กลับถึงห้องตัวเองแล้ว หนานกงเฉินก็ไม่สนว่าตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่ง เขาสวมชุดนอนพลางโทรศัพท์ ปลายสายโทรศัพท์พูดด้วยเสียงที่นอบน้อม “คุณชายเฉิน เรียกหาผมเหรอครับ? ”
“นายเป็นคนเลือกผู้หญิงคนนั้นในคืนนี้เหรอ? ”
“ครับ” ผู้ชายคนนั้นพูดอย่างพอใจ “คุณหยางเป็นผู้หญิงอันดับต้นๆ ของเรา คุณภาพและความกระตือรือร้นในการบริการลูกค้าไม่มีใครเอาชนะได้ ถ้าคุณชายเฉินชอบ ผมจะให้เธอไปอยู่กับคุณในคืนพรุ่งนี้ต่อ”
“โอเค ฉันรู้แล้ว” หนานกงเฉินวางสายไป แล้วเปลี่ยนไปโทรหาผู้ช่วย พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาและโหดเหี้ยม “หาข้ออ้างอะไรก็ได้ ทำลายบาร์เยว่เซ่อทิ้งซะ ให้ผู้หญิงแซ่หยางเมื่อคืนวานขึ้นเตียงผู้ชายไม่ได้อีกในชาตินี้”
ผู้ช่วยหวงที่อยู่ในโทรศัพท์เงียบไปหนึ่งวินาที แล้วตอบกลับหนึ่งคำ “ครับ”
ไม่ต้องการเหตุผล และไม่ต้องถามเพิ่มเติม
เพราะเขารู้ คนที่ทำให้หนานกงเฉินทำแบบนี้ ต้องเป็นคนที่โชคร้ายไปยั่วโมโหคนของหนานกงเฉินแน่ๆ
ตอนแรกคิดว่าตัวเองฉีกคำเชิญไปแล้ว ก็สามารถหนีงานหมั้นของไป๋ยิ่งอันและหลินอันหนานพ้น ไม่คิดเลยว่าซูวยาหยงจะมาตระกูลหนานกงเพื่อเชิญด้วยตัวเอง
เมื่อไป๋มู่ชิงถูกคนรับใช้เชิญลงไปข้างล่าง ก็เห็นซูวยาหยงนำบัตรเชิญสีแดงวางบนโต๊ะชาต่อหน้านายหญิงแล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นี่คือบัตรเชิญงานหมั้นสาวน้อยมู่ฉิงและคุณชายคนที่สองของตระกูลหลิน วันนี้ฉันเดินทางมามอบให้นายหญิงด้วยตัวเอง”
นายหญิงก้มลงมองบัตรเชิญแล้วยิ้มเรียบๆ “ทำไมฉันไม่รู้ว่าตระกูลไป๋ของพวกคุณมีลูกสาวอีกคน? ”
“นายหญิงไม่รู้ไม่แปลกหรอกค่ะ มู่ชิงเป็นลูกของผู้หญิงอีกคนกับคุณท่าน อยู่ข้างนอกกับแม่เธอตั้งแต่ยังเล็กๆ ช่วงนี้กลับมาที่ตระกูลไป๋ ตอนแรกวางแผนจะจัดงานเลี้ยงแนะนำเธอ แต่มีงานหมั้นของเธอกับคุณชายหลินพอดี เลยจัดด้วยกันซะเลย”
เมื่อพูดถึงคุณชายหลิน น้ำเสียงซูวยาหยงก็มีความภูมิใจ อย่างไรแล้วตระกูลหลินก็ถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีหน้ามีตา
ไป๋มู่ชิงที่ยืนอยู่เหนือบันไดวนก็ปิดเปลือกตาลงอย่างเศร้าๆ ในใจเจ็บปวดนิดหน่อย
หลินอันหนาน……ชื่อนี้เธอไม่อยากได้ยินจริงๆ !
“ดูเหมือนคุณจะทำหน้าที่แม่เลี้ยงได้ดีจริงๆ ” นายหญิงยิ้มอีกครั้ง
ซูวยาหยงก็ยิ้มตาม “ยิ่งอันแต่งงานเข้าตระกูลหนานกงแล้ว คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลไป๋ว่างเปล่า อีกอย่างมู่ชิงก็เป็นเลือดเนื้อของตระกูลไป๋ ควรพาเธอกลับมาอยู่ ฉันจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยพอดี”
ซูวยาหยงมองไปรอบๆ “จริงสิ คุณชายเฉินกับยิ่งอันล่ะคะ? ไม่อยู่บ้านเหรอ? ”
“คุณชายใหญ่ไปทำงานแล้ว คุณหญิงอยู่ข้างบน” พี่เหอที่อยู่ข้างๆ ช่วยตอบ
“แล้วสุขภาพร่างกายคุณชายเฉินยังโอเคไหม? ”
“ขอบคุณที่คุณไป๋เป็นห่วง คุณชายสบายดีมากค่ะ” และยังเป็นพี่เหอที่ช่วยตอบ
ซูวยาหยงพยักหน้า หลังจากเห็นไป๋มู่ชิงเดินลงมาจากชั้นบน เธอก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาทันที เข้าไปทักทายอย่างกระตือรือร้น “ยิ่งอัน ไม่เจอกันตั้งหลายวัน เป็นยังบ้าง? ชินกับตระกูลหนานกงหรือยัง? ”
เกิดมาจนโตขนาดนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ซูวยาหยงกอดเธออย่างรักใคร่แบบนี้ ไป๋มู่ชิงกระอักกระอ่วนใจสุดๆ ถอยหลังเล็กน้อย และยิ้มอย่างฝืดๆ “ดีมากเลยค่ะ แม่ว่างมาได้ไงคะ? ”
“แม่มาเอาบัตรเชิญให้นายหญิงน่ะ น้องสาวลูกกำลังจะหมั้นกับคุณชายหลินแล้ว”
“โห เร็วจัง ฝากแสดงความยินดีให้พวกเขาด้วยนะคะ” ไป๋มู่ชิงพูดพร้อมกัดฟันกรอดเล็กน้อย
ซูวยาหยงพาไป๋มู่ชิงกลับไปนั่งที่โซฟา ท่าทางใกล้เคียงกับแม่ผู้ให้กำเนิด
เดิมทีนายหญิงไม่ชอบครอบครัวฐานะปานกลางอย่างตระกูลไป๋ น้ำเสียงจึงเย็นชาเล็กน้อย “คุณไป๋ ฉันแก่แล้วไปร่วมงานรื่นเริงไม่ได้ ฝากฉันแสดงความยินดีด้วยแล้วกันนะ”
ซูวยาหยงทำทีราวกับไม่เห็นความเมินเฉยของเธอ ยังคงยิ้มแย้มพูดขึ้น “นายหญิงไม่พูดฉันก็เข้าใจดีค่ะ ที่ฉันมาเอาบัตรเชิญให้เพราะว่าตระกูลไป๋กับตระกูลหนานกงเป็นญาติกัน และด้วยความเคารพนายหญิง แน่นอนว่าไม่กล้าให้นายหญิงไปร่วมด้วยตัวเองอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นให้คุณชายเฉินกับยิ่งอันไปร่วมงานแทนก็พอแล้วค่ะ”
ไป๋มู่ชิงอึ้งไป และเข้าใจโดยทันที ที่แท้นี่ก็คือจุดประสงค์ในการมาของซูวยาหยงในครั้งนี้