ตกดึกมา เสียงโทรศัพท์ของไป๋มู่ชิงก็ดังขึ้น จ้าวเฟยหยางนั่นเองที่โทรมา
ไป๋มู่ชิงเกาหัวอย่างหงุดหงิด ไม่อยากรับสายนี้เลยเพราะเธอไม่รู้จะอธิบายกับเขายังไง
เสียงโทรศัพท์ก็ดังต่อเนื่อง เธอลังเลครู่หนึ่งก่อนจะรับสาย พร้อมพูดยิ้มๆว่า “นี่ฉันกำลังจะโทรหาคุณพอดีเลยคุณจ้าว”
“เธอยังรู้เหรอว่าต้องโทรหาฉันน่ะ? บอกมาเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?” จ้าวเฟยหยางถามด้วยน้ำเสียงบังคับ
“คืออย่างนี้นะ เพราะปัญหาเรื่องร่างกายของไป๋ยิ่งอันเธอเลยแต่งงานกับหนานกงเฉินไม่ได้ ฉันเลยแต่งแทนเธอ……”
“อะไรนะ!?”
ไป๋มู่ชิงรีบพูดขึ้น “นี่คือความลับนะ นอกจากเหยาเหม่ยไม่มีใครรู้อีก คนในตระกูลหนานกงก็ไม่มีใครรู้ ต้องเงียบไว้นะอย่าบอกใคร”
จ้าวเฟยหยางกำลังมีปัญหาเรื่องที่ดินกับบริษัทหนานกง เขาคงได้พบกับหนานกงเฉินอีก เธอจึงจำเป็นต้องบอกความลับนี้เผื่อเหมือนวันนี้อีกจะได้ไม่พูดหลุดปาก
“งั้นก็หมายความว่า ตอนนี้เธอคือไป๋ยิ่งอัน เธอเป็นภรรยาของหนานกงเฉินเหรอ?”
“อืม”
“ไม่น่าล่ะ……!”
“ไม่น่าอะไร?” ไป๋มู่ชิงถาม
“ฉันก็ว่าคนเลือดเย็นอย่างไป๋ยิ่งอันจะขอร้องให้คนเยือกเย็นอย่างหนานกงเฉินช่วยฉันจัดการเรื่องที่พักของเด็กๆ? เป็นเธอนั่นเองที่ช่วยเราไว้ ไม่สิ……คุณหญิงน้อยของตระกูลหนานกง ขอโทษที่เสียมารยาทครับ!”
“นายว่าอะไรนะ?” ไป๋มู่ชิงนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “หนานกงเฉินจัดการเรื่องที่พักให้เด็กๆงั้นเหรอ?”
“ใช่ เป็นโครงการย่านทิศตะวันตก เป็นห้องใหญ่สองชั้น” จ้าวเฟยหยางพูดไปยิ้มไป “เมื่อกี้ฉันยังคิดเลยคุณชายใจดำอย่างหนานกงเฉิน วันนี้เพิ่งโดนเด็กๆปาขนมใส่แต่ทำไมอยู่ๆถึงใจดีกับพวกเรา เป็นเพราะคุณหญิงน้อยนี่เอง”
“บอกแล้วว่าอย่าไปเชื่อเรื่องเล่าบ้าๆนั้น พวกเธอไม่เข้าใจเขาต่างหาก “ไป๋มู่ชิงได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็แอบดีใจเล็กน้อย เด็กๆมีที่พักสักที!
“ใช่สิ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ” พอจ้าวเฟยหยางพูดเจ็บก็ปรับน้ำเสียงให้เป็นทางการแทน “แต่……มีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น เมื่อกี้ฉันโทรไปหาไป๋ยิ่งอันแถมยังขอบคุณเธอยกใหญ่ มัน……ไม่มีผลกระทบอะไรกับเธอใช่มั้ย?”
ไป๋มู่ชิงหมดคำพูด
เขายังกล้าโทรไปหาไป๋ยิ่งอัน!
“เธอพูดอะไรบ้าง?”
“ไม่ได้พูดอะไรมากนัก แค่ได้ยินเสียงกัดฟันพูดว่า ‘หนานกงเฉินช่างดีกับภรรยาจริงๆ’ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรเลยก็งงเหมือนกันทำไมเธอพูดแบบนั้น” จ้าวเฟยหยางพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ
ไป๋มู่ชิงถอนหายใจยาว
ถึงจ้าวเฟยหยางจะฟังไม่เข้าใจแต่เธอเข้าใจดี คนอย่างไป๋ยิ่งอันไม่ให้เธอได้ดีกว่าตัวเองหรอก ได้ยินจ้าวเฟยหยางพูดแบบนี้ยิ่งไม่สบายใจ
แต่เธอคาดไม่ถึงเลยทำไมอยู่ดีๆหนานกงเฉินกลับหาที่พักให้เด็กๆ ทั้งๆที่เพิ่งทะเลาะกับเขาไป สีหน้าเขาก็ยังคงแสดงอารมณ์ที่จะไม่เปลี่ยนใจแน่ๆแถมยังสั่งให้เธออย่าไปหาเด็กอีก
โครงการที่พักคอนโดของตระกูลหนานกงมีอยู่ทั่วประเทศ แค่หาที่พักแค่นี้ให้คงไม่ยากอะไร แต่เขาเป็นคนที่ไม่มีความเมตตาเลยคงไม่ใจดีขนาดนี้หรอกมั้ง
เพราะอะไรกันแน่ถึงทำให้เขาเปลี่ยนใจ?
ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด ไป๋มู่ชิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยกำลังเดินอยู่ เธอรีบลุกจากโซฟาแล้วเดินไปทางประตู
ทันทีที่เธอเปิดประตูออก หนานกงเฉินก็ก้าวเข้าไปในห้องตัวเองแล้ว
“คุณชายคะ รอก่อนค่ะ” ไป๋มู่ชิงรีบเดินไปกั้นประตูไว้ก่อนที่เขาจะปิด
“มีอะไร?” หนานกงเฉินหันกลับมาจ้องที่เธอด้วยสีหน้านิ่งเฉยปกติ
“ฉันช่วย” ไป๋มู่ชิงรีบเดินเข้าไปช่วยเขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วเอาไปแขวนบนราวพร้อมทั้งช่วยเขาปลดเน็กไทออกจากอ่อนโยน
“เดี๋ยวฉันไปอุ่นน้ำให้นะคะ” พูดเสร็จเธอก็รีบเดินไปที่ห้องอาบน้ำ แต่กลับโดนเขาดึงแขนเอาไว้ก่อน “ไม่เป็นไร ฉันไม่ชอบแช่น้ำ”
“ออ งั้น……”
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ วันนี้ผมเหนื่อยมาก” สีหน้าของเขาเริ่มหงุดหงิด
“คือ……ฉันแค่จะมาขอบคุณคุณน่ะค่ะ ขอบคุณที่ช่วยหาที่พักให้ เด็กๆคงดีใจกันมากแน่ๆ”
หนานกงเฉินยิ้มอย่าเจ้าเล่ห์ “แล้วเธอมีขอบคุณในฐานะอะไรล่ะ? จ้าวเฟยหยาง……”
“เพื่อน เราเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา” ไป๋มู่ชิงรีบอธิบาย
“เธอขอบคุณสามีแทนเพื่อนงั้นเหรอ? เธอเป็นคนในครอบครัวใครกันแน่?”
“อือ……ฉันแค่รู้สึกว่า……” ไป๋มู่ชิงไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่ยุ่งยากแบบนี้ยังไง เลยพูดไปว่า “ความจริงฉันแค่ตกใจน่ะ ไม่คิดว่าคุณจะเปลี่ยนใจมาช่วยเด็กๆ ใช่ ผู้ชายที่มีความเมตตาหล่อที่สุด”
พูดจบเธอก็ยิ้มอย่างดีใจ “ฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่พูดอะไรที่เสียมารยาทกับคุณไปเมื่อตอนกลางวัน ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำแล้วเข้าใจผิดอีก”
หนานกงเฉินมองไปทางเธอที่กำลังพูดไม่หยุด พร้อมเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมแค่อยากจัดการเรื่องนี้ให้มันจบเร็วๆผมไม่ได้กำลังความดี”
ถึงแม้เขาจะปฏิเสธความดีที่ตัวเองทำไป แต่ยังไงไป๋มู่ชิงก็ยังซาบซึ้งอยู่ดี “ไม่ว่าจะยังไง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เด็กๆก็ต้องขอบคุณคุณแน่ๆเลย”
“ยังมีอะไรอีกหรือเปล่า?” หนานกงเฉินไล่เธออ้อมๆ
“แล้วก็……”ไป๋มู่ชิงหันไปมองเขาแล้วรีบหลบสายตาก้มหน้าก้มตาพูดว่า “เมื่อกี้คุณยายถามฉันอีกแล้วว่าทำไมยังไม่ตั้งครรภ์ ยังถามว่าฉันไม่อยากมีลูกใช่ไหม ฉัน……ไม่รู้จะตอบท่านยังไงดี”
หนานกงเฉินที่กำลังปลดกระดุมอยู่ก็หยุดมือ แล้วหันไปจ้องเธอ “ทำไม? เธออยากมีลูกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เปล่านะ”
“แล้วทำไมคำถามง่ายๆแค่นี้ถึงตอบไม่ได้ล่ะ?”
“ห๋า?” คำถามง่ายๆเหรอ? แล้วทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันยากที่จะตอบล่ะ?
“หรือว่าเธอ……” หนานกงเฉินหันตัวไปหาเธอ พร้อมยิ้มให้เธอในระยะประชันชิด “อยากใช้ข้ออ้างนี้เพื่อที่จะได้อยู่ในห้องผม?”
เสื้อเชิ้ตของเขาถูกถอดออกจนเห็นกล้ามหน้าอกอันเซ็กซี่ ไป๋มู่ชิงรีบหันหน้าหนีแล้วพูดอย่างเขินอาย “ฉันเปล่านะ”
พูดเสร็จเธอก็รีบหันหลังจะเดินออกไปแต่หนานกงเฉินกลับฉุดเธอไว้แล้วกดลงไปบนเตียง “ถ้าอยากอยู่ต่อขนาดนี้ ก็อยู่เถอะ เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าผมป่วยจนสนองความต้องการของภรรยาตัวเองไม่ได้”
“ฉัน……”
“แต่ผมอยากจะเตือนความจำคุณอีกครั้ง ว่าผมไม่ต้องการให้คุณมีลูกให้ เพราะฉะนั้นหยุดความคิดบ้าๆของเธอซะ” หนานกงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำ
ไปมู่ชิงก็เถียงกลับ “คุณคิดว่าฉันอยากมีลูกกับคุณมากเหรอ? จะบอกให้ ฉันไม่อยากมากกว่าคุณอีก!”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นยิ่งดี” หนานกงเฉินก้มลงไปจูบหน้าอกเธอเป็นการลงโทษ ไป๋มู่ชิงที่รู้สึกจักจี้จนตัวสั่นแต่ก็กังวลว่าเขาจะกัดตัวเองอีกเลยรีบเอ่ยไปว่า “หนานกงเฉิน นายจะจูบก็จูบแต่อย่ากัดฉันอีก ไม่งั้นฉันจะไม่ทนอีก!”
เสียงหัวเราะพึมพำดังออกมาจากคอของเขา กระการทำที่จูบเธอไม่ได้อ่อนโยนเลยแต่กลับใส่อารมณ์เข้าไปอีกจนเธอร้องด้วยความตกใจ
เธอรู้ การขอร้องเขาไม่เคยได้ผล
หนานกงเฉินเองก็ไม่ได้มีความอดทนมากนัก อยากให้เขาอ่อนโยนกับเรื่องแบบนี้เหรอ เธอก็คงต้องยอมอ่อนข้อให้เขา ไม่งั้นก็จะเป็นแบบนี้อีก……