เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 135 กระโดดจากตรงนี้ลงไป

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

มองรอยยิ้มที่เดิมทีสง่าตอนนี้ก็เริ่มถูกความชั่วร้ายย้อมทับ ในที่สุดไป๋จิ้งผิงก็สำนึกได้ว่าเขาไม่เหมือนกับพูดเล่นอยู่ แล้วนึกถึงเรื่องที่ภรรยาและลูกสาวของตัวเองทำในช่วงนี้

ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดกระทันหัน หนานกงเฉินรู้แล้ว? เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

งั้นเรื่องของบริษัท……

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงจะเอ่ยปากถามอย่างกล้าๆกลัวๆ:”บริษัทยิ่นเทียน……เป็นของคุณ?”

“ถูกต้อง” หนานกงเฉินพยักหน้า

“คุณ……!” ไป๋จิ้งผิงยืนขึ้นจากโซฟาอย่างฉับพลัน กัดฟันแล้วจ้องไปที่เขาอย่างตะลึงงัน ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าคุณทำเอาไว้

“แต่ว่านี่เป็นแค่การโต้ตอบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ที่ยอดเยี่ยมกว่านี้อยู่ข้างหลังต่างหาก” หนานกงเฉินเอาบุหรี่กดไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ให้ดับลง ยิ้มอย่างไม่มีภัย “ท่านประธานไป๋ แผนการเล็กน้อยของผมเมื่อเทียบกับแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพวกคุณตระกูลไป๋แล้วมันคนละชั้นกันเลย ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด”

“ตกลงคุณจะเอายังไง?” ผ่านไปครู่ใหญ่ไป๋จิ้งผิงถึงถาม วันนี้เขาอุตส่าห์แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือและสนับสนุน ไม่ได้คิดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ เป็นผลที่ทำให้คนตกใจและโมโหในเวลาเดียวกัน

เขายืนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ล้มนั่งบนโซฟา โมโหจนหัวใจบีบรัดเป็นพักๆ

หนานกงเฉินชายตามองกระปุกยาเล็กๆบนโต๊ะ ยิ้มอย่างหยอกเล่น:”เมื่อกี้ก็พูดแล้วไง เอายาเม็ดในนี้ไปแบ่งให้ลูกสาวทั้งสองของคุณหนึ่งคนต่อหนึ่งเม็ด แล้วผมจะส่งบริษัทไป๋ซื่อกับยิ่นเทียนให้คุณ”

“คุณเอาอะไรมาล้อเล่น? คุณบ้าไปแล้ว!”

ให้เขาฆ่าลูกสาวด้วยมือของเขาเอง? เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?

“ที่บ้าคือตระกูลไป๋ของพวกคุณ……” ร่างกายของหนานกงเฉินเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย รินแก้วชาแล้วจิบหนึ่งอึก ชายตามองไปยังเขา:”แล้วก็……ผมหนานกงเฉินไม่เคยล้อเล่น”

“เอาแบบนี้ไหม ผมให้คุณเลือกอีกที” หนานกงเฉินใช้กรามชี้ไปทางหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น:”คุณกระโดดจากตรงนี้ลงไปสิ ผมก็จะปล่อยลูกสาวที่รักของคุณทั้งสองไป”

ไป๋จิ้งผิงมองตามสายตาของเขาไปทางหน้าต่าง นี่มันชั้นหกสิบนะ กระโดดลงไปคงตายแน่ๆ

“ก็ยังไม่ยินยอมใช่ไหม?” หนานกงเฉินลุกขึ้นยืนจากโซฟา ยิ้ม:”ท่านประธานไป๋ไม่ต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ล้อคุณเล่นเฉยๆเท่านั้นเอง ยี่สิบปีที่อยู่ในคุกคงเจ็บปวดกว่าการกระโดดลงไปจากที่นี่สินะ ผมกลับชอบท่าทางของคุณตอนที่ติดคุก คงสนุกแน่นอน”

“หนานกงเฉิน……คุณมันไม่ใช่คน!” ไป๋จิ้งผิงโมโหจนร่างกายไม่มั่นคงแล้ว

“ใช่ ผมไม่ใช่คน ตระกูลไป๋ต่างหากคือคน”

“คุณ……”

หนานกงเฉินเห็นว่าท่าทางเขาเหมือนจะล้มลงมา ก็รีบเดินไปที่โต๊ะทำงานโทรบอกฝ่ายเลขา:”เรียกรถพยาบาลมาหน่อย”

หลังจากที่เอาไมโครโฟนติดไว้แล้ว หนานกงเฉินหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง:”ท่านประธานไป๋ ยังมีเรื่องอะไรต้องพูดอีกไหม? ถ้าไม่มี……ขอโทษทีนะ ผมยุ่งมาก”

ไป๋จิ้งผิงยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก จังหวะหายใจก็ไม่มั่นคง เขาจ้องหนานกงเฉินด้วยความลำบากแล้วถามออกมา:”ผมตายแล้ว จะช่วยให้ความโกรธของคุณลดน้อยลงไหม?”

หนานกงเฉินไตร่ตรองสักพัก ลากมุมปากแล้วยิ้ม:”บอกไม่ได้”

“พ่อเกิดอะไรขึ้น? วันนี้ตอนบ่ายยังดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ไป๋ยิ่งอันมองไป๋จิ้งผิงบนเตียงผู้ป่วยไปด้วย ถามอย่างกังวลไปด้วย

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เลขาของหนานกงเฉินมาที่นี่พร้อมกับรถพยาบาล” สวีหย่าหรงพูด:”ฉันได้ยินเลขาผู้หญิงคนนั้นพูดว่าพ่อเธอเป็นลมล้มลงในห้องทำงานของหนานกงเฉิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”

“หรือว่าคุณชายเฉินจะไม่ตอบรับ? พ่อก็เลยรีบ?” ไป๋ยิ่งอันล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า:”หนูจะโทรไปถามคุณชายเฉิน”

เธอถือโทรศัพท์กำลังจะกดโทร ไป๋จิ้งผิงในตอนนี้กลับหันหน้ามาหาเธออย่าเงียบๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีแรง:”ไม่ต้องหรอก……”

“พ่อ พ่อฟื้นแล้ว?” ไป๋ยิ่งอันอึ้งไปสักพัก รีบวางโทรศัพท์แล้วไปจับมือของพ่อไว้:”พ่อ พ่อเป็นไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

ไป๋จิ้งผิงอ้าปาก กลับพูดไม่ออกสักประโยค ทำได้แค่บีบมือเล็กๆของไป๋ยิ่งอัน

“พ่อ พ่อไม่ต้องพูดแล้ว นอนพักแบบนี้นี่แหละ”

ไป๋จิ้งผิงมองเธอ หางตาทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ยิ่งอัน……เป็นเพราะไม่ได้ปกป้องพวกเธอให้ดี พ่อไม่มีความสามารถ” ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขารักลูกสาวเกินไป ลูกสาวคงไม่เปลี่ยนเป็นแบบนี้ที่ในตอนนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่

ถ้าในตอนนั้นไม่ใช่เขาเห็นด้วยกับความคิดของภรรยาที่ให้ไป๋มู่ชิงกลับมาแต่งงานแทน ตระกูลไป๋คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างวันนี้ เรื่องบริษัทเขาไม่กล้าจะหวังอะไรแล้ว ตอนนี้ขอแค่หนานกงเฉินปล่อยภรรยากับลูกสาวของตัวเองไป

“พ่อ……พ่ออย่าเป็นแบบนี้สิ” ไป๋ยิ่งอันน้ำตารื้นจนอารมณ์ทุกอย่างแสดงออกอยู่บนใบหน้า:”ไม่มีบริษัทแล้วก็ไม่เป็นไร อนาคตหนูสามารถเลี้ยงพ่อกับแม่ได้ อย่าลืมสิว่าตอนนี้หนูเป็นถึงนายหญิงน้อยของตระกูลหนานกงเลยนะ”

“นายหญิงน้อยของตระกูลหนานกง……” ไป๋จิ้งผิงยิ้มออกมาด้วยความเจ็บปวด บีบมือของเธอ:”ยิ่งอัน……ถ้าวันไหนหนานกงเฉินไม่ต้องการเธอแล้ว อย่าเพิ่งรีบร้อนนะ แล้วก็อย่าทำเรื่องโง่ๆลงไป ให้หาผู้ชายดีๆแต่งงานด้วยใช้ชีวิตให้ดี”

“พ่อ พ่อพูดอะไรน่ะ?”

“พ่อพูดหลักความเป็นจริงกับเธออยู่” ไป๋จิ้งผิงไม่ได้บอกพวกเขาเรื่องที่หนานกงเฉินเปลี่ยนไปตอนนี้ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะตื่นตระหนก กลัวพวกเขาจะรับไม่ได้

ไป๋มู่ชิงก็ใกล้จะแต่งงานกับหลินอันหนานแล้ว เขาไม่อยากให้กระทบถึงงานแต่งของคู่สามีภรรยา ถ้าหลินอันหนานสามารถปกป้องไป๋มู่ชิงได้ ก็คงจะดีไม่น้อย!

“คุณผู้ชาย ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นโรคมะเร็งสักหน่อย และก็ไม่ได้มีโรคอะไรร้ายแรง แค่ร่างกายไม่มีแรงก็เท่านั้นเอง อย่าทำให้เหมือนว่ามาลาได้ไหมแบบนี้ทำให้ลูกตกใจกลัวนะ” สวีหย่าหรงเป็นห่วงแทนเขา:”ไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนเถอะ ฉันยังรอให้คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วคิดบัญชีอยู่นะ”

ไป๋จิ้งผิงรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องเมื่อวานตอนบ่ายที่เขาได้เจอกับจูฮุ่ย ยิ้มอย่างอ่อนแรง:”ได้……ผมจะรอให้คุณมาคิดบัญชีกับผม ถ้าคุณไม่มาหาผมแล้วทะเลาะสามวันสามคืนผมคงไม่ชินซะมากกว่า”

“ยังจะพูดเล่นอีก” สวีหย่าหรงด่าอย่างโมโห

จูฮุ่ยคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ถือโอกาสที่สวีหย่าหรงกับไป๋ยิ่งอันไม่อยู่มาหาไป๋จิ้งผิงที่ห้องผู้ป่วย

พยาบาลสาวเห็นว่าเธอเข้ามา มองไป๋จิ้งผิงที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย หลังจากนั้นก็ถอยออกไปตามสถานการณ์

ไป๋จิ้งผิงไม่ได้คาดหวังว่าจูฮุ่ยจะมาเยี่ยมตนเอง หลังจากที่บนหน้าเกิดความประหลาดใจขึ้น ก็เรียกเสียงเบา:”เสี่ยวฮุ่ย คุณมาแล้ว”

จูฮุ่ยเดินเข้าไป สังเกตว่าเขาซูบลงไปเยอะ ความสงสารในใจก็ล้นออกมา:”คุณสบายดีไหม?”

“ก็ดี ดีกว่าเมื่อวานเยอะเลย” ไป๋จิ้งผิงพยายามพยุงตัวให้นั่งขึ้นมา จูฮุ่ยรีบเดินไปช่วยเอาหมอนรองให้เขา

“คุณล่ะ? เสี่ยวอี้เป็นยังไงบ้าง?” ไป๋จิ้งผิงถามกลับ

“เขาสบายดี กำลังรอเข้ารับการผ่าตัด”

บทสนทนาของทั้งสองเงียบลง บรรยากาศก็เลยอึดอัดนิดหน่อย จูฮุ่ยทำลายความเงียบ:”ฉันก็แค่มาเยี่ยมคุณ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นฉันกลับก่อนนะ”

“เสี่ยวฮุ่ย” จู่ๆไป๋จิ้งผิงก็ยื่นมือออกมา ขณะที่เธอกำลังหมุนร่างไปก็คว้ามือของเธอไว้

จูฮุ่ยนิ่งอึ้ง หันหน้ามามองเขา

“ผมสามารถถามเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม สรุปว่ามู่ชิงเป็นลูกสาวของผมหรือเปล่า?” ไป๋จิ้งผิงมองแล้วถามเธอด้วยมาดเอาจริงเอาจัง

จูฮุ่ยมองเขา แล้วยิ้มด้วยความเจ็บปวด

เธอนึกว่าเขาจะพูดคำขอโทษออกมา ทั้งปีนั้น และช่วงนี้ เรื่องที่เขาทำผิดกับเธอมีเยอะมาก หรือพูดกับเธอเรื่องอื่นก็ได้ อย่างน้อยก็ทำให้เธอรู้สึกปลื้มใจสักนิด น่าเสียดาย!

เขาไร้น้ำใจขนาดนี้ เธอกลับเป็นห่วงเขาจากใจจริง หลังจากที่เจอกันเมื่อวานตอนบ่าย ใจของเธอไม่ค่อยดี

เห็นได้ชัดว่าคนอื่นเขาไม่ต้องการเธอไม่สนใจเธอตั้งนานแล้ว หลังจากที่เธอเห็นว่าเขาป่วยเธอกลับยังรักและสงสารเขา เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นเลวมาก เมื่อวานต่อว่ามู่ชิงอย่างรุนแรง ความจริงแล้วเธอกำลังด่าตัวเองอยู่!

“คุณช่วยบอกความจริงผมได้ไหม?” ไป๋จิ้งผิงรอไม่ไหวถามออกมาอีกประโยค

จูฮุ่ยกระพริบตาทั้งสองข้าง บังคับให้น้ำตาที่อยู่ใต้ตากลับไป พูดอย่างเศร้าสลด:”ตอนที่มู่ชิงยังเด็ก ฉันพาเธอไปที่ตระกูลไป๋เพื่อแนะนำให้ทุกคนรู้จัก แม่ของคุณด่าฉันแรงมาก บอกว่าเกิดลูกผู้หญิงยังจะมีหน้ากลับมาแย่งตำแหน่งคุณผู้หญิงของตระกูลไป๋อีก หลังจากนั้นหนึ่งปีฉันไปที่นั่นอีกครั้ง เขาก็ชี้หน้าของมู่ชิงบอกว่าหน้าตาไม่เหมือนกับคนตระกูลไป๋เลย หลังจากนั้นก็ถีบหัวส่งพวกเราสองคนแม่ลูกออกไปจากตระกูลไป๋ หลังจากนั้นอีก ฉันโกรธมากก็เลยให้มู่ชิงเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้เหมือนไป๋ยิ่งอัน กลับโดนแม่ของคุณกับคุณผู้หญิงเฆี่ยนตี คุณผู้หญิงของคุณยังถือมีดมาข่มขู่ว่าจะทำลายหน้าของมู่ชิง ครั้งนั้น ฉันก็เลยเลิกคิด และในที่สุดก็เข้าใจได้ว่าไม่ใช่พวกคุณตระกูลไป๋ไม่เชื่อมู่ชิง แต่เป็นเพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่อยากจะยอมรับเธอ ฉันรู้ทุกครั้งที่ฉันพามู่ชิงไปที่นั่น คุณเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาพบฉัน ยิ่งไปกว่านั้นหน้าของมู่ชิงคุณไม่แม้แต่จะเคยเห็น แต่ที่ฉันไม่เข้าใจ ไป๋ยิ่งอันก็เป็นเด็กผู้หญิง แต่ทำไมเขาถึงได้รับความรักจากแม่คุณล่ะ? เพราะว่าทางบ้านของสวีหย่าหรงมีฐานะงั้นเหรอ?”

ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวน้ำตารินไหลออกมา สะอึกสะอื้นเสียงต่ำ:”คุณรู้ว่ามู่ชิงเป็นลูกสาวแท้ๆของคุณชัดๆ แต่กลับยังถามแบบนี้ ถ้าลูกที่ฉันเกิดเป็นผู้ชาย พวกคุณตระกูลไป๋คงไม่ทำแบบนี้กับฉันใช่ไหม? ต้องโทษที่ฉันไม่มีประโยชน์ เกิดลูกผู้ชายไม่ได้ถูกไหม……?”

เธอกัดริมฝีปาก พูดต่อไม่ได้แล้ว

ไป๋จิ้งผิงมองไปยังเธอ ครู่ใหญ่ถึงจะพูดออกมาสามคำอย่างรู้สึกผิด:”ขอโทษนะ”

“ขอโทษจะไปมีประโยชน์อะไร? คุณทำร้ายฉันกับมู่ชิงจนกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะว่าพวกคุณปฏิเสธอีกครั้ง ฉันคงไม่พามู่ชิงไปศัลยกรรมหรอก ยิ่งไม่ให้พวกคุณมีโอกาสบังคับให้เธอแต่งงานกับตระกูลหนานกง” จูฮุ่ยส่ายหน้ากะทันหัน:”ไม่ ต้องโทษฉันถึงจะถูก เพราะฉันใจร้อนเกินไป เพราะฉันทำร้ายมู่ชิงจนกลายมาเป็นถึงทุกวันนี้”

เบ้าตาของไป๋จิ้งผิงก็เริ่มร้อน ใบหน้ารู้สึกผิด:”เธอพูดถูก เป็นความผิดของฉันเอง”

แต่ว่านะ รู้ว่าผิดแล้วจะมีประโยชน์อะไร? มันไม่มีทางที่จะชดเชยได้อีกแล้ว

“หวังว่างานแต่งงานของเขาในวันมะรืนนี้จะเป็นไปได้ราบรื่น หวังว่าเขากับหลินอันหนานสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข” ไป๋จิ้งผิงพูดพึมพำ:”หลินอันหนานรักเขามากใช่ไหม? เขาจะปกป้องมู่ชิงได้ใช่ไหม?”

จูฮุ่ยมองเขา:”คุณไม่ได้กำลังสงสัยเขาเหรอ? ทำไมต้องกังวลอนาคตของเขาด้วย?”

“ขอแค่เธอบอกฉันกับปากว่ามู่ชิงเป็นลูกสาวแท้ๆของฉัน ฉันก็จะไม่สงสัยอีก” ไป๋จิ้งผิงจ้องมาที่เธอ ประโยคนี้ที่เขาไม่กล้าพูดออกมาเขาก็ได้พูดออกมาแล้ว

ถ้าตอนนี้เขายังไม่กล้ายอมรับลูกสาวคนนี้อีก พอเขาเป็นวิญญาณก็คงจะไม่ให้อภัยตนเองเหมือนกัน

“ให้ผมได้เจอเขาหน่อยได้ไหม?” จู่ๆเขาก็พูดน้ำเสียงขอร้อง

จูฮุ่ยมองเขา หลังจากที่เงียบไปสักพักก็ส่ายหน้า:”เจอแล้วจะทำยังไงต่อ? คุณจะทำอะไรได้? คุณกล้ารับเขากลับเข้าตระกูลไหม? คุณกล้ายอมรับเขาไหม? คุณจะให้เขาแต่งออกจากบ้านใหญ่ตระกูลไป๋ไหม?”

ไป๋จิ้งผิงเงียบลง

จูฮุ่ยยิ้มเยาะ:”ถ้าพวกนี้คุณยังทำไม่ได้ แล้วจะมีหน้าอะไรไปเจอเขา?”

“เสี่ยวฮุ่ย” ไป๋จิ้งผิงเงยหน้ามองเธอแล้วพูด:”อย่าทำแบบนี้ได้ไหม? ก็คิดซะว่าฉันอยากจะทำหน้าที่พ่อที่จะเจอลูกสาวของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย”

“ทำไมเป็นครั้งสุดท้าย? ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่?” จูฮุ่ยได้ยินเขาพูดแบบนี้ จู่ๆก็กังวล

ไป๋จิ้งผิงส่ายหน้า:”ไม่มีอะไร ฉันก็แค่รู้สึกว่าร่างกายของฉันไม่ค่อยจะไหวแล้ว ฉันกลัวว่าถ้าวันไหนตัวเองไม่ระวังก็คงจะล้มลง แล้วก็ บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ถึงแม้ว่าฉันตอนนี้จะยังไม่ตาย อนาคตก็คงจะเข้าไปอยู่ในคุก”

จูฮุ่ยได้ยินเพียงแค่ไป๋ซื่อเกิดปัญหาขึ้น กลับไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงเพียงนี้ เธอแต่ไหนแต่ไรมาก็ใจอ่อนอยู่แล้ว หลังจากที่ได้ยินไป๋จิ้งผิงพูดแบบนี้ก็คงต้องประนีประนอม หมุนร่างออกไปทางประตูห้องผู้ป่วย

ไป๋มู่ชิงไม่อยากจะเจอกับไป๋จิ้งผิง ในตอนนั้นที่ออกมาจากตระกูลไป๋เธอก็ตะโกนใส่หน้าไป๋จิ้งผิงว่าต้องการจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา อีกทั้งตัดสินใจแล้วว่าจะแตกหักกับเขา

แต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจการโน้มน้าวและอ้อนวอนของแม่ได้ สุดท้ายก็มาที่หน้าเตียงผู้ป่วยของไป๋จิ้งผิง

มองคนที่อยู่บนเตียงกับสองคนก่อนหน้านี้ พ่อที่ดูอ่อนแรง คนที่แต่ไหนแต่ไรมาจิตใจดีอย่างเธอก็อดสงสารไม่ได้ แต่สงสารก็ส่วนสงสาร ภายนอกยังคงเย็นชาอยู่

“ท่านประธานไป๋ เรียกหาฉันมีธุระอะไร?” เธอถามอย่างหน้าตาเฉย

ไป๋จิ้งผิงมองสีหน้าเย็นชาของเธอ ในใจรู้สึกเสียใจ แต่สิ่งเหล่านี้เขารนหาที่เอง ใจเขารู้ดีที่สุด สายตาจับจ้องไปที่เธอครู่ใหญ่ เขาถึงเริ่มพูดออกมา:”มู่ชิง ขอโทษนะ”

ไป๋มู่ชิงส่ายหน้า:”ท่านประธานไป๋ ฉันไม่รับคำขอโทษของคุณ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรอีกไหม?”

“มู่ชิง” จูฮุ่ยเตือนเธอเสียงเบาอยู่ข้างๆ:”พูดแบบนี้กับพ่อไม่ได้นะ”

ไป๋มู่ชิงกลับหันไปทางจูฮุ่ยอย่างโกรธ จ้องเขาแล้วอารมณ์ไม่ดี:”แม่ แม่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แม่ลืมไปแล้วเหรอว่าพวกเขาทำอะไรกับพวกเราไว้บ้าง? กลับให้หนูยอมรับเขาเป็นพ่อ? สรุปแม่ยังเหลือความเคารพตัวเองกับขีดจำกัดอยู่บ้างไหม?”

เธอโกรธจัด พูดไปพูดมาอย่างไม่สนใจถึงขนาดไม่ได้เป็นกังวลถึงความรู้สึกของแม่

ตอนนั้นก็เป็นเพราะว่าแม่เอาแต่โน้มน้าวเธอให้ยกโทษให้พ่อ ตอนที่เธอโดนคนตระกูลไป๋เสแสร้งแกล้งทำว่ารับเธอเข้าตระกูลแล้วเพื่อจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันก็วิ่งไปอย่างโง่ๆ แล้วก็โดนเขาบีบบังคับให้แต่งงานกับหนานกงเฉิน

หนึ่งปีมานี้ เธอกว่าจะผ่านมาได้ก็เกือบตาย แม่ที่อ่อนแอคนนี้กลับอยากให้เธอให้อภัย?

ตอนนี้ก็นับว่าเธอเข้าใจแล้ว นิสัยของตัวเองอ่อนแอไม่มีความสามารถขนาดนั้น หลักๆเลยก็คงเป็นเพราะกรรมพันธุ์ที่มาจากแม่ที่ไม่มีประโยชน์คนนี้

จูฮุ่ยถูกเธอตำหนิจนก้มหน้า

ไป๋จิ้งผิงถอนหายใจออกมาอย่างหมดปัญญา:”มู่ชิง ในอดีตฉันมีเรื่องที่ทำผิดต่อเธอมากจริงๆ และก็รู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะให้อภัยฉันอย่างแน่นอน ในฐานะที่เป็นพ่อฉันไม่ได้ทำหน้าที่ให้เธอเลยแม้แต่นิด ถึงขนาดทำให้เธอเจอกับความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุด พ่อขอโทษเธอที่นี่ได้ไหม?”

“ไม่จำเป็น”

“มู่ชิง ครั้งนี้พ่อแบกต่อไม่ไหวแล้ว บางทีนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราพ่อลูกจะเจอกัน”

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็หันไปมองทางเขา น้ำเสียงยังคงเหน็บแนม:”ทำไม? เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหาย? มีชีวิตต่อไม่ได้แล้ว?”

“อืม ประมาณนั้น”

“ก็คงเป็น……กรรมตามสนอง” เธอหัวเราะเยาะ

“มู่ชิง!” จูฮุ่ยทนไม่ไหวตำหนิแรงขึ้น

ไป๋จิ้งผิงกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง:”ใช่แล้ว กรรมตามสนอง สวรรค์นี้ยุติธรรมจริงๆ”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า:”โอเค ฉันรู้แล้ว รอคุณขึ้นสวรรค์ฉันจะไปส่งคุณถึงชั้นสุดท้ายอย่างแน่นอน ท่านประธานไป๋ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”

ไป๋จิ้งผิงเคลื่อนย้ายร่างกายเล็กน้อย หยิบบัตรธนาคารหนึ่งใบออกมาจากด้านล่างหมอน:”ตอนนี้บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ทรัพย์สมบัติทั้งหมดในนามของฉันก็ถูกอายัดหมดแล้ว เงินที่สามารถใช้ในมือได้ก็มีไม่มาก ฉันเอาเงินนี้แบ่งเป็นสองส่วน ให้เธอกับไป๋ยิ่งอันคนละสามสิบล้าน”

เขาส่งบัตรธนาคารมา:”รหัสคือวันเกิดของเธอ เก็บเงินไว้เถอะ ในอนาคตเผื่อเกิดอะไรขึ้นก็จะได้มีสำรองไว้ใช้”

ไป๋มู่ชิงมองลงดูบัตรธนาคารในมือของเขา อารมณ์ที่อยู่ในใจแสดงออกบนใบหน้า เธอเป็นคนที่ถูกคนทำให้ซาบซึ้งใจได้ง่าย คนที่ไม่มีตำแหน่งแบบนี้ ไม่ใช่ซาบซึ้งใจเพราะสามสิบล้านของเขา แต่เป็นเพราะคำพูดที่เขาพูดมาเมื่อกี้

ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดเขา แค้นเขา แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็เป็นพ่อแท้ๆของตนเอง เห็นเขาอ่อนแรงขนาดนี้แล้วยังพูดคำพูดประเภทลาจาก ความเคียดแค้นที่มีต่อเขาที่อยู่ในใจก็เริ่มหายไปทีละนิด

เธอส่ายหัว เตือนตัวเองในใจว่าห้ามถูกเขาแสดงเป็นคนน่าสงสารแล้วใจอ่อน

“เก็บเงินพวกนั้นไว้ให้ลูกสาวที่รักคนนั้นของคุณเถอะ ฉันไม่ต้องการ”

“มู่ชิง……”

“โอเค ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันไปก่อนละ” ไป๋มู่ชิงหมุนร่างแล้วเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย

จูฮุ่ยมองไป๋มู่ชิงเดินออกไป แล้วมองไป๋จิ้งผิงที่อยู่บนเตียง สุดท้ายก็พูดออกมาว่า:”ใจของมู่ชิงอ่อนมาก ถ้าไม่ใช่เพราะถูกคนทำร้ายขนาดนั้น เขาคงไม่ทำท่าทีแบบนี้กับคุณ”

“ผมรู้ เป็นผมที่ทำผิดต่อเขา” ไป๋จิ้งผิงเอาบัตรส่งให้ตรงหน้าเธอ:”เธอช่วยเขาเก็บบัตรก็แล้วกัน คงมีสักวันที่จะได้ใช้”

จูฮุ่ยมองบัตรธนาคารในมือเขา ส่ายหัว:”ไม่ต้องหรอก ลำบากขนาดนี้ยังข้ามผ่านมาได้แล้ว อนาคตถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องพวกเราก็จะสามารถข้ามผ่านไปได้เหมือนกัน”

“ท่านประธานไป๋ คุณรักษาตัวให้สบายใจเถอะ คุณวางใจได้ อนาคตฉันกับมู่ชิงคงจะไม่มาพัวพันกับคุณอีก” จูฮุ่ยยิ้มเบาๆให้เขา:”ท่านประธานไป๋รักษาตัวด้วย”

“ขนาดเธอยังเรียกฉันแบบนี้” ไป๋จิ้งผิงยิ้มเจื่อนๆอย่างเศร้าสลด

จูฮุ่ยไม่ได้พูดอะไรอีก หมุนร่างเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยของเขา

ได้เจอกับไป๋จิ้งผิง ในใจไป๋มู่ชิงได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย

นี่เป็นการเจอครั้งสุดท้ายของเธอกับพ่อในนามคนนี้งั้นเหรอ? ทำไมถึงรู้สึกเสียใจขนาดนั้นนะ?

ได้ยินเสียงฝีเท้าที่มาจากด้านหลัง เธอก็รีบปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว หันหน้าไปมองจูฮุ่ยที่เดินเข้ามา เห็นใบหน้าของเขาเศร้าสลด:”แม่ แม่เป็นห่วงเขาเหรอ?”

“บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นคนอายุน้อยที่มีกำลังแข็งแรงก็คงเผชิญหน้าไม่ไหวอย่างแน่นอน” จูฮุ่ยถอนหายใจเบาๆ

ไป๋มู่ชิงจู่ๆก็รู้สึกสงสารแม่ของตนเองขึ้นมา ชีวิตนี้รักผู้ชายแบบนั้น ผลสุดท้ายกลับไม่ได้ฝ่ายตรงข้ามมา

ตอนช่วงหนุ่มสาวไป๋จิ้งผิงแอบเขา ทำให้เขาได้แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่โกรธง่ายจนเป็นนิสัยอย่างช่วยไม่ได้ แล้วยังเกิดเสี่ยวอี้ที่ไม่แข็งแรงออกมาอีก งานแต่งงานไม่เต็มไปด้วยความสุข อาการป่วยของเสี่ยวอี้ ทั้งชีวิตนี้ของเขานับว่าเจอเรื่องลำบากที่ต้องอดทนเข้าแล้ว

เธอยื่นมือออกไปโอบไหล่ข้างๆของเขาอย่างไม่รู้ตัว ให้คำมั่นสัญญาอย่างอ่อนโยน:”แม่ แม่วางใจได้ หลังจากนี้หนูจะไม่ให้แม่กับเสี่ยวอี้ลำบากอีกแล้ว”

จูฮุ่ยพยักหน้า ตบที่ไหล่เธอเบาๆ:”รอเธอกับหลินอันหนานแต่งงานเสร็จ การผ่าตัดของเสียวอี้สำเร็จแล้ว ทั้งชีวิตนี้ของฉันก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก”

“อืม ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”

สองแม่ลูกปลอบใจซึ่งกันและกันอยู่สักพัก จูฮุ่ยจู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า:”พรุ่งนี้เป็นงานแต่งงานของเธอกับหลินอันหนาน รีบไปจัดการเรื่องของพวกเธอเถอะ เสี่ยวอี้มีฉันดูแลก็พอแล้ว”

ไป๋มู่ชิงยิ้ม:”หนูเคยถามอันหนานแล้ว เขาบอกว่าไม่มีอะไรให้หนูช่วย ให้หนูอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวอี้ที่โรงพยาบาลอย่างสบายใจ”

“เธอเป็นเจ้าสาว และก็เป็นตัวหลักในวันพรุ่งนี้ จะไม่มีเรื่องอะไรให้ทำได้ยังไง” จูฮุ่ยเร่ง:”รีบไปสิ”

ไป๋มู่ชิงคิดแล้วก็ใช่ เป็นงานแต่งของตัวเองชัดๆ เรื่องในพิธีแต่งงานตนเองกลับไม่ได้ช่วยเตรียมอะไรเลยแม้แต่น้อย เธอกำลังคิดจะออกจากห้องผู้ป่วยไปหาหลินอันหนาน เสี่ยวอี้กลับพูดขึ้นมา:”พี่ ผมอยากออกจากโรงพยาบาล ผมอยากเข้าร่วมพิธีแต่งงานของพี่”

ไป๋มู่ชิงเพิ่งเดินออกไปก็หมุนกลับมา เดินมาที่หน้าเตียงผู้ป่วยของเขาแล้วดึงมือของเขามาปลอบโยน:”แต่คุณหมอบอกว่าเธอยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้นะ วันนี้พวกเราไม่ได้ตกลงกันดีแล้วหรอ เธอเป็นเด็กดีรออยู่ที่โรงพยาบาล ที่ไหนก็ตามยังไม่อนุญาตให้ไป”

“แต่คนอื่นเขาก็อยากเห็นพี่ในชุดเจ้าสาวนี่”

เสี่ยวอี้ จูฮุ่ยปลอบใจ:”เธอไม่ได้อยู่ข้างพี่สาวของเธอมาตลอดหรอ ทำไมไม่ฟังที่พี่เขาพูดแล้ว?”

เสี่ยวอี้แบะปาก ไม่พูดแล้ว

หลังจากที่ไป๋มู่ชิงออกจากโรงพยาบาล ก็โทรหาหลินอันหนาน

น้ำเสียงปลายสายของหลินอันหนานถามอย่างกังวลนิดหน่อย:”เกิดอะไรขึ้น? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเสี่ยวอี้หรือเปล่า?”

“ไม่มีนะ ไม่ได้เกิดรื่องอะไรขึ้นกับเสี่ยวอี้”

“อ๋อ ผมก็ตกใจหมดเลย”

“ทำไมคะ? ในความคิดของคุณ ฉันมีแค่เรื่องคอขาดบาดตายถึงจะโทรหาคุณเหรอ?”

“ไม่ใช่อย่างงั้นเหรอ?” หลินอันหนานถามกลับ

ไป๋มู่ชิงถูกเขาถามกลับก็นิ่งไป นึกถึงช่วงนี้ที่ตนเองคบกับหลินอันหนาน เหมือนว่าทุกครั้งจะเป็นหลินอันหนานที่เป็นฝ่ายโทรมาหาเธอ ตนเองกลับไม่เคยเป็นฝ่ายโทรไปหาเขาก่อน

เธอรู้สึกผิดนิดหน่อย:”ขอโทษนะ ต่อไปฉันจะโทรหาคุณบ่อยๆอย่างแน่นอน”

หลินอันหนานหัวเราะ:”ต่อไป? ต่อไปพวกเราก็พักอยู่ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องโทรหาแล้ว”

ไป๋มู่ชิงหัวเราะตาม มีความเขินอายนิดนึง:”ก็จริง”

“พูดเถอะ สรุปแล้วโทรหาผมมีธุระอะไร” หลินอันหนานพูด

“ความจริงก็ไม่มีอะไร แค่อยากถามคุณว่ามีอะไรให้ฉันช่วยไหม ยังไงซะพรุ่งนี้ก็เป็นพิธีแต่งงานของฉันเหมือนกัน ฉันว่างจนตื่นเต้นนิดหน่อย”

“ว่างจนตื่นเต้น?” หลินอันหนานคิดแล้วอมยิ้ม:”พอดีเลยคืนนี้ไม่มีคนทานอาหารค่ำกับผม ให้โอกาสคุณหน่อยแล้วกัน”

“น้อยๆหน่อยคุณ ฉันหมายถึงพิธีแต่งงานมีอะไรให้ฉันช่วยไหม”

“เรื่องพิธีแต่งงานทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว รอแค่คุณ” หลินอันหนานยิ้มถาม:”คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับคุณเดี๋ยวนี้”

ไป๋มู่ชิงมองไปรอบด้าน:”ฉันอยู่ข้างถนนใหญ่หน้าประตูโรงพยาบาล”

“โอเค คุณรอที่นั่นสักครู่ ผมใกล้จะถึงแล้ว” หลินอันหนานพูดจบก็วางสายโทรศัพท์

ไม่นานหลินอันหนานก็มาถึง ทั้งสองคนมาที่ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง ณ ใจกลางเมือง

ไป๋มู่ชิงสังเกตการตกแต่งที่หรูหราของร้านอาหารรอบด้าน:”ฉันออกมาช่วยเตรียมพิธีแต่งงาน คุณกลับพาฉันมาที่นี่?”

หลินอันหนานยิ้มแล้วตัดชิ้นเนื้อตุ๋นเล็กๆส่งให้เธอ:”วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณจะใช้ชีวิตโสดแล้วนะ และก็เป็นวันสุดท้ายของเราทั้งสองคนที่มาเดตในสถานะคู่รัก คุณไม่คิดจะใช้มันให้เป็นประโยชน์หน่อยเหรอ?”

