แต่งรักมัดใจบอส – บทที่ 214 ปีนเขา

แต่งรักมัดใจบอส

เนื้อจานนั้นดูครบครันด้วยสีสัน กลิ่นและรส เพียงแค่เห็นก็ต้องกลืนน้ำลายแล้ว วรกัญญานั้นอดไม่ไหวจริงๆ เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วกินเข้าไป เนื้อย่างนี่เยี่ยมมาก นุ่มละมุน หอมแล้วยังชุ่มฉ่ำ ที่พิเศษสุดก็คือรสเป็ดจัดจ้าน ทำให้รู้สึกกินแล้วอยากกินอีก

“ย่างได้ไม่เลว อร่อยจริงๆ” วรกัญญาชมเชยชลธี ตรงไหนที่ควรชมก็ต้องชม แต่ว่าวรกัญญาเองก็กลบเกลื่อนชลธีเช่นกัน เพื่อให้เขาผ่อนคลายและไม่ต้องคอยเตรียมพร้อมตลอดเวลลา

“ผมจะไปย่างผักมาให้คุณอีกหน่อย มันอร่อยเหมือนกันครับ แต่คุณกินเผ็ด อักลี่คงกินเผ็ดขนาดนั้นไม่ได้ ผมจะแยกกันย่างให้พวกคุณนะครับ” ชลธีวิ่งไปวิ่งมา แต่กลับรู้สึกสงบใจอย่างมาก

ไม่ว่าอักลี่จะเป็นลูกของใคร เขาก็ชอบทั้งนั้น

“อักลี่ พ่อของนายทำอาหารเป็นไหม?” ชลธีโน้มตัวไปถามที่ข้างหูของเขา

“คุณพ่อ? ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อของผมทำอาหารเป็นไหม ที่บ้านผมแม่ครัวเป็นคนทำอาหารทั้งหมดเลยครับ” ที่อักลี่พูดนั้นก็เป็นความจริง คุณพ่อเขาก็ยังไม่เคยเจอ แน่นอนว่าไม่รู้ว่าเขาทำอาหารเป็นหรือเปล่า

แต่คำตอบของอักลี่ กลับทำให้ชลธีเข้าใจผิด เขานึกว่าอักลี่บอกเขาว่าคนในบ้านทุกคนไม่ต้องทำอาหาร

“อ๋อ งั้นอักลี่ชอบเนื้อที่ลุงย่างหรือเปล่า?” ชลธีถามเขาอีกครั้ง

“ชอบฮะ ชอบมากเลย ถ้าได้กินเนื้อที่คุณลุงย่างทุกวันก็ดีสิฮะ” อักลี่กินจนมุมปากมันเยิ้มไปหมด

เมื่อได้ยินคำชื่นชมของอักลี่และคำชมเชยของวรกัญญาเมื่อครู่ ชลธีก็รู้สึกว่าตัวเองมีพลังล้นเหลือ

นักแสดงเต้นรำบนเวทีเต้นไปได้พอสมควรแล้ว ก็ทยอยกันเดินลงมา เชิญชวนให้ทุกคนร่วมเต้นรำไปด้วยกัน

ทุกคนจับมือกันแล้วเต้นไปรอบๆ กองไฟ ข้างซ้ายของชลธีคืออักลี่ ส่วนข้างขวาก็คือวรกัญญาพอดี

ชลธีจูงมือของทั้งสองคนไว้ มือของเขาก็ตื่นเต้นจนเหงื่อออกแล้ว เขากลัวว่าวรกัญญาจะสลัดมือของตัวเองออก

แต่ก็ยังดีที่วรกัญญาดูเหมือนจะไม่ได้รู้ตัว เธอดูการสาธิตของนักแสดงอย่างจริงจังมาก แล้วค่อยๆ เรียนไปช้าๆ และยังเต้นได้ค่อนข้างดีอีกด้วย

เนื่องจากเช้าวันที่สองจะไปปีนเขา ดังนั้นเมื่อกินไปพอสมควรและได้เล่นอย่างเต็มที่แล้ว ทุกคนจึงเตรียมจะกลับไปพักผ่อน

อักลี่นั้นหลับไปแล้ว ชลธีแบกเขาเอาไว้แล้วค่อยๆ เดินมุ่งไปยังวิลล่า

วรกัญญาตามอยู่ข้างหลัง ส่วนโธรณีและจันวิภานั้นไม่รู้ว่าวิ่งหายไปไหนนานแล้ว ทั้งสามคนเดินด้วยกัน เหมือนกับเป็นสามคนครอบครัว ทำให้วรกัญญารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก

“ชลธี เอาอักลี่มาให้ฉันเถอะ ฉันจะอุ้มเขากลับไป ฉันอุ้มจนชินแล้ว” วรกัญญาพูดกับชลธี

“ในฐานะผู้ช่วยคนหนึ่ง มองประธานที่กำลังยุ่งอยู่โดยที่ตัวเองยืนนิ่งไม่ทำอะไรอยู่ข้างๆ นอกเสียจากผมจะอยากตกงานแล้วล่ะ ประธาน ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมจะพาเดินไปส่งในวิลล่าให้ครับ” ชลธีอธิบายอยู่เสมอว่าตัวเองคือผู้ช่วย เรื่องหลายอย่างก็ควรจะให้เข้ามาช่วย

แม้วรกัญญาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดของชลธีมีอะไรไม่ถูกต้อง แต่เธอก็มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ

ชลธีวางอักลี่ลงบนเตียง เมื่อถอดเสื้อผ้าแล้ว ถอดรองเท้าแล้ว ห่มผ้าห่มเรียบร้อย เขาจึงเดินออกไปจริงๆ

แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะถอดเสื้อผ้าและรองเท้าอย่างงุ่มง่าม แต่วรกัญญากลับรู้สึกว่าภาพนั้นดูอบอุ่นมาก

วรกัญญา เธอกำลังคิดอะไรน่ะ? ที่คนคนนั้นเข้าใกล้เธอต้องมีจุดประสงค์แน่ สติ ต้องดึงสติ วรกัญญาส่ายหัว เธอพยายามทำให้ตัวเองได้สติ ไม่ให้ไปคิดถึงสิ่งที่ชลธีทำ

เช้าวันต่อมาตอนที่เตรียมตัวจะไปปีนเขา อักลี่ก็ยังง่วงอยู่มาก เพื่อจะไม่ให้ชลธีตกงาน เมื่อวานเขาจึงเรียนว่ายน้ำจนเกินกำลังกาย ดังนั้นวันนี้จะใส่เสื้อผ้าหรือกินข้าวเขาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเลย

“มุก พวกเราผลัดกันแบกเถอะ อีกเดี๋ยวเด็กคงจะตื่นแน่” จันวิภาแนะนำ การปีนเขามันเหนื่อยมาก วรกัญญาคนเดียวแบกเด็กไว้ คงจะรับไม่ไหวแน่นอน

“ไม่เป็นไร ฉันชินแล้วล่ะ แต่ถ้าอีกเดี๋ยวฉันเหนื่อยแล้ว พวกเธอก็ช่วยฉันได้นะ” วรกัญญาปฏิเสธ แต่ต่อมาเธอก็ใคร่ครวญดูแล้ว คนอื่นเขาก็มีเจตนาดี ดังนั้นเธอจึงเสริมเข้าไปอีกหนึ่งประโยค

วันนี้วรกัญญาตั้งใจใส่ชุดกีฬาสีดำกับกางเกงขายาวเป็นพิเศษ ผิวของเธอไม่ดีนัก เธอถูกยุงกัดและเป็นภูมิแพ้ได้ง่าย ดังนั้นเธอจึงทำการปกป้องไว้อย่างดี และเธอก็ทายากันยุงให้อักลี่แล้วด้วย จากนั้นก็แบกอักลี่ขึ้นบนหลังแล้วออกเดินทาง

ตามที่วรกัญญาคาดไว้ ตอนที่เพิ่งจะขึ้นเขา ชลธีและทศพรก็รอพวกเธออยู่ที่นั้นเรียบร้อยแล้วจริงๆ

เนื่องจากยังเช้ามาก ที่เชิงเขาจึงยังมีหมอกอยู่ ทว่าอุณหภูมิก็ไม่ถือว่าต่ำมาก แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือในมือของชลธีนั้นถือผ้าห่มบางๆ ผืนหนึ่งอยู่

“ผมรู้ว่าเจ้าหนูน้อยต้องการนอนหลับ มาให้ผมอุ้มเถอะครับ เช้านี้มีหมอกหนา เด็กต้องห่อตัวไว้หน่อย เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา” ชลธียกผ้าห่มผืนเล็กที่ถืออยู่แล้วพูดกับวรกัญญา

เขาเองก็คิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เมื่อวานการแสดงของเด็กน้อยทำให้เขาประทับใจมาก เด็กกลัวว่าเขาจะตกงานจึงเรียนว่ายน้ำตลอดโดยไม่พักผ่อนเลย ดังนั้นจึงทำได้เร็วขนาดนั้น

กลางคืนตอนที่กินอาหาร เปลือกตาของอักลี่จะปิดอยู่แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังยืนกรานจะกินเนื้อที่เขาย่าง

ชลธีรู้สึกว่าเด็กคนนั้นเหมือนกับวรกัญญามาก พวกเขาต่างก็เป็นคนที่จิตใจดีมากๆ

“ไม่ต้อง ไม่เป็นไร ฉันแบกเองก็พอแล้ว เฮ้ เฮ้” วรกัญญายังไม่ทันพูดจบ อักลี่ก็ถูกชลธีอุ้มไปเสียแล้ว

เดิมเธอคิดว่าอักลี่ที่ถูกอุ้มไปกะทันหันต้องงอแงแน่ แต่เด็กคนนั้นก็โผเข้าหาอ้อมกอดของชลธี กลับกันยังรู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิม

“งั้นก็ขอบคุณนะ” วรกัญญาแสดงความขอบคุณกับชลธี

พอไม่มีอักลี่อยู่บนหลังของตัวเองแล้ว วรกัญญาก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก เธอรับสัมภาระของตัวเองมาจากมือของจันวิภา แล้วเริ่มก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่

เมื่อปีนขึ้นไปถึงไหล่เขา พระอาทิตย์ถึงเพิ่งขึ้นมา แสงที่ทองที่สาดลงบนต้นไม้ บนหญ้าและดอกไม้ป่าข้างๆ นั้น เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผืนแผ่นดิน

“เอาล่ะ พวกเราพักกันที่นี่สักหน่อย อีกเดี๋ยวเราจะขึ้นไปบนยอดเขากัน” ทศพรจัดแจงให้ทุกคนพักผ่อน เส้นทางที่ผ่านมานั้นค่อนข้างเดินง่ายอยู่สักหน่อย แต่ระยะทางก็ค่อนข้างไกล

ทางต่อไปข้างหน้าจะค่อนข้างชัน แต่ว่าระยะทางไม่ได้ไกลมาก

“โอเค งั้นพวกเราพักผ่อนกันสักหน่อยเถอะ เราจะได้กินอะไรเพิ่มและเติมพลังให้ร่างกายสักนิดด้วย” จันวิภาและโธรณีเองห็เห็นด้วย

ทศพรหยิบผ้าปูโต๊ะที่ตัวเองเอามาออกมา ปูลงบนพื้น แล้วหยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา

วรกัญญาเองก็เอาของกินมามากมายเช่นกัน ติ่มซำที่ทำเมื่อวานก็ยังมีอยู่

ของกินเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ปูเอาไว้ การกินอาหารเช้าอย่างเร่งรีบเกินไป บวกกับการปีนเขาเป็นเวลาชั่วโมงกว่า ทุกคนจึงต่างก็รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว

“ว้าว ของกินเยอะแยะเลย ฉันต้องกินมากหน่อย อีกเดี๋ยวจะได้พุ่งขึ้นบนยอดได้” เมื่อโธรณีเห็นของกิน เธอก็ตื่นเต้นมาก

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเริ่มกินกัน ชลธีอุ้มอักลี่เอาไว้ในอ้อมแขน เด็กคงเหนื่อยมากจริงๆ

“ทุกคนกำลังกินอะไรกันน่ะ? ผมเองก็อยากกิน” อาจเป็นเพราะทุกคนกินกันเสียงดังเกินไป จึงปลุกอักลี่ที่หลับปุ๋ยอยู่ตลอดให้ตื่นขึ้น

แต่งรักมัดใจบอส

แต่งรักมัดใจบอส

Status: Ongoing
ภายในหนึ่งเดือน แต่งงาน หย่า แต่งงาน มุกดาไม่รู้ว่าตนสุขหรือทุกข์กันแน่แต่งงานอีกรอบกลับไม่รู้ว่าสามีเธอเป็นใครแค่กลางคืนกับมานอนกับเธอตรงเวลา”ประธานชลธี ฉันจะลาออก” “ได้ เธอดูสัญญาให้ดี “จ่ายเงินละเมิดสัญญาสิบล้านมาซะ แล้วเธอจะไปไหนฉันก็ไม่ห้ามในการทำงานยังเจอประธานโรคจิต มุกดารู้สึกว่าชีวิตเธอช่างมืดมนไร้แสงสว่างยิ่งนักแต่ทว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ มุกดาคิด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท