เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 87 ได้รับบาดเจ็บ

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

หนานกงเฉินคิดว่าเธอจะยอมแพ้ไป คิดไม่ถึงว่าเธอกลับสูดหายใจเข้าลึกๆสองครั้งก็ยกยามาดื่มเธอดื่มยาครึ่งถ้วยเข้าไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากดื่มยาเสร็จ เธอวางถ้วยยากลับไปไว้ที่โต๊ะและใช้กระดาษทิชชู่มาเช็ดปาก ฝืนความอยากอาเจียนและยิ้มว่า“เดี๋ยวฉันจะให้เสี่ยวลวี่ยกมาให้คุณอีกถ้วยหนึ่ง”

เธอพูดจบก็เดินไปทางหัวเตียงหลังจากนั้นไปกดหมายเลขโทรศัพท์

ขั้นตอนทั้งหมด หนานกงเฉินแทบจะตกใจไปเลย แท้ที่จริงแล้วเมื่อกี้เขาพึ่งจะหยอกเธอเล่น ไม่คิดว่าไป๋มู่ชิงจะดื่มยาเข้าไปจริงๆ

ถึงแม้ว่ายานี้จะไม่มีผลเสียอะไร แต่ว่าเขารู้ดีว่ามันลำบากใจแค่ไหนที่จะต้องดื่มลงไป ขมจนเขาไม่อยากจะดื่มเข้าไป

ไม่นานเสี่ยวลวี่ยกยาขึ้นมา ในสายตาของไป๋มู่ชิงนั้นหนานกงเฉินไม่กล้าที่จะลังเลเลยแม้แต่น้อยก็หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มจนหมด

พอเห็นว่าเขาดื่มยาจนหมด ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างพอใจและหยิบถ้วยยาที่พึ่งจะดื่มหมดไปชนกับเขาว่า“ทำดีมาก!”

“นี่เธอชมตัวเอง?”หนานกงเฉินเห็นริมฝีปากของเธอยังเช็ดยาออกไม่หมด เลยยกมือขึ้นไปเช็ดให้เธอ ท่าทีที่เป็นธรรมชาติของเขาทำให้รู้สึกใกล้ชิดกัน จนในใจไป๋มู่ชิงที่รู้สึกขมขื่นกลับกลายเป็นหวานขึ้นมาทันที

เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมากแต่ไม่ได้พูดออกไป

“งั้นรีบไปพักผ่อนเถอะ”ทันทีที่หนานกงเฉินลุกขึ้นมาจากโซฟาก็เดินไปที่เตียง

คิดไม่ผิด เขาไม่ได้กลับไปที่ห้องของตัวเอง แต่กลับไปนอนบนเตียงของเธอ

“อึ้งอะไร?ถึงพรุ่งนี้จะไม่ไปเที่ยวแล้วแต่ก็ควรนอนได้แล้ว”หนานกงเฉินเห็นเธออึ้งอยู่ตรงโซฟาเลยพูดกับเธอ

“ฉัน……ลงไปดื่มน้ำก่อนนะ”ไป๋มู่ชิงลุกออกไปจากห้อง หลังจากเธอปิดประตูก็ลงมาที่ห้องน้ำชั้นล่างใช้นิ้วเข้าไปล้วงคอตั้งหลายครั้ง

หลังจากนั้นเธอฟุบอยู่ตรงชักโครกอาเจียนออกมา ยาที่พึ่งกินเข้าไปเมื่อครู่นั้นปนกับอาหารเย็นออกมา

อาเจียนเป็นเรื่องหนึ่งที่ทรมานเหมือนกัน เธอน้ำตาและน้ำมูกไหลขณะฟุบอยู่ที่ชักโครก สำลักออกมาด้วยความทรมาน

ไม่ง่ายเลยที่จะออาเจียนออกมาจนหมด เธอใช้น้ำล้างหน้าส่องกระจกดูหน้าตาของตัวเองให้เรียบร้อยและออกไปจากห้องน้ำทันที

ตอนที่เดินผ่านห้องครัวเธอเดินเข้าไปทันที ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้สึกอยากกินอะไรแม้แต่น้อยเลย แต่อาหารเย็นที่กินเข้าไปเธออาเจียนออกมาหมดแล้ว ถ้าไม่กินอะไรเข้าไปเกรงว่าจะหิวตอนดึกและยิ่งกว่านั้นคือกลัวลูกขาดสารอาหาร