ไป๋มู่ชิงคิด ก็ใช่จริงๆ เธอไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้

พอพิธีแต่งงานในพรุ่งนี้ผ่านไป เธอกับหลินอันหนานก็จะกลายเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ ต่อไปก็คงจะใช้ชีวิตแบบอิสระไม่ได้อย่างตอนนี้ และก็จะไปหาลูกสาวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว

เมื่อสองวันก่อนซูซี่ให้เธอไปหาหมอเหิงซิง แต่ผลสุดท้ายเวลาล่าช้าไปกับเรื่องของเสี่ยวอี้ ก็เลยพลาดโอกาสไป

“เป็นอะไรไป? ทำไมจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นเสียใจ?” หลินอันหนานสังเกตว่าเธอยิ้มเจื่อนๆ

ไป๋มู่ชิงเรียกสติกลับมา จ้องไปยังเขาแล้วยิ้ม:”ไม่ใช่เพราะคุณเริ่มก่อนหรือไง เดิมทีฉันก็ไม่ได้นึกถึงจุดนี้”

“ก็ได้ครับ ผมผิดเอง” หลินอันหนานชี้ไปทางอาหารในถ้วยของเธอ:”ไม่พูดเรื่องเสียใจพวกนี้แล้ว รีบทานเถอะ”

กินไปไม่กี่คำ หลินอันหนานเงยหน้าขึ้นมาพูด:”ป้าสะใภ้ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนเสี่ยวอี้ น่าจะช่วงงานแต่งใกล้จะเริ่มถึงจะไป แต่คุณวางใจได้ ช่างแต่งหน้ากับพนักงานที่ช่วยเรื่องพิธีแต่งงานบางส่วนผมจะให้พวกเขาไปที่สวนเซียงตีเร็วหน่อย คืนนี้คุณรีบเข้านอน พรุ่งนี้เช้าห้ามตื่นมาแต่งหน้าไม่ไหว”

“รู้แล้วค่ะ ฉันจะรีบเข้านอน”

“คืนนี้มีคนอยู่เป็นเพื่อนคุณไหม?”

“มีสิ เหยาเหม่ยจะมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน”

“ซูซี่ล่ะ?”

“ซูซี่ถูกคุณปู่สั่งให้ไปทำงานที่ต่างประเทศ มาไม่ได้แล้ว” ไป๋มู่ชิงเสียดายนิดหน่อย

“ไม่เป็นไร มีเหยาเหม่ยมาอยู่เป็นเพื่อนก็พอแล้ว” หลินอันหนานยิ้มอย่างปลอบโยน

ทั้งสองคนทานอาหารค่ำด้วยกัน แล้วมาชมวิวที่ข้างแม่น้ำด้วยกัน หลินอันหนานก็ไปส่งเธอกลับคอนโดเซียงตี

รถหยุดอยู่ที่ด้านล่างของคอนโด ไป๋มู่ชิงปลดเข็มขัดนิรภัยออก หันหน้ามาก็พบว่าหลินอันหนานกำลังมองตนเองอยู่ ก็เลยยิ้มให้เขา:”เป็นอะไรไป? ไม่อยากห่างจากฉัน?”

“อืม ผมรอพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว” หลินอันหนานเอียงตัว ดึงร่างกายของเธอให้เข้ามา แล้วก้มหน้าจูบที่ริมฝีปากของเธอ

ไป๋มู่ชิงกลับถอยหลังเล็กน้อย พูดกับเขาว่า:”อย่าว่าแต่ฉันเลย คุณเองก็ต้องรีบพักผ่อน พรุ่งนี้ถึงจะมีแรงดื่มเหล้าเป็นเพื่อนแขกนะ”

“โอเค งั้นผมกลับก่อนนะ” หลังจากที่หลินอันหนานจูบบนริมฝีปากเธออีกครั้ง ก็ปล่อยเธอ:”ขึ้นไปเถอะ”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า ผลักประตูรถแล้วลงจากรถไป

หลังจากมองรถของหลินอันหนานขับออกไป เธอก็หมุนร่างเดินไปยังโถงลิฟต์ เพิ่งจะก้าวเท้าออกจู่ๆก็หยุดกะทันหัน ขนาดร่างกายก็แข็งทื่ออยู่ที่เดิม

เธอมองหนานกงเฉินที่มือนึงกำลังล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างตกใจ อีกมือนึงกำลังกดปุ่มหน้าประตูลิฟต์ เธอก็อยากจะหนีเขา……ตามสัญชาตญาณ

สำหรับผู้ชายคนนี้ เธอเกรงกลัวมาก เธอกลัวว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอกลัวว่างานแต่งในพรุ่งนี้จะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเพราะเธอ

“ทำไมไม่เข้าไป?” หนานกงเฉินพิงกำแพงอย่างเอียงๆ ใบหน้าเผยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ฉัน……รอรอบต่อไป” ไป๋มู่ชิงเดินไปยืนที่หน้าลิฟต์อีกฝั่ง

“เธอกับคู่หมั้นเธอนัวเนียกันอยู่บนรถนานแค่ไหน ฉันก็รอเธอนานแค่นั้น เธอกลั้นใจปฏิเสธได้จริงๆเหรอ?”

ไป๋มู่ชิงใบหน้าร้อนผ่าว เขาเห็นแล้ว……

เธอสูดหายใจเบาๆ แล้วก้าวเท้าเข้าไป

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท