ไป๋มู่ชิงกำลังจัดของบนโต๊ะก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา เลยรีบเดินไปเปิดประตูพบว่าเป็นคุณผู้หญิงที่มีพี่เหอพยุงและเดินเข้ามา
“คุณย่า มีอะไรหรือเปล่าคะ?”เธอเดินเข้าไปหาและไปพยุงแขนคุณผู้หญิงเดินไปที่โซฟา
คุณผู้หญิงมาหาเธอด้วยตัวเองที่ห้อง แน่นอนว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มาหรอก
แต่คุณผู้หญิงก็ไม่เคยพูดอ้อมค้อม หลังจากนั่งบนโซฟาแล้วพูดอย่างตรงประเด็นว่า“ได้ยินมาว่าเมื่อวานเธอให้เสี่ยวลวี่ไปซื้อที่ตรวจครรภ์ให้เหรอ?”
ไป๋มู่ชิงตกใจไปเลย ได้ยินมาเหรอ?คุณผู้หญิงไปได้ยินใครมากันนะ?ไปได้ยินมาจากเสี่ยวลวี่เหรอ?
ใช่สิ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรกังวง ที่ควรสนใจกว่าคือคุณผู้หญิงถามออกมาแบบนี้แล้ว เธอจะยังโกหกได้อยู่อีกเหรอว่าตัวเองไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่ว่าถ้าพูดว่าท้อง หนานกงเฉินจะไม่ชอบหรือเปล่า?
“ดูแล้วใช่สินะ”คุณผู้หญิงถามอย่างรีบร้อนว่า“ตรวจแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง?ตั้งครรภ์หรือเปล่า?”
ไป๋มู่ชิงเห็นท่าทางที่รีบร้อนของเธอก็ไม่กล้าที่จะไปหลอกอะไรเธอ เธอก็พยักหน้าไปอย่างลังเล
เห็นเธอพยักหน้า คุณผู้หญิงรีบลุกขึ้นมาจากโซฟา“เธอพูดว่าอะไรนะ?เธอต้องครรภ์?เธอตั้งครรภ์จริงใช่ไหม?”
พี่เหอที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมา ด้านหนึ่งพยุงเธอและพูดออกมาว่า“คุณผู้หญิง ท่านในเย็นๆก่อน คุณชายใหญ่กับนายหญิงน้อยยังวัยรุ่นอยู่เลย ท้องเป็นเรื่องที่ไม้ช้าก็เร็วก็ต้องเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอ?ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอก”
“แต่ว่านี่เป็นเหลนของฉันนะ จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน” คุณผู้หญิงเดินตัวสั่นไปจับมือทั้งสองของเธอและพูดว่า“ยิ่งอัน ไม่ได้หลอกย่าใช่ไหม?แน่นอนว่าไม่ใช่หรอกใช่ไหม?”
“คุณย่า ฉันจะหลอกคุณย่ากับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร”ไป๋มู่ชิงก็สับสนเล็กน้อยกับความกระตือรือร้นของเธอ
“เยี่ยมไปเลย ในที่สุดฉันก็จะได้อุ้มเหลนแล้ว”คุณผู้หญิงหัวเราและมองไปที่ทั้งสองคน ยังคงถามต่อว่า“เด็กคนนี้จะไม่เป็นอะไรหรอกใช่ไหม?แน่นอนว่าจะไม่เป็นเหมือนครั้งที่แล้วใช่ไหม”
พี่เหอพยักหน้าอยู่ข้างๆ“ใช่ค่ะ นายหญิงน้อยดื่มยาที่ท่านอาจารย์หวังให้แล้วยังไงเด็กก็ต้องไม่เป็นอะไร”
“ใช่ แน่นอนว่าเด็กต้องไม่เป็นไร”ครู่ใหญ่ๆคุณผู้หญิงถึงจะปล่อยมือของไป๋มู่ชิง ชี้ไปที่โซฟาข้างๆว่า“เร็ว รีบขึ้นมานั่ง เดี๋ยวจะเหนื่อยเอา”
ไป๋มู่ชิงเลยจำใจต้องนั่งบนโซฟาด้วยกัน ฟังเธอพูดเรื่องที่ควรระมัดระวังจากครั้งที่แล้ว ฟังแล้วปาไปเกือบยี่สิบนาที ไม่ง่ายเลยที่กว่าคุณผู้หญิงจะจากไปนั้น
เธอเงยหน้าขึ้นไปขณะที่นั่งอยู่ที่โซฟาและถอนหายใจออกมาเบาๆ
ท่าทางแบบนี้ของคุณผู้หญิงทำให้กดดันเธออย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าอย่างไรเด็กคนนี้……
เฮ้ย เธอกำลังคิดอะไรน่ะ?เด็กคนนี้ออกมาแข็งแรงแน่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก !
เธออยู่ที่ตระกูลหนานกงนานขนาดนี้แล้ว ไป๋มู่ชิงยังต้องนอนคนเดียว ยังไงก็รู้สึกไม่ชินเลย
ถึงแม้ว่าตระกูลหนานกงจะนิสัยแย่ในบางทีแต่ยังไงก็รักและเอ็นดูเธอ ทุกๆคืนยังเต็มใจกอดเธอนอนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นท่าทางแบบไหนก็จะกอดเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอชินไปตั้งนานแล้วโดยเฉพาะอยู่ในอ้อมกอดของเขา ได้ดมกลิ่นอายของเขามันรู้สึกดีมากๆเลย
ตอนนี้ไม่มีอ้อมกอดของเขาแล้ว และไม่มีกลิ่นอายของเขาอยู่ด้วยแล้ว ไป๋มู่ชิงแค่รู้สึกไม่สบายไปในทุกๆด้าน
เธอลุกขึ้นมาจากเตียงโดยไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย หลังจากนั้นเดินไปดื่มน้ำด้านล่าง ตอนที่กลับขึ้นมาด้านบนก็บังเอิญเจอหนานกงเฉินเดินออกมาจากห้องหนังสือพอดี
เห็นเธอว่าดึกขนาดนี้ยังไม่นอน หนานกงเฉินเลิกคิ้วเหมือนเดิมตามปกติและจ้องเธอ“ทำไมยังไม่นอนอีก?”
“ฉัน……นอนไม่หลับ”
“อย่าลืมสถานะของตัวเอง นอนให้ไวตื่นให้ไวสิถึงจะสุขภาพดีได้”
“ฉันนอนไม่หลับจริงๆนะ”
“นอนไม่หลับอย่างนั้นก็กลับไปนอนที่เตียงของฉัน”
“เมื่อกี้ฉันนอนแล้วแต่เจ็บเอว เลยลงจาเตียงมาเดินเล่นนี่ไง”
หนานกงเฉินก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอและหันตัวเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ไป๋มู่ชิงรีบเดินเข้าไปอยู่ข้างๆเขา รีบเขาไปพูดกับเขาอย่างโมโห“แค่คืนเดียว ขอให้เป็นคืนสุดท้าย”
หนานกงเฉินจ้องที่เธอทำท่าน่ารักแบบนั้น ยกมือขึ้นไปลูบที่หัวของเธอและพูดว่า“แกล้งทำเป็นน่ารักทำไมกัน ไม่เห็นน่ารักเลย”
เขาเลยดึงเธอเขาไปข้างในแต่ไม่ได้ผลักเธอออกมา
ไป๋มู่ชิงเลยยิ้มอย่างดีใจ เดินไปที่เตียงก่อนเขาเสียอีก หลังจากนั้นเปิดผ้าห่มออกและขึ้นไปนอน
เธอหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นอย่านั้นจริงๆเธอได้กลิ่นอายของเขาถึงจะรู้สึกพอใจ!
หนานกงเฉินเปิดแอร์ หยิบรองเท้าแตะที่เธอถีบออกไปไกลนั้นมาวางไว้ที่ใต้เตียง ถึงจะเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่งของเตียง
เขาชินกับการอ่านนิตยสารก่อนนอน ไป๋มู่ชิงที่อยู่ข้างๆก็ถามว่า“ยังไม่นอนอีกเหรอ?”
หนานกงเฉินขยิบเข้ามาและจ้องเธอ“ทำไมฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอตื่นเต้นเป็นพิเศษกันนะ?กินยากระตุ้นมาเหรอ?”
“ใช่ที่ไหนกันล่ะ”ไป๋มูชิงยกมือขึ้นมาจับหน้าตัวเอง เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?และวันนี้เธอตื่นเต้นจริงๆ ควรพูดว่าตั้งแต่ได้ยินเรื่องเมื่อวานว่าเขายอมให้เธอคลอดเด็กคนนี้ออกมาก็ดีใจมากแล้ว
“ยิ้มจนเห็นรอยตีนกา ยังพูดว่าไม่มีอะไรเหรอ?” ทันใดนั้นหนานกงเฉินก็พลิกตัวมา มองไปที่เธอโดยตรงและพูดว่า“พูดมา วันนี้ปิดบังเรื่องไม่ดีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่า?หรือว่าแอบหนีฉันออกไปข้างนอกแล้ว?”
ไป๋มู่ชิงใช้สองมือไปดันที่หน้าอกของเขา เพื่อให้เขามาทับบนตัวเองได้ “ฉันออกหรือไม่ออกไปข้างนอกนั้นมีเหรอที่คุณจะไม่รู้?”
“เธอเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ฉันจะแน่ใจได้อย่างไรกัน?”
“นี่คุณเอาอีกแล้วนะ……อยากจะหาเหตุผลมายั่วโมโหตัวเองเหรอ?”ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงเอามือที่วางอยู่บนหน้าอกย้ายไปจับหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถามไปอย่าสุภาพว่า“เรื่องที่ผ่านมาแล้วพวกเราไม่พูดถึงแล้วได้ไหม?ฉันสาบานว่าฉันกับหลินอันหนานบริสุทธิ์ ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขามันก็หายไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่เขากับไป๋ยิ่งอันร่วมมือกันให้ฉันไปกับคุณแล้ว”
หนานกงเฉินได้เพียงแต่มองไปที่เธอ ไม่เอ่ยปากออกมาเลย ไป๋มู่ชิงก้มหน้าไปและพูดว่า“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องไม่เชื่อฉันแน่ๆ”
“เธอกับหลินอันหนานบริสุทธิ์?ฉันไม่เชื่อหรอก”หนานกงเฉินรู้ว่าตัวเองสนใจในจุดนี้ที่สุดแล้ว และก็รู้ว่าปัญหานี้ในที่สุดแล้วคงจะต้องจบลงด้วยการทะเลาะกัน แต่ว่ายังไงเขาก็ทนไม่ได้ที่จะพูด
“ทำไมคุณถึงไม่ยอมเชื่อกันล่ะ?”ไป๋มู่ชิงพูดออกไปด้วยความสงสัย
“อยู่ที่รีสอร์ทเมืองหลิวครั้งนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะกระจกแตก เธอกับหลินอันหนานวางแผนจะอยู่ด้วยอีกนานเท่าไหร่?หนึ่งคืนเหรอ?”
เขาพูดออกมาแบบนี้แล้ว ไป๋มู่ชิงตกใจไปเลย
คืนนั้นที่เมืองหลิว?เขารู้ได้ไงกันนะ?
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันกับหลินอันหนาน……”
“เดาเอา”
“ไม่ใช่สิ”ไป๋มู่ชิงผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็ว“ฉันว่าแล้วว่าทำไมกระจกถึงแตกได้แปลกขนาดนั้น แท้ที่จริงแล้ว……คุณเป็นคนทุบนี่เอง!”
เห็นหนานกงเฉินหันหน้าไปหลบตัวเองนั้นไป๋มู่ชิงก็ยิ่งแน่ใจในการคาดเดาของตัวเอง เธอพูดออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่า“หนานกงเฉิน ไม่คิดเลยนะว่าคุณจะตามดูคนอื่นจนเป็นนิสัยขนาดนี้ มาแอบดูคนอื่น……”
หลังจากนั้นไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก หนานกงเฉินหันกลับมาพูดแทนเธอสองคำว่า“……ร่วมรัก”
“ไม่ใช่”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัว“ฉันกับหลินอันหนานไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”
“ถ้าหากระจกไม่แตกล่ะ?”
ถ้ากระจกไม่แตก?ไป๋มู่ชิงจำเป็นต้องยอมรับ ถ้าเกิดว่าครั้งนั้นกระจกไม่แตกเธอกับหลินอันหนานก็คงจะทำกันแน่ๆ”
เธอเงียบไปสักครู่หนึ่ง และอธิบายว่า“ฉันยอมรับว่าครั้งนั้นฉันกับหลินอันหนานก็เกือบทำแล้ว งั้นก็เป็นเพราะว่าเขาพูดว่าพวกเราใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ไม่ควรจะไปปฏิเสธเขา ตอนแรกเขาช่วยฉันออกมาจากซูวยาหยง และก็เป็นฉันเองที่เลือกที่จะแต่งงานกับเขา ดังนั้นฉันเลย……”
เธอพูดจบก็รีบพูดต่ออีกว่า“และฉันก็ยังสาบานว่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันตอบรับว่าจะแต่งงานกับเขา และเป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกันขนาดนั้น เมื่อก่อนไม่เคยมีเลย เขาไม่เคนไปพักที่คอนโดเซียงตี ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามแม่ฉันหรือไม่ก็เสี่ยวอี้ได้”
กลัวมากว่าเขาจะไม่เชื่อ ไป๋มู่ชิงเลยพูดต่อว่า“ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวครั้งนั้น ฉันและหลินอันหนานก็คงไม่มีคืนนั้น จริงๆนะ”
เห็นท่าทางที่ร้อนรนและไม่รู้สึกผิด หนานกงเฉินนึกไม่ถึงเลยว่าจะเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
“งั้นก่อนที่จะมาแต่งงานกับฉันล่ะ”
“ก่อนที่จะแต่งงานกับคุณ?ไม่เคยมี ในเรื่องนี้หลินอันหนานก็ไม่เคยบังคับฉันเลย”
“คบกันมาสามปี ไม่เคยมีเลยเหรอ?”หนานกงเฉินหัวเราะเยาะเธอ บนโลกนี้ยังมีความรักที่บริสุทธิ์ขนาดนี้อยู่เหรอ?
“ฉันสาบานว่าไม่เคยจริงๆ”ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นมาสามนิ้ว“ถ้าคืนนี้ฉันพูดไม่จริงออกไป ฉันจะ……จะออกไปให้โดนรถชน ไม่จำเป็นต้องรอจนแก่ตาย”
คำสาบานที่ไม่น่าเชื่อแบบนี้ ถ้าเขายังไม่เชื่ออีก ครั้งหน้าเธอคงจะไม่อธิบายกับเขาแล้ว
ไป๋มู่ชิงคิดอยู่เงียบๆในใจ
หนานกงเฉินมองไปที่เธอและไม่รู้ว่าควรจะเชื่อเธอไหม
“นี่คุณจะเชื่อฉันไหม?พูดอะไรมาหน่อยได้ไหม?”ไป๋มู่ชิงพูดอออกมาด้วยสีหน้าที่น้อยใจ
“เชื่อหรือไม่เชื่อแล้วทำไมเหรอ?”
“ถ้าสมมุติว่าเชื่อหลังจากนี้ก็อย่าพูดถึงเขาเลย ถ้าไม่เชื่องั้นก็อย่าไปพูดถึงเลย ยังไงก็พูดออกมาแล้วมันจะมายั่วโมโห”
หนานกงเฉินจ้องเธออย่างไม่ละสายตาอยู่สักพักใหญ่ๆ ไม่ได้พูดว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ เพียงแค่ยื่นมือเข้าไปจับที่คอ ริมฝีปากของเธอเข้าไปใกล้กับตัวเอง
การกระทำของเขาทำให้ไป๋มู่ชิงตกใจ ไม่รอให้เธอแน่ใจว่าในใจของเข่งสรุปแล้วคิดอย่างไร ริมฝีปากของเธอถูกเขาเปิดออกด้วยลิ้นของเขา ปกติแล้วลิ้นเข้ามาอยู่ในปากของเธอ
“เดี๋ยวก่อน”ตอนนั้นเขากำลังจูบเธออย่างดูดดื่ม ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงก็พูดออกมา ยกมือขึ้นไปชี้ที่ปากของเขาและจ้องเขาว่า“คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย ตอนนั้นใช่คุณไหมที่มาทุบกระจกของพวกเรา”
หนานกงเฉินขมวดคิ้ว“มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แน่นอนว่าสำคัญมาก”
“เธอบอกฉันสิว่ามันสำคัญตรงไหน?”
หนานกงเฉินพยายามที่จะเสแสร้งเพื่อทำให้เธอเขวเพราะว่าถ้าเกิดเขาพูดว่าตัวเองเดาเอานั้น หลังจากนั้นเรียกคนไปทุบกระจกของพวกเขา เธออาจจะเชื่อก็ได้ แต่เขายังเป็นคนที่อธิบายไม่เก่งอีกด้วย
“เพราะถ้าเป็นคุณไปทุบ ฉันก็จะรู้สึกขอบคุณคุณมากๆ!”ไป๋มู่ชิงจ้องเขาและพูดด้วยความสุภาพ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”หนานกงเฉินเข้าไปจูบเธออีกครั้ง ครั้งนี้จะไม่ให้เธอมีโอกาสได้หลบแล้ว เลยกดเธอลงไปอยู่ใต้ร่างของเขา
จูบไปนานพอสมควร ในที่สุดหนานกงเฉินก็ปล่อยเธอ เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา เขามากระซิบข้างหูเบาๆว่า“นอนได้แล้ว”
นี่คือเหตุผลที่เขาไม่อยากอยู่ห้องนี้กับเธอ เขากลัวว่าสักวันอาจจะต้องการเธอมากจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
ไป๋มู่ชิงถึงแม้ว่าจะโดนเขาเล้าโลม แต่ก็รู้ว่าตอนนั้นตัวเองไม่เหมาะที่จะทำอะไรที่ลึกซึ้งเกินกว่านั้น ภายใต้คำสั่งของเขานั้นเธอก็หลับตาลง
อยู่ในอ้อมกอดของเขา ดมกลิ่นกายขอเขา ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นไม่นอนเธอก็หลับไปแล้ว
ถึงเวลาทานอาหารเช้า พี่เหอยกถ้วยซุปไก่เข้ามาให้ไป๋มู่ชิง หัวเราะเบาๆว่า“ท้องสามเดือนแรกบำรุงอะไรเยอะไม่ค่อยได้ นายหญิงน้อยดื่มซุปไก่นี่ก่อนเถอะ”
“ขอบคุณค่ะพี่เหอ”ไป๋มู่ชิงรีบพูดขอบคุณและดื่มซุปไก่เข้าไปทันที
ผู่เหลียนเหยาที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองไป๋มู่ชิงและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดว่า“ฉันเห็นพี่สะใภ้กินได้เยอะขนาดนี้ก็ดีใจแล้ว ทั้งหมดนี้คงเป็นคุณงามความดีของพี่เขา”
“ทำไมถึงเป็นคุณงามความดีของเขา?” ไป๋มู่ชิงหันมามองหนานกงเฉินที่ทานอาหารเช้าอยู่
“ฉันเห็นช่วงนี้ความสัมพันธ์ของพวกเธอนี่ไม่เลวเลยนะ ไม่ใช่เพราะคุณงามความดีของพี่เขาหรอกเหรอ?”
ความสัมพันธ์……ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก แต่ว่าก็จะพูดว่าดีแล้วก็ยังไม่ได้
แน่นอนว่าและยังเป็นคุณงามความดีของเขา ถ้าหากไม่ใช่ว่าเขายอมให้คลอดลูกออกมาเธอคงจะต้องเป็นเหมือนกับครั้งที่แล้วที่มีสีหน้าทรมาน กังวลว่าจะทำอย่างไรให้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
ไป๋มู่ชิงดื่มซุปไก่เสร็จก็หยิบขนมปังขึ้นมาทาน
ผู่เหลียนเหยาหัวเราะ“ฉันเห็นคนอื่นที่ท้องก็แพ้ท้องจนจะเป็นจะตาย แต่พี่สะใภ้เหมือนกับไม่ได้ตั้งท้องเลย”
ไป๋มู่ชิงตะลึงไป ใช่สิ เธอท้องมาถึงจุดนี้แล้วควรมีปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่า?ยังคงอยู่ดีกินดีอยู่เลย
“และยังพูดว่าถ้าอาเจียนออกมาน้อยต้องเป็นลูกผู้ชายแน่ๆเลย ลูกคนนี้ของพี่สะใภ้ต้องเป็นลูกชายแน่ๆ”ผู่เหลียนเหยาพูด
พี่เหอที่อยู่ข้างๆพูดว่า“ตอนนี้ก็พึ่งจะท้อง ยังไม่แพ้ท้องหรอก ต้องให้เวลาผ่านไปอีกหน่อยเดียวก็คงรู้สึกเอง”
“ใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้ว”
“ดูสิ ไม่มีประสบการณ์เลยไม่เข้าใจสินะ?”เซิ่งเคอคีบแฮมให้เธอหนึ่งชิน“กินเยอะๆนะ รอร่างกายเธอพร้อมเราค่อยมีสักคนเนอะ แบบนั้นเธอจะได้มีประสบการณ์”
“ฉันไม่ได้รีบขนาดนั้น”ผู่เหลียนเหยาชำเลืองไปที่เขาแวบหนึ่ง
ไป๋มู่ชิงเห็นเขาทั้งสองที่กำลังหยอกล้อกัน ยิ้มก้มหน้ารับประมานอาหารเช้า
หลังจากทานอาการเช้าเสร็จแล้ว หนานกงเฉินขึ้นไปข้างบน ไป๋มู่ชิงก็ตามเขาขึ้นไป“คุณชายใหญ่ ฉันไม่ได้บอกคุณย่านะ แต่เป็นเสี่ยวลวี่บอกเธอซื้อที่ตรวจครรภ์มา หลังจากนั้นคุณย่าก็มาถามฉันด้วยตัวเอง”
หนานกงเฉินพยักหน้า“ฉันรู้แล้ว”
เขารู้แล้ว?เขาไม่โกรธเหรอ?
ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมาและพูดว่า“ฉันอยากไปตรวจที่โรงพยาบาลได้ไหม
“ตรวจอะไรกัน?
“ไปตรวจว่าตั้งท้องจริงๆหรือเปล่า ยังไงก็เพราะว่าบางครั้งที่ตรวจครรภ์อาจจะผิดพลาดก็ได้”เมื่อครู่นี้ที่ผู่เหลียนเหยาพูด เธอเองก็เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองท้องจริงใช่ไหม
“ได้ งั้นปลายสัปดาห์นี้ฉันจะไปเป็นเพื่อนเอง”หนานกงเฉินพูด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณไปทำอะไรของคุณเถอะ”ไป๋มู่ชิงพูดออกมาโดยอัตโนมัติ พูดจบก็พูดเสริมอีกว่า“ถ้าคุณกลัวว่าฉันจะหนี ให้เสี่ยวลวี่ไปกับฉันได้นะ”
“หนี?”หนานกงเฉินหันย้อนกลับมา กวาดสายตาไปที่หน้าท้องที่แบนราบของเธอและหัวเราะ“เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของหนานกงเฉิน ไหนจะตั้งท้องลูกของฉันอีก เธอจะหนีไปไหนได้อีก? ”
“ในเมื่อรู้ว่ายังไงฉันก็หนีไม่รอด งั้นทำไมยังจำกัดอิสระของฉันล่ะ?”ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก
“ก็ไม่เพราะอะไร แค่อยากให้เธอรู้สึกทรมาน”หนานกงเฉินพูดทิ้งท้ายไว้และหันตัวเดินไปที่ห้องแต่งตัวแล้ว
แค่เพราะอยากให้ฉันทรมาน?จะเกินไปแล้วหรือเปล่า!
ไป๋มู่ชิงโมโหมาก!
ตอนบ่าย หลังจากไป๋มู่ชิงตื่นจากการนอนกลางวันก็วางแผนว่าจะไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ แต่พี่เหอมาขวางเอาไว้ เธอพุดว่าสามเดือนแรกยังไม่ต้องออกกำลังกายหรอก ควรพักผ่อนเยอะๆเพื่อลูก
ไป๋มู่ชิงอยากบอกเธอมากๆว่าร่างกายของเธอแข็งแรงดี แต่ว่าพอย้อนกลับไปคิดก็ปล่อยไปเถอะ จะได้ไม่ทำให้คุณผู้หญิงไม่พอใจเอาถ้ารู้ว่าเธอไม่ฟังที่พี่เหอพูด
ก็เป็นเหมือคนปกติทุกอย่างแต่เธอถูกบังคับให้ไปนอนพักทั้งวัน ไม่สบายใจมากจนอยู่ต่อไปแทบจะไม่ไหว
เธอนอนอยู่บนเตียงยิ่งคิดยิ่งทรมาน ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ มีสิทธิ์อะไรแต่งงานก็แต่งแล้ว ตอนนี้ก็ตั้งท้องแล้วกลับยังต้องใช้ชีวิตแบบนี้อยู่อีกเหรอ?
สุดท้าย เธอโกรธจนไปกดโทรศัพท์บนโต๊ะเพื่อโทรไปหาหนานกงเฉิน
โทรศัพท์ดังอยู่สักพักถึงจะมีคนรับ เสียงที่ผ่านหูเข้ามาคือเสียงที่เย็นชาของหนานกงเฉิน“มีธุระอะไร?”
เสียงดังนานขนาดนี้กลับไม่มีใครตอบรับไป๋มู่ชิงเลย เดิมทีเธอวางแผนว่าจะไม่วางสาย ทันใดนั้นได้ยินเสียงที่น่าสงสารของเขา คิดดีแล้วว่าจะไม่คุยต่อ
“ถ้าไม่มีอะไรฉันวางแล้วนะ”หนานกงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิด
“อ้อ”ไป๋มู่ชิงพูดออกมาด้วยความท้อใจ
หนานกงเฉินกลับไม่ได้วางไปจริงๆ แต่เค้นถามเธอว่า“จริงๆแล้วมีเรื่องอะไรกันแน่?”
“ฉันอยากออกไปซื้อของข้างนอก”
“ของอะไรทำไมถึงให้พี่เหอไปซื้อให้ไม่ได้?”
“รสนิยมของพี่เหอกับฉันมันไม่เหมือนกัน”ในหัวของไป๋มู่ชิงก็แวบความคิดนี้ขึ้นมา และรีบพูดว่า“ฉันอยากไปซื้อของที่ต้องใช้ระหว่างที่ตั้งครรภ์”
เธอพูดแบบนั้นออกไป เขาคงจะไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม
ตามคาด หนานกงเฉินไตร่ตรองไปสักครูและหลังจากนั้นพูดว่า“ให้ลุงหวางมาส่งเธอที่บริษัท”
“จริงๆแล้วไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ ฉันไปเดินซื้อเองก็ได้แล้ว มากสุดก็คงจะสักหนึ่งชั่วโมง……”เธอยังพูดไม่จบ หนานกงเฉินก็วางสายไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจะไปกับเขาก็รู้สึกไม่มีอิสระ และยังช้อปปิ้งเก่งกว่าอีก หลังจากที่วางสายไปแล้วไป่มู่ชิงก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงและเดินไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว
ตอนที่คุณหวางไปส่งไป๋มู่ชิงที่บริบัท หนานกงเฉินก็ลงมาพร้อมกับเลขาเหยียนพอดี หลังจากที่ไป๋มู่ชิงไปทักทายกับเลขาเหยียนแล้วนั้น ก็เอากุญแจรถให้หนานกงเฉิน ตัวเองขึ้นรถกลับบ้านไปกับคุณหวาง
ไป๋มู่ชิงขึ้นไปบนรถกับหนานกงเฉิน มองรถเลขาเหยียนขับออกไปช้าๆ หันกลับไปถามอย่างประหลาดใจว่า“คุณชายใหญ่ คุณกับเลขาเหยียนออกไปทำงานด้วยกันนานแล้วเหรอ?”
“หกปีแล้ว”
“หกปี……มิน่าล่ะเธอถึงเข้าใจคุณขนาดนี้”ไป๋มู่ชิงพูดออกมาด้วยความแปลกใจ
หนานกงเฉินค่อยๆขับรถออกไป กลับไม่ได้ขับขึ้นไปบนถนน แต่หันไปจ้องเธอ“จริงๆแล้วเธอยากจะพูดว่าอะไร?”
ไป๋มู่ชิงตะลึงไปเลย รีบปฏิเสธและพูดว่า“ไม่ใช่ ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง”
ทันใดนั้นหนานกงเฉินขยับเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นมาจับที่ท้ายทอย“นี่เลขาหลิวไปให้ความคิดอะไรใหม่ๆกับเธอเหรอ?”
“ไม่ใช่ คุณอย่าพูดไปเรื่อยเปื่อยได้ไหม”ไป๋มู่ชิงส่ายหน้า ถึงแม้ว่าเลขาหลิวจะมีเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆน้อยๆและยังเป็นไม่ได้อยากทำร้ายใครอีกด้วย เธอไม่ได้หวังว่าเธอจะไม่ตกงาน
จริงๆแล้วเลขาหลิวเป็นคนแบบไหนหนานกงเฉินเองรู้ดีอยู่แล้ว เขาไว้ใจเลยให้เลขาหลิวไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนเธอ
“เธอโดนไล่ออกไปแล้ว”หนานกงเฉินดึงตัวกลับไป
“ฮะ?”ไป๋มู่ชิงอึ้ง“ทำไมล่ะ?”
“เพราะเธอ”หนานกงเฉินค่อยๆขับรถไปบนถนน
“เพราะฉัน?”
“ใช่”หนานกงเฉินพยักหน้า“ชานมวันนั้น เกือบทำให้ฉันลื่นในห้องน้ำแล้ว”
ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก วันนั้นเหมือว่าเธอไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ทำไมเขาถึงรู้ว่าเลขาหลิวเป็นคนซื้อนะ?พูดไปพูดมาก็เป็นเธอเองที่ทำให้เลขาหลิวตกงาน ต้องมาเสียงานที่ดีขนาดนี้ คิดดูแล้วก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน
หนานกงเฉินเห็นหน้าที่รู้สึกผิดของเธอก็ยิ้มมุมปากออกมาอย่างชั่วร้าย
จริงๆแล้วเลขาหลิวอยู่ในรายชื่อเลิกจ้างตั้งนานแล้ว ชานมครั้งที่แล้วนั้นเป็นแค่ความผิดพลาดเรื่องเดียวเอง เรื่องที่เลิกจ้างเธอนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไป๋มู่ชิงเลย และเขายังชอบสีหน้าที่รู้สึกผิดนี้ของเธอ
จอดรถที่หน้าห้างเม่าเย่ หนานกงเฉินหันไปพูดกับเธอว่า“ตอนนี้มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอที่ไปซื้อของสำหรับเลี้ยงเด็กทารก?”
“ไม่เร็วหรอก ฉันจะไปซื้อของใช้ของฉันเอง” ไป๋มู่ชิงปลดเข็มขัดนิรภัยออก แต่จริงๆแล้วเธอก็รู้สึกว่ามันเร็วไป มาซื้อของใช้ระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้นเป็นแค่ข้ออ้างข้องเธอ
หนานกงเฉินลงจากรถไปพร้อมกันและเดินเข้าไปในร้านขายเด็กทารกในตึก
ถึงแม้จะมาค่อนข้างเร็ว แต่ข้างในก็เต็มไปด้วยร้านขายของมากมายดึงดูดเธอ โดยเฉพาะร้านขายของเด็กทารกเพราดูแล้วมันน่ารักมาก ไม่ทันไรเธอซื้อของมาเยอะเลย
กว่าลูกจะคลอดออกมาก็อีกตั้งนาน ของที่ยังไม่จำเป็นเธอได้ซื้อมาหมดแล้ว พนักงานไม่ได้เตือนเธอ หนานกงเฉินที่อยู่ข้างๆก็ไม่ได้สนใจเธอ ความคิดของเขาคือขอแค่เธอมีความสุขก็เพียงพอแล้วเพราะอย่างไรมันก็แค่ไม่กี่บาทหรอก
หลังจากออกมาจากจากร้านขายของเด็กทารกแล้ว ไป๋มู่ชิงก็ให้หนานกงเฉินไปซื้อของอย่างอื่น หลังจากนั้นยังทานอาหารเย็นและไปดูหนังกันอีกด้วย
ตอนที่กลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว
ทั้งสองคนเข้าไปในห้องก็เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นเพราะยังเห็นว่าดึกขนาดนี้แล้วแต่คุณผู้หญิงยังไม่นอนเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนสี่ทุ่มเอคงนอนพักผ่อนอยู่ในห้องแล้ว
“คุณย่า ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอนครับ”หนานกงเฉินเดินเข้าไปหาและไปนั่งอยู่ตรงข้าม
ไป๋มู่ชิงเอาของในเมือยื่นให้เสี่ยวลวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆและเดินออกไป
คุณผู้หญิงมองทั้งสองคน สุดท้ายแล้วก็มองไปที่ไป๋มู่ชิง พูดด้วยน้ำสียงที่ไม่พอใจว่า“นี่พึ่งจะท้องยังจะออกไปข้างนอกอีก กว่าจะกลับเข้ามาก็ดึกแล้ว ถ้าเด็กเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก ในใจคิดว่าคุณผู้หญิงรักเด็กคนนี้มากเกินไปไหม?”
เธอกับหนานกงเฉินแค่ไปเดินเล่น ดูหนัง ไม่ได้ไปทำอะไรที่ต้องออกแรงเยอะสักหน่อย
“คุณย่า นี่มันไม่ได้ร้ายแรงอะไร”หนานกงเฉินพูด
คุณผู้หญิงหันไปมองด้วยสายตาที่ตำหนิ มองไปที่เขา“เธอก็ด้วย ยิ่งอันไม่รู้เรื่องอะไรเธอก็ไม่ใส่ใจเลยเหรอและนี่ยังไปเที่ยวเล่นกับเธออีก”
หนานกงเฉินมองไปที่ไป๋มู่ชิงและหัวเราะว่า“อ้อใช่ ตั้งแต่พรุ่งนี้ผมจะให้เธออยู่แต่ในบ้านไม่ให้ไปไหนแล้ว”
พอไป๋มู่ชิงได้ยินประโยคนี้แล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขา นี่มันหมายความว่ายังไงกันนะยังจะให้ฉันอยู่แต่ในห้องเหรอ?
เดิมทีเขาก็ชอบขังเธอไว้แต่ในห้อง ไปพูดแบบนั้นกับคุณผู้หญิงนี่คิดเหรอว่าจะมีอิสระ?
ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ดูแล้วชีวิตอิสระที่รอคอยนั้นก็หายไปอีกแล้ว
เพื่อไม่ให้คุณผู้หญิงขออะไรที่ไม่มีเหตุผล ไป๋มู่ชิงเลยลุกขึ้นจากโซฟาพูดว่า“คุณย่า พวกคุณคุยกันไปก่อนเลยนะ หนูขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขึ้นไปก่อนนะ”หนานกงเฉินลุกขึ้นจากโซฟาและยังพูดอีกว่า“ย่าก็รีบกลับห้องไปพักผ่อนด้วยนะ”
หลังจากที่แยกย้ายกลับห้องใครห้องมันแล้วนั้น ไป๋มู่ชิงหยิบชุดนอนเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอไปนั่งที่โซฟาดูของที่ซื้อมาวันนี้
หยิบของจากในถุงออกมาดูทีละชิ้น เพลิดเพลินกับของทุกชิ้น
ยิ่งดูยิ่งชอบ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่นใจมาก
เธอไม่หยุดที่จะจินตนาการถึงหลังจากที่คลอดลูกออกมาแล้ว ให้ลุกใช้ของที่เธอซื้อมาพวกนี้ ยังไงก็จะเลี้ยงเขาให้ดีๆออกมาอย่างแข็งแรง หนานกงเฉินเห็นเธอเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลาให้ลูกเยอะมากขนาดนั้นไหม ไม่น่าจะต้องเสียใจขนาดนั้นแล้ว
ถ้าหากสามารถปล่อยวางเด็กคนนี้ไปได้ อย่างนั้นเขาคงไม่น่าจะเกลียดแค้นเธอมากขนาดนี้
หลังจากที่เธอชื่นชมของพวกนั้นอีกรอบก็ได้เอามันใส่กลับเข้าไปในตู้ หลังจากนั้นเดินไปที่เตียงเพื่อเตรียมตัวจะนอน
มองไปที่หน้าข้างหนน้าที่ว่างเปล่า ไป๋มู่ชิงทำท่าทางที่อายลุกขึ้นมากจากเตียงหมอนอยู่ในกอดและเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องของหนานกงเฉิน
ยกมือขึ้นมาเคาะประตู หนานกงเฉินที่อยู่ข้างในก็รีบพูดทันทีว่า“เข้ามา”
ไป๋มู่ชิงผลักประตูเข้ามา กอดหมอนเข้ามา ใช้สีหน้าที่ทั้งกลัวและน่าสงสารพูดกับเขาว่า“เมื่อครู่นี้ฉันเหมือนเห็นอะไรไม่รู้อยู่ข้างนอกหน้าต่าง ฉันค้างกับคุณคืนหนึ่งได้ไหม?”
อันที่จริงแล้วเรื่องถูกผีหลอกนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นตั้งนานแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าผีเจอเธอก็มักจะขู่ไม่สำเร็จ สำหรับเธอเลยไม่ได้รู้สึกว่าสนุกแล้ว
หนานกงเฉินมองเธอด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง
ไป๋มู่ชิงรีบพูดว่า“ฉันรู้ว่าไม่สามารถที่จะพูดเรื่องนี้ได้ในคฤหาสน์นะ แต่ฉันกลัวมากจริงๆ ฉันนอนไม่หลับ”
หนานกงเฉินเห็นท่าทางที่น่าสงสารของเธอ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้โหดร้ายไล่เธอออกไปเลยก้มหน้าอ่านนิตยสารในมือต่อ
นี่ไม่มีการตอบรับจากเขาเลย หรือว่าควรจะบอกเป็นนัยกันนะ?
ไป๋มู่ชิงแอบดีใจ เดินไปที่เตียงของเขา เปิดผ้าห่มออกและเข้าไปนอนอยู่บนเตียง
แท้ที่จริงแล้วนอกจากจะกังวลเรื่องอาการของเขาที่จะกำเริบนั้นยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นเพราะว่าเธอชินที่จะนอนกับหนานกงเฉินแล้ว ไม่ชินกับการนอนคนเดียวพูดไปแล้วสามีภรรยาที่ไหนแยกห้องนอนกัน?ฉันไม่อยากได้หรอกนะ!
เธอนอนหลับตาทั้งสองข้างอยู่บนเตียง ในที่สุดก็ทนไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมาและมองไปที่เขา“คุณยังไม่นอนเหรอ?”
“เดี๋ยวอีกสักพัก” หนานกงเฉินตอบไปอย่างไม่ได้คิด
ไป๋มู่ชิงพูดออกมาเบาๆว่า‘อ้อ’ เธอไปพิงบนร่างของเขาเงียบๆหลังจากนั้นใช่มือไปโอบที่เอว
“ไม่ใช่ ก็แค่ยืมกอดเฉยๆไม่อย่างนั้นฉันนอนไม่หลับ”ไป๋มู่ชิงพูดออกไปอย่างไร้เดียงสา
หนานกงเฉินวางนิตยสารลง หันตัวกลับไปทับเธอ กำลังจะก้มลงไปจูบเธอ ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงกลับตัวสั่นเล็กน้อย หลังจากที่รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรผิดปกติ เธอก็รีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
ตอนที่เธอเห็นจุดที่แดงที่ตรงกางเกงในของเธอ เธอก็หน้าชาไปเลย
เป็นเพราะที่ตรวจครรภ์อันนั้นจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าประจำเดือนจะมา!
หนานกงเฉินเห็นเธอวิ่งไปเร็วขนาดนั้น คิดว่าเธอเป็นอะไรไปแล้วเลยรีบลุกตามเอไป อยู่ตรงหน้าประตูถามเธอว่า“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไป๋มู่ชิงถึงจะเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้ามาก“ประจำเดือนฉันมา”
หนานกงเฉินตกใจเล็กน้อย ขมวดคิ้วถามเธอว่า“เธอแน่ใจเหรอ?”
“แน่ใจ”
“เธอแน่ใจได้อย่างไร? ”
“ฉันเห็นไง”ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ค่อยออก จะไม่แน่ใจได้อย่างไรกัน!
“งั้นเธอจะรู้ได้อย่าไรว่าไม่ใช่ลางบอกว่าจะแท้ง?”
“นี่คุณพูดอะไร?”ไป๋มู่ชิงอึ้ง ใช่สิ ทำไมเธอคิดไม่ถึงนะ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกนี่เป็นลางบอกว่าจะแท้งเหรอ?
หลังจากเธอตั้งครรภ์ครั้งที่แล้ว หนานกงเฉินที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์นั้นเขาก็ได้แต่ดูมาจากในหนังสือ เลยรู้เองว่านี่อาจจะเป็นลางบอกว่าจะแท้ง
เขาเขยิบเข้ามาใกล้ หลังจากที่เขาอุ้มไป๋มู่ชิงออกไปจากในห้องน้ำ
ไป๋มู่ชิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะอุ้มเธอ หลังจากเธอตกใจเธอก็กอดคอเขาแน่น พูดอย่างร้อนรนว่า“คุณชายใหญ่นี่คุณจะทำอะไร?รีบวางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
“ในเวลานี้นอกจากจะไปโรงพยาบาลแล้วยังจะทำอะไรได้อีก?”
“พวกเรายังใส่ชุดนอนกับอยู่เลยนะ เปลี่ยนชุดกันก่อนแล้วค่อยดีกว่าไหม”
“ลูกชายหรือว่าชุดนอนกันที่สำคัญกว่า?”
ไป๋มู่ชิงอ้ำอึ้งไปเลย แต่แน่นอนว่าลูกต้องสำคัญกว่า
สุดท้ายก็ใส่ชุดนอนไป ถึงแม้จะไม่น่าดูโดยเฉพาะผู้ชายแบบเขา
หนานกงเฉินอุ้มเธอขึ้นไปบนรถให้เธอนั่งและปิดประตูรถ ตัวเองไปนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ขับรถออกไปด้วยความรวดเร็วออกจากคฤหาสน์ไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
หยุดรถที่หน้าประตูโรงพยาบาล หนานกงเฉินอุ้มเธอออกมาและรีบพาเธอไปที่แผนกฉุกเฉิน
หมอที่แผนกฉุกเฉินถามไป๋มู่ชิงว่า“คุณเป็นอะไร?”
“เลือดออก อาจจะเป็นลางบอกว่าจะแท้ง”หนานกงเฉินตอบแทนเธอไป
พอคุณหมอได้ยินว่าเลือกออกก็รีบพาไป๋มู่ชิงนอนลงบนเตียงคนไข้ คุณหมอทำการตรวจขั้นพื้นฐานและถามเธอว่า“พึ่งตั้งครรภ์เหรอ?ทำไมถึงไม่ได้ยินชีพจรของเด็ก”
“ตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนกว่าๆ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเลือดไหนกะทันหันแบบนี้?คุณอยู่ห้องเดียวกันกับเธอไหม?”คุณหมอมองไปที่หนานกงเฉินด้วยสีหน้าที่ตำหนิเขา
หนานกงเฉินพูดว่า“ไม่ได้อยู่”
เขายังไม่ทันจะจูบเธอเลยแต่เลือดไหลออกมาแล้ว
“เลือดเริ่มไหลเมื่อไหร่เหรอ? ”
“ก็พึ่งไหล่เมื่อกี้นี้”
“รู้สึกไม่สบายท้องหรือเปล่า? ”
“ไม่นะคะ”
คุณหมอก็ตรวจดูอีกครั้งและพูดว่า“ไม่ได้ยินเสียงชีพจรเลย หรือเป็นเพราะว่าเด็กยังเล็กอยู่ และอาจจะเป็นเพราะเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะไปออกใบเสร็จให้คุณไปตรวจก่อน”
“อ้อ?”ไป๋มู่ชิงดึงเสื้อหนานกงเฉินไว้ เธอหน้าซีดและกังวลมาก“นั้นมันก็เป็นส่วนน้อยที่จะเกิดขึ้น”
“อย่างนั้นคือไม่ได้ตั้งครรภ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”คุณหมอพูด
ไป๋มู่ชิงอึ้ง เงยหน้าขึ้นไปมองหนานกงเฉินที่มีสีหน้าเหมือนกัน
คุณหมอเห็นสีหน้าของเขาทั้งสอง มองไปที่ทั้งสองคนแล้วพูดว่า“นี่สรุปแล้วท้องจริงไหม?”
“ฉัน……ใช้ที่ตรวจครรภ์ตรวจเอา และยิ่งกว่านั้นประจำเดือนฉันไม่มาได้ประมาณครึ่งเดือนแล้ว”
“ที่ตรวจครรภ์ก็ไม่ใช่ว่าจะแม่นยำหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์”คุณหมอที่กำลังออกใบเสร็จให้ก็พูดอีกว่า“ดูแล้วงั้นเดี๋ยวจะให้คุณไปตรวจก่อนละกันว่าตั้งครรภ์จริงไหม”