ดีที่ในตู้เก็บอาหารยังมีของอยู่ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง อาหารว่าง คุกกี้เธอเลือกได้ตามสบาย

เธอใช้จานมาใส่อาหารว่างกลับไปที่ห้อง เดิมทีเธออยากจะถามหนานกงเฉินว่าอยากกินไหม แต่พอเข้าห้องไปก็พบว่าเขาหลับไปแล้ว

เพื่อจะทดสอบเขาเธอเลยเรียกเขาเบาๆไปสองสามครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับเลย

เมื่อครู่ยังพูดว่าหิว ไม่นึกเลยว่าจะหลับไปเร็วขนาดนี้ เธอก็สะบัดหัวและยิ้ม แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วเธอจะได้ไม่ต้องคิดวิธีมารับมือกับเขาอีก

ไป๋มู่ชิงนั่งกินอาหารว่างที่โซฟาคนเดียว กินจนอิ่มท้องเธอถึงจะลุกไปล้างหน้าบ้วนปาก

ในช่วงเวาลากลางคืนที่เงียบสงัดเธอไปนอนข้างหนานกงเฉินเห็นว่านอนหลับสบาย อยู่ดีๆไป๋มู่ชิงเริ่มคิดถึงเรื่องวันนี้และซูวยาหยงสองแม่ลูกนั้นความเศร้าก็ได้จู่โจมเข้ามา

คิดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดเธอจะต้องไปจากเขาและลูก ในใจของเธอเหมือนแตกเป็นเสี่ยงๆ

ในตอนกลางวันก็ยังดีที่มีเขาคอยคุยอยู่เป็นเพื่อน แต่พอถึงเวลากลางคืนเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า

หนานกงเฉินละเมอขยับตัวไปมา

กังวลว่าเขาจะเห็นว่าเธอแอบมองเขาอยู่ ไป๋มู่ชิงรีบหลับตาและยื่นมือไปปิดไฟ

ในห้องปกคลุมไปด้วยความมืด มีแค่แสงจากในสวนสาดเข้ามาที่หน้าต่าง เธอแกล้งหลับไปสักพักเริ่มรู้สึกว่าหนานกงเฉินขยับตัวแรงขึ้นกว่าเดิม เหมือนกับจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้

ตอนแรกเธอคิดว่าจะแกล้งหลับต่อ แต่ได้ยินเสียงของหนานกงเฉินที่รู้สึกทรมานอยู่เล็กน้อย ไป๋มู่ชิงตกใจไปสักพัก ในที่สุดถึงรู้ตัวว่าความผิดปกตินั้นคืออาการป่วยของเขา……

เพราะเป็นเวลาสักพักแล้วที่อาการไม่กำเริบ สักพักหนึ่งไป๋มู่ชิงคิดว่าอาการของเขาดีขึ้นแล้ว อาการไม่น่าจะผิดไปจากที่เป็นทุกครั้ง

ดังนั้นเมื่อครู่ที่เขารู้สึกไม่สบายตัว เธอกลับไม่ได้สังเกตเห็น

พอรู้ว่าอาการของหนานกงเฉินกำเริบ ไป๋มู่ชิงรีบลุกไปดูเขา“คุณชายใหญ่ คุณเป็นอะไร?”

หนานกงเฉินไม่ได้สนใจเธอและก็ไม่ได้มีแรงมาตอบเธอตั้งแต่แรก เขาค่อยๆขดตัวและไม่หยุดที่จะส่งเสียงออกมาอย่างทรมาน

ทุกครั้งที่อาการเขากำเริบเขาพยายามจะควบคุมตัวเอง เพื่อไม่อยากให้ตัวเองเสียการควบคุม

ไป๋มู่ชิงเริ่มงงไปเลย สักพักใหญ่ๆถึงจะคิดออกว่าต้องไปหายาให้เขาในลิ้นชัก เธอรีบลงไปจากเตียง เปิดลิ้นชักออกเปิดขวดยาและเอายาออกมาหนึ่งเม็ด หลังจากนั้นกลับไปที่เตียงอย่างลนลาน มือข้างหนึ่งถือยาไว้ อีกข้างหนึ่งก็พยุงตัวเขาพูดว่า“คุณชายใหญ่ อ้าปากเร็ว กินยาเดี๋ยวก็หายแล้ว”

