เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 40 เธอเป็นผู้หญิงที่โง่ที่สุดที่ผมเคยเจอ

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เขียนข่าวแบบนี้……ไม่แปลกหรอกที่คุณหญิงหนานกงจะโกรธขนาดนี้!

“ลากตัวออกไปลงโทษตามกฏตระกูลเดี๋ยวนี้” คุณผู้หญิงสั่งด้วยความโกรธ

ตามคาด ไป๋มู่ชิงโดนลากตัวมายังห้องบรรพชนตระกูลหนานกงห้องนั้นที่ทำเธอตกใจจนฉี่แทบแตกอีกครั้ง

แต่ว่า……ในห้องบรรพชนรอบนี้เหมือนจะไม่ได้มีเธอแค่คนเดียว ยังมี……เขา?

ไป๋มู่ชิงแปลกใจประเมินหนุ่มหล่อที่เพิ่งลงพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งผู้ซึ่งพัวพันกับเธอไม่เลิกคนนี้ สักพักจึงถามขึ้นว่า: “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

แถมยังคุกเข่าอยู่ตรงนี้ หรือว่าเขาโดนคุณผู้หญิงลงโทษตามกฏตระกูลด้วย? กฏลงโทษของตระกูลหนานกงใช้กับคนนอกได้ด้วยหรอ?

หนานกงเฉินหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ ไม่มองเธอด้วยซ้ำ: “ไม่เห็นหรอ? ก็เพราะเธอไง”

“เพราะอะไรละ?”ไป๋มู่ชิงช็อกสุดๆ: “คือ……คุณกับหนานกงเฉินสนิทกันไม่ใช่หรอ? ทำไมยัง……”

“นายหญิงน้อย เชิญคุกเข่าค่ะ” พี่เหอผลักเธอลงพื้นอย่างไม่แยแส

ไป๋มู่ชิงเจ็บจนร้องออกมาเล็กน้อย รีบคลานไปคุกเข่าข้างหนานกงเฉิน

ประตูห้องบรรพชนถูกปิดลงอีกครั้ง ด้านในยังคงมีแค่แสงเทียนมืดๆไม่กี่แท่ง บรรยากาศแปลกๆทำให้เธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ หันไปมองผู้ชายด้านข้าง ยังดีคืนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียว!

ในขณะคุกเข่ากับพื้น ไป๋มู่ชิงเริ่มคิดฟุ้งซ่าน แล้วหันไปจ้องหนานกงเฉินพลางพูดว่า: “เอ่อ……คุณเป็นใครกันแน่? อย่าบอกนะว่าเป็นหนานกงเฉินจริงๆ?”

แต่ไม่มีเหตุผลเลย เซิ่งเคอบอกเธออย่างชัดเจนว่าหนานกงเฉินหน้าตาขี้เหร่หาที่เปรียบไม่ได้ ถ้าเขาคือหนานกงเฉิน คุณผู้หญิงคงไม่โกรธหนักขนาดนี้เพราะเห็นรูปที่เธอกับเขาจูบกันไม่ใช่หรอ?

หนานกงเฉินเงียบไปสักพักแล้วหันมาชายตามองเธอ: “คุณหนูไป๋ เธอเป็นผู้หญิงที่โง่ที่สุดที่ผมเคยเจอ”

ไป๋มู่ชิงโดนคำพูดประโยคนี้ของเขาดักคอจนหมดคำพูด

หนานกงเฉินพูดต่ออย่างเย็นชาว่า: “อีกอย่าง ผมไม่ชอบคุยกับคนโง่” พูดจบ เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปยังประตู

ไป๋มู่ชิงจนคำพูดอีกครั้ง เขาโดนลงโทษคุกเข่าอยู่ไม่ใช่หรอ? ทำไมอยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้?

ถ้าเขาไปแล้ว ในนี้ก็เหลือเธอแค่คนเดียวสิ?

“อย่าไป!” ไป๋มู่ชิงรีบยืนมือไปดึงปลายเสื้อเขาไว้ ใช้น้ำเสียงขอร้องว่า: “ไม่ไปได้ไหม? อยู่คนเดียวฉันกลัว……”

“ที่นี่มีเพื่อนตั้งเยอะ เธอกลัวอะไร?” หนานกงเฉินใช้ปลายคางชี้ไปยังป้ายบรรพชนที่วางอยู่หลายสิบอันอย่างตั้งใจ และดึงมือเธอออกจากเสื้อของเขาอย่างเย็นชา แล้วเดินไปยังประตูใหญ่โดยไม่หันกลับมามองอีก

คนรับใช้ที่เฝ้าประตูไม่แม้แต่จะกันเขาไว้ปล่อยเขาเดินจากไป ไป๋มูชิงล้มลงพื้นอีกครั้งอย่างเศร้าๆ เหลือเธอคนเดียวในนี้อีกแล้ว

กวาดสายตามองป้ายบรรพชนรอบๆ ขนแขนเธอลุกเป็นเส้นๆ

ทั้งคืน สายตาของไป๋มู่ชิงจ้องไปยังประตูของห้องด้านขวาหน้าด้านใน คราวที่แล้วเธอเห็นเงาขาวๆที่นั่น ยังดีที่ผ่านไปทั้งคืนโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สีท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้น เธอหลับตาลง รอบที่แล้วคงเป็นภาพหลอนของเธอเอง ในโลกนี้ไม่มีผีสางเทวดาหรอก

แขนเธอเย็นนิดๆ เหมือนโดนของเหลวหยดมาโดน ไป๋มู่ชิงค่อยๆลืมตาขึ้น ยกแขนขึ้นมาดู แล้วชะงักในทันที

เลือด……มันคือเลือด?

มีเลือดหยดอยู่บนแขนของเธอได้ยังไง? แล้วหยดลงมาจากไหน?

เธอตกใจมาก เงยหน้าอันสั่นเทาขึ้น นี่เป็นอาคารที่สร้างโดยกระเบื้องเคลือบและกำแพงสีแดง เป็นสถาปัตยกรรมแนวโบราณที่มาตรฐาน ของตกแต่งที่อยู่บนเพดานแค่มองก็เห็นทั้งหมด ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย

กำลังจะผ่อนคลายความกังวลก็เกิดความตื่นตระหนกขึ้นอีกครั้ง ไป๋มู่ชิงแทบกรี๊ดพลางลุกขึ้นจากพื้น พุ่งตัวไปยังประตูใหญ่

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท