ตอนที่ 1330 – ช่วยชีวิตเงือก
เงือกคนพี่เพ่งสมาธินางพยายามสัมผัสพลังเทพที่อยู่ด้านหลัง
แต่นางสัมผัสเทพไม่ได้สักหนึ่งตำแหน่งนางได้แต่สงสัย
‘ไหนล่ะจิตเฝ้าสุสานระดับเทพ?’
‘เขาทำเป็นใจเย็นข้าว่าเขาคงพูดเกินจริงไปแล้ว’
ผ่านไปนานสิ่งที่ซือหยูพูดว่าจิตเฝ้าสุสานระดับเทพก็ไม่ปรากฏตัวออกมา
ทั้งสามเข้าใกล้กับเรือลำยักษ์มากแล้วพวกเขาสัมผัสได้ถึงเผ่าเงือกที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เงือกคนพี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมั่นใจว่านางคิดถูก นางก็ฉีกยิ้ม
ไหนล่ะจิตเฝ้าสุสานเทพที่เจ้าพูดถึง?
ซือหยูยักไหล่ พวกมันอยู่กับเรามาโดยตลอด
แล้วทำไมพวกเราไม่เห็นล่ะ?
รอยยิ้มของเงือกคนพี่หายไปช้าๆ นางถามตัวเอง
‘ถ้ามันอยู่ที่นี่จริงทำไมเขาจึงใจเย็นอยู่ได้?’
ซือหยูพูด
ไม่แปลกที่เจ้าจะสัมผัสพวกมันไม่ได้
ซือหยูมีแหล่งพลังเทพสองดวงที่มอบพลังเทพให้กับเขาสัมผัสเทพของเขาจึงเหนือกว่าใคร
เงือกคนพี่เป็นเซียนขั้นสี่ซึ่งยังห่างชั้นกว่าจะได้เป็นว่าที่เทพ
นางส่ายหน้ายิ้ม
ต่อให้ข้าสัมผัสไม่ได้วันนี้เจ้าก็ช่วยข้ากับน้องสาวเอาไว้ เผ่าเงือกจะตอบแทนเจ้า
หากไม่มีซือหยูพี่น้องเงือกคู่นี้คงจะหนีจากจิตเฝ้าสุสานนับพันไม่ได้ ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพื่อสิ่งตอบแทนไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปที่เรือเถอะ!
ซือหยูพูดด้วยตาเป็นประกาย
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามทั้งสามได้มาถึงเรือยักษ์
เมื่อเขาได้เห็นเรือกับตาจึงได้เห็นว่าเรือมีขนาดเท่ากับโลกครึ่งใบเขามองเห็นตัวเรือทั้งลำเมื่ออยู่ใกล้ไม่ได้เลย เห็นแต่เพียงกำแพงมืดที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
ผิวเรือรบลำนี้เรียงรายไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง
เหมือนกับว่าเรือลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของโลกหนึ่งใบ
ซือหยูเบิกตากว้างทั้งโลกได้ถูกสร้างเป็นเรือรบ วิธีการสร้างโครงสร้างเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนในธารดารา
เขามองดูเรือรบบอกได้เลยว่ามันต้องเคยยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่งในยุคของแดนเทพโบราณเมื่อครั้งอดีต มีชั้นม่านพลังสีแดงปกคลุมผิวเรือทั้งลำ
ซือหยูตรวจสอบม่านพลังไม่นานและต้องผงะพลังของม่านพลังนี้แข็งแกร่งกว่าทุกสิ่งบนโลกในธารดารา แม้แต่ม่านพลังแดนอสูรยังเทียบไม่ติด
มันแข็งแกร่งจนเทพทั่วไป…จนแม้แต่เทพอสูรหกวิถีก็มิอาจทะลวงได้
นอกจากยักษ์ทะเลขมแล้วไม่มีสิ่งใดบนธารดาราที่จะทะลวงม่านพลังนี้
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นม่านพลังบางเบาที่เคยมีอยู่บนเรือด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ม่านพลังนี้จะต้องแข็งแกร่งอย่างที่เขาจินตนาการไม่ถึง
ซือหยูรู้สึกว่ากำลังได้เข้าสู่อารยธรรมใหม่อันสุดยอดจากผู้ที่เคยอยู่ในยุคหิน
แดนเทพโบราณ…มันคือยุคสมัยใดกันแน่?