หนานกงเฉินเจ็บปวดจนไม่รู้อะไรแล้ว เดิมทีเขาก็ไม่ได้ยินที่เธอพูดอยู่แล้วจะมาอ้าปากได้อย่างไร

ไป๋มู่ชิงได้แต่ใช้มือจับคางของเขา เรียนรู้มาจากครั้งที่แล้วที่เขาบังคับให้เธอกินยา แต่ว่าหนานกงเฉินกัดฟันไว้เพราะความเจ็บปวด พยายามใช้แรงเปิดปากเขายังไงก็เปิดไม่ออก

ไม่ง่ายเลยที่หนานกงเฉินจะอ้าปากได้ และกลับกัดมือเธออีกด้วย

เหมือนกันกับคืนวันแต่งงานของเขา เขากัดมือของเธอ เจ็บมากจนไป๋มู่ชิงต้องร้องออกมาและยังน้ำตาไหลอีกด้วย

ไม่มีใครที่จะรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของเธอ หนานกงเฉินแทบจะใช้แรงทั้งหมดของเขากัดเธอและไม่ปล่อยเธอสักที

ไป๋มู่ชิงร้องอย่างเจ็บปวดตั้งหลายครั้ง หลังจาที่เริ่มชินกับความเจ็บปวดนั้นก็ค่อยๆบังคับตัวเองให้ใจเย็นๆ หลังจากนั้นก็ยัดยาเข้าไปในปากของเขาด้วยมือที่สั่นมากของเธอ

รู้สึกได้ว่ายาเข้าไปอยู่ในปากของเข้าแล้ว ในที่สุดหนานกงเฉินก็ผ่อนคลายขึ้นพยายามจะกลืนยาลงไป

ข้างนอกประตูค่อยๆมีเสียงฝีเท้าต่อมาก็มีคนผลักประตูเข้ามา คุณผู้หญิงเดินเข้ามาโดยที่มีพี่เหอมาเป็นเพื่อน เห็นหนานกงเฉินอยู่บนเตียงมีเลือดกลบปากอยู่ คุณผู้หญิงตกใจจนเกือบเป็นลม

เธอรีบหันไปบอกให้พี่เหอว่า“รีบไป!รีบไปเรียกคุณหมอมา เร็วสิ……!”

พี่เหอเห็นสภาพของหนานกงเฉินก็ตกใจไปเช่นกัน ถึงแม้จะตามหมอมาแล้วตั้งแต่แรกแต่ก็ยังรับวิ่งไปเร่งอยู่ดี

ไม่นานคุณหมอมาถึงก็หยิบยาระงับประสาทออกมาจากกล่องอย่างชำนาญและฉีดเช้าไปที่แขนของเขา

เห็นผลของยาอย่างรวดเร็ว หนานกงเฉินค่อยๆสงบลงมาแล้ว

“ควรรีบไปโรงพยาบาลดีไหม?”คุณผู้หญิงถามคุณหมออย่างใจร้อน

คุณหมอมองดูหนานกงเฉิน หลังจากนั้นเห็นแขนไป๋มู่ชิงที่เลือดไหลไม่หยุดเลยถามว่า“นายหญิงน้อย เลือดที่ปากของคุณชายใหญ่คือเลือดของคุณใช่ไหม?”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า ในเวลานั้นเธอยังคงไม่รู้สึกเจ็บอะไร น่าจะเป็นเพราะไม่มีเวลาไปสนใจ

คุณหมอตรวจดูที่ปากของหนานกงเฉิน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่ได้กัดใส่ตัวเองก็พูดกับคุณผู้หญิงว่า“ไม่จำเป็นต้องไปแล้ว ตอนนี้คุณชายใหญ่หลับไปแล้ว เดี๋ยวจะฉีดยาให้เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว”

“แน่ใจใช่ไหม?”คุณผู้หญิงถามด้วยความไม่สบายใจ

ถึงแม้ว่าคุณหมอที่เธอจ้างมาด้วยเงินเดือนที่สูงจะเป็นคนมีความสามารถและยังเป็นหมอที่ดูแลหนานกงเฉินมาตลอดสิบปี แต่พอเห็นสภาพของหนานกงเฉินยังคงกังวลอยู่ดี

“คุณผู้หญิงสบายใจได้ คุณชายใหญ่ไม่เป็นไรแล้ว”คุณหมอคลึงๆดูที่หลังมือของหนานกงเฉินพูดว่า“รอฤทธิยาหายไปสักพักเดี๋ยวจะได้ฉีดให้เขาอีกเข็ม”

“โอเค โอเค”คุณผู้หญิงพยักหน้า

หลังจากที่คุณหมอจัดการกับหนานกงเฉินแล้ว ในที่สุดก็ไปถามไป๋มู่ชิงว่า“นายหญิงน้อย หมอจะทำแผลให้”

ไป๋มู่ชิงยกแขนเธอขึ้นมา ถึงจะพบว่าที่เธอโดนหนานกงเฉินกัดเมื่อครู่นั้นคือรอยเดียวกันกับคืนวันแต่งงานเลย จนเนื้อของเธอบริเวณนั้นเปื่อย

“ไม่ ฉันไม่เป็นไร คุณหมอไปหมอไปดูคุณชายใหญ่เถอะ”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัวและปล่อยแขนเธอไว้

“คุณพระช่วย ทำไมมือเธอถึงเป็นแบบนี้ได้กัน?”คุณผู้หญิงเห็นรอยฟันที่มือของเธอ ก็เจ็บปวดใจขึ้นมาทันที พูดอย่างเสียใจว่า“เฉินกัดเธอเจ็บขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ใช่ค่ะ แต่หนูไม่เจ็บ คุณย่าสบายใจได้”

“เจ็บขนาดนี้ จะไม่เจ็บได้อย่างไรกัน?”คุณผู้หญิงรีบกวักมือเรียกคุณหมอ“เร็วคุณหมอ รีบช่วยทำแผลของนายหญิงน้อยด้วย”

ระหว่าที่พูดนั้น ยังใส่ใจพยุงไป๋มู่ชิงไปนั่งที่โซฟาอีกด้วย

คุณหมอเริ่มทำแผลให้ไป๋มู่ชิง คุณผู้หญิงก็กุมมืออีกข้างหนึ่งของเธอไว้กำชับเธอว่า“ยิ่งอัน ครั้งหน้าถ้าเฉินเขาอาการกำเริบ เธอต้องหลบเขาไว้นะอย่านอนอยู่บนเตียงให้เขากัดแบบนี้ รู้ไหม?”

ตอนนี้เธอก็ยังต้องท้องอยู่นะ แล้วถ้าหากโดนเฉินผลักจนแท้งหรือไปทำร้ายเด็กจะทำอย่างไร?

ไม่ต้องไปคิดอย่างอื่น ไป๋มู่ชิงมีหน้าที่ต้องอยู่กับหนานกงเฉินต้องทนทรมาน คุณผู้หญิงนับถือเธอมากเลย แต่ยังไงเธอก็เป็นที่หนึ่ง!

“คุณย่า หนูรู้แล้วค่ะ”ไป๋มู่ชิงตอบรับด้วยความอ่อนน้อม

หลังจากที่ใส่ยาและพันแผลยังไงก็ไม่เจ็บแผลจริงๆ ไป๋มู่ชิงบอกให้คุณผู้หญิงกลับไปพักผ่อน คุณผู้หญิงไม่สบายใจ มองหนานกงเฉินที่นอนอยู่บนเตียงว่า“หรือว่าเธอไปนอนที่ห้องของเฉิน ให้เซิ่งเคอกับเซิ่งซินลงมา?”

สองพี่น้องตระกูลเซิ่งอยู่ที่ชั้นสาม คิดว่าคงนอนหลับไปกันหมดแล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้ยินเสียงดังข้างล่าง

ไป๋มู่ชิงสะบัดหัว“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า หนูหลับกลางวันไปเยอะแล้วค่ะไม่ง่วงเลย”

“งั้นก็ตามใจ ยังไงก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอนะ”

“ไม่ต้องกังวลค่ะ”

หลังจากที่คุณผู้หญิงกลับไปแล้ว คุณหมอเจาะสายน้ำเกือให้หนานกงเฉินแล้วเหลือพวกเขาอยู่ในห้องสองคน เลยรู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจ คุณหมอเลยบอกกับไป๋มู่ชิงว่า“นายหญิงน้อยงั้นหมอออกไปก่อนนะ ให้น้ำเกลือเสร็จเรียกหมอนะ?”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า“คุณหมอหวงไปนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันจะไปเรียก”

“คุณเจาะเข็มเป็นเหรอ?”

“ใช่ ฉันเคยเรียนมา”ไป๋มู่ชิงพยักหน้า

เมื่อก่อนตอนที่อยู่กับเด็ก ทุกวันพอไม่ใช่โรคนั้นก็โรคนี้เพื่อจะได้ดูแลพวเขา เธอเลยไปเรียนพยาบาลเบื้องต้นมา

หลังจากได้ยินแบบนี้แล้ว ในที่สุดคุณหมอก็วางใจและกลับห้องไป

ในที่สุดในห้องก็เงียบลง ไป๋มู่ชิงค่อยๆลุกจากโซฟา ไปยืนอยู่ตรงข้างหน้าเตียงยืนจ้องหนานกงแนที่หน้าซีดอยู่

ก่อนที่อาการเขาจะกำเริบ สีหน้าของเขาไม่ได้ซีดขนาดนี้ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก้เปลี่ยนเป็นแบบนี้แล้ว โรคภัยต่างๆจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่น่ากลัวเหมือนกันนะ

เธอเห็นมุมปากของหนานกงเฉินยังมีเลือดอยู่ เธอเลยเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำมา เช็ดเลือดที่ปากของเขาอย่างระมัดระวัง

หลังจากนั้นไปเช็ดมือของเขาทั้งสองข้าง ถึงจะเอาผ้าขนหนูกลับไปซักที่กะละมังในห้องน้ำ

มีน้ำเกลือทั้งหมดสามขวด คุณหมอพูดว่ายาพวกนี้ถ้าเข้าปในเลือดแล้วจะเจ็บนิดหน่อยอย่าให้ยาหยดลงเร็ว จริงๆแล้วตอนบ่ายวันนี้เธอไม่ได้หลับหรอก ยังไงก้ไม่มีอารมณ์นอน เธอง่วงจนจะทนไม่ได้ตั้งนานแล้ว

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาตั้งนาฬิกาเพื่อปลุก หลังจากนั้นวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆมือ ฟุบอยู่หน้าเตียงและหลับตาลง

ไม่รู้จริงๆว่าถ้าเปลี่ยนเป็นไป๋ยิ่งอันมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้เธอจะเป็นอย่างไรกันนะ แน่นอนว่าต้องเป็นเหมือนเธอครั้งแรกแน่ๆ คงตกใจจนตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง?

ไป๋ยิ่งอันจะมีความคิดที่จะไปดูแลคนป่วยไหมนะ?

หวังว่าถึงตอนนั้นแล้วเธอจะเหมือนเธอนะ ค่อยๆทำความเข้าใจผู้ชายคนนี้ ค่อยๆไม่รู้สึกกลัวเขา

ไม่ผิด ตอนนี้เธอไม่กลัวอาการป่วยของหนานกงเฉินอีกแล้ว ทุกครั้งที่เธอเห็นเขาป่วยนั้น นอกจากเป็นห่วงเขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวมาตั้งนานแล้ว

ถึงแม้ว่าจะง่วงมาก ยิ่งกว่านั้นเธอก็ตั้งปลุกแล้วเรียบร้อย แต่ว่าเธอพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองหลับ ถ้าเธอหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงตั้งปลุกอาจจะไปทำร้ายหนานกงเฉินได้

น้ำเกลือที่ค่อยๆหยดลงมา ตอนถึงขวดที่สามนั้น ฟ้าก็ค่อยๆสว่างขึ้นมา แต่ไป๋มู่ชิงง่วงจนจะทนไม่ไหวแล้ว ค่อยๆสัปหงก เธอก็ฟุบหลับไปที่ข้างเตียง

สักครู่หนึ่งเธอก็หลับไปอย่างสงบ ยิ่งกว่านั้นเธอยังฝันอีกด้วย ฝันถึงหนานกงเฉินตื่นขึ้นมาและยิ่งกว่านั้นโรคที่เขาเป็นก็หายเป็นปกติแล้ว

ที่เธอไม่รู้คือ หนานกงเฉินตื่นขึ้นมาจริงๆ แสงแดดยามเช้าก็ได้ผ่านหน้าต่างเข้ามา ส่องแสงที่อบอุ่นเข้ามาในห้องนอน

เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หลังแผ่มา ก็เลยมองลงไป เดิมทีเป็นเข็มที่เสียบอยู่ แต่ข้างๆมือของเขานั้นคือไป๋มู่ชิงที่นอนหลับอย่างสบายอยู่ข้างๆเตียง

เธอเอานหน้าหนุนลงไปที่แขนขวา ในมือขวายังถือมือถือไว้อยู่เลย แต่มือแขนข้างซ้ายของเธอวางอยู่ที่ข้างเตียง ข้อมือที่พัดด้วยผ้าพันแผลที่หนา

ถึงแม้ว่าเมื่อคืนเขาจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่เขายังจำได้ลางๆว่าไป๋มู่ชิงไปหายาเม็ดให้เขา และเขายังกัดมือเธออีกด้วย

กลิ่นคาวเลือดที่หอมหวานนั้น จนถึงวันนี้ในความทรงจำของเขายังคงสดใหม่

และเขายังกัดแขนของเธอ ทำไมผู้หญิงคนนี้ซวยขนาดนี้!

เขาเงยหัวขึ้นมามองขวดยา น้ำเกลือยังเหลืออีกประมาณยี่สิบมิลลิลิตรก็จะหมดแล้ว

นาทีนั้นบังเอิญว่าโทรศัพท์ในมือของไป๋มู่ชิงก็ดังขึ้นพอดี หนานกงเฉินตกใจไปเลย หลังจากนั้นเลยรีบหยิบโทรศัพท์ในมือเธอไปปิดนาฬิกาที่ตั้งปลุก

แต่ไป๋มู่ชิงที่กำลังหลับฝันหวานนั้นก็ขยับตัวไปมา หลังจากที่ขยับปากก็นอนต่อ

ที่ไป๋มู่ชิงหลับไปนั้นแทบจะตื่นขึ้นมาเอง ตอนที่เธอลืมตาขึ้นมมา แสงก็สาดส่องเข้ามาเต็มห้อง เธอค่อยๆปรับสายตา คิดขึ้นได้ว่าเรื่องเมื่อวานเธอรับภาระทั้งหมด มองไปที่มือของเธอเห็นว่าโทรศัพท์หายไปไหนก็ไม่รู้

เธอลุกขึ้นมาดูบนเตียง หนานกงเฉินยังนอนอยู่บนเตียง เพียงแต่ไม่รู้ว่าขวดน้ำเกลือว่างเปล่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่

นึกไม่ถึงเลยว่าไม่มีอะไรแล้ว……!

หัวสมองของไป๋มู่ชิงก็ว่างเปล่า รีบลุกขึ้นมาจากพื้น หลังจากที่รีบไปปิดไม่ให้น้ำเกลือไหล เธอตะลึงและมองไปที่หนากงเฉินที่ไม่ขยับตัวเลย

ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว ขวดว่างเปล่ามาสองชั่วโมงแล้ว เธอนึกไม่ถึงเลยว่าให้ขวดเปล่ากับเขาไปสองชั่วโมง ในเวลานานขนาดนี้ พอที่จะทำให้คนหนึ่ง……

เธอแทบจะตัวสั่นเข้าไปเขย่าแขนของหนานกงเฉิน พูดเบาๆว่า“คุณชายใหญ่……”

เรียกตั้งหลายครั้งก็ไม่มีการตอบรับ เธอกระวนกระวายใจมาก ลางสังหรณ์ก็ได้จู่โจมเข้ามา ไม่ใช่ว่า……

ไป๋มู่ชิงสะบัดหัวอย่างกระวนกระวาย บังคับตัวเองว่าอย่าไปคิดสิ่งไม่ดีพวกนั้นเลย เธอยืนถอนหายใขอยู่ที่ข้างเตียง ถึงจะยื่นมือเข้าไป วางมือไปทาบที่บนคอของเขาเพื่อดูชีพจร

คิดไม่ถึงว่าก็ยังไม่มีการตอบรับ!

ในที่สุดเธอก็กระวนกระวายจนทนไม่ได้ น้ำตาก็เอ่อล้นออกมาเต็มหน้า ข้างหนึ่งก็จับมือของเขาไว้และร้องไห้พูดว่า“คุณชายใหญ่ รีบตื่นขึ้นมาสิ!รีบตื่นขึ้นมา……!”

เธอร้องไห้อย่างหนักหนา ร้องไปสักพักก็พูดว่า“คุณชายใหญ่ คุณรีบตื่นขึ้นมา ขอร้องล่ะอย่าตายนะ…..ถ้าหากคุณตายฉัน……ฉัน……”

“ถ้าฉันตายเธอจะทำไม?ไหนพูดมาสิ”หนานกงเฉินจับมือที่ได้รับบาดเจ็บของเธอและพูดด้วยความอดไม่ได้

พอพูดถึงจุดสำคัญไม่คิดเลยว่าจะพูดติดขัด จริงๆเลย!

ถ้าหากไม่กลัวว่าแผลของเธอจะฉีก เขาอยากเห็นจริงๆว่าเธอจะร้องไห้ไปถึงเมื่อไหร่กัน

ไป๋มู่ชิงอึ้งไปเลย

หนานกงเฉินไม่ได้ตาย?นี่เธอกำลังฝันไปเหรอ?

เป็นไปได้อย่างไร?เห็นได้ชัดเจนว่าเธอให้ขวดเปล่ากับเขาไปตั้งสองชั่วโมง ยิ่งกว่านั้นชีพจรของเขาไม่เต้น

เห็นเธอตกใจยืนอยู่ตรงนั้น บนหน้าก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ในใจของหนานกงเฉินอ่อนขึ้นมาทันที ไม่กล้าที่จะแกล้งเธอต่อแล้ว จับมือเธอของเธออย่างแรง ดึงตัวเธอไปนั่งที่เตียง หลังจากนั้นดึงนิ้วไปจับชีพจรของตัวเอง

“รู้สึกได้แล้วหรือยัง ยังเต้นอยู่เลย”เขายิ้ม

ยังเต้นอยู่จริงๆด้วย แต่ว่าเมื่อกี้ทำไมไม่มีล่ะ!

ในที่สุดไป๋มู่ชิงได้สติ ใช้ทั้งสองมือตีไปที่แขนของเขา“คุณมันคนบ้า!ตั้งใจแกล้งฉันใช่ไหม?หมายความว่ายังไงกัน?”

หนานกงเฉินรีบจับมือเธออีกครั้ง มองไปที่แผลของเธอ“อย่าให้แผลฉีกล่ะ”

“นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ!คนเลว!”ไป๋มู่ชิงโกรธมากๆ เมื่อกี้เธอคิดว่าเขาตายแล้วจริงๆ คิดว่าเพราะตัวเองทำเขาตาย เธอทรมานจนเกือบจะตายแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีอารมณ์แกล้งเธอ?

“ดูสิ ยังไงเธอก็เกือยฆ่าฉันตายแล้วนะ ตอนนี้กลับมาดุฉัน”หนานกงเฉินดึงเข็มและพูดว่า“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันตื่นขึ้นมาทัน ตอนนี้เธอคงจับชีพจรฉันไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นก็เป็นคนที่ฆ่าสามีตลอดกาล”

“ฉัน……”ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็ใจเย็นลง หวาดผวาไม่หยุด

“ฉันตั้งปลุกแล้วแต่ทำไม่เป็นแบบนี้?” เธอหยิบโทรศัพท์และพูดพึมพำ ตรวจดูเมื่อครู่ที่ตัวเองตั้งปลุกไว้ แต่ก็ไม่มีอะไรผิดพลาด

นี่เธอหลับลึกขนาดนั้นเลยเหรอ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ยินเสียงที่ตั้งปลุกไว้?เธอหลับลึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ความเสียใจทีหลังและความทุกข์ใจ หนานกงเฉินที่แอบปิดเสียงตั้งปลุกก็ไม่รู้สึกอะไรเลย และกลับยิ้มด้วยเจตนาที่ไม่ดีว่า“คนที่เฝ้าผู้ป่วยหลับลึกขนาดนี้เลยเหรอ ภรรยาก็ต้องดูแลดีๆสิ”

“ฉันขอโทษ……ฉัน……คงเพราะง่วงมาก”ไป๋มู่ชิงยิ่งรู้สึกเสียใจ

ทันใดนั้นหนานกงเฉินพูดด้วยความโมโหว่า“ช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็ไม่ได้ตายและยังเห็นว่าเมื่อวานฉันไปกัดเธอเข้า ฉันให้อภัยเธอ”

“ขอบคุณนะ”ไป๋มู่ชิงถอนหายใจอย่างสบายใจ ดีที่ไม่มีเรื่องร้ายอะไร!

หนานกงเฉินไปจับๆขยับๆมือของเธอ ข้อมือที่พันด้วยผ้าพันแผล หลังจากค่อยๆดูอย่างระมัดระวังก็มองเธอพูดว่า“ยังเจ็บอยู่ไหม?”

ยากที่จะเห็นสายตาที่อบอ่อนโยนของเขา อ่อนโยนจนทำให้ใจของเธอรู้สึกอบอุ่นมาก

“ไม่เจ็บแล้ว”เธอยิ้มและส่ายหัว“แค่คุณตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว”

หนานกงเฉินยังคงจ้องเธออยู่ พักใหญ่ๆถึงจะพูดประโยคที่ประหลายออกมาว่า“ที่จริงเธอไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”

“หมายความว่ายังไง?”

“ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นก็ได้”เขาใจได้ว่าเธอเคยพูดว่าเธอก็กลัวเขาเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ แต่ว่าตอนนี้เธอกลับเถียงว่าตัวเอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น

เขากำลังคิดถึงความกล้าหาญของเรื่องคืนเมื่อวาน แสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวเองมากแค่ไหน

ไป๋มู่ชิงเข้าใจความหมายของเขา และยังคงเอาแต่ยิ้มและไม่อธิบายอะไร

“เอาล่ะ ควรลุกจากเตียงได้แล้ว”ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นตามเขา ด้านหนึ่งเธอเก็บขวดยาและพูดว่า“คุณหมอหวงมาแล้วหรือยัง?ได้พูดอะไรไหม?”

หนานกงเฉินหัวเราะอย่างเย้าหยอกว่า“เขาควรพูดว่าอะไรฉันจำได้หมดแล้ว”

“งั้นคุณล่ะ?ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?ยังมีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายไหม?”เธอจ้องถามเขาด้วยความเป็นห่วง

“ก็ดี”หนานกงเฉินปิดผ้าห่มออก เขาเปลี่ยนชุดและพูดด้วยว่า“ครั้งหน้าถ้าเธอเห็นฉันอาการกำเริบ จำไว้นะว่าให้ไปไกลจากฉันหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวฉันจะไปกัดเธออีก”

“รู้แล้ว”ไป๋มู่ชิงตอบรับเขาเหมือนที่ตอบรับคุณผู้หญิง

หลังจากเห็นอาการเขากำเริบควรหนีเอาชีวิตรอดเหรอ?บางที่ถ้าเป็นสี่เดือนก่อนคงจะทำได้หรอก แต่ตอนนี้……ยังไงเธอก็ทำไม่ได้

ทั้งสองคนลงไปที่ห้องอาหารชั้นล่าง ทุกคนบนโต๊ะอาหารก็เอาแต่มองพวกเขา เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ

“พี่ สีหน้าดูไม่ดีเลย”เซิ่งซินพูด

หนานกงเฉินยิ้มออกมาและกลับไปนั่งที่

ผู่เหลียนเหยามองพวกเขาสองคนและถามด้วยความสงสัยว่า“พี่เมื่อคืนอาการกำเริบอีกแล้วเหรอ?”

“ใช่ ผมกับเซิ่งซินหลับไปแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย”เซิ่งเคอพูดด้วยความละอายใจ

ไป๋มู่ชิงกวาดตามองไปที่ทุกคนพูดว่า“ไม่เป็นไรหรอก คุณชายใหญ่มีฉันดูแลอยู่ ถึงแม้……ฉันจะไม่ชำนาญขนาดนั้น แต่เดี๋ยวก็จะค่อยๆดีเอง”

คิดถึงที่ตัวเองหลับไปก็เกือบทำให้เขาเส้นเลือดอุดตันตาย เธอยิ้มด้วยความลำบากใจ เพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัด เธอเลยเทนมให้หนานกงเฉิน

แต่ว่าเธอกลับลืมไปว่ามือเธอก็เจ็บอยู่ ตอนที่จับเหยือกนมนั้นก็ไปโดนใส่แผลพอดี เธอหายใจอย่างใจเย็นเธอเลยงอมือโดยอัตโนมัติ

สัญชาติยานของคนก็จะขดตัวทันที แต่ว่าเธอไม่อยากให้ทุกคนจับตาเรื่องแผลของเธอ เลยได้แต่อดทนจับเหยือกนม ค่อยๆใช้แรง……

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท