทมองหน้ากันและพูดคุยกันต่อไปองค์หญิงสองดูจะไม่ได้รับความเชื่อมั่นนัก
ให้น้องหกจัดการ!
องค์ชายหนึ่งพูดเบาๆ
องค์หญิงสองปฏิเสธ
ข้าทำได้น่า!
องค์ชายหนึ่งมองนางและส่ายหน้า
เจ้าอารมณ์ร้อนและรับมือกับซือหยูไม่ได้ เพียงการเผชิญหน้าไม่นานองค์ชายหนึ่งก็เดาทางของซือหยูออกว่าเขาจะต้องเป็นจอมวางแผน มีเพียงคนที่ฉลาดกว่าเขาเท่านั้นที่จะรับมือกับเขาได้
ในบรรดารัชทายาทองค์หญิงหกนั้นขึ้นชื่อในความเฉลียวฉลาด เหมาะที่สุดที่จะให้นางรับหน้าที่นี้
เจ้าบอกว่าข้าโง่ก็ได้!
องค์หญิงสองกำหมัดด้วยความโมโห
องค์ชายหนึ่งมององค์หญิงหก
น้องหกเจ้าว่าอย่างไร?
หึหึก็ได้ ข้าจะทำหน้าที่นี้เอง!
องค์หญิงหกหันมายิ้มราวกับบุพผาที่เบ่งบานนางมองซือหยูด้วยความเจ้าเล่ห์
เจ้าคนไร้หัวใจดูเหมือนจะเจ้าสลัดข้าไม่พ้นนะ