สายตาของไป๋มู่ชิงจับจ้องไปยังกระดาษ A4 บนโต๊ะตามเขา คำว่า ‘ใบสำคัญการหย่า’ ตัวหนาโดดเด่นอยู่เบื้องหน้าเธอ
เขาถึงขั้นเตรียมใบสำคัญการหย่าไว้แล้วจริง ๆ หรือนี่ !
“แต่ว่าฉันขอเตือนเธออย่างนะ หลังจากที่เซ็นแล้ว นอกจากจะขาดสถานะการเป็นนายหญิงน้อยตระกูลหนานกงไป สิ่งอื่นจะไม่เปลี่ยนแปลง และจะไม่มีโอกาสให้เธอไปตามหาคุณชายหลินสุดที่รักของเธอด้วย” หนานกงเฉินพูดกระซิบตกเตือนข้างใบหูของเธอ
ไป๋มู่ชิงก้มหน้ามองเขา จากนั้นก็หยิบใบสำคัญการหย่าจากบนโต๊ะมา
บนใบสำคัญการหย่านั้นไม่มีสมบัติที่บ้านตระกูลหนานกงยกให้เธอ ครั้นหน้าภาคผนวกมีคำว่าติดหนี้ตัวใหญ่เต็ม ๆ สองหน้า ตั้งแต่ค่าส่งตัวเสี่ยวอี้ไปรักษาต่างประเทศ จนถึงเงินค่าซื้อเสื้อผ้า ซื้อรถรวมถึงซื้อเครื่องประดับของเธอ รวมกันแล้วติดหนี้ร้อยล้านหยวน
เขาไม่ได้แบ่งทรัพย์สมบัติใด ๆ ให้เธอเลย ครั้นยังให้เธอชดเชยหนี้จำนวนร้อยล้านหยวนให้อีกงั้นหรือ ?
“ทำไมเหรอ ? เงินเล็กน้อยนี้มันควรเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับหลินอันหนานไม่ใช่หรือไง ?” หนานกงเฉินยิ้มเยือกเย็น
“คุณบ้าไปแล้ว ! เครื่องประดับอะไรแพงขนาดนี้ ?” ไป๋มู่ชิงพูดด้วยความหัวเสีย
หนานกงเฉินจับแขนขวาของเธอขึ้น จากนั้นก็ลูบไปยังแหวนทองฝังหยกบนนิ้วนางของเธอเบา ๆ : “แหวนวงนี้เป็นสิ่งตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่นของตระกูลหนานกง ไม่มีราคา แต่เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยา ฉันจะกำหนดราคาที่ต่ำ ๆ ให้เธอก็แล้วกันนะ”
ทั้งที่เขาเป็นผู้ต้องการหย่าร้างแท้ ๆ ครั้นเวลานี้กลับขุดหลุมอันใหญ่และบังคับให้เธอกระโดดลงไปงั้นหรือ ? นี่มันไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว !
เธอสูดหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธในใจเอาไว้ และพูดขึ้นว่า : “ถ้าฉันไม่เซ็นล่ะ ?”
“ไม่เซ็น ? ทำไมไม่เซ็น ?” หนานกงเฉินไม่เข้าใจ : “เธออยากหย่าเองไม่ใช่หรือไง ? ตอนนี้ฉันกำลังสนองความต้องการเธออยู่นะ”
“หนานกงเฉินคุณมันหน้าไม่อาย !” ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นยืนจากขาของเขา : “ทั้งที่คุณต้องการแต่งงานกับคุณหนูจูและต้องการหย่ากับฉันเองแท้ ๆ ทำไมตอนนี้แว้งมากัดเอาเปรียบฉันแบบนี้ ? คุณผู้หญิงเคยบอกไว้ว่าเงื่อนไขการหย่ายกให้ฉันเป็นผู้เสนอเอง ตอนนี้ฉันมีแค่เงื่อนไขเดียวเท่านั้นคือลบล้างหนี้ร้อยล้านนี่ออกไปซะ !”
“ฝันไปเถอะ !”
“หน้าไม่อาย !”
“ตกลงเธอจะหย่าหรือไม่หย่า ?”
“ไม่หย่า !” พูดจบเธอก็ฉีกใบสำคัญการหย่าออกเป็นสองส่วน ‘แขวก’ พร้อมโยนใส่พื้น
ทันใดนั้นเองบรรยากาศก็เงียบสงัดราวกับเวลาหยุดเดิน ไป๋มู่ชิงจ้องหนานกงเฉินตาเขม็งด้วยความโกรธเคือง ครั้นหนานกงเฉินกลับจ้องตาเธอสองมือพลางประสานไว้ที่หน้าอก เวลาต่อมาเธอได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา และถูกเขากอดไว้แน่น พรมจูบ จากนั้นก็คล่อมไว้บนโซฟา
เขาจูบปากเธออย่างลึกซึ้ง ด้วยเจตนาแก้แค้นและลงโทษ
“อื้อ……ปล่อยนะ……!” ไป๋มู่ชิงขัดขืนไปมาด้วยความไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้เพิ่งบอกว่าต้องการหย่ากับเธออยู่เลย ครั้นเวลานี้กลับคล่อมเธอแล้วจูบเหมือนที่เคยทำมาตลอดงั้นหรือ ? เห็นเธอเป็นตัวอะไรไปแล้ว ? เมื่อต้องการหย่าร้างกันจริง ๆ ก็เลยเห็นเธอเป็นนางบำเรอเอาไว้ดูหมิ่นเหยียดหยามงั้นหรือ ? เป็นผู้ชายนิสัยอย่างไรกัน !
ครั้นแรงการขัดขืนของเธอ นอกจากจะทำให้ทั้งสองคนกลิ้งลงจากบนโซฟาลงมาบนพื้นพรมแล้วนั้น ก็ไร้ผลลัพธ์อย่างอื่นอีก ทว่าหนานกงเฉินยังคงควบคุมเธอไว้อย่างป่าเถื่อนได้เหมือนเคย โดยเขาทั้งจูบและลูบไล้ไปทั่วร่างกายเธอ
ไป๋มู่ชิงขัดขืนไปตะโกนไป : “หนานกงเฉิน ! คุณจะแต่งงานกับรักแรกของคุณแล้วไม่ใช่หรือไง ? ทำไมไม่ไปหาคุณหนูจูของคุณล่ะ……ทำไม……? ”
“เพราะฉันต้องทำให้เธออิ่มก่อน ป้องกันไม่ให้เธอไปคิดถึงชายคนอื่นน่ะสิ” หนานกงเฉินฉีกเสื้อผ้าของเธอออก จากนั้นก็ขึ้นคล่อมอยู่ด้านบน พร้อมทั้งบีบคางของเธอเอาไว้บังคับให้เธอสบตาตน เขากัดฟันแน่นแล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “บอกมานะ ในวันที่ฉันสลบไป เธอพัฒนาความสัมพันธ์กับหลินอันหนานไปถึงขั้นไหนแล้ว ? เขาได้ทำแบบฉันตอนนี้ไหม ?”
“คุณมันประสาท !” ไป๋มู่ชิงด่าทอเขาไปด้วยความโมโห : “คุณเห็นฉันเป็นอะไรไป ? อยากหย่าก็หย่าไปสิ อย่าหาข้ออ้างมาดูหมิ่นฉัน !”
“ฉันถามว่าทำหรือไม่ทำ !”
“ไม่ได้ทำ !”
“เจอหน้าเขาหรือเปล่า ?”
“เปล่า !”
“ฉันไม่เชื่อ”
“คุณ……แล้วแต่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ !” ไป๋มู่ชิงผลักตัวเอาออกด้วยแรงโทสะ
หนานกงเฉินอุ้มเธอขึ้นมาจากพรม จากนั้นก็สาวท้าวเร็ว ๆ เข้าไปในห้องนอนโดยไม่สนการขัดขืนของเธอ เมื่อถึงแล้วก็โยนเธอลงบนเตียงทันที ขณะที่ไป๋มู่ชิงนอนอยู่บนเตียงก็เพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก ครั้นร่างของหนานกงเฉินได้ขึ้นคล่อมเธอในทันใด ฟันของเขาฝังลงบนหัวไหล่ของเธออย่างไม่ปราณี
ไป๋มู่ชิงร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เธอหันหน้าไปพูดอย่างโมโหว่า : “คุณเกิดปีหมาหรือไง ? เอะอะก็กัดคนอื่น !”
“นี่แค่บทลงโทษเล็ก ๆ”
“มีสิทธิ์อะไรมาลงโทษฉัน ?” ไป๋มู่ชิงไม่ยอมแพ้ : “ฉันอธิบายไปแล้ว ฉันไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับหลินอันหนานเลย และไม่ได้เจอหน้าเขาด้วย คุณมีสิทธิ์อะไร……”
“เธออยากคุยเรื่องหย่ากับฉันไม่ใช่เหรอ ?” หนานกงเฉินยังคงขึ้นคล่อมบนร่างของเธออยู่ ฝ่ามือพลางลูบและคลึงไปบนลำตัวของเธอ ไร้ซึ่งความอ่อนโยนใด ๆ
“คุณจะแต่งงานกับคนรักฟ้าลิขิตไม่ใช่หรือไง ?”
“ใครบอก ?”
“ทุกคนพูดกันให้แซด ข่าวลือบอกมาอย่างนั้น”
“ฉันเคยบอกแล้วไง หย่าหรือไม่หย่า แต่งหรือไม่แต่งขึ้นอยู่กับฉันคนเดียว ไม่ขึ้นอยู่กับใครหน้าไหนทั้งนั้น” ในที่สุดหนานกงเฉินก็พลิกร่างของเธอขึ้น จากนั้นก็จ้องหน้าเธอด้วยใบหน้าอันเหี้ยมโหด : “เธอเข้าใจหรือยัง ?”
“เข้าใจแล้ว”
“ในเมื่อรู้แล้ว งั้นเธอยังมีหน้ามาบอกว่าจะหย่ากับฉันอีกงั้นเหรอ ?”
“ถ้าการแต่งงานกับคุณหนูจูทำให้คุณมีชีวิตต่อไปได้ มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือไง ? ถึงยังไงเธอก็เป็นรักแรกที่คุณรักมาตั้งหลายปี ถ้าได้แต่งงานกันจะต้องมีความสุขมากกว่าตอนนี้แน่นอน” ไป๋มู่ชิงจ้องตาเข้าพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถูกต้อง จูจูคือรักแรกของฉัน แต่ว่าคนรักฟ้าลิขิตของฉัน ฉันยังคงเลือกเธอท่ามกลางตัวเลือกมากมาย หรือว่าเธอไม่ซาบซึ้งใจในเรื่องนี้เลยงั้นเหรอ ? เธอถึงขั้นกล้าแจ้นไปโรงพยาบาลคุยเรื่องหย่ากับฉันเลย ?”
ไป๋มู่ชิงมองใบหน้าอันซีดเซียวของเขาที่แดงก่ำขึ้นเนื่องจากบันดาลโทสะ ทันใดนั้นเองภายในใจก็เกิดความรู้สึกผิดผุดขึ้นมา ที่เขาพูดนั้นถูกต้องทุกประการ หากเขาทำถึงขั้นนี้แล้วเธอยังพูดเรื่องหย่าร้างอีกละก็ มันไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่า……
“เมื่อคืนนี้คุณเป็นคนบอกฉันเองแท้ ๆ ว่าจะอยู่กับจูจู”
“เธอยังมีหน้ามาคุยเรื่องเมื่อวานอีกเหรอ ?” หนานกงเฉินเดือดดาลขึ้นกว่าเดิม : “ฉันนอนในโรงพยาบาลยังไม่ทันฟื้น เธอกลับมีอารมณ์ไปเล่นเกมกับทีมอดีตสามีบนอินเตอร์เน็ตอีก ? ทำไมทุกคนอยู่โรงพยาบาลแต่มีเธอคนเดียวที่ไม่อยู่ ? ทำไมไม่อยู่รอฉันฟื้นที่โรงพยาบาล ?”
“คุณย่าไม่ให้ฉันไปโรงพยาบาลเอง” ไป๋มู่ชิงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก
“ท่านไม่ให้เธอไป เธอก็เลยไม่ไปงั้นเหรอ ? ถ้าเธออยู่ที่โรงพยาบาล แล้วจูจูจะมีโอกาสอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันหรือไง ?”