ซือหยูพึมพำ
เงือกคนพี่พยักหน้า พวกเราก็สงสัยเช่นเดียวกับเจ้าว่ายุคอันสุดยอดในอดีตถูกทำลายในข้ามคืนได้ยังไง! และเรือลำนี้ที่เป็นแหล่งพักพิงแก่เผ่าเงือกมาหลายพันล้านปีอีก แดนเทพโบราณเคยยิ่งใหญ่เพียงใดกัน?
เงือกคนน้องพูดขึ้นบ้าง
ตำราเขียนว่ามันคือยุคสมัยที่นักรบเทพแห่งฟ้าดินถือกำเนิดพวกเขาได้สร้างโลกและสร้างเผ่าทองแดง เผ่าเงิน และเผาทองคำในตำนานขึ้นมา น่าเศร้าที่เผ่าในตำนานทั้งสามไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว แต่ยังเหลือเผ่าพันธุ์ทองแดงบางเผ่าที่ยังเหลือรอด เผ่าทอง เผ่าเงิน และนักรบแห่งฟ้าดินล้วนตายไปหมดแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไร้ซึ่งนักรบเทพแห่งฟ้าดิน
ทั้งสามที่หวนคิดถึงอดีตเคลื่อนไหวเข้าหาม่านพลัง
มีทางเข้าที่เปิดได้จากภายในเท่านั้นอยู่
ถ้าไม่มีการตอบรับต่อให้เทพอสูรหกวิถีมา เขาจะเข้าไปไม่ได้ เงือกคนพี่สังเวยโลหิตหนึ่งหยดลงบนแผ่นหยกที่อยู่ตรงทางเข้า
หยดโลหิตถูกดูดซับไม่นานเสียงอันตื่นเต้นก็ดังมาจากด้านใน
องค์หญิงกลับมาแล้ว!
องค์หญิงรึ?ซือหยูผงะ เขามองดูทั้งสองอีกครั้ง
เงือกคนพี่กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
เจ้าแปลกใจรึ?ข้ากับน้องคือองค์หญิงเผ่าเงือกยังไงล่ะ
เจ้าจะเป็นองค์หญิงหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับข้า?
ซือหยูยิ้มเงือกทั้งสองไม่เผยตัวตนกับเขาเพื่อความปลอดภัย เผื่อว่าซือหยูจะคิดร้าย
เงือกคนพี่ขมวดคิ้ว
เจ้ามันเย็นชาไร้ความรู้สึก!
ทางเข้าเปิดครึ่งทางเผยให้เห็นม่านพลังอีกชั้น ทั้งสองฝั่งสามารถมองกันได้แล้ว
ด้านในมีกลุ่มเงือกที่ถือหอกอยู่หนึ่งกลุ่ม
มีทั้งบุรุษและสตรีสตรีนั้นงดงามอย่างโดดเด่น บุรุษนั้นหน้าตาดีและมีกำลังวังชา
หัวหน้าหน่วยนี้เป็นเงือกชายที่มีหางใหญ่สามสีร่างของเขากำยำ แววตาคมกริบดั่งเหยี่ยว
พลังของเขามากพอในระดับของว่าที่เทพขั้นกลาง
เขาดูอวดดีแต่เขาโอบอ้อมอารีต่อเงือกทั้งสองนาง
ป้าหยีผู้นี้ขอต้อนรับองค์หญิงกลับ
เงือกน้องเหลือบมองเงือกคนพี่นางยิ้ม
ท่านพี่พี่ป้าหยีมารับด้วยตัวเองเลยนะ
เงือกคนพี่ไม่สนใจ
เปิดประตู!ข้าต้องการพบราชาเงือกเดี๋ยวนี้
ป้าหยีโค้งคำนับและพยักหน้าเขาถอดกุญแจขนาดเท่าศีรษะออกจากคอและแทงผ่านม่านพลัง
แกร๊งกลุก กลัก…
เสียงประหลาดดังกลไกภายในของเรือถูกทำงานกันเป็นทอด ๆ
จากนั้นทั้งเรือก็ทำงานเกิดเสียงดังผสมผสานกัน
มันโอ่อ่ายิ่งใหญ่เหมือนกับเรื่องแต่งทางวิทยาศาสตร์
จากนั้นจึงเกิดเสียงดังลั่นประตูในม่านพลังเปิดออก
เงือกคนพี่ดึงมือเงือกคนน้องเข้าไป
แต่เมื่อทั้งสองกำลังจะเข้าไปก็มีแสงห้าสีแล่นมาตรงหน้า
เงือกคนพี่ตกใจและหันไปมองซือหยูที่ยืนนิ่งบนทางเข้าเข้ายืนมือไพล่หลัง
ทำอะไรของเจ้า?
เงือกคนพี่ถาม ข้าอยู่ที่นี่แล้วให้ข้าช่วยเจ้าเปิดโปงแผนร้ายจะดีกว่า เจ้าเข้าไปได้ แต่ปล่อยน้องเจ้าออกมาซะ
เงือกคนพี่ไม่พอใจ
พูดอะไรของเจ้า?
ข้าแค่เดาน่ะแต่ถ้าเจ้าไม่คิดอะไรถ้าจะมีจิตเฝ้าสุสานระดับเทพเข้าไปในเผ่าเงือกของเจ้า เจ้าก็เมินที่ข้าพูดแล้วทำตามใจได้เลย
ซือหยูพูดเบาๆ
เงือกในม่านพลังผงะ
จิตเฝ้าสุสานระดับเทพ?
นักรบป้าหยีปิดประตูเดี๋ยวนี้!
เงือกคนอื่นเร่งเขาหลังจากได้ยินซือหยู
ป้าหยีตะโกน
ทุกคนใจเย็นลงก่อน!เขาเป็นคนนอก พวกเจ้าเชื่อคำพูดเหลวไหลได้อย่างไร? ตามข้าออกไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้
เงือกคนพี่มองเงือกคนน้องและกระดิกหางนางหันไปจ้องซือหยู
เจ้าเป็นใคร?
นางพูดอย่างเย็นชา
เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลอันใดกันแน่?
ทั้งเรื่องตัวเขาและสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นซือหยูน่าสงสัยอย่างแท้จริง
และตอนนี้เขายังพูดว่าน้องของนางคือจิตเฝ้าสุสานระดับเทพอีกมันยิ่งทำให้นางสงสัยซือหยู
ซือหยูหัวเราะ
ให้ตายเถอะ…ถ้าข้าไม่อยากจะหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากเผ่าเงือกของเจ้าข้าคงจะยืนมองให้พวกโง่อย่างเจ้าทำลายตัวเองไปเสีย ข้าไม่ได้เสียหายแม้แต่น้อย
เงือกคนพี่ลองคิดดูเขาจะได้อะไรในการใส่ร้ายน้องของนางว่าเป็นจิตเฝ้าสุสานระดับเทพกัน?
เงือกคนพี่มองน้องสาว เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?
หลักฐานรึ?ไม่ยาก
ซือหยูจ้องเงือกคนน้องอย่างเย็นชา
ข้าสงสัยมานานแล้วว่าทำไมจิตเฝ้าสุสานถึงตามพวกเรามาทัน!
มันแปลกรึ?
เงือกคนพี่ตอบ
จิตเฝ้าสุสานไม่เพียงแต่ไวต่อเสียงแต่ยังไวต่อกลิ่นด้วย ต่อให้อยู่ไกลไปหลายแสนลี้ พวกมันก็ยังสัมผัสเราได้ ไม่แปลกที่มันจะตามทันไม่ใช่หรือ?
ซือหยูยิ้ม
แล้วถ้าข้าบอกเจ้าว่าข้าแอบขจัดร่องรอยของพวกเราไปหมดแล้วเล่า?
แสงสีเงินส่องประกายจากมือของซือหยู
เพื่อที่จะกำจัดจิตเฝ้าสุสานและหนีออกมาซือหยุได้ขจัดร่องรองทั้งหมดขณะที่หนี
เป็นไปไม่ได้ที่จะมีจิตเฝ้าสุสานตามรอยได้
แต่จิตเฝ้าสุสานยังหาทางตามเจอแม้จะเป็นในโลกใต้น้ำอันยิ่งใหญ่แห่งนี้
เหตุผลเดียวคือจะต้องมีหนึ่งในพวกเขาที่นำทางจิตเฝ้าสุสานให้ตามมาได้
ซึ่งถ้าหากไม่ใช่ซือหยูมันก็ต้องเป็นเงือกสองพี่น้อง
พวกเจ้าหนึ่งคนคือจิตเฝ้าสุสานระดับเทพข้าจึงจงใจบอกเจ้าว่ามีจิตเฝ้าสุสานระดับเทพกำลังตามมา และแอบสังเกตการตอบสนองของพวกเจ้า
ซือหยูมองเงือกคนน้อง
ตอนที่ข้าพูดว่ามีจิตเฝ้าสุสานตามพวกเขามาเจ้าจำตอนนั้นได้หรือไม่?
เงือกคนพี่หยุดนิ่งนางเพิ่งคิดได้ว่างน้องนางที่มักจะขลาดกลัวไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
ใช่แล้ว!นางไม่ได้พูดอะไรเลย
นางควรจะกลัวไปหลบอยู่หลังใครสักคนแต่นางก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เจ้าคิดได้รึยังล่ะ?
เงือกคนพี่ชักสีหน้านางปล่อยเงือกคนน้องออกไปทันที
ไฮ่ลั่ว…เจ้า!
เงือกคนน้องก้มหน้าเสียงที่เคยสดใสของนางกลายเป็นเสียงคำรามของสัตว์ประหลาด
พอนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้งใบหน้าน่ารักที่เคยเป็นก็กลายเป็นความดุร้าย
โฮก….
นางร้องคำรามและปลดปล่อยพลังมหาศาลออกมาร่างบอบบางได้เปล่งแสงทะลวงผ่านกลุ่มเงือกที่ออกมาจับตัวซือหยู นางดำดิ่งลึกลงไป
ตู้ม…
แต่ทันทีที่นางผ่านเผ่าเงือกมาได้ก็มีภูเขาหล่นลงมาจากเบื้องบนตรงเข้าทับร่างของนาง
เงือกน้องเงยหน้าด้วยความตื่นตระหนกนางรีบหนี
นางเกือบหลบแสงห้าสีไม่ได้นางกลิ้งตีลังกาหลบไปที่ด้านข้าง นางกำลังจะบุกเข้าสู่เรือรบอีกครั้ง แต่ที่ทางเข้าก็ถูกขวางไว้ด้วยภูเขา
ภูเขานี้อันตรายมากนางแตะต้องมันไม่ได้เลย
ฟึ่บ!
เงือกน้องหันกลับทันทีนางจ้องซือหยูด้วยโทสะ เสียงอันน่ากลัวดังออกมาจากปาก
ซือหยูกอดอก
ถ้าข้าเป็นเจ้าข้าจะหนีออกไปจากที่นี่ เจ้าควรจะรู้ว่าร่างของข้ามีแต่เลือดของสหายเจ้า