ไป๋มู่ชิงมองหน้าเขา จากนั้นพูดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ : “คุณหมายความว่ายังไง ? คนที่อยู่ดื่มด่ำค่ำคืนกับจูจูคือคุณนะ ทำไมพูดไปพูดมาความผิดมาตกอยู่ที่ฉันได้ล่ะ ? ฉันไม่อยู่คุณเลยมีสิทธิ์ให้เธออยู่ในห้องได้งั้นเหรอ ? ทำไมเชิญพยาบาลผู้ชายมาไม่ได้ ? หรือหาลูกน้องผู้ชายมา ? อีกอย่างคุณยังจงใจทำให้ฉันโมโหอีก”
“พูดไม่ออกแล้วหรือไง ? ฉันเห็นทีว่าคุณคงจงใจจริง ๆ คุณชอบเธอ……”
“เธอพูดอีกทีซิ ?” หนานกงเฉินขมวดคิ้ว ระวังฉันจะควักหัวใจออกมาให้เธอดู
“ฉัน……ไม่พูดแล้ว” ไป๋มู่ชิงหยุดคำพูดไว้แต่เพียงเท่านี้ เพื่อที่เธอจะหลุดพ้นจากใต้ร่างของเขา เธอผลักหน้าอกของเขาออกอย่างแรง เดิมคิดว่าเขาจะกดแน่นกว่าเดิมเพราะความโกรธ ครั้นคิดไม่ถึงว่า ร่างกายของเขาล้มทรุดลง จากนั้นก็ไอออกมาอย่างแรง
ไป๋มู่ชิงชะงักไป จากนั้นก็โอบร่างกายอันสั่นเทาของเขาพร้อมถามว่า : “คุณเป็นอะไรไป ?”
หนานกงเฉินไออยู่หลายครั้ง จากนั้นก็หายใจหอบอยู่บนร่างกายของเธอ
“ร่างกายยังไม่หายดีเลยแท้ ๆ ยังแจ้นมาเล่นขืนใจลูกน้องสาวอีก สมน้ำหน้า”
ร่างกายและลมหายใจของหนานกงเฉินค่อย ๆ หายกลับมาเป็นปกติ เวลาต่อมาได้ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมจ้องหน้าเธอ : “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ตามสภาพร่างกายตอนนี้ของฉันแรงขืนใจลูกน้องสาวยังเหลือเฟือ”
เมื่อพูดจบเขาก็ก้มหน้าลงไปพรมจูบบนริมฝีปากของเธอ : “จะหย่าหรือเปล่า ?”
ถ้าคุณลบล้างหนี้ร้อยล้านนี่ออกไปได้ฉันก็จะหย่า
“ไป๋มู่ชิง –!” ในที่สุดหนานกงเฉินก็ไม่มีเรี่ยวแรงไปเล่นลิ้นกับเธอแล้ว
ดวงตาสองข้างของเธอจ้องไปยังฝ้าเพดาน ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ทั้งที่เมื่อสักครู่เธอนำพาหัวใจอันแตกร้าวมาเจรจาเรื่องหย่าร้างกับเขาแท้ ๆ คิดไม่ถึงว่าจะถูกจอมไร้เหตุผลอย่างเขาใช้วิธีไม้แข็งทำให้เธอเชื่องลงเสียแล้ว แถมยังต้องมาโศกเศร้ากับเขาที่นี่อีก
ดูเหมือนว่าทุกครั้งจะเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งจะต้องตกหลุมพรางเขา และไม่ทราบว่าเป็นเพราะเขาไร้เหตุผลเกินไปหรือว่าเธอไร้แรงยึดเหนี่ยวเกินไปกันแน่
ความสุขของร่างกายทำให้เธอค่อย ๆ สูญเสียความคิดไปทีละน้อย และทำให้ลมหายใจของเธอไม่มั่นคง ระหว่างที่กำลังเลือนลางอยู่นั้น เธอพยายามยื่นปากไปใกล้ใบหูของเขาแล้วพูดขึ้นว่า : “สามี……ความจริงแล้วเช้าวันนี้ฉันไม่ได้จะไปคุยเรื่องหย่ากับคุณนะ ฉัน……แค่อยากไปเยี่ยมคุณเท่านั้น ผลสุดท้าย……สุดท้ายกลับหนีไปเพราะคำพูดแทงใจดำของพี่เหอ เธอบอกว่าคุณอยู่ค้างคืนกับจูจู ฉันก็เลย……ฉันก็เลยทนไม่ได้……”
“แล้วไงต่อ ? บทสรุปคืออะไร ?” เขาพรมจูบไปยังติ่งหูของเธอพร้อมถามขึ้น
“ไม่……ไม่รู้”
“หืม ?”
เขาจับหน้าของเธอคืนมา สองตาจ้องมองเธออย่างพร่าเลือน
“ต่อจากนี้ไป จะไม่สนคำพูดของคนอื่นแล้ว” เธอกล่าว
เธอขยับร่างกายอันอิดโรยของเธอ จากนั้นก็ตบเข้าไปยังแขนของเขาแล้วพูดขึ้นว่า : “คุณหิวหรือเปล่า ? ฉันจะไปทำอะไรให้กิน”
“คนในอ้อมกอดกลับนิ่งเงียบไร้เสียงตอบกลับ”